“ซื้ดด ซื้ดดดด” โอย น้ำมูกไหล
คืนนั้นพอกลับมาถึง ยายก็เรียกให้ไปกินข้าวบนเรือนใหญ่ก่อน แล้วก็ไม่พ้นโดนว่าเรื่องไม่ดูแลสุขภาพ
“เอาเหอะๆ ยาย ปริ้นก็เป็นแล้วอ่ะ เด๋วรีบเข้านอนพรุ่งนี้ก็หายแล้ว” ผมพูดด้วยความหงุดหงิด
“แล้วก็รีบไปอาบน้ำอาบท่าเข้าล่ะ ตากฝนมาแต่เช้า ตัวชื้นไปหมด” ได้ยินดังนั้นผมก็ทำท่าสั่นหัวไปทางโอ้ต ประมาณว่า ให้ตายกรูก็ม่ายอาบหรอกคืนนี้
“โอ้ต กินข้าวเสร็จแล้วตามไปในครัวด้วยนะ” ยายผมว่าพลางเดินออกไปนอกห้อง
“ครับ” ว่าพลางรวบช้อนส่อมเข้าที่
“จะไม่อาบน้ำจริงๆเหรอ”
“เออดิ เป็นหวัดอยู่นะ จะให้อาบน้ำตอนกลางคืนเนี่ย” ผมพูดแล้วก็ลุกขึ้นเดินกลับไปที่บ้านตัวเอง ตอนนี้เริ่มปวดหัวขึ้นมาอีกรอบแล้วคับ สงสัยยามันหมดฤทธิ์แล้ว ช่วงนี้ผมกะลังล้างหน้าแปรงฟัน (แต่ไม่อาบน้ำ)อยู่ ก็ได้ยินเสียงคนเปิดประตูเข้ามา
“ปริ้นอยู่ในห้องน้ำเหรอ”
“อือออออ ”
“คุณยายให้เอาของมาให้ โอ้ตวางไว้บนหัวนอนน่ะ ”
“อืออออ ออบไอ (ขอบจาย) ”
ก๊อกๆ โอ้ตมันเคาะประตูห้องน้ำ
“อือ อ้าไอ (ว่างาย) ”
“แล้ว……. ตอนนอน ห่มผ้าด้วย”
หลังประตูห้องน้ำผมรู้ไม่รู้ว่าโอ้ตมันทำหน้ายังไงครับ แต่ที่รู้ก็คือ หน้าผมบานที่ได้ยินมันพูดแบบนั้น
“อ๊าบบ (ค๊าบ) ”
ซักพัก ผมออกมาก็ไม่เห็นโอ้ตมันอยู่แล้ว ว้า เซ็งนิดๆ แต่เอาเหอะ กรูไม่สบายอยู่นี่หว่า ถึงแม้จะรู้สึกว่าเหนียวตัวเล็กๆ แต่ผมก็ทนกับอาการปวดหัว แล้วก็อ่อนเพลียไม่ไหว ขอกรูหลับก่อนเหอะ พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน
“คร่อก …… Zzzzzzzz”
กึก กึกก
แอ๊ดดดดดดด
ผมได้ยินเสียงฝนเริ่มตกกระหน่ำลงมาอีกรอบ ในช่วงกลางดึก แล้วก็รู้สึกสัมผัสอุ่นๆ มาอังบริเวณซอกคอ หน้าอก แล้วก็ตามลำตัว สุดท้าย มันก็มาโปะเข้าที่หน้าผาก
“อืออออ”
“อาไรวะเนี่ย ผมเผลอครางออกมาโดยไม่รู้ตัว บางสิ่งบางอย่างที่อยู่ตรงข้างหน้าสะดุ้งเฮือก ผมรับรู้ได้เท่านั้น ม่านตาก็ค่อยๆปิดเข้าสู่ภวังค์อีกรอบ (นี่ถ้าคนร้ายเข้ามากรูโดนฆ่าแน่)
* * * * * * * * * * * *
ตี้ดด ติ้ดดดด ติ้ดดดดดดดด
เสียงมือถือดังจนผมสะดุ้งตื่นขึ้นมา
“โหล” เสียงผมตอบไปงัวเงียโคตรๆ
“ตื่นได้แล้ว” เสียงไอ้โอ้ตคับ คราวนี้มาแปลกโทรสับมาปลุก
“อือๆ รู้แล้ว”
“เออ เดินมาเอาเสื้อที่เรือนใหญ่ด้วย เมื่อวานก็รีบลงมาไม่ทันได้บอก”
“อืออ” โอ้ตเอามาให้หน่อยดิ ผมเริ่มใช้งาน
“อ้าวกำลังจะอาบน้ำเนี่ย อีกนานเลยกว่าจะเสร็จ” เอ๊ะ ไอ้โอ้ตอาบน้ำนานเหรอวะ
“แน่ใจ๋ว่าอาบน้ำ ? ”
“เออดิ คิดว่าทำอะไรเล่า”
“อือๆ แค่นี้ก็ไปหยิบมาให้หน่อยไม่ได้” แล้วผมก็ลุกขึ้นบิดขี้เกียจ สายตาก็เหลือบไปชามใส่หอมใหญ่ไว้เต็มชามเลย สงสัยยายจะให้โอ้ตหยิบมาให้เมื่อคืนนั่นเอง - - - แต่ ผ้าอะไรหว่า ?
