บทที่ 13
คู่กัน
“คนนี้เหรอแก ที่เขาลือว่าเป็นแฟนภัทร”
“ทำไมโลกถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้นะ ไหนว่าภัทรคบกับยัยเมย์ไง”
“ฉันก็คิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้นเหมือนกัน เห็นเขาพูดกันว่าภัทรแค่เล่นๆกันเด็กคณะวิทย์ฯเฉยๆ ก็อย่างว่าแหละแก ใครๆก็ชอบผู้หญิงทั้งนั้นผู้ชายหน้าตาจืดอย่างนั้นจะไปสู้อะไร”
ผู้ชายหน้าตาจืดๆ มองตัวเองในกระจกแล้วค่อยๆพริกหน้าซ้ายขวาไปมามาอยู่อย่างนั้น สิ่งที่สองคนนั้นพูดมันถูกทุกอย่างผู้ชายไม่มีทางสู้ผู้หญิงได้ ต่อให้รักกันมาซักเพียงไหนสังคมก็ไม่มีวันยอมรับ ก็ในเมื่อผู้ชายมันมีลูกไม่ได้ จะเอาอะไรไปสืบสกุล แล้วจะคบกันไปเพื่ออะไรล่ะ
คบกันไปเพื่ออะไร.........
“ตะวัน แกไปทำอะไรมาหน้าซีดๆ”
“เปล่าๆ สงสัยตอนเดินไปซื้อน้ำเมื่อกี้โดดแดดมั้ง” ดวงตะวันเอ่ยขอไปที มือบางคว้าหนังสือเล่มหน้าและกองชีทที่วางอยู่บนโต๊ะม้าหินอ่อนใส่กระเป๋า ท่ามกลางสายตาสงสัยของเพื่อนสนิททั้งสอง
“แล้วนั่นแกจะไปไหน ไม่เรียนวิชาตอนบ่ายหรือยังไง” อุ๋ม เอ่ยถาม ส่วนพุฒก็ลุกขึ้นยืนขนาบเพื่อนเอาไว้ทันที เพราะตั้งแต่กลับมาจากซื้อน้ำท่าทีของดวงตะวันก็เปลี่ยนไป เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เมื่อกี้ไปด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มสดใส แต่พอกลับมากลับซีดเผือดไร้สีเลือดฝาดเสียอย่างนั้น
“ปวดหัวนิดหน่อยน่ะ อุ๋มกับพุฒขึ้นเรียนเลยนะ เราขอตัว” ยังไม่ทันที่เพื่อนที่เอ่ยทัดทานได้ทัน ดวงตะวันก็หมุนปลายเท้าออกมาจากตึกคณะทันที ท่อนขาเรียวก้าวเดินอย่างรวดเร็ว อยากออกไปให้พ้นจากสายตาของใครหลายๆที่พากันจ้องมองมาตนที่ด้วยความเกลียดชัง ริษยา เคยคิดว่ามีแค่ความรักก็เพียงพอแล้ว แต่เมื่อลองมองดูอีกที ถ้าจะให้มีเพียงความรักอย่างเดียวมันก็คงเป็นไปไม่ได้ ความรัก กับ ความถูกต้อง....
“เรานี่มันงี่เง่าชะมัด” เอ่ยกับตัวเอง แล้วก้าวเท้าขึ้นรถโดยสารที่ผ่านมา โดยที่ไม่รู้ว่าจุดหมายปลายทางของตัวเองนั้นคือที่ใด แรงสั่นในกระเป๋ากางเกงจนต้องล้วงออกมาดู แต่ชื่อที่ปรากฏขึ้นมานั้นมันไม่ได้ทำดวงตะวันดีใจขึ้นมาเลย นิ้วเรียวกดปฏิเสธสายนั้นไปแล้วกดปิดเครื่องอย่างรวดเร็ว
“เฮ้อ......”
