ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
สรุปข้อสำคัญดังนี้
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม
5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
บทเพลงยามค่ำคืนเปรียบเสมือนสัญญาณแห่งชีวิตของคนกลางคืน ดั่งไก่ขันในยามพระอาทิตย์ทอแสงจับขอบฟ้าแต่ยามนี้อาจจะเหมือนแสงไฟวับวาวตามสถานบันเทิงต่างๆมากมาย ทั้งเรียบง่ายสบายๆหรือจะหรูหราที่สามารถผ่านเข้าไปด้วยบัตรวีไอพีการ์ดก็ตามทุกคนล้วนมีจุดหมายเดียวกันคือ .. สนุกให้เต็มที่ นักล่ารัตติกาลออกโฉบเฉี่ยวดังแวมไพน์ล่าเหยื่อ .. แต่นักล่าของค่ำคืนนี้คงมีแค่คาสโนว่าหรือคาสโนวี่ที่ต้องการหาคนช่วยอุ่นเตียง
ร่างสูงในเสื้อเชิ้ตสีดำราคาแพงชายเสื้อสอดเข้าไปในกางเกงแสล็คเดฟสีดำก้าวย่างไปด้วยความมั่นใจบนรองเท้าหนังขัดมันยี่ห้อหรู มุมปากประดับรอยยิ้มเล็กๆ แววตาคมนิ่งของเจ้าตัวกลับมีเสน่ห์ดึงดูดอย่างน่าประหลาด ขาเพรียวนำพาร่างสูงกว่าร้อยแปดสิบของตัวเองตรงไปไปยังผับชื่อดัง ณ ชั้นบนสุดของโรงแรมระดับห้าดาวใจกลางกรุงแล้วเขาก็หายไปในประตูสำหรับพนักงานของผับ … มิเลสทิบา ท่ามกลางสายตาสงสัยของคนที่กำลังรอผับเปิดบริการว่าเขาคนนี้เป็นใคร
ร่างสูงยิ้มรับคำทักทายของพนักงานที่กำลังเตรียมตัวรอเวลาผับเปิดในอีกสิบนาทีข้างหน้า ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องแต่งตัวพนักงาน ซึ่งพวกโฮสต์และพนักงานบางส่วนกำลังแต่งตัวเซ็ตทรงผมเตรียมรอรับแขก
“สวัสดีครับโอนเนอร์”
“สวัสดีคร๊าบบบพี่เชอร์”
“โย่วพี่เชอร์ วันนี้มาช้านา”
“ชายเชอร์ ยู้ฮู”
“สวัสดีครับ คืนนี้ทำงานกันให้เต็มที่นะ … แล้วนี่เคียวไปไหน ?”
เชอร์เลิกคิ้วแสดงอาการถามหาหนึ่งในโฮสต์ของผับที่วันนี้ยังไม่มา ปกติพนักงานทุกคนต้องเข้าก่อนเวลาหนึ่งถึงสองชั่วโมงไม่ได้รับสิทธิพิเศษให้เข้าสายโดยไม่แจ้งก่อนล่วงหน้า
“ไม่รู้เหมือนกันครับพี่ รถติดมั้ง เมื่อสักครู่ตอนมาหน้าดุสิตธานีนี่ขยับยากมาก พระรามสี่ก็ติด”
“ขอบคุณครับเคียร์ ไปๆ ทำงานได้แล้ว”
“ครับผม”
หลังจากรับคำกันเสร็จทุกคนก็พากันเดินออกไปเตรียมตัวทำงาน คอยบริการเหล่าบันดาผีเสื้อราตรีที่จะนำกำไรมากมายมาสู่ผับในค่ำคืนนี้
เชอร์หรือเชอร์ล็อคผู้เป็นเจ้าของผับทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวหนึ่งในห้องแต่งตัว ขายาวๆยกขึ้นไขว้กันพร้อมกุมมือวางไว้ที่หน้าตัก คิ้วสีเข้มขมวดเข้าหากันเล็กน้อย … ช่วงนี้เคียวเข้าสายบ่อย … อาจจะเพราะตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้น .. จะให้มันเป็นแบบนี้ต่อไปก็คงไม่ได้ คงต้องคุยกันตรงๆสักที
มือหนาสอดเข้าไปในกระเป๋ากางเกงหยิบมือถือรุ่นดังขึ้นมากดเบอร์ตามคนที่ทำให้เขาเป็นห่วง แต่จนแล้วจนเล่าก็ไม่มีคนรับสาย จนคนโทรต้องยอมแพ้วางมือถือลงบนโต๊ะหน้ากระจก กุมขมับพยายามใช้ความคิด เหลือมองนาฬิกาข้อมือของตัวเองก็ต้องถอนหายใจ … สายจะหนึ่งชั่วโมงแล้ว หรือจะเกิดเรื่อง ?