ผมแอบสังเกตเห็นว่ามีผ้าผืนเล็กตกอยู่ข้างหมอนตัวเอง
“เอ๋ !? ”
แล้วผมก็งงกะตัวเองอีกรอบว่า เสื้อที่ผมใส่มะคืน กับวันนี้มันคนล่ะตัวกันนี่หว่า ระหว่างที่กำลังเง็ง โอ้ตมันก็โทรสับมาอีกครับ
“ทำอะไรอยู่ จะสายแล้วนะ” เสียงมันโมโหๆ
“เออๆ ” แล้วก็รีบวิ่งไปเปิดล็อกประตู ห้อไปเอาเสื้อที่ปักชื่อเสร็จเรียบร้อยที่เรือนใหญ่
“เป็นยังไงปริ้น ค่อยยังชั่วเหรอยัง ” ยายทักผมระหว่างที่กำลังจะเดินกลับ
“ครับ ดีขึ้นแล้ว แต่ก็ยังน้ำมูกไหลอยู่อ่ะ”
“ดีแล้ว ยังไงวันนี้ก็อย่าไปตากฝนอีกล่ะ” โอ้ตเค้าพูดอะไรก็เชื่อบ้าง
“ครับยาย แต่คงไม่ตกแล้วมั้ง ตกไปม่ะคืนแล้วหนิ”
“หน้าฝนแบบนี้ เอาแน่เอานอนไม่ได้หรอก อย่าลืมติดร่มไปด้วยล่ะกัน”
“ค๊าบบบ - - - เออ ยาย ขอบคุณนะเรื่องหอมใหญ่อ่ะ”
ยายผมก็ยิ้มให้ครับ แต่ตอนนี้ผมว่าผมสายแล้วล่ะ เพราะว่าเห็นมันยืนโด่ทำหน้าถมึงทึงอยู่ที่หน้าบ้านผม
“มัวทำอะไรอยู่เนี่ย”
“เออๆๆ ดุจางว้อย” ผมพูดพลางรีบเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เข้ามาอีกที ไอ้ผ้าผืนนั้นก็หายไปแล้วครับ O_o’’
แว๊กก ผีหลอกกรูอีกแระ
* * * * * * * * * * * *
วันที่ 4 ของการมาเรียน ผมก็มาสายอีกตามเคย ไม่รู้เป็นแมร่งอาไร จนยามมันจำหน้าผมได้แระ
“ซื้ดด ซืดดดดด”
พรืดดด พรื้ดดดดดดดดด
“โห เด็กเทบเป็นหวัด” ไอ้คิวปากเสีย
“อ่า กรูเป็นคนนะ ไม่ใช่มึงหนิ ถึงไม่เป็นหวัด” ผมพูดแดกดันมันไป
“อ้าวสาดดด แล้วกรูไม่ใช่คนซะงั้น” แล้วมันก็เดินไปตบหัวไอ้ซัง
“อิ๊กคิว ดูเด็กมึงเด๊ะ เด๋วนี้ปากกล้าขาแข็ง”
“เกี่ยวไรกะกรูอีกเนี่ย” ซังบ่นหลังจากโดนลูกหลง
“เออ แล้วไปตบหัวซังมันทำไมอ่ะ” ผมพูดจบ ไอ้คิวมันก็มองผมเขม็งเลย แล้วก็เดินกลับไปที่ที่ ไม่พูดไม่จา
“เป็นเหี้ยไรมันน่ะ” ผมกระซิบถามซัง
“ไม่รู้มัน ช่างมันเหอะ เรียนๆ” ไอ้ซังมันก็ทำท่าทางโกรธๆเหมือนกัน เอ้าเป็นไรวะทั้งคู่เลย
ครับ ชีวิตในช่วงแรกๆ ของการมาเรียน ก็ไม่ได้มีอะไรผาดโผนมากเท่าไร ก็คล้ายๆ กับที่เรียนที่โรงเรียนเก่าอ่ะล่ะ เพียงแต่ว่า ตอนนี้จะมีเพื่อนผู้หญิงเข้ามาในชีวิตด้วย ได้รู้จักการจีบหญิง แซวนั่นแซวนี่ ก็ได้มาจากไอ้คิว แล้วก็เพื่อนๆในกลุ่มอ่ะล่ะ แต่ในเรื่องการเรียนของผมก็เรียกว่าฉลุยอ่ะ ไม่ใช่เก่งอะไรมากมาย แต่ในเรื่องวิชาการบางที มันก็ง่ายกว่าโรงเรียนเดิมมาก ยกเว้นวิชาเดียวคือ เลข ที่ผมต้องคอยพึ่ง ซังมันตลอด