ถอนลมหายใจออกมาอย่างกลัดกลุ้ม แล้วเหม่อมองออกไปยังวิวทิวทัศน์ที่รถโดยสารเคลื่อนผ่าน จนมาจอดอยู่บริเวณสวนสาธารณะชื่อดัง ดวงตะวันก็ก้าวเท้าลงอย่างรวดเร็ว เมื่อจ่ายค่าโดยสารเรียบร้อย ร่างบางก็เดินเข้ามาอย่างเชื่องช้า มองดูนักเรียน นักศึกษาที่นั่งเล่นอยู่ใต้ร่มเงาของไม้ใหญ่ บึงน้ำที่อยู่เบื้องหน้าทำเอาจิตใจอันว้าวุ่นของดวงตะวันค่อยๆ สงบลงมาอีกครั้ง ออกเดินไปเรื่อยๆ ตามทางเดินที่ทอดยาวไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด มองดอกไม้ต้นไม้ที่ชูช่อรับแสงแข่งกัน จนเมื่อมาหยุดอยู่บริเวณที่มานั่งบ่อยที่สุด ยามใดที่ใจเหนื่อยล้า เก้าอี้ที่พิงอยู่ติดโคนต้นไม้ตัวนี้จะรับความทุกข์อันแสนสาหัสของดวงตะวันไว้เสมอๆ
“แล้วภัทรจะโกรธไหมนะที่ไปกดทิ้งอย่างนั้น”
นึกไปถึงใครอีกคนที่ป่านนี้คงกำลังนั่งเรียนอยู่ ย้อนไปยังเหตุการณ์ครั้งแรกที่พบเจอกัน ความเป็นสุภาพบุรุษของอีกฝ่ายตราตรึงใจไม่เคยจางหาย ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้มารู้จักกับคนดังของมหาลัย และไม่คิดว่าภัทรจะสนใจคนซื่อๆ เซ่อๆอย่างดวงตะวันคนนี้ ใครหลายคนคงอยากเข้ามาแทนที่ตน แม้อยากจะป่าวประกาศออกไปว่าตนนั้นหวงแหนตำแหน่งนี้แค่ไหน แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะมันไม่ถูกต้อง เพราะผู้หญิงต้องคู่กับผู้ชาย เพราะมันถูกสร้างมาเป็นของคู่กัน และไม่มีวันที่ภัทรและตนจะฝืน ธรรมชาติข้อนี้ไปได้ แม้ครอบครัวของภัทรจะรับได้ แม้คุณพ่อ และคุณแม่ของภัทรจะรับได้ แล้วสังคมที่อยู่ข้างนอกล่ะจะรับได้ไหม ครอบครัวของตนจะรับได้ไหม คนอื่นจะเข้าใจในความรักที่ผิดธรรมชาตินี้ไหม นึกแล้วก็เจ็บยอกเข้าไปในอก คิดถึงร่างสูงขึ้นมาจับใจ ถ้าอยู่ด้วยกันตอนนี้ภัทรก็คงจะโอบกอดตนเอาไว้ ปลอบโยนให้คลายความเศร้า แล้วถ้าวันหนึ่งไม่มีภัทรขึ้นมาล่ะ
“ถ้าไม่มีภัทร แล้วตะวันจะอยู่อย่างไร” น้ำตาไหลรินลงมาอย่างช้าๆ ความเค็มปร่าของหยาดน้ำที่ไหลซึมเข้าไปในริมฝีปากนั้นไม่ได้ทำให้ดวงตะวันลดความสะท้านได้เลย มือบางกำเข้าหากันอย่างแน่นหนา ไม่ว่าจะพยายามสะกดกลั้นสักเพียงใด ก็ไม่สามารถทำได้เลย เมื่อเกินจะฝืนจึงปล่อยให้มันไหลลงมา เกินจะอดกลั้น
“อึก...คิดถึง....ภัทร” ไม่น่าวิ่งหนีมาเลย ไม่น่าเดินหนีปัญหาออกมา ไหนบอกกับคุณแม่ไปแล้วว่าจะเข้มแข็ง แค่ได้ยินคนอื่นพูดมาแค่ประโยคสองประโยคความเข้มแข็งที่มีมาหายไปไหนหมด แล้วอย่างนี้คู่ควรกับภัทรได้อย่างไร
“อยู่ไหนน่ะภัทร! ตะวันคิดถึงภัทร....ได้ยินไหม ฮือ...”
