__________, ปรารถนา "รัก" . . เป็นดั่งใจ ,__________ [ จบแล้วจ้า ]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: __________, ปรารถนา "รัก" . . เป็นดั่งใจ ,__________ [ จบแล้วจ้า ]  (อ่าน 589469 ครั้ง)

ออฟไลน์ kny

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1800
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-16
ตกลงอักษรเป็นไรละนี่

ออฟไลน์ Dwammy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ไม่มี้ ไม่มีดราม่า
อักษรเธออยู่หนใด ทุกคนเป็นห่วง
อาการยิ่งไม่ค่อยดีอยู่
เทียนจะเป็นบ้าตายละนะ :z3: :z3:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
รวดเดียวจบ แม้จะหลับก้อสะดุ้งตื่นมาอ่านต่อTT

อ่านจนต้องหยุดร้องไห้กว่า 15 นาที ถึงจะมีสติอ่านต่อได้ มันอธิบายเป็นคำพูดไม่ถูก

น้ำตาคงสื่อความหมายที่ถ่ายทอดได้ดีที่สุด ว่าทุกอย่างส่งมาถึงคนอ่านคนนี้จิงๆ

ไม่อยากคาดหวังเลย ไม่รู้ต่อไปจะต้องเจอกับอะไรในตอนหน้า รู้แค่ว่าคงต้องเตรียมใจ

จะรอตอนต่อไปนะฮะ

ออฟไลน์ elfonofle

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เป็นห่วงอักษร
ฮืออออออออออออออ

ออฟไลน์ isBelle__

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
อักษรอย่าเป็นอะไรน้า ถ้าจะดราม่าก็ขอให้สองคนนี้ปรับความเข้าใจกันแล้วเถอะนะคะ อักษรน่าสงสารมากเลย อยากมห้อักษรได้มีความสุขจริงๆซักที

แค่รักสองคนนี้มากเลย อย่าดราม่าหนักเลยนะคะ

ออฟไลน์ Fate

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 77
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เรื่องนี้จะจบยังไง
คงไม่เหมือนซีรีย์เกาหลีรักรันทดนะคะ
สงสารเทียน สงสารอักษร
หาอักษรให้เจอนะเทียน กระซิกๆ

ออฟไลน์ uzosou

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ค้าง ตัวใหญ่ๆ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

อยากอ่านต่อออออ ><

ตอนแรกที่เทียนไขตามหา เราก็คิดนะว่าอักษรจะอยู่โรงเรียนรึเปล่า

ว่าแต่ทำไมหนีออกมาล่ะลูก ถ้าเป็นอะไรไปจะทำไง T^T

สงสารเทียนไข ชอบเรียนนี้อ่ะ ไม่อยากให้จบไวๆเลย ฮ่าๆๆ

ปล.ตรวจสุขภาพขอให้สุขภาพแข็งแรงนะค้าา จะได้แต่งรักร้ายให้อ่านไปนานนนนนนนนานนนนนนน

ออฟไลน์ Monkey D lufy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +245/-4
เป็นตอนที่อ่านแล้วรู้สึกอึดอัดใจและค้างคามากกกก 

รอตอนต่อไปค่ะ  อักษรเข้มแข็งไว้ก่อนนะรอเทียนก่อน

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ได้อ่่านสักทีนะ  :เฮ้อ: จะเป็นยังไงต่อไป จะหาเจอไหมหนอ

ออฟไลน์ Fish129

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 746
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-3
สงสารทั้งคู่เลยอ่า

เทียนหาอักษรให้เจอนะ

แล้วอักษรก็ห้ามเป็นอะไรไปด้วย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ozaka

  • ตัว "โอ" เป็นอะไรได้มากกว่าที่คุณคิด
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1818/-38
    • ozaka's blog







16th Day : Leave me alone [2/2]













   ผมไม่ได้แลกบัตร  และเริ่มคิดว่าการทำเรื่องเป็นทางการแบบนั้นมันยุ่งยากซะเหลือเกิน

   และถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้ใส่ชุดนักเรียน  แต่พี่ยามแกก็จำผมได้...โรงเรียนเรามีนักเรียนอยู่ไม่กี่ร้อยคนหรอกครับ  และนั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงไม่ทักท้วงอะไร  วันนี้เป็นวันหยุดสิ้นปีหลังจากวันอีฟ  แต่ก็มีนักเรียนใส่เครื่องแบบมาเป็นปริมาณที่ไม่น้อย  พวกเขามาเตรียมงานกีฬาสีกับงานOpen House ที่จะจัดต่อกันพอดีหลังจากเปิดปีใหม่  พวกนักกิจกรรมทั้งหลายก็ต้องพักเรื่องไปเที่ยวเอาไว้ก่อน  หรือให้พูดตามตรงว่า..โรงเรียนเราให้ความสำคัญเรื่องกิจกรรมมากกว่าสิ่งอื่นใด
   อย่างไรก็ดี  ไม่ได้มีคนสนใจผมนักแม้ว่าผมจะอยู่ในชุดไปรเวท...ผมหยุดอยู่กลางโถงใต้ตึก  ปราดสายตามองไปรอบๆ...แต่ก็ไม่มีวี่แววของคนที่ผมตามหา


   ผมหยิบมือถือ  โทรหาเขาอีกครั้งหนึ่ง...



   ...ไม่มีคนรับสาย...เหมือนเดิม...

   ...ไม่มีอะไรเปลี่ยน...







   “เฮ้ยเทียน!”



   เชื่อมั้ยครับ  ว่าผมหวังมาตลอดตั้งแต่ที่เดินเข้ามาคือคำๆนี้
   คำพูดทักทายที่ผมมักรำคาญทุกครั้งที่มีคนเรียก(และก็มีคนเรียกผมแบบนี้เยอะจริงๆ  ไม่เข้าใจว่าเด็กเกษรวิทยาทุกคนเป็นพวกนิยมการ 'ตะโกนทัก' แบบนี้หมดเลยรึเปล่า)  ทว่าครั้งนี้ผมรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่จะฟัง

   ผมหันไป  ปะทะสายตากับเพื่อนร่วมห้องคนหนึ่ง  แน่นอน..หมอนี่ก็มาในฐานะนักกิจกรรมสาขาวงดนตรีโรงเรียนเสมอนั่นแหละ  และเขาก็เดินตรงมาด้วยใบหน้ายิ้มแฉ่งเริงร่าจนน่าหมั่นไส้


   แต่ไม่มีเวลาหยุดพัก  ไม่มีแม้กระทั่งเวลาจะกลบเกลื่อนความกังวลพวกนี้ด้วยซ้ำ

   “เห็นษรมั้ย?”


   เขากระพริบตา  ยังเดินมาไม่ถึงตัวผมด้วยซ้ำ "อะไรนะ?”

   “อักษร" ผมย้ำ  เกลียดสถานการณ์แบบนี้ขึ้นมาชอบกล "เห็นอักษร..บ้างมั้ย?”