“เฮ้ย นี่มันจะสอบกลางภาคแล้วนะ มึงไม่คิดจะอ่านหนังสือมั่งเลยเหรอ” ซังมันเดินไปคว้าหนังสือการ์ตูนที่ไอ้คิวกะลังอ่านอย่างเมามันส์
“สาดด เอาคืนมา” ไอ้คิวมันทำท่ากินเลือดกินเนื้อ แต่ซังมันก็โยนหนังสือมาให้ผม
“ไปเอาคืนที่ปริ้นมันโน่น” เอ้า โยนบาปให้กรูแระ
“เออ คิว กรูก็ว่างั้นล่ะ มึงผ่านม 4 มาได้ไงวะ โดดตลอด” พร้อมๆกับเปลี่ยนหนังสือจากมือซ้ายไปมือขวา ไม่ให้ไอ้คิวมันหยิบได้ แถมผมตัวสูงกว่ามัน มันก็เลยเอื้อมาหยิบไม่ถึง
“เหี้ยยยยย พวกเมิง แกล้งกรู เด๋วต่อยคว่ำหรอก” ไอ้คิวมันโมโห แต่พวกผมก็ชินกับคำขู่ฟ่อๆ แล้วครับ มันเอาจริงเฉพาะคนอื่นๆ แต่กับเพื่อนมันเนี่ย ผมยังไม่เคยเห็นมันทำร้ายใครซักคน นี่เป็นข้อดีของมันอ่ะ
“คืนหนังสือกูมาไอ้ปริ้น” มันว่าแล้วก็ทำหน้าเอาจริงเอาจัง
ผมก็มองไปที่ซังที่กำลังปั่นงานอยู่ มันก็ทำหน้าแบบไม่ต้องคืน
เมื่อเห็นผมไม่คืน ไอ้คิวมันก็ทำท่าโกรธมากๆ แล้วก็คว้าหนังสือเรียน(ที่มีอยู่น้อยนิด) เดินไปทางโรงอาหาร
“เฮ้ยมึง จะเข้าเรียนแล้วนะ” ซังมันตะโกนบอก แต่ดูเหมือนคิวมันจะโกรธคับ ไม่ยอมพูดจา เดินตรงแน่วๆไป
“ไอ้คิวมันจะรู้มั้ยวะ ว่าเพื่อนจะช่วยมันไปตลอดไม่ได้หรอก สัด” แล้วมันก็ก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ
“มึงก็เหมือนกัน ปริ้น เลขง่ายๆแค่นี้ก็ทำไม่ได้อ่ะ” อ้าว มาพาลกรู
“แค่เลขวิชาเดียวเอง หยวนๆหน่อย อังกฤษก็ให้เมิงหรอกม่ะใช่เหรอ” ผมทวงบุญคุณ
แล้ววิชาต่อมา ไอ้คิวมันก็ไม่เข้าครับ ทำให้ซังมันหงุดหงิดมากขึ้น
“ไปไหนของมันวะ”
“เฮ้ย ซังใจเย็นๆหว่ะ” คบกันมาเกือบครึ่งเทอม พึ่งรู้ว่าซังมันไม่ค่อยหงุดหงิดอะไรง่ายๆแบบนี้นี่นา
ซักพัก มือถือผมก็สั่น ก็ค่อยๆก้มรับแบบไม่ให้อาจารย์เห็น
“คับ”
“ปริ้น เรียนอยู่หรือป่าว” เสียงโอ้ตครับ
“อือ มีไร”
“เพื่อนปริ้นมันไปต่อยเด็ก ม.5 เข้า”
“ไอ้คิวอ่ะนะ ” ผมโพล่งขึ้นมาเสียงดัง จนอาจารย์หันมาหาถามว่าเกิดอะไรขึ้น ?