เวลาเดินผ่านไปอย่างช้าๆ พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไป แต่คนที่นั่งอยู่ใต้ร่มเงาของไม้ใหญ่พิงพนักเก้าอี้ไว้อย่างคนสิ้นไร้หนทางยังคงไม่ขยับไปไหน ผู้คนที่เดินผ่านไปมาไม่ได้ทำให้ดวงตะวันขยับกายกายไปไหน ร่างบางนั่งมองไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย หน่วยตาแดงก่ำเพราะหลั่งน้ำตาออกมาอย่างไม่ขาดสาย เปลือกตาบางบวมช้ำ ดวงหน้าหวานเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา ที่เจ้าตัวไม่คิดจะเช็ดออก
“กี่โมงแล้วนะ” เอ่ยถามตัวเอง แล้วก้มมองดูนาฬิกาข้อมือ อีก 5 นาทีจะสองทุ่ม นี่เรามานั่งอยู่นานขนาดนี้เลยเหรอ มองซ้ายมองขวา เห็นผู้คนที่ออกมาเดินวิ่งออกกำลังกาย แล้วก็เหยียดยิ้มออกมาเบาๆ รวบรวมกำลังแรงใจทั้งหมดแล้วลุกขึ้นยืน ก้าวเท้าเดินออกไปจากเก้าอี้ตัวเดิม โดยไม่หันหลังกลับมามองอีก
อีกฝากหนึ่ง ภัทร เกียรติบูรพา กำลังขับรถวนหาคนที่เป็นดั่งดวงใจไปทั่ว หัวใจร้อนรนเหมือนมีใครเอาเชื้อไฟเข้ามาสุม เมื่อตอนบ่ายโทรไปหาดวงตะวันเพราะอยากได้ยินเสียงก่อนที่จะเข้าเรียน แต่อีกฝ่ายกดตัดสายทิ้ง เลยกดโทรออกไปเบอร์เดิมที่สัญญาณที่ตอบกลับมาบอกว่าคนปลายสายปิดเครื่องไปนั้นทำเอาภัทรใจคอไม่ดี กดโทรออกไปที่เบอร์อุ๋ม ก็ได้รับข่าวมาว่าดวงตะวันขอตัวกลับไปนอนพักที่หอ เพราะรู้สึกปวดหัว เลยให้เอ็มลาอาจารย์ให้แล้วเก็บของ ขับรถมาที่หอของดวงตะวัน แจ้งเจ้าหน้าที่ดูแลหอพักว่าต้องการพบคนด้านในแต่เจ้าหน้าที่ก็โทรขึ้นไปแล้วบอกว่าไม่มีคนรับสาย จึงพากันเดินขึ้นไปดู เมื่อไขกุญแจเข้าไปแล้วไม่พบร่างของคนที่คิดถึงหนักหนาทำเอาความวูบโหวงเข้ามากระทบใจของภัทรทันที ออกวิ่งลงมาจากหอดวงตะวันแล้วขับรถไปที่มหาลัยอีกครั้ง เผื่อจะเจอคนที่ตามหา แต่ปรากฏว่าไม่พบอะไรทั้งสิ้น ณ เวลานั้น รับรู้ได้ทันทีว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่ๆ ไม่อย่างนั้นดวงตะวันไม่หายไปอย่างนี้แน่นอน ออกตามหาไปอย่างคนไร้จุดหมาย มองไปตามถนนหนทางเผื่อจะเจอคนที่ใจเฝ้าคะนึงหา แต่ก็ไม่มี ปวดหัวขึ้นมาเรื่อยๆ แต่ก็ไม่คิดจะหยุดพัก เพราะกลัวจะคลาดกับดวงตะวัน จนเวลาย้ายจากบ่ายเป็นมืดค่ำก็ยังไม่เจอ น้ำตาลูกชายไหลรินลงมาอย่างช้าๆ นึกขอพรจากที่ต่างๆให้ดูแลดวงตะวันดวงน้อยของตนให้ปลอดภัยอย่าให้เป็นอันตราย เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา แต่ก็คิดจะรับ แต่เมื่อฟังดูอีกที ก็เป็นเสียงที่ตั้งไว้สำหรับคนที่บ้าน เมื่อกดรับ จึงรู้ว่าเป็นแม่