   เขาเหวอไปพักหนึ่ง  มองหน้าผมด้วยประกายบางอย่างข้างในนั้น...จับผิด  แต่ผมไม่ได้ปิดบัง...มันแทบไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องปิดบังด้วยซ้ำ  แล้วหมอนั่นถึงค่อยเอ่ยเสียงแผ่ว
   "หมายถึงห้องเด็กเส้นใช่มั้ย?  กูได้ยินมาว่า...อักษรอยู่ที่โรงพยาบาล  ไม่รู้ว่าจริงรึเปล่า.....”
   นั่นทำให้ผมอยากจะทึ้งหนังหัวตัวเองออกมาอีกครั้งหนึ่ง
   “เออ  ขอบใจ"

   และก่อนที่จะสร้างความตื่นตระหนกให้คนอื่นไปมากกว่านี้ผมก็หันหลังบอกตัดบท  แต่แน่นอนว่าหมอนั่นไม่ใช่คนประเภทที่จะปล่อยให้พฤติกรรม 'เสือก' หายไปจากร่าง

   “ทำไมคนอย่างมึงถึงตามหาอักษรล่ะวะ?”

   ….ไม่มีความจำเป็นที่ต้องตอบคำถามนั้น
   แต่ถ้าเดินออกมาเฉยๆผมคงรู้สึกผิด  ผมจึงเลือกที่จะหันกลับมา “...ถ้าเห็นอักษร  โทรหากูด้วย"
   “มึงไปหาที่โรงพยาบาลมายัง?”
   “...ไปมาแล้ว"
   “อักษรอยู่ที่โรงเรียนเหรอ?”
   “...กูไม่แน่ใจ"


   “เทียน"

   กลอนเท้าสะเอว  ขมวดคิ้วใส่ผม

   "มึงเลือกที่จะไม่บอกกูได้  กูไม่ว่า มึงคงมีเหตุผลของมึงที่มึงไม่อยากพูด  แต่อยากให้มึงรู้ไว้ว่ามึงเป็น 'เพื่อน' กู   และหน้ามึงซีดมาก......ดังนั้น.....ถ้ามึงบอกมาคำเดียวว่าอยากให้กูช่วย  กูจะทำให้กองทัพโรงเรียนเกษรวิทยาเป็นของมึง"




   คำนั้นทำให้ผมเงียบ..

   ..มันเป็นความตะลึงมากกว่าการใช้ความคิด  ผมไม่รู้ว่าผมเคยทำแบบนี้มาก่อนในชีวิตรึเปล่า






   แต่ที่แน่ๆ...เสียงที่ผมพูดกลับไป...มันสั่นสะท้านเหลือเกิน...








   “...กูอยากให้มึงช่วย"









   และไม่ต้องบอกก็คงรู้ใช่มั้ยครับ...ว่าจากนั้นมันเกิดอะไรขึ้น

   ผมเคยคิดว่าผมไม่มีเพื่อน..นั่นแหละ  เอาเป็นว่าสิ่งเหล่านั้นมันเป็นความคิดของผมมาตลอดจนกระทั่งตอนนี้



   การเปิดใจให้ใครมันไม่ใช่เรื่องที่เจ็บปวดหรือน่าเศร้า  หรือต่อให้มีความหดหู่แทรกอยู่บ้างแต่ก็เจือไปด้วยรอยยิ้มเป็นบางครา  ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นบนโลกมันก็คือความเสี่ยงระหว่างความสุขและความทุกข์...และนั่นคือ 'ชีวิต' ...ชีวิตที่ไม่เพียงตายซากไปวันๆเหมือนที่ผมเคยเป็นมาตลอด




   ..เขาเป็นคน 'สอน' เรื่องนั้นให้กับผม..





   …..เพราะฉะนั้น.......







   ห้องแรกที่ผมไปคือห้องพยาบาล
   สาเหตุแรกเพราะมันอยู่ใกล้  ส่วนอีกสาเหตุนึงคือถ้าอักษรเป็นลมเป็นแล้งไปที่เดียวที่เขาจะไปก็น่าจะเป็นที่นี่

   ไม่มีใครอยู่นอกจากอาจารย์  และตอนนั้นเป็นวินาทีเดียวกับที่มีเสียงประกาศเรียกจากห้องประชาสัมพันธ์ถามถึงอักษร...พวกรักร้ายทำงานได้ไวเสมอ  และค่อนข้าง..เอ่อ..โจ่งแจ้ง  แต่ผมก็ไม่ได้เกลียดวิธีการแบบนี้นักหรอก

   พอผมหมุนตัวออกมา...ก็ปะทะกับพวกเด็กห้องทุนกลุ่มหนึ่งที่วิ่งมาทางเดียวกันด้วยท่าทีกระหืดกระหอบ
   “ไปดูที่โรงพยาบาลมารึยัง?”
   พวกนั้นถามผม  มันทำให้ผมทึ่งกับคำถามเดิมๆเหล่านั้น  แต่ก็ตอบอย่างไม่รังเกียจ "ไปมาแล้ว"
   “โทรหาไม่ติด  ษรเปลี่ยนเบอร์ป่ะวะ?"
   “บ้าเหรอ  โรงพยาบาลเขาห้ามใช้โทรศัพท์มือถือเฟ้ย"
   “เออนั่นเด่ะ"
   “เดี๋ยวกูโทรถามเพื่อนกูนะ  เห็นว่ามันจะไปเยี่ยมษรวันนี้"
   “เออดี"
   “มีใครโทรหาพี่สิญจน์รึยัง?”
   “ไอ้ล่าล่ะ?  ลาล่าอยู่ไหน?"


   ..เด็กนักเรียนเกษรวิทยาเป็นพวกชอบทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่..
   …..และผมโชคดีชะมัดที่อยู่โรงเรียนนี้



   การตามหาตัวอักษรกระจายจากปากต่อปาก  และในที่สุดเกือบทุกคนที่มีเตรียมงานวันนั้นก็รู้ความจริงที่ว่าอักษรหายตัวไปจากโรงพยาบาล  ซึ่งแค่ประโยคดังกล่าวก็ดูเป็นสถานการณ์ติดความเสี่ยงระดับหนึ่ง  และตอนนี้ไม่มีใครสามารถติดต่อเขาได้...ผมเชื่อว่าหลายคนคงกังวล  เหมือนผม...และมันเป็นความจริงที่ว่าของหนักๆที่อยู่บนบ่าสามารถช่วยกันแบก...มันเบาลง  แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผมควรจะรู้สึกโล่งใจ...

   ผมคิดว่าเกือบทุกซอกมุมของโรงเรียนมีเพื่อนๆช่วยกันหา  แน่นอนว่าผมไม่ลืมที่จะวิ่งขึ้นตึก  ไปยังห้องเดิมๆ...ห้องที่ผมหาเขาเจอมาตลอด  และมันเป็นที่แรกที่ผมคิดว่าเขาน่าจะอยู่ที่นั่น
   ..เขาคงสบายใจกว่าถ้าอยู่คนเดียว..