“ป่าวครับ” ผมพูดแล้วมองไปที่ซัง
“ไอ้คิวเป็นไรวะ” ซังมันถาม
“มีเรื่องกะเด็ก ม.5 หว่ะ ตอนนี้อยู่ห้องปกครอง”
“แม่ม เอ้ยยยยย” เสียงซังสบถเบาๆ แล้วมันก็ลุกขึ้นขออนุญาตลงไปห้องน้ำ ด้วยความงุนงงของผมและเพื่อนๆ แต่ก็ไม่ได้ห้ามอะไรมันหรอก คิดว่าคงห่วงเพื่อนซี้มันอ่ะนะ
ทีนี้ก็เหลือผมกะเพื่อนในกลุ่มอีกสองสามคนที่ต้องนั่งกระวนกระวายใจ จนหมดคาบล่ะครับ ก็เลยวิ่งไปที่ห้องปกครอง ก็ปรากฏว่าไม่เห็นใครแล้ว ก็เลยกดมือถือไปหาไอ้โอ้ต
“เฮ้ย บอกว่าห้ามใช้มือถือในเวลาเรียน” อยู่ๆ พ่อ ก็โผล่มาจากไหนม่ะรู้ ผมเลยวิ่งกระโดดจากบันไดวิ่งปรี้ด ไปหาที่โทรสับใหม่
“โอ้ต”
“เรียนอยู่”
“เออ ขอโทด แต่ไอ้คิวมันอยู่ไหน”
“ไม่ได้อยู่ห้องปกครองเหรอ”
“ป่าว”
“งั้นก็คงไปห้องพยาบาลมั้ง”
“แล้วเรื่องมันเป็นยังไงอ่ะ”
“ไม่รู้น่ะ แต่รู้สึกว่า คิวมันไปหาเรื่องกะน้องมันก่อน แล้วทีนี้ก็เลยพวกรุมเอา”
“โหย แล้วเป็นไรมากป่ะ”
“ก็ปากแตก แล้วก็ ..- - - ว่าแต่ ทำไมห่วงมันจัง”
“อ้าวทำไมถามแบบนั้นอ่ะ ก็เพื่อนทั้งคน” ผมพูดด้วยความหงุดหงิด แค่นี้ล่ะกาน
“ว่าไงปริ้น คิวมันอยู่ไหน” เพื่อนคนนึงที่ตามมาด้วยถาม
“เออ สงสัยอยู่ห้องพยาบาลหว่ะ แต่มันคงไม่เป็นไรมากอ่ะ”
“อ้าว เชี่ย กรูก็ไปหามันไมได้อะดิ” เพื่อนคนนั้นบอก
“ทำไมวะ”
“ก็กรูไม่ถูกกะครูในห้องพยาบาล”
“เออ งั้นมึงขึ้นเรียนเหอะ เด๋วกรูไปดูมันเอง”
“เออ ฝากดูด้วย ไอ้ซังก็ไปไหนก็ไม่รู้”
“อยู่กับไอ้คิวมั้ง” ผมว่า ก็ไม่ได้คิดอะไรครับ ก็มันซี้กันนี่นา จะห่วงกันมากก็ไม่แปลก
ผมก็เดินไปห้องพยาบาล ที่อยู่ใต้อาคาร 3 ปกติก็ไม่ค่อยได้มาหรอก รู้แต่ว่าอาจารย์เฮี้ยบมากๆอ่ะ ไม่สมกะเป็นพยาบาลเลย แต่พอไปถึงก็ปรากฏว่า ห้องมันปิดประตูไปบานนึงแล้ว เดินเข้าไปในห้อง ก็ไม่มีใครอยู่ซักคน
“ไปไหนหมดกันวะ” ผมพึมพำเบาๆ แล้วก็เดินไปที่ห้องที่เอาไว้ให้นักเรียน นอนพักครับ ซึ่งมันจะแยกเป็นสองห้อง ชายหญิง ทางเข้าจะมีผ้าม่านกั้นไว้อ่ะ
“กูบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่ามีเรื่องกับคนอื่นอีกไอ้คิว มึงก็ไม่เคยเชื่อกูอ่ะ” เสียงซังดังออกมาจากในห้อง
อ่าอยู่ในห้องนี่เอง กรูหาตั้งนาน ผมว่าพลางเดินดิ่งไปที่ห้อง
“… จะทำอะไรก็เรื่องของกู” เสียงไอ้คิวดังลอดออกมา
“เออ มึงจะทำอะไรก็ช่างมึง กูโง่เองที่เสือกเรื่องของมึง” ซังพูดเสียงสั่น
อ่ะ มันทะเลาะกันอีกแล้ว เสียงเริ่มดังขึ้น โชคดีที่ไม่มีคนอยู่ในห้อง ยกเว้นกระผม
“มึงจะไปไหน เสียงไอ้คิวดังขึ้น พร้อมๆกันกับเสียงซังมันร้องโอ้ย เหมือนโดนกระชากแขน
เท้าผมหยุดกึกที่หน้าห้องครับ แบบนี้มันแปลกๆแล้วนะนี่
“ไปที่ไหนก็ได้ที่ไม่มีมึงอยู่ไง - - - ปล่อยกูไอ้สัดด” เฮ้ย มึงคุยอะไรกัน ช่วยเบาๆหน่อยได้มั้ย กรูกลัวเค้าได้ยินกันหมดว้อยยยย
คราวนี้ไอ้คิวมันพูดเสียงเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน
“ซังมึงไม่รัก กูแล้วใช่ป่าว มึงถึงจะทิ้งกูไป”