“ภัทรเหรอลูก ตะวันอยู่ที่บ้านนะ รีบกลับมา...” ไม่รอให้ฟังจบประโยค ภัทรก็เหยียบคันเร่งมุ่งหน้ากลับไปยังบ้านของตนทันที นึกขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้ดวงตะวันดวงน้อยของตนปลอดภัย
“ภัทร........” เมื่อก้าวเท้าเข้าไปในบ้าน ร่างเล็กๆก็วิ่งเข้ามาสวมกอดทันที โอบกอดเอาไว้แนบอก ก้มลงหอมเส้นผมดกดำเพื่อเพิ่มกำลังใจให้ตนเอง เรียกขวัญให้กลับมา แล้วปล่อยให้น้ำตาไหลรินลงมาด้วยความดีใจ
“หายไปไหนมา ดวงตะวันดวงน้อยของภัทรหายไปไหนมาครับ” เอ่ยถามคนร่างเล็กที่ยืนสะอึกสะอื้นอยู่ในอ้อมแขน ได้รับคำตอบเป็นการส่ายหน้าไปมายิ่งกระชับอ้อมแขนให้รัดแน่นขึ้นไปอีก กลัว....กลัวว่า คนๆนี้จะหายไปจากสายตาอีก
“คิดถึงภัทร ฮึก .....ฮือออ” พ่อกับแม่มองมาอย่างห่วงใย เมื่อท่านแน่ใจแล้วก็เดินออกจากห้องรับแขกขึ้นไปบนบ้านอย่างเงียบๆ พยักหน้าให้เด็กรับใช้คนอื่นๆ กลับไปพักผ่อนได้ แล้วค่อยตวัดร่างบางขึ้นแนบอก ก้าวเดินขึ้นบันไดมุ่งสู่ห้องนอนของตน
“ภัทรก็คิดถึงตะวัน อย่าหายไปอีกนะครับ” วางร่างบางไว้บนเตียง แล้วตนก็ขึ้นไปนอนเคียงข้างตวัดเอาร่างบางเข้ามาหนุนแขนแล้วจุมพิตซ้ำๆไปมาที่หน้าผากเนียน หมดสิ้นแล้วทุกสิ่งทุกอย่างยอมทุกอย่าง แต่อย่าให้คนๆนี้หายไปจากสายตา อย่าหายไปอีก
“ตะวันขอโทษ ตะวันผิดไปแล้ว....ฮือ” ไม่อยากได้ยินเสียงร้อง อยากได้ยินเสียงหัวเราะที่ใสและกังวานมากกว่า
“ตะวันไม่ผิดครับ ภัทรผิดเอง” ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร แต่ไม่อยากให้คนตัวเล็กผิด อยากรับความผิดเอาไว้เพียงคนเดียวเท่านั้น
“ฮืออ....ไม่ๆ ตะวัน เป็นคนผิด”
“ครับๆ หยุดร้องนะครับ ตะวันน้อยของภัทรไม่ร้องนะครับ” เอ่ยให้คนในอ้อมแขมหยุดร้อง แต่ตนกลับหลั่งน้ำตาออกมาเงียบๆเสียอย่างนั้น
เพียงไม่นานจากแรงสะอื้นหนักหน่วงก็ลดลงหรือเพียงแต่สะอึกเล็กน้อยเท่านั้น ภัทรลูบแผ่นหลังเนียนขึ้นลงอย่างปลอบประโลม ต่อมาลมหายใจของคนในอ้อมแขนก็สม่ำเสมอ ก้มมองเสี้ยวหน้าด้านข้างแล้วอดที่จะก้มลงไปสูดกลิ่นหอมอย่างอดไม่ได้ เพิ่งรับรู้ของอาการที่หัวใจหลุดลอยไปก็วันนี้ จนเมื่อหัวใจกลับมาอยู่ที่เดิมถึงยิ่งได้แน่ใจขึ้นไปอีก ว่าใครสำคัญกับใจมากที่สุด
.
.
.
.
.