   …..แต่สำหรับผมในตอนนี้...ปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวไม่ได้...






   ไม่รู้ทำไม  เข็มวินาทีถึงเคลื่อนที่ช้าลงตอนที่ผมแตะเท้าลงบันไดขั้นสุดท้าย


   ไม่มีเสียงอะไรเลยนอกจากเสียงลมหายใจแรงๆของตัวเอง  มันบอกให้ผมรู้ว่าผมมาไกลแค่ไหน...แต่ไม่ได้บอกว่ามันจะสิ้นสุดลงที่ตรงไหน...




   เวลามันเชื่องช้า..


   ...แต่ก็รวดเร็ว...รวดเร็วจนคว้าเอาไว้ไม่ได้...





   กว่าที่ผมจะเดินไปถึงประตูห้อง  หัวใจที่เต้นแรงขนาดนี้ก็กระหน่ำจนแทบจะหลุดออกมา...อุณหภูมิรอบดวงตาของผมดูจะร้อนผ่าว  ผมไม่รู้สาเหตุ...แต่ไม่คิดว่าจำเป็นต้องรู้
   มันล็อค...
   ...และอะไรบางอย่างในอกผมร่ำร้องว่าเขาอยู่ข้างใน...




   ผมหลับตาลง  เคาะประตู

   มือที่กระแทกลงไปมันสั่น  จนเสียงที่ได้ค่อนข้างเบา...แต่ผมรู้ว่าเขาต้องได้ยิน


   “ษร...”


   เสียงที่เอ่ยออกไป  ก็ต้องใช้ความพยายามมากกว่าจะทลายก้อนขมๆที่อยู่ที่คอ
   ...ไม่มีเสียงอะไรตอบกลับมา...ผมรู้ว่ามันไม่มีเสียงอะไรตอบกลับมาหรอก...

   ผมเคาะประตูอีกครั้ง
   “อักษร...” ครั้งนี้มันสั่น...สั่นจนอกปวดไปหมด "ษรครับ  อยู่ข้างในรึเปล่า?”

   ...ไม่มีอะไร...

   ผมกลั้นใจ  พยายามเพ่งมองผ่านช่องว่างระหว่างประตู  ไม่มีอะไร...คือผมไม่เห็นอะไรทั้งนั้นนอกจากความมืด  และการเงี่ยหูแนบกับประตูก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย  ผมไม่ใช่คนที่ถูกฝึกมาเพื่อให้ได้ยินเสียงเล็กๆน้อยๆอะไรแบบนั้น  แต่ผมก็หวังจากเสี้ยวหนึ่งของหัวใจว่าผมจะได้ยินมัน
   ...ที่ผมสัมผัสได้  มีเพียงสองอย่าง...
   ...ความเงียบ  และ  ความทรมาน...



   ก๊อกๆๆ
   “อักษร  อักษร  คุณอยู่ข้างในใช่มั้ย?”
   ก๊อกๆๆ
   “ษรครับ  เปิดประตูให้ผมหน่อย"
   ก๊อกๆๆ
   “....ผมขอโทษ"
   ก๊อกๆๆ
   “....ผมผิดไปแล้ว  เปิดประตูให้ผมหน่อยเถอะนะอักษร"
   ก๊อกๆๆๆ
   “...อักษรครับ  ผมขอร้อง  เปิดประตูให้ผมเถอะ.."


   ..มันนานเกินไป..
   ในอกผมเต็มไปด้วยความกระวนกระวาย  เสียงที่สั่นเครือกลายมาเป็นการตะโกนตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้  ภาพอักษรล้มลงไปในวันนั้นย้อนกลับมาที่สมองผม...ล้มลงไปพร้อมคว้าหัวใจผมลงไปด้วย  พาลให้มือที่เคาะอยู่จากเบาๆก็กระหน่ำรัว...รัวจนเจ็บนิ้ว  จนประตูที่ถูกทุบกระแทกกับวงกบเสียงดังสนั่น

   “อักษร!  อักษร!  อยู่ข้างในนั้นรึเปล่า?”

   ปึง! ปึง! ปึง!

   “อักษร!!”



   “เทียน!  ทำอะไรน่ะ?”
   ใครสักคนเรียกผมจากด้านหลัง  ผมเหลือบสายตากลับไปมองด้วยความเร็วชนิดที่ว่าดูไม่ทันหรอกครับว่าใครเรียก  แต่ก็เคาะต่อไป
   ปึง! ปึง! ปึง!
   “อักษรอาจจะอยู่ในห้อง...อักษร!  อักษร!”

   “เฮ้ย  ใจเย็น...กุญแจสำรองล่ะ  กุญแจสำรอง!!”
   “ใครก็ได้  พี่สิญจน์อยู่ไหนวะ!?”
   “มีใครเจออักษรบ้างรึยัง?”
   “กุญแจสำรองล่ะ?”
   “ฮัลโหล  ไอ้ล่า  มึงมีกุญแจสำรองห้องข้างๆห้องประชุมป่ะวะ  ไปเอามาเดี๋ยวนี้เลย"

   พอได้ยินเสียงจำนวนคนจากด้านหลังมากๆเข้าผมก็พอเดาได้แล้วว่ามันชักจะเป็นกลุ่มใหญ่เกินไปนิดหน่อย  แต่มือที่ทุบประตูอยู่ก็ไม่ยอมหยุด  แถมผมก็ได้แต่ตะโกนเรียกชื่อเขาเหมือนคนเป็นบ้า

   “อักษร!! ได้โปรด!!  เปิดเถอะถ้าคุณอยู่ข้างใน!!”




   ..ถ้าอักษรไม่ได้อยู่ล่ะ..

   ...ถ้าผมเพียงแค่เคาะไปมั่วๆแบบคนบ้า  โดยที่อีกฝ่ายไม่ได้อยู่ที่อีกฝั่งของบานประตูนี้ล่ะ...!!






   ผมคงดูเหมือนคนประสาท  แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือผมปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้
   “อักษร!!!”

   “เฮ้ยใจเย็นดิวะเทียน  รอกุญแจสำรองแปปนึง"
   ใครสักคนดึงแขนผมไว้...แต่ผมก็สะบัดมันออก  รู้อยู่เต็มอกว่านี่มันเสียมารยาทแบบสุดๆ  แต่ความร้อนรนและลางสังหรณ์ที่ไม่สู้ดีนี้ทำให้ผมตัดสินใจอะไรไม่ถูก
   “อักษร!  เปิดเถอะ!! คุณได้ยินผมมั้ย!!”
   “เทียนไข!”
   “อักษร!!  ขอร้อง  เปิดหน่อยเถอะ  ผมรู้ว่าคุณอยู่ข้างใน..อัก.......”












   เคร้ง!!