วิ้ว วิ้ววว (นึกถึงฉากห้องพยาบาลว่างๆ แล้วมีใบไม้ปลิว พร้อมกับเสียงลมแผ่วๆ)
ผมรู้สึกว่าหน้าตัวเองแดงซ่าน ถ้าให้เลือกได้ ผมยอมที่จะไม่เข้ามาในห้องนี้ แล้วก็ได้ยินสิ่งที่เพื่อนสองคนมันพูดกันหรอก ไม่ใช่รังเกียจ ไม่ใช่อิจฉา แต่เป็นเพราะ มันควรที่จะเป็นความลับของคนสองคนที่จะรับรู้กันแค่นั้นมากกว่า
เสียงในห้องพักเงียบไป จนผมใจหาย เลยค่อยๆแหวกผ้าม่านออกทีละนิดทีละนิด
ให้ตายซิโรบิ้น ผมไม่ได้ตอแหลนะ ไม่ว่าตอนนี้ผมจะรู้ตัวว่าตัวเองเป็นเกย์หรือไม่เป็นก็ตาม สิ่งที่อยู่ตรงหน้า เป็นภาพที่เพื่อนผมสองคนกะลังจูบกันอย่างดูดดื่ม โดยไม่รู้ว่ามีสายตาคนๆนึงมองอยู่
ผมเห็นไอ้คิวมันค่อยๆจับซังพลิกตัวไปด้านล่าง แล้วก็ขึ้นทับไปบนตัว
“เอื๊อกกกกกก ……….”ผมกลืนน้ำลาย กล้องวีดีโอ กล้องวีดีโออยู่หน่ายยยยยยยยย กรูจะถ่ายไปขาย เอ้ย ไม่ใช่ ผมยืนนิ่งเหมือนโดนหนัง x สะกด
จนต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อซังมันเหลือบมาเห็นผ้าม่านมันแหวกอยู่พร้อมกับคงเห็นมีคนแอบมองอยู่
“เฮ้ยยย … ใคร”
ตัวผมรีบถอยหนีโดยอัตโนมัติ จนก้าวพลาดล้มลงเสียงดังตึง
“อะ ไอ้ปริ้น” เสียงไอ้คิวแหวกผ้าม่านมาเจอผมล้มอยู่
ชิบบบหายยยยย
หะ เห็นมึงหายไปนาน ก็เลยมาตามหาอ่ะ” ผมพูดตะกุกตะกัก รู้สึกว่าหน้าร้อนผ่าว หน้าไอ้คิวก็แดงพอกัน (แดงจนดำ 555)
“เออ มึงไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว เด๋วกูกลับก่อน เด๋ว เด๋ว พี่โอ้ตเค้ารอกูอยู่” ผมรีบร้อนจนพูดผิดพูดเถิก เอ้ย ถูก แล้วก็เผ่นแผล่วออกมาจากห้องพยาบาลทันที ไอ้คิวมันก็ไม่คิดจะตามผมมาคับ เห็นยืนนิ่งอยู่แบบนั้น
“แฮ่กก ๆๆๆๆๆ”
“โดนหมาที่ไหนวิ่งไล่มาเนี่ย” โอ้ตมันว่าที่เห็นสภาพผมหอบมาที่หน้าห้องปกครอง
“หมาที่ไหนเล่า ไอ้คิวตะหาก …. ”
“คิวมันทำไม ? ”
“- - เออ ก็มันโดนต่อยมาไง” ผมรีบแก้ตัว
“ก็โอ้ตเป็นคนบอกปริ้นเองหนิ” โอ้ตมันมองหน้าผมแบบสงสัย
“เออ นั่นแหละ จะกลับบ้านยังอ่ะ เร็วเข้า”
“หนีใครมาเหรอป่าว” โอ้ตมันพูดแบบจับผิด เข้าตรงกลางใจดำ
ติ้ด ติดดด ติ้ดดดดดดดดดดดด
ผมมองมือถือ ก็เห็นว่าเป็นเบอร์ซังโทรมาครับ แว๊ก มันจะโทรมาด่าผมเหรอป่าวเนี่ย แล้วผมก็ตัดสินใจปล่อยให้มันดังไป จนโอ้ตมันทักว่าใครโทรมา
“เพื่อนอ่ะ ”
“แล้วทำไมไม่รับล่ะ ? ”
“ขี้เกียจคุยกะมาน มันจะขอลอกการบ้านอ่ะ” ผมแถไปโน่น
“ป่ะ กลับเหอะ” พร้อมกับกดตัดสัญญาณแล้วก็ปิดเครื่องเลย
- กูขอโทดหว่ะ ซัง แต่กูไม่รู้จะคุยอะไรกะมึงตอนนี้อ่ะ - ผมคิด
* * * * * * * * * * * *
พอกลับถึงบ้าน ในหัวผมก็คิดภาพไอ้คิวมันกะลังนัวเนียกะซังอยู่ ถึงผมจะเคยอยู่ รร ชายล้วนมาก็เหอะ มันก็มีเห็นพวกคู่เกย์คบกันตั้งเยอะแยะ แต่ทำไมคราวนี้ผมถึงตกใจวะ สงสัยเป็นเพราะว่า มันเป็นเพื่อนสนิทของผม (อีกคนเกือบสนิท) โดยเฉพาะ เถื่อนๆอย่าไอ้คิว ไม่คิดหรอกคับ ว่ามันจะเป็นเกย์ เลยแอบตกใจหน่อย ที่เห็นหนังสดต่อหน้าต่อตา
มันจะคิดว่าผมรังเกียจมันป่าวนี่ ?