“ทำไมอยู่ดีๆ ถึงตัดสายไปครับ” เอ่ยถามคนที่นอนพิงอกเสียงนุ่ม นับจากนี้จะใช้ทุกวินาทีให้คุ้มค่าที่สุด
“ก็ตอนนั้นตะวันเบลอ สมองไม่สั่งการ แล้วก็ปวดใจมากๆด้วย” พูดเสียงเบาแล้วยกมือหนาขึ้นมาเล่น ก็ไม่มีอะไรทำนี่
“บอกได้ไหมครับ ทำไมถึงปวดใจ”
“..........................”
“นะครับ ตะวันน้อยบอกภัทรนะ”
“เฮ้อ ไม่อยากจะพูดถึงมันแล้วนะ แต่จะเล่าให้ภัทรฟังก็ได้” ภัทรเลยให้รางวัลกับคนในอ้อมแขนด้วยการหอมหน้าผากเนียนไปสองฟอดจากนั้นก็นั่งนิ่งตั้งใจฟังอย่างเต็มที่
“ตะวันไปซื้อน้ำ แล้วทีนี้ไปได้ยินผู้หญิงสองคนเขาคุยกัน ว่าภัทรกับคนชื่อเมย์คบกัน แล้วภัทรก็มาจีบตะวันเล่นๆ เพราะยังไงผู้หญิงมันก็ดีกว่าผู้ชาย พอตะวันได้ยินอย่างนั้นจิตก็หลุดเลย เสียใจมาก ถึงจะไม่เชื่อ แต่ก็รู้สึกไม่ดี ก็เลยเก็บของว่าจะกลับหอ แต่ไม่รู้ว่าขึ้นรถโดยสารได้ไง”
“แล้วตะวันน้อยหนีไปหลบที่ไหนมาครับ”
“สวนแถวๆนี้แหละ นั่งตั้งแต่บ่ายถึงสองทุ่ม ร้องไม่หยุดเลย”
“โอ๋ๆ ตอนนี้ไม่ร้องแล้วนะครับ” พูดเสร็จก็โน้มตัวลงมาจุ๊บที่เปลือกตาบางทั้งสองข้างที่บวมเป่งของอีกฝ่ายอย่างปลอบประโลม นี่คงจะร้องไห้ไม่หยุดตั้งแต่บ่ายยันสองทุ่ม
“อย่าทำอีกนะครับ”
“อื้อ ไม่ทำแล้ว”
“เพราะถ้าตะวันหายไปอีก ภัทรจะหายใจไม่ออก มันเหมือนมีคนมาแย่งอากาศไป”
“ตะวันขอโทษ ตะวันทำผิด”
“ตะวันไม่ผิดครับ ภัทรผิดคนเดียว”
“ต่อไปนี้ตะวันจะเข้มแข็งให้มากกว่าเดิม” ภัทรพยักหน้ารับแล้วค่อยๆดันร่างบางให้นอนแนบไปกับเตียง ตาจ้องตา เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างแน่ชัดแล้ว จึงเอ่ยคำนี้ออกไป
“ภัทรรักตะวัน.............เป็นแฟนกันนะตะวันน้อย” ไม่อยากรอให้แน่ใจไปกว่านี้อีกแล้ว แม้อีกฝ่ายอยากจะพิสูจน์ก็พร้อมจะพิสูจน์ แต่อยากจะเปลี่ยนสถานะใหม่ จากคนดูใจกันเป็นคนรักกัน อยากผูกมัดเอาไว้กับตัว ไม่อยากให้คนๆนี้หายไปอีก
“ครับ ตะวันก็รักภัทรเหมือนกัน”
End
๐ แล้วก็เดินทางมาถึงตอนจบ อย่าลืมว่ามันเป็นเรื่องสั้น
๐ ตอนหน้าพบกับ ตอนพิเศษ และก็พิเศษ ไปเรื่อยๆ ฮ่าๆ
๐ ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์ และกำลังแรงใจ ยังมาต่อเรื่อยๆนะคะ ยังไม่ได้หายไปไหน แต่จะเอาตอนพิเศษมาให้อ่านเท่านั้นเอง
รักและขอบคุณ
By Chocolate Love ~