   ..เสียงนั้นทำให้บรรยากาศชุลมุนวุ่นวายเมื่อครู่เงียบลงทันตา

   …......รวมไปถึงหัวใจของผมเช่นกัน...




   “เหี้ยแล้วไง...”

   นั่นไม่ใช่ผมที่พูดก็จริง  แต่ดูเหมือนคำอุทานนั้นจะแทนความรู้สึกได้หมดทุกอย่าง
   ผมคว้าลูกบิดประตูอีกครั้งหนึ่ง  มันยังล็อคอยู่เหมือนเดิม...ผมเขย่ามันแรงๆ  เงยหน้ามองประตูที่ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆนี่อีกครั้ง...ไม่มีเสียงอะไรอีก  ไม่มีนอกจากเสียงอะไรบางอย่างตกแตกที่ดังสนั่นอยู่ข้างในที่ยังคงดังก้องไปก้องมาในสมองของผม

   ผมผละออกจากประตูบานนั้น  ไม่มีเวลาแม้แต่จะหันไปสบตากับคนอื่นๆที่ยืนอยู่ด้านหลัง  แล้ววิ่งเข้าห้องประชุม  แน่นอนล่ะว่ามันไม่ได้ล็อค...แต่ประตูที่เชื่อมห้องกันนั้นล็อคอยู่อย่างไม่ต้องสงสัย   ผมเคาะประตูบานนั้นสามครั้ง..ไม่มีเสียงตอบกลับ  และผมไม่มีเวลาคิดอีกแล้ว..ไม่มีเลย...ดังนั้นผมเลยเลือกที่จะเดินไปที่หน้าต่าง...

   “เฮ้ย!!!”

   ปล่อยให้พวกเขาตกใจไป  ผมไม่สนใจเรื่องนั้นสักนิด

   ระเบียงด้านนอกหน้าต่างไม่ได้กว้างนัก  แถมยังไม่มีราวกันตก...แต่ก็ไม่ได้แคบเกินกว่าจะลงไปได้  ก่อนที่เวลาจะไม่เหลือไปมากกว่านี้...ผมชะโงกหน้ามอง  อีกห้องหนึ่งก็มีระเบียงแบบเดียวกัน  ถึงจะมีกันแสงแผ่นใหญ่กั้นเอาไว้ก็ตาม  แต่การเหวี่ยงตัวข้ามห้องมาในวินาทีนั้นไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย




   และเมื่อผมมองผ่านหน้าต่างเข้าไป  ความร้อนที่สุมอยู่ในอกก็เปลี่ยนมาเป็นเยียบเย็น...เหมือนมีใครสักคนกระหน่ำสาดน้ำแข็งใส่จนร่างกายที่ทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมินี้ไม่ไหวแทบจะแตกออก





   “อักษร!!!!”





   ผมตะโกน  มันลั่นจนผมตกใจตัวเองเหมือนกัน
   หน้าต่างล็อคจากด้านใน  แต่เพราะตัวล็อคมันฝืดแล้วเพียงกระแทกไม่กี่ครั้งมันก็หลุด  ผมปีนข้ามมา  ผลักเก้าอี้ที่ขวางทางอยู่ล้มไป  กระโดดข้ามแจกันดอกไม้ที่แตกกระจายอยู่ตรงนั้น  ตรงเข้าไปที่ร่างๆหนึ่งซึ่งกึ่งนั่งกึ่งนอนพิงอยู่กับกำแพง

   ดวงหน้านั้นซีดเผือด  ซีดไปจนถึงริมฝีปาก
   ดวงตาคู่นั้นมองมาที่ผม  แต่มันไม่มีแววใดๆทั้งสิ้น

   “อักษร!” ผมเรียกเขา  ความตกใจทำให้ผมพรวดพราดเข้าไปหา  ลืมสิ้นแล้วทุกสิ่งทุกอย่าง "อักษร  อักษร!  คุณได้ยินผมรึเปล่า?”

   อีกฝ่ายไม่ได้ตอบ  แต่เขาขยับตัว..เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
   จากนั้นถึงเคลื่อนนัยน์ตาหลบตาผมไป...
   ผมกลืนน้ำลาย  รู้สึกทุกอย่างลนลานไปเสียหมด...เสื้อผ้าที่เขาใส่ไม่ใช่ชุดผู้ป่วย...เขาคงถอดเปลี่ยนมันไว้ที่ไหนสักแห่ง  และร่างกายนี้คงทนต่อสภาวะเช่นนี้ต่อไปได้เพียงไม่นาน
   สิ่งที่เอ่อขึ้นมาในดวงตาคือความเสียใจ
   ..ไม่ใช่เพียงน้ำตา.. 

   "อดทนไว้นะ...ผมจะพาคุณไป....”

   การรวบตัวเขาไว้ในอ้อมแขนไม่ใช่เรื่องยากสำหรับผม  ตัวเขาบางและเบาหวิว...เบาเหมือนขนนก  เบากว่าตอนที่ผมเคยอุ้มเขาตอนไปเที่ยวด้วยกันซะอีก  ผมคิดอยู่แล้วว่าเขาผอมลง..แต่ก็อดตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้



   ...แต่สิ่งที่ผมตื่นตระหนกมากกว่านั้น...คือการที่เขาใช้เรี่ยวแรงที่เหมือนจะไม่มีเหลือนั่นเพื่อขืนตัวออก...




   และถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ผลนักหรอก  แต่ผมก็ชะงักไปไม่น้อยทีเดียว
   “ษร?”

   เขายังคงเกร็งอยู่แบบนั้น  แต่ไม่ได้มองหน้าผมอีกเลย...ไม่เลยสักนิด...



   ผมอ้าปากอยากจะพูดอะไรสักอย่าง...ก่อนที่ประตูจะเปิดออก(จากกุญแจสำรอง)  พวกเพื่อนๆกรูกันเข้ามา  แล้วพวกเขาทั้งหมดก็ใช้สติปัญญาที่มีเพื่อประเมินสถานการณ์ตรงหน้า  จึงแหวกทางให้ผมเดินได้สะดวกด้วยปฏิกิริยาอัตโนมัติ  ไม่มีใครถามอะไรสักคำ...มีแต่ความช่วยเหลือที่มาได้ไม่ขาดสาย  ซึ่งอย่างน้อยที่สุดมันก็ทำลายความกระอักกระอ่วนที่ก่อขึ้นในใจนี้ได้ง่ายๆ

   ใครสักคนโทรเรียกรถพยาบาลตอนที่ผมอุ้มเขาออกมา  การไปถึงหน้าประตูโรงเรียนเป็นไปได้ง่าย  กระชับ  และรวดเร็ว...ทุกสิ่งทุกอย่างวุ่นวายจนผมไม่ทันสังเกตว่าคนในอ้อมแขนหมดสติไปตั้งแต่เมื่อไหร่ด้วยซ้ำ






   ผมประคองมือเขาไว้ตั้งแต่ขึ้นรถพยาบาล  ไม่กล้ามองว่าเจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังทำอะไรอยู่บ้าง...อันที่จริง  ผมไม่กล้าสู้หน้าด้วยซ้ำ  ไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าเขาด้วยซ้ำ...