ผมคิดในใจวนแล้ววนอีก ผมไม่ได้รังเกียจมันนะ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นอะไรก็เหอะ แต่ … แต่ทำไมผมดันไปวิ่งหนีมันแบบนั้นล่ะวะ
- ดันไม่รับโทรสับมันแบบนั้น -
- กดตัดสายซังมันแบบนั้น -
ความรู้สึกผิดพลาดมันกดให้ผมจมอยู่กับที่นอน ไม่อยากจะลุก อยากจะขยับไปไหน ผมรีบกดเปิดมือถือ แล้วก็รอ แล้ว รอเล่า ให้ซัง หรือไอ้คิวโทรกลับมา แต่ก็ไม่มีเสียงอะไรดังขึ้นมาเลย ผมชักเริ่มเครียดเมื่อโทรไปหาซังแล้วมันก็ปิดมือถือ เหมือนกัน
มันคงเครียดกว่าผมร้อยเท่า มันยิ่งเป็นคนคิดมากอยู่ด้วย (พอกันกับผม) ว้อยยย ทำไมกูทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังเลยวะ
“ปริ้น นอนยัง”
“ยัง ….. เข้ามาดิโอ้ต ”
โอ้ตมันก็เปิดประตูเข้ามา แล้วก็เดินมานั่งปลายเตียง
“เป็นไร มีอะไรอยากจะบอกโอ้ตมั้ย”
“มีอะไร ? … ไม่มีอ่ะ” ผมปากแข็งคับ
โอ้ตมันดูไม่ค่อยสบายใจเหมือนกัน ที่ได้ยินผมพูดแบบนี้
“งั้นถ้าปริ้นไม่มีอะไรจะบอก แต่โอ้ตมีเรื่องจะบอกปริ้นอยู่อย่างนึง” ว่าแล้วมันก็ลุกขึ้นเดินมาจับไหล่ผมไว้
“… คนที่เป็นเพื่อนกันน่ะ มันไม่ได้เกิดขึ้นมาแค่วันสองวันแล้วถึงเรียกว่าเพื่อนหรอกนะ - - -” ผมรู้แล้วคับ ว่าโอ้ตจะพูดเรื่องอะไร
“- - - ถ้าเพื่อน ไม่ยอมรับในสิ่งที่เพื่อนเป็น …….. สิ่งที่เพื่อนรัก ……….. สิ่งที่เพื่อนทำ เค้าไม่เรียกว่าเป็นเพื่อนกันหรอก” แล้วมันก็เอามือมาลูบหัวผมแบบปลอบๆ
“ ม่ะ ม่ะ ไม่ใช่นะโอ้ต” ผมเริ่มรู้สึกว่า มีก้อนสะอึกอยู่ที่คอ กว่าจะพูดแต่ละคำมันช่างยากเย็น
“เราอ่ะ เรา - - -” น้ำตาผมหยดลงบนหัวเข่าตัวเอง ไม่เคยเกียดอะไรพวกมันเลยนะ ไม่เคยเลย ฮึก ฮึก
“อือ …” มันพูดแค่นั้น แต่ภาษากายที่มันทำอยู่ ทำให้ผมใจชื้นขึ้นมาก
“แค่ .. ทำตัวไม่ถูก …. แค่นั้นเอง … โอ้ตเชื่อเรานะ ปริ้นไม่ได้เกียดอะไรมันเลย” ผมจับแขนโอ้ตเขย่าๆ แล้วก็มองหน้ามัน ให้มันรู้ว่า สิ่งที่ผมพูดมันจริงใจแค่ไหน
“อือ ไม่เป็นไรหรอก คิดแบบนี้ก็ดีแล้ว” โอ้ตมันยิ้มบอกผม แล้วก็เอามือสองมือมาปาดน้ำตา
“พรุ่งนี้ก็ไปคุยกะสองคนนั่นให้รู้เรื่องล่ะกัน …. แล้วร้องไห้ทำไมฟ่ะ เรื่องแค่นี้เอง”
“ร้องที่ไหนวะ วู้” ผมว่าพลางเดินเข้าไปในห้องน้ำอย่างไว ยางอายเริ่มเข้ามาครอบงำแระ
* * * * * * * * * * * *
วันรุ่งขึ้น ใจผมก็ยังไม่อยู่กับเนื้อกับตัวครับ โอ้ตมันบอกว่า เมื่อวาน ซังโทรมาหา แล้วก็ปรึกษาเรื่องที่ผมปิดมือถือ ไม่ยอมคุยกะมัน โอ้ตบอกว่า รู้ว่าซังเนี่ย มันมีความสัมพันธ์อะไรกะไอ้คิวตั้งนานแล้ว ซังมันก็เลยให้โอ้ตมาคุยกะผมว่า จะเอายังไง มันไม่สบายใจมาก
“ก็คุยกันให้รู้เรื่องล่ะกัน” โอ้ตบอกผมก่อนที่จะแยกไปเข้าแถวห้อง พอมาถึงแถวห้องผม ก็ปรากฏว่าไอ้คิว กะซังไม่ได้มาเข้าแถวคับ เอาแล้วดิกู ใจไม่ดีแระ
พอขึ้นคาบ 1 พวกมันก็หายหัวไม่มาเรียนเหมือนเดิม ไอ้คิวอะ ปกติ แต่ซังนี่ดิ มันไม่เคยขาดเรียนเลย ใจผมแป้วไปถึงตาตุ่ม โทรหาซังมันก็ไม่ติด ส่วนไอ้คิวไม่มีมือถือคับ เลยติดต่อมันไม่ได้
จนเวลาล่วงมาตอนกลางวัน ก็ไม่เห็นเงาหัวของไอ้สองตัวนั่นเลย เพื่อนคนอื่นๆก็ไม่ได้สนใจอะไรมากมาย
“เฮ้ย โป้ง กูไม่เรียนคาบต่อไปนะ” ผมพูดแบบเสียไม่ได้
“อ้าว เป็นอะไร”
“กูเซ็งไงไม่รู้วะ ไปนอนหลังเขาดีกว่า ”
“เออ ระวังพ่อมาตรวจล่ะ”
ผมพยักหน้า แล้วก็เดินลงจากอาคารเรียน มองซ้ายมองขวาปลอดคน ก็เลยหามานั่งที่ม้านั่งยาว บ้าชะมัด ไอ้เวลาที่อยากเจอ มันก็หายไปไหนวะ เซงเลยกู แล้วหัวสมองผมก็แล่นกลับไปที่ห้องพยาบาลกับเหตุการณ์ม่ะวานอีกรอบ
“ซังมึงไม่รักกูแล้วใช่ป่าว มึงถึงจะทิ้งกูไป”
สลับกับภาพที่มันสองคนกำลังจูบปากกันอยู่ อ่า จะว่าไป มันก็ดูเหมาะสมกันดีคับ อีกคนดูเถื่อนๆแมนๆ อีกคนขาวใส หน้ารัก
มโนภาพผมกลับค่อยๆเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ว่าถ้าเหตุการณ์ที่เหลือต่อจากนั้นคืออะไร
“ไอ้คิว นี่มันห้องพยาบาลนะมึง เดี๋ยวคนมาเห็นเข - - -” คิวมันค่อยๆบรรจงประกบปากกับซังอย่างแผ่วเบา จนตัวมันกระตุกหน่อยๆ ก่อนจะค่อยผ่อนคลายลงตามลำดับ
“อือ คิว …”
คิวมันค่อยๆจับซังพลิกตัวไปด้านล่าง แล้วก็ขึ้นทับไปบนตัว ท่อนล่างของมันเริ่มบดเบียดกันอย่างรุนแรง
“ไหนว่าไม่มีอารมณ์ไง” ไอ้คิวถามเสียงกระเส่า “แข็งเชียวมึง” พร้อมกับโน้มตัวไปดูดปากกับซังอีกรอบ
ปากข้างนึงของมันก็จัดการไล้ลิ้นไปบนหัวนมของไอ้ซังจนมันสั่นสะท้าน มืออีกข้างก็เลื้อยไหล่ไปบริเวณกลางลำตัวของซัง
“ซี้ดดดด คิว กูเสียววว”
เสียงนั่นกลับทำให้ไอ้คิวฮึกเหิมชอบกล พลางขบกัดบริเวณหน้าอกจนร่างหนุ่มตี๋สั่นสะท้าน
“ปริ้น มึงเสียวมากป่าว” เสียงคิวถามผมพลางรูดเล่นไอ้ตัวเขื่องที่อยู่ด้านล่างด้วยความถนุถนอม
“อือ กูจะไม่ไหวแล้ว ไอ้คิว” ผมว่า พลางเอามือโอบคอไอ้คิวลงมาจูบอย่างรุนแรง
“จะทำอะไรก็รีบทำเหอะมึง กูจะ - - - อ๊อกกก”
“อยู่นี่เองมึงไอ้ปริ้น” เสียงไอ้คิวตัวจริงทำเอาผมสะดุ้งกับภาพจินตนาการล้ำลึก เฮ้ย ทำไมคิดถึงไอ้คิวกะซังอยู่ดีๆ กับกลายเป็นไอ้คิวกับผมไปได้ไงวะ
“เออ หายไปไหนมาทั้งวัน” ผมพูดกับมัน แล้วค่อยๆยกตัวขึ้นมานั่งอย่างยากลำบาก (ไอ้น้องชายมันกะลังเคารพธงชาติอยู่)
“คือ เรื่องเมื่อวาน - - -” ผมกะมันพูดเกือบพร้อมกัน
“เออ เรื่องเมื่อวาน กูขอโทษนะ” ผมพูดขึ้นมา แล้วจากนั้น คำพูดของผมก็พล่างพลูออกมา เหมือนเขื่อนแตก จนไอ้คิวทำหน้าเหวอแดก เพราะมันคิดว่าผมคงจะรับไม่ได้ ถึงได้วิ่งตูดเปิดไปม่ะวาน
“เออ มึงก็เล่นปิดมือถือแบบนั้น ไอ้ซังมัน กลุ้มใจตายห่า ”ไอ้คิวบ่นใส่ผมหน้าเครียด “ เนี่ย เมื่อคืนมันร้องไห้กะกูทั้งคืนเลย ข้าวปลาก็ไม่ได้กิน กลัวว่ามึงจะไม่เข้าใจมัน”
ผมหน้าเสียขึ้นมาอีกรอบนึง คิดแล้ว ไอ้ซังมันต้องคิดมาก
“แล้วมีใครรู้เรื่องมึงกะมันป่ะวะ” ผมถาม ไอ้คิวมันก็บอกว่า มีแค่ไอ้โอ้ต แค่นั้นที่รู้ เพราะว่า ซังมันสนิทกะโอ้ตมานาน มันเลยเครียด
“แล้วนี่ซังมันอยู่ไหนอ่ะ”
“นอนอยู่บ้านกู จริงๆมันอยากจะคุยกะมึงด้วยซ้ำ แต่กูบอกว่า กูจะมาดูลาดเลาก่อน”
“ดูลาดเลาทำเหี้ยไรวะ” ผมสงสัย
“อ้าว ก็เผื่อมึงรับไม่ได้จริงๆ กูจะทำให้มึงรับได้ก่อนไง” มันพูดแล้วก็หัวเราะมีเลศนัย
“ไอ้สาดดด มึงจะทำไรกูได้วะ” ผมพูดหัวเราะแบบเจือนๆ
“กูก็ - - -” มันพูดไม่ทันจบ มันก็เดินมาข้างหลังที่นั่งที่ผมนั่งอยู่
“ทำงี้ไง” ว่าแล้วมันก็เข้ามากอดผมทางด้านหลัง แล้วเอาหน้ามันมาคลอเคลียๆอยู่ตรงคอผมอะ โคตรสยิวกิ้วเลย
“เหี้ยย กูขนลุก ไอ้สัดดดดด” ผมพูดพลางดันหน้ามันไปให้ห่างๆ แต่แรงมันเยอะกว่าผมคับ มันก็เล่นของมันต่อ
“ขนลุก แล้ว Kลุกป่าววะ” มันก็เอื้อมมาจะจับKผมคับ แต่ผมเอามือบังทันก่อน ไม่งั้นมันได้จับอนาคอนด้าแน่ๆ
“เชี่ย มึงเล่นของสูง” แล้วมันก็ผละออกจากตัวผม หัวเราะชอบใจ เย็สสสสเข้เจงๆ
“เออ งั้นเด๋วพรุ่งนี้กูค่อยคุยกะซังล่ะกัน ฝากบอกมันด้วยอ่ะ ว่าไม่ต้องกังวล กูรับพวกมึงได้
“เหรอ กูก็อยากลองเหมือนกานหว่ะ ตูดเมิงจารับได้เจงๆป่าว” อ่ะ ไอ้นี่ยังไม่เลิก
“เชี่ยล่ะมึง ควายอย่างมึงกูไม่เอาหรอกว้อยยย” ผมตอกกลับให้มันรู้สถานภาพตัวเอง
“อย่างกูไม่ได้ แล้วอย่างไอ้โอ้ตได้ป่าววะ”
เชี่ย จุก …. กว่าเดิมอีกกู !?