ครืดๆ ..
เชอร์รีบกดรับสายโทรศัพท์ทันทีที่เห็นชื่อคนโทรเข้ามา มีถ้อยคำมากมายที่อยากจะพูดออกไป แต่แล้วกลับเลือกคำอันสุดแสนจะธรรมดา
“ว่าไง”
“แค่กๆ … ผมไม่สบาย … มะ ไม่ ไปนะ ครับ วันนี้ … คะ แค่นี่ แค่กๆ ล่ะครับ”
“เดี๋ยวเคียว … ฮาโหลๆ”
สายถูกตัดไปแล้ว แต่คนที่นิ่งอยู่ตลอดเวลากับเริ่มนั่งไม่ติด แม้ตัวจะอยู่ที่นี่แต่ใจกลับคิดถึงคนที่กำลังป่วยจนมาทำงานไม่ไหว .. อาจจะเป็นเพราะเขาก็ได้ที่ทำอีกฝ่ายป่วย
ความรู้สึกผิดตีแผ่เข้ามาในหัวใจเหมือนกลับมีใครมาจุดไฟ … คงมีแต่เขาที่รู้ว่ามันไม่ได้มีแค่ความรู้สึกผิดเท่านั้น .. ไปดูหน่อยดีกว่า
“เคียร์ๆ”
เชอร์เรียกคนที่อยู่ใกล้เคาน์เตอร์ที่สุดเท่าที่จะมองเห็น
“ครับ เดี๋ยวขอตัวสักครู่นะครับสาวๆ … มาแล้วครับ ว่าไงครับ”
“ฝากปิดผับด้วยวันนี้ … พี่มีธุระนิดหน่อย”
“อ้อได้ครับๆ”
แต่ก่อนที่เชอร์จะออกไปก็ต้องหันขวับไปเลิกคิ้วใส่คนที่พึ่งคุยเมื่อสักครู่ เพราะฝ่ายนั้นดักด้วยประโยคที่ทำให้เขาสะดุด
“เรื่องเมื่ออาทิตย์ก่อน .. ทุกคนรู้นะครับ”
“อะไรนะ ?”
“รู้สึกยังไงก็พูดซะนะครับพี่ … ก่อนที่จะเสียไปซะก่อน ผมไปรับแขกต่อแล้วครับ”
.. ถ้าพูดมันง่าย .. คงพูดไปนานแล้วล่ะ ..
ด้วยความร้อนใจเชอร์เลือกที่จะขึ้นบีทีเอสมาลงสถานีหนึ่งในเส้นถนนสุขุมวิท ถ้าจะให้ขับรถมาเองการจราจรอันน่าเบื่อหน่ายคงไม่อาจจะทำให้เขาใจเย็นขึ้นได้
ร่างสูงแวะซื้อยาหลายตัวที่คิดว่าคนป่วยคนหนึ่งจำเป็นต้องใช้ หลังจากคิดเงินเรียบร้อยแล้วก็เดินไปตามตรอกเล็กๆจนไปถึงหน้าหอพักแห่งหนึ่ง … เคียวอยู่ที่นี่
ร่างสูงเลือกที่จะเดินขึ้นบันไดไปเรื่อยๆเพื่อให้ตัวเองได้คิดตระเตรียมคำพูดที่จะพูดกับอีกฝ่ายเมื่อไปเคาะประตูแล้ว .. จนกระทั่งมาถึงชั้นห้า ห้องที่สามที่มีคนป่วยอยู่ข้างใน
ก็อกๆๆ
“แค่กๆ … คะ ครับ”
แต่ทว่าพอประตูเปิดออกมา พร้อมใบหน้าแดงก่ำไปด้วยพิษไข้ คำพูดมากมายกลับเลือนหายไปในอากาศ มือหนาอังลงที่หน้าผากเนียนแล้วขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจกับอุณหภูมิของมัน
“พะ .. พี่เชอร์ … แค่กๆ”
“ตกใจอะไร เข้าไปในห้องสิ”
“พี่มาได้ไง … แค่กๆ กะ .. กลับไปซะ”
เคียวหลุบตาลงหันหลังพยายามจะปิดประตู แต่แรงคนป่วยหรือจะสู้ได้ สุดท้ายเชอร์ก็เข้าไปยืนอยู่ในห้องเล็กๆได้สำเร็จ .. ห้องที่เขาเคยเข้ามาด้วยความไม่ตั้งใจในสัปดาห์ที่แล้ว สถานที่ที่เผลอทำร้ายจิตใจใครบางคนไป
“กลับไป เข้ามาทำไม แค่กๆๆ”
“จะตายอยู่แล้วยังจะปากเก่ง นี่กินข้าวหรือยัง”
“มา แค่ก .. สนใจอะไรเล่า กลับไป แค่ก … เจ้าของผับหรูคงไม่ชินกับห้องแคบๆหรอก”
คนฟังกลับเลือกที่จะเมินเฉย หันไปสบตาคนป่วยนิ่ง
“ถามว่ากินข้าวหรือยัง ?”