   คนที่โดนผมทำร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า  แต่ก็ยังอดทนเรื่อยมา
   ......จนกระทั่งวันที่เปลือกแก้วใสนั่นแตกหักลง





   ภาพที่ฉายซ้ำไปซ้ำมาคือร่างเปราะบางเหมือนลูกนกนี่พยายามดันตัวผมออกสุดแรง...แรงที่ไม่มีเหลือ  แรงที่ทำได้แค่กางแขนปกป้องอาณาเขตของตัวเอง...ย้อนกลับไปที่ดวงตาเหมือนจะร้องไห้  ดวงตาที่ใสบริสุทธิ์คล้ายเด็กทารก  จนกระทั่งกลับมาที่ดวงตา...ที่ไม่ฉายแววใดๆเลยนอกจากความว่างเปล่า

   ภายในสมองของผมเหมือนน้ำแข็งก้อนหนึ่ง  เยียบเย็น..ด้านชา..นิ่งงันจนแทบไม่รู้สึกอะไร

   ...จนอยากจะไม่รู้สึกรู้สาอะไร






   ….แต่กลับปวดใจเหลือเกิน....











----------------










   ผมกราบขอโทษคุณพ่อคุณแม่ของอักษร...

   เฝ้าขอโทษ...พร่ำพูดแต่คำว่าขอโทษ...ขอโทษ...ขอโทษโดยไม่ต้องการคำว่า 'อภัย' เลยสักนิด...





   ไม่มีใครพูดอะไร  ไม่มีใครกล้าพูดอะไร...พวกเขาพูดได้ไม่เต็มปากว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของผม  และที่เขาไม่พูด..ก็เพื่อไม่ให้ผมรู้สึกแย่กว่าที่เป็นอยู่  มีเพียงองศาเท่านั้นที่นั่งร้องไห้หนักกว่าใคร  ฟูมฟายหนักกว่าใคร...แต่องศาก็ยังไม่ได้พูดว่าอะไรผมทั้งๆที่เขาสมควรพูดมากที่สุด...นั่นทำให้ผมรู้สึกแย่  แต่ก็สมควรแล้วที่เป็นแบบนี้

   ทุกครั้งที่หันกลับไปมองเขาที่นอนอยู่บนเตียงพร้อมๆกับเครื่องช่วยหายใจครอบแบบนั้นมันทำให้ผมเจ็บลึกยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด  โทษตัวเอง...ซ้ำแล้วซ้ำเล่า  มันคือความผิดร้ายแรงโดยที่ไม่มีใครจำเป็นต้องพูดหรืออธิบาย  ซึ่งไม่มีใครต้องการ
   ผมควรจะออกไปมั้ย?  หรือควรจะดั่งด้นอยู่ต่อไปแบบนี้?
   ผมอยากจะหาคำตอบให้กับคำถามนั้นเหลือเกิน  แต่คิดเท่าไหร่ก็ไม่ได้ผลลัพธ์ออกมาสักที..สิ่งที่ผมทำลงไปมันเสียเรื่องจนสมควรจะ...ไปให้ไกล...จน...ไม่มีสิทธิแม้แต่จะยืนอยู่ตรงนี้ด้วยซ้ำ



   ...ร่างกายของอักษรทรุดลงเพียงชั่วข้ามคืน...
   ...หรือบางทีเขาอาจจะอาการหนักอยู่แล้ว  เพียงแต่ไม่เคยแสดงมันออกมาต่อหน้าผม...

   …..เรื่องมันก็...เท่านั้นเอง...




   เข็มนาฬิกาส่งเสียงดังกว่าที่เคย  ทุกครั้งที่วินาทีขยับไป..หนามแหลมชิ้นเล็กก็แทงเข้ามาในอก...ทีละเข็ม..ทีละเข็ม  คอยย้ำเตือนให้ผมระลึกถึงความผิดของตัวเอง  ความผิดที่ทำให้อักษรต้องหายเข้าไปในห้องICUถึงห้าชั่วโมง  ก่อนจะได้ย้ายกลับมาอยู่ห้องเดิมพร้อมเครื่องให้ออกซิเจน
   ..อาการในอกเขาย่ำแย่เกินกว่าจะสอดท่อช่วยหายใจ..ผมจับใจความได้แค่นั้น..
   กลางอกของอักษรมีก้อนเนื้อแปลกปลอมอยู่  ก้อนเนื้อเล็กๆที่ถูกละเลยจนขยายกลายเป็นเนื้อร้ายชิ้นโตที่พร้อมจะแพร่กระจายได้ทุกเมื่อ...และตอนนี้...มันก็รุกลามมากเกินไป

   ......ที่อักษรทนมาได้ถึงตอนนี้...แค่นี้มันก็มากพอแล้ว...



   ก่อนหน้านี้ผมขอตัวเดินจากห้องเพียงเพื่อโทรไปบอกยาย  บอกท่านว่าผมมาหาอักษรที่โรงพยาบาล...และบอกแค่นั้น...ไม่มีคำว่า 'ขอโทษเรื่องเมื่อวาน' ออกจากปาก  ไม่ได้พูดถึงผลรางวัลที่ผมได้รับเมื่อเช้านี้  ไม่มีอาการร้องไห้หรือเสียน้ำตา...เสียงที่พูดก็ไม่ได้สั่นไหว  เพียงแค่เบาหวิวเหมือนทุกคำที่เอื้อนเอ่ยออกไปไม่ได้เปล่งออกมาจากปากของผมเอง

   น่าแปลกนะ..

   ...สิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นแค่ความรู้สึกด้านชา...จนแทบไร้สัมผัสใดๆ...

   



   ...หรือบางที...อารมณ์ที่ปะทุอยู่ในอกตอนนี้มันคงจะเลยคำว่า 'เสียใจ' มานานแล้ว...






   เสียงเข็มนาฬิกาก็ยังคงดังต่อไป...
   ผมเองก็ยังคงมีลมหายใจ...ทุกคนที่อยู่ตรงหน้าก็เช่นกัน...



   ทุกสิ่งทุกอย่างในบริเวณนั้นมีแต่ความเงียบ  ผมนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่มุมห้อง...มองอักษรที่นอนอยู่บนเตียง...พ่อแม่ของเขาก็นั่งอยู่ข้างๆเตียงโดยไม่พูดอะไร  องศาน่ะเหรอ...ร้องไห้จนหลับไปอยู่ในห้องรับรองแล้วล่ะ  ส่วนเพื่อนของเขาที่ผมไม่รู้จักก็หายหัวไปเลยทันทีที่เขาหลับ  ซึ่งก็เป็นสิ่งที่สมควรแล้ว

   มันเป็นเวลานาน  นานจนตะวันลับขอบฟ้าตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้..



   ตอนหนึ่งทุ่มตรงคุณหมอก็เดินเข้ามา  ผมแทบไม่ได้ขยับตัวนอกจากเงยหน้ามองเท่านั้น
   เขาตรวจอาการอักษรคร่าวๆ  เหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง...แต่ไม่ใช่อะไรที่แย่นักหรอก  เพราะพ่อกับแม่ของอักษรฉีกยิ้มออกมาในที่สุด...ซึ่งถึงแม้มันจะเป็นรอยยิ้มที่ไม่แจ่มแจ้งนักแต่ก็ทำให้ผมผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก  เหมือนเพิ่งจะได้หายใจทั่วท้องเป็นครั้งแรกของวัน

   คุณหมอเดินออกจากห้อง

   คุณพ่อของอักษรมองนาฬิกา  หันไปคุยกับภรรยาของเขาด้วยรอยยิ้มเล็กๆ  ก่อนจะหันมามองผมเป็นคนสุดท้าย
   “เดี๋ยวอาลงไปซื้ออาหาร  เทียนเอาอะไรมั้ยลูก?”

   คำถามนั้นทำให้ผมเด้งพรวดลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ทันที

   “เดี๋ยวผมลงไปให้เองครับ" ผมพูด  คิดว่าเอ่ยมันออกไปโดยไม่ติดขัดสักนิด "คุณ...อา...จะทานอะไรดีครับ?”
   ..ผมชมตัวเองอยู่ในใจ  ประโยคนี้ดี..ดีเท่าที่สุดที่ผมเคยพูด..

   พวกท่านยิ้มให้ผม  สั่งกับข้าวมื้ออร่อยมาเรียบร้อยเป็นลิสต์รายการ  มันทำให้ผมโล่ง..โล่งขึ้นเยอะทีเดียว  ผมพยักหน้ารับคำนั้น..คิดว่าคงมีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่จะซื้อมาผิด  ก่อนจะเดินออกจากห้อง




   โรงพยาบาลในเวลานั้นก็ยังมีคนอยู่  แถมเยอะกว่าตอนกลางวันเสียอีก...อาจจะเพราะคุณหมอส่วนใหญ่เข้าเวรหลังหกโมงขึ้นไป  และเป็นช่วงเวลาเลิกงานพอดี...ลานอนุเสาวรีย์มีคนนั่งอยู่ประปราย..ส่วนใหญ่ก็นั่งพักผ่อนทานอาหาร  อากาศวันนั้นเย็น..ติดจะเยียบเย็นเกินไปเสียหน่อย  ไฟประดับประดาตามต้นไม้ราวกำลังรับเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะเข้ามาดูแปลกตา...ก็แต่งดงามไม่น้อยทีเดียว

   ผมเดินไปตามทางเดินทอดยาวถึงโรงอาหาร  การเปลี่ยนบรรยากาศออกมาเดินข้างนอกบ้างทำให้ผมรู้สึกใจเย็นลง  ถึงไม่มีใครบอก...ผมก็พอจะเดาได้ลางๆว่าอักษรพ้นขีดอันตรายแล้ว  และมันคือของขวัญที่ยิ่งใหญ่กว่าอะไรทั้งหมด



   “อะ! คุณคะ!”

   เสียงหนึ่งเรียกมาจากอีกฟากหนึ่ง  ผมชะงัก..หันไปมองด้วยปฏิกิริยาอัตโนมัติ

   ผู้หญิงคนหนึ่งโบกมือเรียกผม  เธอท่าทางลุกลี้ลุกลนไม่น้อย...และกว่าที่ผมจะจำเธอได้เธอก็ถือดอกกุหลาบหนึ่งดอกมาให้เสียแล้ว
   “นึกว่าวันนี้คุณจะไม่มาซะอีก"
   เธอยิ้ม  และผมมองดอกกุหลาบสีขาวเพียงดอกเดียวที่อยู่ในมือของเธอ
   “...เอ๊ะ?”
   “ฉันเก็บไว้ให้ค่ะ" เธอบอก  ยัดเยียดสิ่งนั้นใส่มือผมโดยตั้งใจ "พอดีฉันเก็บร้านแล้ว  เห็นว่าเมื่อเช้านี้คุณไม่ได้มาก็เลย...เหลือแค่ดอกเดียว  โชคดีจริงๆที่เจอกันก่อน"
   ผมมองเธอ  และเธอก็มองผม
   ผมคิดว่าควรจะพูดอะไรสักอย่างกับเจ้าของร้านดอกไม้คนนี้  แต่ไม่ได้เอ่ยมันออกไป
   อีกฝ่ายกระพริบตา “ขอโทษนะคะ..ฉัน...ทำอะไรผิดไปรึเปล่า?”

   “ไม่หรอกครับ  คือ...”
   ผมพยายามจะยิ้ม  จะยิ้มจริงๆนะ..เพียงแค่กล้ามเนื้อที่แก้มมันฝืดมากเท่านั้น
   "ขอบคุณมากนะครับ"

   ..ไม่มีคำใดที่จะพูดออกไปได้อีกแล้ว..
   มันเป็นความเงียบที่ผมได้แต่มองดอกกุหลาบในมือ...อาจเพราะตกดึกมาแล้วก็เป็นได้ทำให้มันบานออกกว่าที่ผมเคยซื้อ  แต่ละกลีบดูบอบบางราวกับพร้อมจะหลุดร่วงลงไปเมื่อผมสัมผัส...

   พอผมจะหยิบกระเป๋าเงิน  เธอก็บอกว่าไม่ต้องก็ได้  และขอให้เขาหายไวๆ
   ผมขอบคุณเธออีกครั้งหนึ่ง
   เธอยิ้ม  หมุนตัวจะเดินจากไป  แต่ก็ชะงักและหันกลับมา



   “เอ่อ...ฉันไม่รู้หรอกนะคะว่าคนที่คุณเป็นห่วงขนาดนี้เป็นใคร...”

   เธอก้มหน้าลงเหมือนอยากจะขอโทษ

   "ขอโทษนะคะถ้าเข้าใจผิดหรือ..เอ่อ..แสดงความคิดเห็นมากไปหน่อย....เพราะไม่ใช่แค่เพียงดอกไม้  แต่ทุกครั้งที่คุณมา...คุณดูเศร้าและ...ดูมีความสุข...ฉันเป็นคนนอก  แต่ฉันก็พอจะดูออกว่าคุณให้ความสำคัญกับเธอคนนี้มาก  และวันนี้คุณดูเศร้าเป็นพิเศษ  เพราะฉะนั้น...ฉันอาจจะคิดไปเองก็ได้นะคะ  แต่....”



   “...แค่เพียงได้รับดอกไม้จากคุณ  ฉันเชื่อว่าเขาต้องมีความสุขมากแน่ๆเลยล่ะค่ะ"





   ..ดวงหน้าอักษรเข้ามาในความทรงจำของผม..
   เขามีรอยยิ้มหลายแบบ...แต่ทุกครั้งที่ผมมองเขา...ก็จะมีรอยยิ้มเสมอไม่ว่าจะเป็นรอยยิ้มแบบไหน..