“ยัง”
“งั้นมากินยาก่อนอาหาร จะทำกับข้าวให้”
“ไม่กิน แค่กๆ”
“อย่าดื้อได้มั้ย ยิ่งป่วยๆอยู่ แล้วกินน้ำอุ่นหรือเปล่าไอขนาดนี้”
“ผมไม่เป็นไร .. แค่กๆ”
“เฮ้อ … อย่ามาอวดเก่งทั้งๆที่ตัวกำลังป่วย … คนอื่นเขาเป็นห่วง”
ประโยคหลังพูดเบาๆเหมือนเกือบกระซิบ .. จนคนฟังคิดว่าตัวเองอาจจะหูแว่วไป
“อะไรนะ ?”
“เปล่า”
เชอร์โอบเอวบางของคนป่วยแล้วดันให้ไปนอนพักบนเตียง จัดแจงหายากับน้ำมาให้ แต่กว่าคนป่วยจะยอมกินก็ต้องขู่แทบตาย สุดท้ายก็แปะแผ่นเจลลดไข้ลงบนหน้าผากเนียน
“ผะ .. ผมไม่ใช่เด็กนะ แค่กๆ”
“อืม รู้แล้ว … นอนพักซะ เดี๋ยวทำกับข้าวให้”
มือหนาขยี้หัวทุยๆของคนป่วยเบาๆ แล้วเดินไปริมห้องพักที่จัดไว้เป็นส่วนทำอาหารเล็กๆ มีไมโครเวฟกับตู้เย็นแล้วจานชามนิดหน่อย แต่ทั้งตู้กับมีไข่เหลืออยู่สองฟอง … สุดท้ายก็ต้องเอาไข่เข้าไมโครเวฟ แต่พอทำเสร็จคนป่วยก็หลับไปซะแล้ว
เชอร์ทรุดลงนั่งข้างเตียงของเคียว สายตาทอดมองฉายแววอบอุ่นที่ถ้าเห็นสายตาตัวเองตอนนี้คงตกใจไม่น้อย มือหนาลูบหัวทุยๆของเคียวเบาๆ … นึกย้อนไปถึงสัปดาห์ก่อนที่เผลอทำรุนแรงกับอีกฝ่าย
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่ร้านเลี้ยงวันเกิดของเคียวในผับ เขาก็เลยอาสาไปส่งคนที่บ้านอยู่ใกล้ๆเพราะอยู่ดึกกันแล้วหารถกลับยาก จนมาถึงเคียวที่เป็นคนสุดท้าย ประจวบเหมาะกับที่มีโจรขึ้นหอพักของเคียวพอดีต้องให้ปากคำกับตำรวจก่อนว่าใครทำอะไรในเวลาเกิดเหตุ เขาเลยอยู่ต่อนานหน่อยเผื่อมีอะไรเกิดขึ้น เพราะถึงเคียวจะทำงานที่ผับเขาแต่ก็ขึ้นชื่อว่าเป็นนักศึกษาอยู่ เขาอาจจะต้องทำหน้าที่ผู้ปกครองแทน หลังจากจบเรื่องเคียวเลยชวนเข้าไปนั่งพักที่ห้องก่อน ให้ได้หายใจหายคอหลังจากต้องรอตำรวจสอบปากคำ
เคียวก็ชวนคุยไปตามเรื่องตามประสาโฮสต์คนหนึ่งที่เชี่ยวชาญการเอาอกเอาใจแขกเป็นอย่างดี กอปรกับนิสัยส่วนตัวของเจ้าตัวที่เขายอมรับว่าพึงพอใจมาสักพักทำให้การสนทนาที่เขาเป็นผู้ฟังซะส่วนใหญ่ไหลไปได้เรื่อยๆ รู้ตัวอีกทีก็เผลอจูบลงไปบนริมฝีปากช่างพูดนั่นเบาๆ … และเมื่อเจ้าตัวเขาไม่พูดอะไรทำให้มันเลยเถิดเข้าไปใหญ่ … จนสุดท้ายก็กลายเป็นความสัมพันธ์ทางกายขึ้นมา
“พี่เชอร์ อย่า … มะ ไม่เอา ผมเจ็บ …”
“พี่หยุดไม่ไหวแล้ว … พี่ขอนะครับ”
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรทำให้เขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ .. แม้คนข้างล่างจะร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บแต่เขาก็หยุดตัวเองไม่อยู่จนกระทั่งปลดปล่อยหยาดอารมณ์ออกมา น้ำสีขุ่นเจือสีแดงจากเลือดเลอะอยู่บนผ้าปูที่นอน เคียวพลิกตัวหนีไปอีกทาง ไม่มีการสะอื้นไห้ใดๆทั้งสิ้น … และคืนนั้นเขาก็ไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน ใส่เสื้อผ้าแล้วเดินออกมา ไม่มีแม้แต่คำว่าขอโทษ แล้วมันก็ทำให้เขารู้สึกผิดมาตลอดอาทิตย์ เพราะเคียวดั้นด้นมาทำงานทั้งๆที่เหมือนจะยังไม่ไหว .. จนกระทั่งสันนี้ก็ป่วยหนักในที่สุด
“เคียวพี่ขอโทษนะครับ”
ร่างสูงจูบหนักๆลงที่ขมับของคนป่วย ที่สะลึมสะลือเพ้อออกมาเบาๆไม่รู้เรื่อง มือขยุ้มคอเสื้อเขาไว้แน่น ปากสั่นระริกเหมือนจะหนาว สุดท้ายเชอร์ก็เอียงตัวลงนอนข้างๆกัน ดึงรั้งคนป่วยเข้ามากอดไว้แนบอก … ก่อนนิทราจะมาพรากเขาไป
แดดทอแสงยามเช้าพร้อมกับเสียงนกกระจิบร้องแทนการมาเยือนของดวงอาทิตย์เพื่อรับวันใหม่ แพขนตากระพริบเบาๆปรับสายตาตัวเองจนตื่นในที่สุด … ในอ้อมแขนเขายังมีร่างของคนตัวเล็กกว่าที่ยังไม่ตื่น … ทั้งๆที่เมื่อยแสนเมื่อยแต่ก็ไม่สามารถลบเลือนความรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจออกไปได้ … ความรู้สึกที่ตื่นมาพร้อมใครอีกคนมันช่างต่างจากที่เขาจินตนาการไว้
ผ่านไปไม่รู้เท่าไหร่เคียวก็ค่อยๆกระพริบตาเบาๆแล้วตื่นขึ้นมาในที่สุด ร่างบางชะงักเล็กน้อยก่อนที่ดวงหน้าจะเห่อแดงจางๆด้วยความอายที่เผลอไปนอนอยู่ในอ้อมแขนของอีกฝ่ายทั้งคืน …
“พะ .. พี่เชอร์ ปล่อยผมก่อน ..”
“หายไอแล้วหรอ อืม … ไข้ก็ลดแล้ว”
“แต่ … ทำไมพี่เชอร์เสียงแหบ ? เอ๋ … ติดไข้ผมหรอ ?”
“หรอ … คงจะติดล่ะมั้ง แค่กๆ”
“นั่นไง เห็นมั้ยมาทำไมติดไข้เลย ผมหายพี่เป็นต่อ”
“แย่เนอะ …”
“แล้วจะไปทำงานไหวมั้ยเนี่ย”
“เป็นห่วงหรอ ?”
“ปะ … เปล่า ใครห่วง ห่วงพนักงานผับมากกว่า เจ้านายป่วยใครจะจ่ายเงินเดือน”
“ไม่ได้คุยกันตั้งเกือบอาทิตย์ … ”
เชอร์ลูบใบหน้าเนียนของอีกฝ่ายเบาๆ ยิ้มมุมปากเล็กน้อย แต่คนมองกลับเขินจนต้องก้มหน้าหงุด
“อื้อ …”
“คิดถึง …”
“…”
“ไม่รู้ทำไม แต่ … คิดถึงนะครับเคียว แค่กๆๆ”
“กินยาก่อนดีกว่า เลิกพูดๆ”
เคียวเขยิบตัวออกจากอ้อมแขนแกร่ง แต่ก็โดนดึงลงมานอนเกยอยู่บนอกหนา
“เรื่องคราวก่อน … พี่ขอโทษนะครับ แค่กๆ … อาจจะช้าไปหน่อย แต่พี่รู้สึกผิดจริงๆ แค่กๆ”
ร่างสูงเริ่มเวียนหัวใบหน้าร้อนผ่าวด้วยพิษไข้ที่ตัวเองพึ่งติดมาหมาดๆ
“พี่ทำกับผมแบบนั้นทำไม … ถ้าพี่ไม่ได้คิดอะไร”
“แล้วรู้ได้ยังไงว่าไม่ได้คิดอะไร ….”
“เอ๋ … แสดงว่า … พี่เชอร์คิดอะไรๆกับผมหรอ ? อะอ้าว พี่เชอร์ หลับไปซะละ ไม่เป็นไรอย่างน้อยแผนนี้ก็สำเร็จ ! เสร็จผมจนได้นะพี่เชอร์”
เคียวก้มลงไปหอมแก้มคนหลับเบาๆ ก่อนจะนึกย้อนไปในต้นปีที่ผ่านมาในวันที่เขาเห็นเชอร์ครั้งแรก
“พี่เคียร์ คนนั้นใครอ้ะ ?”
“เจ้าของผับพี่ อะไรสนใจหรอเรา ?”
“ไม่อ่ะ ดูหยิ่งๆ ไม่เห็นชอบ”
“เอาน่า พี่เขาก็ดี จะมาสมัครงานก็ต้องอย่าไปทำหน้าหมั่นไส้เขาสิวะ เดี๋ยวเสียชื่อพี่หมดอุตส่าห์ไปสปอยไว้ให้ว่าแกเจ๋ง”
“โหยขอบคุณมากครับ จะได้มีเงินไปลงเรียนเทอมหน้าสักที ผับนี้เขาไม่ต้องขายแน่นะพี่ ?”
“เออ พี่เชอร์เขาให้ทำแค่ในผับ ไม่ได้ให้ขายตัว ขายรอยยิ้มก็พอ”
หลังจากวันนั้นช่วงแรกๆก็เป็นพี่เชอร์หน้านิ่งนี่ล่ะที่คอยสอนงานเขา อธิบายให้เด็กมหาลัยคนหนึ่งที่พึ่งบรรลุนิติภาวะฟังเกี่ยวกับเรื่องเครื่องดื่ม การเลือกอาหารที่เหมาะกับเครื่องดื่มชนิดนั้นๆ โดยเน้นย้ำเรื่องศีลธรรมอันดีและความจริงใจต่างๆในการทำงาน เสียงทุ้มๆสม่ำเสมอทำให้เขาเผลอใจไปโดยไม่รู้ตัว … แม้ตอนแรกจะหมั่นไส้ในความนิ่งติดจะเก๊ก .. แต่ไปๆมาๆกลับหวั่นไหวอย่างบอกไม่ถูก สุดท้ายพี่เคียร์ก็ดันสังเกตเห็นจนได้ … ทุกคนในผับเลยพากันวางแผนให้เขาได้เข้าไปในสายตาของพี่เชอร์ในที่สุด …
ทั้งเรื่องวันเกิดที่ตอนแรกนึกว่าจะไม่มีอะไรคืบหน้าไปมากกว่านี้แต่ต้องขอบคุณสถานการณ์ในวันที่โจรขึ้นหอทำให้เขามีโอกาสได้รั้งพี่เชอร์ไว้ใกล้ตัวอีกนิด … แล้วมันก็ได้ผลดีเกิดคาดเมื่อพี่เชอร์เผลอจูบเขา …
แล้วทุกอย่างก็ลงล็อค
แม้อาการจะเจ็บจะเป็นเรื่องจริง แต่เขาก็ลงทุนไปแช่น้ำเย็นทุกวันๆ วันละสองชั่วโมงเพื่อให้ตัวเองป่วยเนี่ย …. นับว่าได้ผล !
คิดแล้วมันก็รู้สึกดีเหมือนกันแฮะ
“หายป่วยไวๆนะครับพี่เชอร์ จะได้รีบมาขอผมเป็นแฟนสักที เพราะผมจะเล่นตัวให้ถึงที่สุดเลยล่ะ !”
ก็แหม … อะไรที่ได้มาง่ายๆมักจะไม่เห็นค่านี่ครับ … ผมก็ขอต่อเวลาแผนตัวเองไปอีกนิด … คงจะไม่ว่ากันนะครับ
- -----------------
The END
อ่านแล้วแปลกๆกันบ้างปะบ่ ? ไม่มั่นใจเลย ฮ่าๆ