   ..รอยยิ้มบังหน้า..
   ..รอยยิ้มฝืนๆ..
   ..รอยยิ้มที่มาจากส่วนลึกของหัวใจ..
   ..รอยยิ้มที่ใสบริสุทธิ์จนไม่มีอะไรเจือปน..


   และเพราะเขายิ้มเสมอเช่นนั้น...สิ่งที่ปวดหัวใจมากที่สุดคือการที่เขาทำหน้าเฉยชา...ราวกับว่า 'หน้ากาก' ที่แสนเข้มแข็งนั่นแตกสลายลงไป...

   ตัวตนที่บริสุทธิ์และเข็มแข็งกำลังจะหายไป...
   ...ด้วยน้ำมือของผมเอง...



   หลายเหตุผลในสมองกำลังตบตีกันอย่างเอาเป็นเอาตายจนปวด  ทั้งเหตุการณ์และภาพความทรงจำทุกอย่างย้อนกลับมาตีแสกหน้า  เสียงของใครสักคนดังก้องอยู่ตลอดเวลาว่า...ที่ผ่านมา...อักษรมีความสุขจริงรึเปล่า?



   "..ค-คุณคะ?”

   เธอเรียกผม  สีหน้าดูเป็นห่วง
   ผมยกมือแตะที่แก้มตัวเองอีกครั้ง...ไม่มีน้ำตาไหลออกมา "...ขอโทษครับ"
   “เป็นอะไรรึเปล่าคะ?”

   ผมยิ้มให้เธอ  ส่ายหน้า...ก้มลงมองดอกกุหลาบสีขาวเพียงดอกเดียวที่อยู่ในมือ...








   …ผมจะทวง 'รอยยิ้ม' นั่นกลับมาให้ได้...



   ….ผมสัญญา...










TBC





ออฟไลน์ ozaka

  • ตัว "โอ" เป็นอะไรได้มากกว่าที่คุณคิด
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1818/-38
    • ozaka's blog




===========================


ตอนนี้ไม่ได้เศร้าหรอกค่ะ แค่หน่วงๆเท่านั้น  :mew2:




เคยมั้ยที่อึดอัดจนปวด
เคยมั้ยที่บางครั้งแค่ความรู้สึก..ก็ยังส่งไปให้ถึงไม่ได้

กลับไปอ่านคอมเม้นท์ปรารถนารักฯอีกครั้งหนึ่ง กลับมามองตัวเอง ถึงได้รู้ว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ
ทั้งเรื่องตั้งสมาธิในการเขียน  ทั้งเรื่องความใส่ใจ..คิด..ในทุกๆตัวอักษรที่เขียนลงไปแบบนี้
แม้บางครั้งจะถ่ายทอดได้ไม่สมดั่งที่ใจหวัง แต่ก็มีหลายคนที่รับรู้มันได้
...และใส่ใจกับมัน
เพียงแค่นั้น คนเขียนคนนี้ก็รู้สึกตื้นตันมากแล้วจริงๆค่ะ

เพราะว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องรักซึ้งๆ (ยังคงหลีกเลี่ยงคำว่าเศร้าอยู่ค่ะ อุอุ)
และที่ผ่านมาเขียนเรื่องแบบหักมุมแล้วหักมุมเล่ามาตลอด(แถมยังซับซ้อนจนอยากกัดลิ้นตายอีก ถถถถ)
กอปรกับยังเป็นผู้มีความสามารถพิเศษในการดองนิยายอีกต่างหาก!
ทั้งหมดทั้งมวลเป็นองค์ประกอบให้ผู้อ่านทั้งหลายสมควรลงทัณฐ์นังโอละไมด้วยการเลิกอ่าน ;v;///
เลยดีใจมากกกกกกก ที่ยังเห็นนักอ่านหลายๆคนจำกันได้  :hao5:
ดีใจมากจริงๆนะ



ขอบคุณที่ยังอยู่ด้วยกันนะ!

ทอล์คแบบนี้ควรจะเอาไว้ท้ายเรื่องเลยเนอะ ฮ่าๆๆ :hao7:




ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์ค่ะ


ozaka*







 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:



ปูลู. เอาละ มาฟาดฟันกันเถอะสหายเอ๋ยยยย
ปูลู2. ฝนตกอากาศเย็น บิวท์ให้อ่านเลยเนาะ ว่ามะๆๆ >///<

tamahomae

  • บุคคลทั่วไป
 :mew2: :mew2: หน่วงจริงๆค่ะ ฮือๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12
ทวงกลับมาให้ได้นะ  :monkeysad:

ออฟไลน์ NOoTuNE

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3255
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +317/-15
ถ้า แสงของเทียน จะต้องดับลงจริงๆ บอกเลยว่าคงจิตตกไปหลายวัน

aphro_dite

  • บุคคลทั่วไป
นี่สิคือ "ดราม่า"

โอยยยยยยยยยยยยยยยยยย ไอ้บ้า!  :z3:
ไม่เคยอ่านนิยายเรื่องไหนแล้วรู้สึกว่าจะตายทุกตอนขนาดนี้เลย ฮือออออออออ
เทียนนนน สู้เค้านะลูกขา ไม่รู้ว่าตอนนี้อักษรกำลังคิดอะไร รู้สึกยังไง แต่ขอให้เทียนทวงคืนรอยยิ้มของอักษรกลับมาให้ได้โดยไม่ต้องผ่านศาลฎีกานะลูก (เพราะว่ามันจะยาวนานมากถ้าต้องผ่านกระบวนการปกครอง  :katai4:)
ฉันไม่เคยเจอพระนายคู่ไหนดูย่ำแย่เท่าเรื่องนี้ละ คนนึงก็ป่วยจนหมดสติแต่ยังจะหนีออกจากโรงพยาบาล อีกคนก็หน้าซีดปาดซีดร้องไห้จนหมดหล่อ โถถถถ ถ้าความรักจะทำให้อาการหนักขนาดนี้ล่ะก็นะ ...

ตอนต่อไปควรจะเคลียร์กันบ้างอะไรบ้างนะคะ เทียนไข อักษร คนเรามันรักกันน่ะต้องคุยกันนะรู้มั้ย? #คำแนะนำจากคนที่โสดสนิททั้งชีวิตน่ะเอ้า

สู้ๆนะคะ ทุกคนเลยนั่นแหละ  :mew1:

ความรักเหมือนดอกมะนาว

  • บุคคลทั่วไป
คุณโอ อยากให้เรื่องนี้ไม่มีใครตาย ขอได้มั๊ยอ่า พลีสสสสสส

การที่คนสองคนใจตรงกัน จะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก แต่เทียนไขที่ไม่เคยรู้จักคำว่ารัก รักเป็นแล้ว
ก็อยากเห็นเค้าเป็นคนรักด้วยอ่า

จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ



ออฟไลน์ SenzaAmore

  • Where troubles melt like lemon drops....
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 713
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +79/-0
 :katai1: หนูเครียดดดดด ทำไมถึงถึงทำกับชั้นด้ายยยยย  :ling1:
สงสารอักษร เทียนต้องทำเพื่ออักษรเยอะน้าาาา ฮืออออมันหน่วง :o12:
มาต่อเร็วๆน้าา :mew1:

PAAPAENG~

  • บุคคลทั่วไป
จะบ้าตาย...
...สมควรแล้วที่โหวตเรื่องนี้ให้เป็นนิยายสุดโศก!
โอ้ยยยยยย ใจเสียไปเลยตอนอักษรมีปฏิกิริยาแบบนั้น
อยากอ่านต่อจริงๆนะ อยากอ่านมาก
คืออยากรู้ว่าจริงๆแล้วอาการอักษรเป็นยังไงกันแน่
เครียดว่ะโอ...พี่เครียดจริงจัง!!

แต่ขอบอกเลยว่าอ่านตอนนี้แล้วรักกลอนมาก
เทียนไข...อย่าลืมไปตอบแทนกลอนนะ!
#ด้วยพี่ปีใหม่เป็นไง หึหึ

ออฟไลน์ ❥ʞαxiќɒ。

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
เราไม่เลิกอ่านแน่ๆค่ะ! รอได้เสมอ♥ จะตามไปจนสุดล่าฟ้าเหลือง..เอ๊ย! เขียว.. 5555
เข้าใจว่าคนเขียนยุ่งและกว่าจะแต่งได้แต่ละตอนคงต้องเค้นระเบิดอารมณ์(ดาร์กๆของอิเทียน)ที่มีออกมา! 555555
ชอบมากจริงๆ! เรียกว่าแทบจะคลั่งเลยก็ได้กับเรื่องนี้ 55555555
อักษรเข้ามาเป็นเคะน้อยอันดับสองในดวงใจที่รักที่สุด (อันดับหนึ่งให้น้องกลอน แอร๊ย >//<)
(บางคนอาจจะไม่ได้เลิกอ่านก็ได้นะคะ อาจจะรอให้จบก่อนแล้วค่อยอ่านทีเดียวจะได้ไม่ค้าง อย่าคิดมากนะคะ สู้ๆ! T^T)

สงสารเทียนมาก!! ไม่ไหวแล้วว ;___;
ตอนที่เทียนเคาะประตูแล้วพูดขอโทษไปด้วยนี่มั้นแบบ... โฮฮฮฮฮฮฮฮฮ น้ำตาไหลตอนนั้น.. ;____;
ยิ่งเห็นอักษรในสภาพแบบนั้นแล้วมัน.... จึ๊ก! T^T
อักษรคิดอะไรอยู่กันนะตอนนั้น.. นึกไม่ออกเลยจริงๆ แต่ก็เจ็บตามไปด้วย..
อยากจะเข้าไปกระโดดกอดปลอบทั้งเทียนทั้งษร..

แอบชอบคนขายดอกไม้ เธอน่ารักอ่อนโยนและเป็นคนดีมากๆเหมาะแก่การขายดอกไม้จริงๆ ><

ดีใจที่อักษรพ้นขีดอันตราย.. ถ้าอักษรเป็นอะไรไปตอนนี้เทียนต้องโทษตัวเองมากแน่ๆ..
ชีวิตเทียนจะน่าสงสารเกินไปแล้วถ้าเป็นอย่างนั้น UU
หลังจากฟื้นขึ้นมาคงจะหวานสินะ... สินะคะ... ;__;
เทียนทวง 'รอยยิ้ม' ของอักษรคืนมาให้ได้นะ! ไม่อยากเห็นอักษรเป็นแบบนั้นแล้วเหมือนกัน YY
อยากให้ทั้งเทียนทั้งษรมีความสุขกันจริงๆซักที ♥

รักน้องกลอนที่สุดที่สุดของที่สุดเลยย!!!
ซึ้งกับคำพูดและการกระทำของน้องกลอน : )
คิดถึงมากๆ♥

ปล. อัพได้ถูกจังหวะเน็ตกากติดๆดับๆพอดีเลยค่ะ 55555 กว่าจะเปิดเข้ามาอ่านได้เกือบคลั่งตาย! T[]T

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Redz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
แอร๊ยนึกว่าจะไม่มาต่อ เร็วๆนี้ซะละ กะจะโหวตให้เป็น นิยายดองเค็มแห่งปีซะหน่อย  :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ Fish129

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 746
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-3
เครียดไปแล้วเรื่องนี้

อักษรอย่าเป็นอะไรเลยนะ


กลอนโผล่มาด้วย คิดถึงพี่ปีใหม่เลยนะเนี่ย

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
บีบหัวใจสุดๆ หายใจยังลำบากเลย

ออฟไลน์ isBelle__

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
อักษรอาการดีขึ้นแล้วนะ หวังว่าคงไม่มีอะไรร้ายๆเกิดขึ้นหรอกเนอะ เทียนสัญญาแล้วว่าจะทำให้อักษรกลับมายิ้มได้

อยากบอกว่าตอนเทียนเรียก ษรครับ ษรครับ เราใจละลายเลย ละมุนมากก อย่าให้อะไรมันสายไปเลยนะ เทียนอยู่ข้างๆอักษรน่ะดีแล้ว

Yukisae

  • บุคคลทั่วไป
ซึ้งจนน้ำตาท่วมไปหลายรอบ กระซิกๆ
อักษรจะเป็นยังไงบ้างเนี่ย
เทียนเอารอยยิ้มของอักษรคืนมาให้ได้นะ
กลอนอย่างเท่ห์เลย คิดถึงเดียร์ด้วย
สู้ๆค่ะคุณโอ

ออฟไลน์ krit24

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
ทำไมมันหน่วงแบบนี้เนี่ย ขอร้องอย่าจบเศร้าเลยนะคะ :mew2:

ออฟไลน์ raluf

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 499
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
น้องอักษรของพี่ กลับมาเหมือนเดิมไวๆนะ อ่านตอนนี้แทบจะขาดใจตายอยู่แล้ว

ออฟไลน์ NewYearzz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2544
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +346/-2
ขออวยพรอะไรสักนิดให้เทียนไขในเวลานี้

ขอให้ปรารภนา"รัก"..เป็นดั่งใจ นะเทียน  :กอด1:


รอวันฟ้าใสจะกลับมาสู่ทุกตัวละครอีกครั้งนะครับ  :L2:

ออฟไลน์ KilGharRah

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 856
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +169/-0
เทียนนนนน เอารอยยิ้มของอักษรคืนมาให้ได้นะ  :mew2:

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
พลีสสสสสสสสสส ขอให้อักษรหายป่วยด้วยเถอะ
อ่านแล้วกลัวมาก ไม่อยากให้เกิดเรื่องขึ้น

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด