“ถ้ามึงจะกลับไปทำงานที่บ้านหรือว่าจะไปเรียนต่อก็ไปเถอะ”ผมบอกมันเอามือมันกอดเอวให้แน่นขึ้น
“อนุญาตแล้วเหรอ หืม”มันพูดขำๆ ผมพยักหน้าหงึกๆ
“ก็ที่บ้านมึงไม่มีใครนี่นา พี่อ้อก็เหนื่อยมามากแล้วสมควรที่จะได้พักบ้าง ถึงจะมีพี่หลิว แต่แกก็ต้องดูแลพี่ตวงที่อีกหน่อยก็จะมีเจ้าตัวเล็กๆออกมาอีก และมึงจะได้ไปอยู่ใกล้ๆหลวงพ่อด้วย พักนี้ท่านอาพาธบ่อยไม่ใช่เหรอ”ผมจับคางมันลูบไปมา
“แล้วมึงล่ะ ไม่คิดว่ากูทิ้งมึงเหรอ”มันถามผมแก้มแนบถูเบาๆ
“ไม่หรอก เพราะที่ผ่านมามึงทำให้กูเห็นแล้วว่ามึงไม่เคยทิ้งกูสักครั้ง และครั้งนี้มึงก็แค่ไปทำหน้าที่ที่มันสมควรแค่นั้นเอง คิดถึงกันก็โทรหากันได้ ปิดเทอมกูไปหามึงก็ได้ ขับรถฟิ้วเดียวก็ถึงแล้ว”ผมพูดเสียงเหมือนจะร้องไห้ในตอนแรกแต่ขำๆปลอบใจตัวเองตอนหลัง
“อยู่ได้ไหม ถ้าไม่มีกู”มันจับหน้าผมไปหา ผมดีดปากมัน
“มึงพูดเป็นลางอีกแล้ว กูรู้ว่าคนเราวันหนึ่งก็ต้องตาย แต่อย่าเพิ่งมาพูดเวลานี้ได้ไหม”ผมเอ็ดมัน
“มึงนั่นแหละคิดมาก กูหมายถึงหลังกูเรียนจบแล้วต่างหาก”มันก็เอ็ดผมกลับมั่ง
“อยู่ได้สิ ถึงจะไม่รู้สึกดีเท่ามึงอยู่ด้วยก็เถอะ”พูดจบปุ๊บมันก็จูบปั๊บ ผมก็ตอบรับสิครับ เวลานี้ไม่ว่าอะไรผมก็จะกอบโกยเอาไว้ให้หมด ผมรู้ว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ก็แค่มันเรียนจบและเราไม่ได้เจอไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่สำหรับคนรักกันเวลาที่ต้องห่างกันมันก็อดที่จะคิดถึงโหยหาไม่ได้ ผละออกมันมองหน้าผมและพูดออกมา
“ถ้ากูบวชแล้วไม่สึกล่ะ”มันวกกลับไปเรื่องบวชอีกแล้ว มึงจะปลงชีวิตหรือไง
“ส้นตีน กูนึกว่าจะพูดอะไรที่มันซึ้งๆหวาน”ผมกระเถิบลงจากตักยกตีนให้ ก่อนจะขึ้นไปนั่งใหม่” กูว่าเราคุยจบไปแล้วนะเรื่องบวช มึงควรจะชวนกูไปเบียดมากกว่านะ”ผมปรับอารมณ์ตามมันไม่ทันเลย
“ตอบกูก่อน”มันยักไหล่ให้ผมตอบมัน
“กูก็อนุโมทนาไง ไม่ต้องกลัวว่ากูจะขัดขวางเส้นทางสายใหม่มึงหรอก”ผมตอบกลับอย่างอดหมั่นไส้ไม่ได้
“แล้วมึงจะมีผัวใหม่ไหม”อั๊ยยะ ผัวอีช่างถาม
“งั้นมึงไม่ต้องไปบวชหรอก”ผมตอบแบบเซ็งๆ
“ไหนมึงอนุโมทนาไง”มันย้อนใส่
“ก็นี่ขนาดมึงยังไม่บวช ยังห่วงว่ากูจะมีผัวใหม่ไหม คนถ้าจะบวชเขาต้องตัดทางโลกให้หมด ถ้ามึงมีกิเลสอยู่ก็ไม่ต้องคิดเรื่องบวชไม่สึกหรอก บวชเอาพรรษาให้รอดก่อน ห่าราก”ผมจิ้มหัวจิ้มแก้มมันหลายๆทีเลยเอาให้พรุนซะ
“เหรอ”มันทำหน้าตาเฉย
“แล้วมึงจะถามเพื่ออะไรวะ หมด อารมณ์โรแมนส์กูหดหมด”ผมเอามือทึ้งหัวมันไปมา
“กูก็ถามให้มึงตอบไง”มันแหย่ต่อ
“แล้วมันใช่เรื่องที่จะถามหลังจูบกันเหรอ ห๊ะ”ผมทุบอกมัน
“มึงจะให้กูถามหลังเบียดมึงเหรอ ห๊ะ”มันก็ถามกลับมั่ง
“มึงไม่ต้องถามก่อนและหลังอะไรทั้งนั้นแหละ”ผมตีมันอีก มันก็ขำๆ ผมอดขำตามไม่ได้เพราะยังหาสาเหตุไม่ได้ว่าวกกลับมาเรื่องนี้ได้ไง ฮ่วย
“ไผ่ ไผ่”เสียงเรียกทำให้หันไปมอง ผู้หญิงวิ่งตรงมาทางพวกผม ใส่เสื้อเอวลอยกางเกงสั้นกุดอวดเรียวขา
“ไผ่จริงๆด้วย”เป็นสาวไทยแต่ย้อมผมสีบร์อน เหมาะกับหน้าดีครับ
“มึงรู้จักเขาเปล่า”ผมสะกิดถามมัน ที่ยังเงียบไม่รู้ว่าอึ้งทรวดทรงเขาหรือนึกไม่ออก เดี๊ยะกูจิกตาหลุดเลย
“จำไม่ได้เหรอ แซมมี่ไง”ชี้เข้าหาตัวเอง ก่อนจะเอียงคอมอง “เราเรียนไฮสคูลที่xxxxด้วยกันไง”เธอพยายามรำลึกให้มันฟัง
“เพื่อนแซนด้าหรือเปล่า”มันถามกลับ ฝ่ายนั้นพยักหน้าทันที ใครอีกวะแซนด้า
“เยส แซนด้าก็มานะ แล้วไปไงมาไงเนี่ยะ เชื่อแล้วโลกกลมจริงๆ”พอจำได้รีบบอกต่อ กูนั่งตักอยู่นึกว่าตุ๊กตายางไงวะ ผมเริ่มจิกแขนมันให้รู้ถึงพลังงานการมีตัวตนของผมทันที
“อืม โทษทีพอดีกลับมาหลายปีแล้วเลยจำไม่ค่อยได้”มันบอกเพื่อนที่น่าจะเก่ามาก อีกมือก็จับแขนผมให้รู้ว่ากูสัมผัสได้ว่ามึงนั่งอยู่ ก่อนจะได้ตอบอะไรก็มีเสียงมาขัดซะก่อน
“แซมมี่ ยูไม่รอไอเลยนะ ปล่อยให้ไอ เฮ้ ไผ่ ยูจริงๆด้วย” แล้วไม่ไปหายาแก้ไอแดกปล่อยไว้ทำไม หมั่นไส้ และนี่ก็ไอ้ไผ่จริงๆน่ะสิเห็นเป็นตอหม้อหรือไง
“ฉันบอกจูเลียแล้วนิ ว่าจะเดินมาทางนี้ก่อน”ยักไหล่ตอบอย่างไม่สนใจ จูเลียผมสีน้ำตาลทองยืนอมยิ้ม น่าจะเป็นสาวลาตินแน่ๆ ผิวสีน้ำผึ้ง ตาคม ดูเป็นมิตรเพราะเธอยิ้มให้ผม สองคนนี้กูกาหัวไว้ก่อนว่ากิ๊กเก่าผัวหรือเปล่า จิกตามองมันก็ยกยิ้มมีจับไม้จับมือ มึงไม่จับนมไปเลยล่ะยื่นแม่งจะเข้าปากกูอยู่แล้ว หมั่นไส้ใหญ่ไปไหน แซนด้าถลาจะหอมแก้มด้วยแต่ผมแกล้งยกมือบิดขี้เกียจกันไว้ก่อนจนหล่อนเกือบหงายหลัง ไม่ได้แกล้งนะ มองหน้าผมจิกนิดๆ เดี๊ยะตะปบซะนี่
“แล้วมาได้ไง”แซมมี่ถามต่อ จ้องหน้ามันส่งยิ้มหวานๆมาให้ มันอ้าปากแต่ผมจิกเล็บซะก่อน
“มาเครื่องบิน ต่อรถมาลงเรือ”อยากไม่สนใจกูดีนัก เล่นเอาอ้าปากเหวอ แต่จูเลียเหมือนจะดูออกเอามือปิดปากขำๆ อย่าบอกนะฟังภาษาไทยรู้เรื่อง
“ตาย น้องไผ่เหรอพูดกวนจังเลย เมื่อกี้ก็ทีและ”แซนด้าทำเสียงใส่
“เมีย”ผมตอบกลับสั้นๆ ทำเอาอ้าปากหวอกว่าเดิม ก่อนจะหุบและยักไหล่
“ไม่แปลก แต่ก่อนไผ่ก็เป็นแฟนเอริธ์อยู่”แซมมี่พูดเหมือนจะเยาะ
“ไม่ได้เป็นแฟน เพื่อนเฉยๆ”มันแก้ความเข้าใจให้ใหม่
“เหรอ เพื่อนจริงน่ะ แบบไหนน้า”แซนด้าทำเสียงล้ออย่างรู้อยู่แล้วว่าอะไรเป็นอะไร
“แบบเซ็กส์เฟรนด์ไง เข้าใจไหม”ผมบอกยิ้มๆ จูเลียทำตากรอกไปมา แล่บลิ้นใส่สองคนนี้ด้วย แต่ยกนิ้วให้ผม
“โอเค เก็ทแล้ว”แซนด้ายักไหล่ “แล้วพักที่ไหนกันเหรอ คืนนี้ปาร์ตี้ด้วยกันไหม”ถามและชวนไปงานที่เกาะจัดขึ้นคล้ายๆปาร์ตี้ฟูลมูนแต่ไม่ใหญ่เท่า เป็นการเลี้ยงขอบคุณแขกที่มาเกาะนี้
“พักใกล้ๆนี่แหละ แต่ปาร์ตี้ดูก่อน”มันตอบเลี่ยงๆไม่ให้เสียน้ำใจ
“เมียยูจริงๆเหรอ”แซนด้าวกกลับมาถามอีก
“อืม คนเดียวนี่แหละ”มันพยักหน้าตอบใส่ ผมเลยหันไปจูบปากมันเป็นการยืนยันอีกที
“ว้าว วิ้วว”เสียงจูเลียเป่าปากชอบใจ ปรบมือด้วย สองคนหันไปมองก็ไม่สนใจ ก่อนจะมีชายหนุ่มสองคนเดินมาหน้าตาคมเข้ม หนึ่งในนั้นโอบไหล่และหอมแก้ม จูเลียหอมกลับและกระซิบอะไรบางอย่างทำเอาหัวเราะกันสองคน น่าจะเป็นแฟนเธอ ก่อนจะแนะนำตัวเองและทำความรู้จักผมกับไอ้ไผ่ด้วย นี่เขาเรียกคนมีมารยาท แล้วก็คุยกันต่อก่อนจะลาแต่ยังไม่วายชวนไปงานอีก
“ไปให้ได้นะ นานๆเจอกัน”แซมมี่ย้ำจับแขนมันที่ตอนนี้เราลุกยืนกันแล้ว จูเลียก็ชวนผมเหมือนกัน
“ไม่รับปาก คนเยอะไม่ค่อยชอบเท่าไร”มันกอดไหล่ผมให้เข้าไปใกล้เมื่อเห็นว่าคุยกับเทเลอร์อย่างออกรสอยู่ ส่วนแฟนจูเลียชื่อฮาร์เวริด์ ผมมองหน้ามันที่สบตาเฉยๆแต่มือเลื่อนลงมาโอบเอวแสดงความเป็นเจ้าของ ผมก็กอดกลับไปเหมือนกัน
“กลัวเมียก็พูดมาเถอะ”แซนด้าพูดใส่
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้”มันยกยิ้ม ถูกใจกูอีกแล้ว จัดเต็มไปเลย สองสาวดูจะขัดใจนิดหน่อยที่ผัวผมไม่ช็อต ผมยิ้มก่อนจะได้เวลาแยกกันสักที
“กิ๊กเก่ามึงเปล่าวะ”ผมถามมันขณะเดินกลับบ้านพัก
“จำได้ว่าไม่ใช่”มันยักไหล่ กอดคอผมโยกไปมา
“จำไม่ได้หรือฟันแล้วไม่เคยจำ”ผมย้อนใส่
“งั้นมั้ง”มันตอบ”จำได้แค่มึงก็พอแล้ว”พูดต่ออีกเลยหมดคำถาม ผมอมยิ้มก่อนจะกระโดดขี่หลังมันที่ย่อตัวรับทันที อย่างนี้สิเขาเรียกว่า ผัวย่อขาเมียขึ้นขี่ ฮี่ฮี่ แล้ววิ่งฮี้ๆๆๆๆกลับไปปี้ เอ้ย กลับห้องกัน คิดอะไรออกไปอีกแล้ว
/
/
/
ตอนนี้เรามาเดินแถวๆจัดงานกันครับ เลี่ยงมามองดูพลุที่เขาจุดกัน มีดนตรีขับกล่อมชวนให้ออกไปเต้นรำ ผมนั่งฟังนั่งมองเพลินดีเหมือนกัน เมื่อกี้เจอเพื่อนมันอีกคะยั้นคะยอให้ร่วมโต๊ะด้วย แต่กลุ่มใหญ่เลยครับ เราก็อยู่คุยกันนิดหน่อยก่อนจะขอตัวบอกว่าผมไม่ค่อยสบาย อ้าว มึงเป็นแต่มาแช่งกูซะนี่ ให้อภัยเพราะกูก็ไม่อยากสมาคมด้วย นอกจากจูเลีย ฮาร์เวริด์ เทเลอร์แล้ว นอกนั้นดูไม่ค่อยน่าคุยน่าคบเท่าไรเพื่อนฝรั่งบางคนผมไม่แน่ใจว่าอัพยากันด้วยหรือเปล่า มีอยู่คนแซวผมและพยายามจะถึงเนื้อถึงตัว มันก็กันตลอดก่อนจะขอตัวเพราะไม่อยากปลอกฝรั่งแบบกระท้อน
“มึงคิดว่าพวกนั้นจะตามมาไหม”ผมถามอดจะกังวลไม่ได้
“ไม่หรอก เมื่อกี้แฟนจูเลียบอกกูแล้วว่าไม่ต้องกลัว เดี๋ยวเขาจัดการเอง กิ๊กมึงก็ยืนยันด้วย”มันบอกแต่มีเหน็บนิดๆ
“สัด มึงนั่นแหละ คิดจะมอมเหล้ากูและไปหาใช่ไหม”ผมบิดแขนมัน ก่อนจะกระดกขวดเบียร์ย้อมใจเตรียมมีเรื่องกับผัว
“อะไร ร้อนตัวไง”มันแหย่ผมเอาลิ้นดุนแก้มตัวเอง ผมเบียดเข้าหาโน้มคอมันลงมาจูบปล่อยเบียร์ไหลไปในปากมัน จนย้อยออกข้างไล่เก็บกวาดเลียจนเรียบ มันก็ทำมั่ง ก่อนจะผละมองหน้ากัน มันตวัดผมเข้าไปกอดและจูบอย่างเร็วทำเอาหายใจหายคอไม่ทันกับจูบและสัมผัสที่บีบเค้นไปทั่ว กูก็ใส่เสื้อผ้าเป็นใจเหลือเกินดึงพรวดเดียวก็เปลือยได้แล้ว นี่ผมคิดไปไหนวะมันยังไม่ได้ถอดสักหน่อยแค่ลูบไปมาเท่านั้นเอง
“อืม พี่ไผ่”ผมครางเรียกคนตัวโตที่อุ้มผมขึ้นจนหลังพิงต้นมะพร้าว ช่วงล่างเบียดเสียดกันไปมา ขวดเบียร์ที่ตอนนี้มันยัดให้ผมถือเรียบร้อยแล้วจะได้จูบถนัด พอได้โอกาสหายใจสบตาที่สื่อถึงความต้องการอย่างเปิดเผย ในที่สุดมันก็หื่นจนได้ ดีใจจังที่ผีหื่นกลับมาสิงร่างมันสักที คิกคิก ผมเทเบียร์ตรงคอมันนิดๆแต่ทำเอามันสะดุ้งเพราะความเย็นก่อนจะดูดขบเม้มและเลียไปทั่วเรียกเสียงครางจากมันได้เหมือนกัน
“ยั่วนะมึง ทำอย่างนี้ไม่ได้จบแค่รอบเดียวหรอกนะ”มันบอกผมเสียงพล่าบอกได้ว่าอารมณ์เริ่มจะปะทุขึ้นแล้ว เพราะก่อนหน้าเราสองคนก็จ้วงไปหลายขวดอยู่ แถมไวน์อีกตีกันให้มั่วไปหมด เกิดความรุ่มร้อนจนอยากจะกระชากเสื้อผ้าออกให้หมด
“ถึงไม่ยั่ว ก็โดนหลายรอบอยู่แล้ว”ผมเลียริมฝีปากบอกมันที่ยกยิ้มดูร้ายกาจมาก
“Outdoor นะ”มันบอกก่อนจะอุ้มผมเดินลับหายไปหลังทิวมะพร้าวที่อยู่ในเขตบ้านพักส่วนตัวของเรา
“นึกว่าจะไม่ได้โดนซะแล้ว”ผมยิ้มใส่ตามันเอามือลูบหน้า พูดในสิ่งที่คิดว่ากูน่าจะโดนตั้งแต่วันแรกที่มาถึงแล้ว ผมไม่ได้อยากนะแค่เป็นคนยึดมั่นในคำพูดของคนที่รักเท่านั้นเอง และมันก็ไม่เคยผิดคำพูดสักที ผมคิดอย่างนี้จริงๆนะ เชื่อผมเถอะ หุหุ
“หึ ก็ให้โอกาสพักเอาแรงก่อนเอาจริงไง”มันตอบกลับ เม้มติ่งหูผมที่ตอนนี้นอนราบกับพื้น ไล่มาขบซอกคอ ผมเบียดเข้าหาด้วยความเสียวซ่าน มือก็ปลดกระดุมผมออกจนเห็นอกเปลือยที่ไม่ตูมแต่ก็ขาวเนียนนะ ปากร้อนแลกจูบกันไปมามือใหญ่ลูบไปมาจนยอดอกเริ่มตื่นตัวสู้ ผมยกขาลูบขาแกร่ง มือที่ตอนนี้ไม่รู้เอาขวดเบียร์ไปวางที่ไหนแล้ว ลูบหลังก่อนจะจิกเมื่อโดนขบกัดยอดอก
“อื๊อออ อา”ก่อนจะขยุ้มหัวทึ้งเบาๆ เมื่อลิ้นเลียหยอกเย้าเหมือนปลอบใจ เปลี่ยนไปทำอีกข้างอย่างเท่ากัน จนต้องแอ่นตัวเข้าหาให้ชิดกว่าเดิม มือก็ถอดเสื้อมันออก สบตากัน มันยกยิ้มก่อนจะเอาเสื้อรองช่วงล่างที่ไม่รู้โดนถอดออกไปตั้งแต่เมื่อไร มันเลื่อนตัวลงไปเรื่อยๆตามองผมตลอด จนรู้สึกเขินขึ้นมาทันทีทั้งที่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เรารักกัน แต่เวลามันมองด้วยสายตาบอกว่าต้องการ ไม่ใช่ต้องการแค่ทำรักแต่เป็นสายตาที่สื่อว่าต้องการแค่ผมคนเดียว
“พี่ไผ่ อืม”ผมเรียกครางเสียงเบาหวิวเมื่อมันจูบฝ่าเท้า มือลูบตามเรียวขาไล่ถึงส่วนกลางไล้ผ่านแผ่วเบา ผมได้แต่วาบหวิวกับสัมผัสมืออยากจะทึ้งหัวมันก็ไม่ถึง ได้แต่กำเสื้อตัวเองเอาไว้
“น้องน่ารัก”มันพูดใส่ผมจูบอีกครั้ง โน้มตัวไล่มาถึงโคนขาด้านในขบเม้มตีตรา”รักจนไม่อยากปล่อยไปไหน”มันกระซิบแต่ผมได้ยินชัดเต็มสองหู” อยู่ด้วยกันนะ”มันบอกผมก่อนจะจูบปากที่เผยอรออยู่แล้ว
“รู้แล้ว อื๊อออ”ผมบอกชิดติดปาก กอดแผ่นหลังกว้าง เป็นครั้งแรกก็ว่าได้ที่เราบอกความรู้สึกของกันอีกมากมาย ผมจะบอกให้ฟังก็คงไม่หมด
“อ๊ะ ทำอะไร”หลังซุกไซร้จนทั่ว รู้สึกเปียกชื้นตั้งแต่หน้าอก ไหลลงไปถึงหน้าท้องเละลงต่ำไปอีก
“อยากกินเบียร์แกล้มดอกฝิ่น”มันบอกเสร็จก็ไล่ดูดเลียไปตามทางที่ไหลลงไปต่ำ ยกสะโพกส่งลิ้นเลียส่วนนั้น เป็นการเปิดทางไปด้วยทำเอาต้องบิดตัวกับความร้อนชื้นทั้งของลิ้นและของมึนเมา
“ระวังจะเมา ฮึก อา คูณสองนะ กินพร้อมกันน่ะ อืม”ผมเตือนยิ้มๆมองตาเยิ้มๆ
“แต่เขาว่ายิ่งเมายิ่งคึกยิ่งอึดต่างหาก”มันตอบกลับด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์มาก ผมยิ้มก่อนจะยันมันด้วยฝ่าเท้าเบาๆแต่ก็หงายได้ มันมองงงๆ ว่าถีบมันทำไม ผมโถมตัวไปคร่อมมันเอาไว้กันมันยันกลับ เบียดสะโพกไปมา กระดกขวดเบียร์ใส่ปากป้อนด้วยการจูบจนไหลย้อยออกข้าง ไล่เลียตามเก็บ
“อืม น้อง อา”เสียงมันครางมือผมเล่นยอดอกมันบ้างเป็นการเอาคืน
“ตรงนี้เพิ่มความร้อนหน่อยแล้วกันนะ น้องกลัวท้องเสียเพราะกินข้าวหลามดิบน่ะ คริคริ”ผมหรี่ตากัดปาก ค่อยๆราดลงไปพอได้ที่ผมก็จัดการข้าวหลามซะ ทำเอามันซื๊ดปาก บทรักก็เหมือนทุกครั้งเพียงแต่เราใส่ใจเติมความเข้มข้นให้กันและกัน ไม่ใช่แค่ทำไปเพราะหน้าที่และความอยากทำอย่างเดียว ไม่รู้เราใช้เวลาสัมผัสร่างกายนานเท่าไร รู้อีกทีผมจิกเล็บตรงไหล่เมื่อโดนข้าวหลามที่อุ่นจัดป้อนเข้าไป และเริ่มคะยั้นคะยอขยับให้ตอบรับ
“ อืมมม... ”
“ อ๊ะ ! ”
“ อ๊ะ...อา...พี่ไผ่....อื้อออ ”ผมเรียกเมื่อขยับถูกจุด ยิ่งร้องมากเท่าไรมันก็ขยับมากขึ้น
“ครับ” เพราะหูจริงๆ แต่หน้าตาและการกระทำขัดกับคำพูด
" อ๊า พี่ไผ่ พี่ไผ่ " ผมร้องและบิดตัว ขยับสะโพกขึ้นลงส่ายไปมา เมื่อโดนเร่งความเร็วถี่ ๆ สะโพกไม่รักดีแต่รู้ดีเด้งรับตามจังหวะที่ถูกส่งเข้าทั้งเบาและแรง เมื่อจวนจะได้ที่ผมเป็นฝ่ายพลิกคุมเกมบ้าง ขยับขึ้นลงเน้นในที่ควรเน้น
“อา น้อง อืม”มันครางมือบีบขย้ำก้นผมช่วยส่งแรงขยับให้มากขึ้น
“ครับ ชอบไหม อื๊อ”ผมขยับและถามมือก็บี้ยอดอกมันก่อนจะจิกนิดๆเป็นการกระตุ้น มันก็จับน้องผมขยับให้เหมือนกัน มันไม่ตอบแต่ขยับสวนขึ้นมาถี่ๆเป็นการตอบแทน ผมกัดปากเมื่อรู้สึกเสียดแต่เสียว จนใกล้เวลาที่ต้องปล่อยน้ำออกจากที่กักเก็บมันก็พลิกผมลงข้างล่างจับขาพาดไหล่อีกข้างก็กางออกพร้อมขยับเร็วแรงๆ
“ อืมมม... ”
“ อ๊ะ ! ”
“ อ๊ะ...อา...พี่ไผ่....อื้อออ ” เสียงสุดท้ายก่อนจะปลดปล่อย ตาลอยนอนหอบหายใจอย่างแรง พอกับคนข้างบนที่ขยับอีกสองสามทีก็ตามมาติดๆ โน้มตัวมาจูบสอดลิ้นเกี่ยวกัน ก่ายกอดจนหายใจปกติ มองหน้าที่รู้ว่ายังไม่จบแค่นี้แน่นอน
“ต่อไปไม่ว่าจะเรื่องอะไร อย่าเก็บไว้คนเดียว”มันลูบผมที่ชื้นเหงื่อ ผมก็ลูบหน้ามัน”เราไม่ใช่แค่ผัวเมียกัน เราเป็นคนรักเป็นครอบครัว”มันพูดต่อด้วยเสียงที่อบอุ่น ทำเอาหัวใจฟูแทบจะออกนอกอก
“ขอบคุณครับ”ผมพูดและจูบปาก
“รักน้องนะ”มันบอกผม ก่อนจะเริ่มขยับอีก ผมไม่เล่นตัวอิดออดในเมื่อต้องมันมากเช่นกัน
“น้องก็รักพี่ไผ่ อยู่ด้วยกันนะ”ไม่ว่าจะกี่ครั้งผมก็อยากขอแค่นี้แหละ ขอให้มันอยู่ข้างๆ คอยเป็นกำลังใจให้กัน
“อืม”แค่สั้นๆผมก็ซึ้งใจกับผู้ชายคนนี้ที่พิสูจน์หลายต่อหลายสิ่งให้ผมเห็นด้วยการกระทำมากกว่าคำพูดที่นานๆครั้งจะเปิดใจเปิดปากบอกสักที และถ้าพูดออกมาก็ทำเอาหุบยิ้มแทบไม่ลง
และ
และ
ผ่านไป
ผ่านไป
“รอบนี้อะไรวะ”ผมถามเมื่อจบรอบสาม นอนหอบแดก รอบแรกเป็นการปลอบใจเรื่องวันเกิด รอบสองเรียกขวัญให้กลับมา
“ไถ่โทษที่หลอกว่ากลับ”มันยกยิ้มและยักคิ้ว”และรอบต่อไปๆๆ กักตุนตอนห่างกัน หึหึ”มึงไม่ได้กักตุนแต่มึงกักตูดกูมากกว่า เชื่อแล้วว่ายิ่งเมายิ่งคึกยิ่งอึด กูเลยต้องอึดตามมึงไปด้วย ทำไมมึงไม่แบ่งวันปลอบใจกูวะ เสือกมารวบยอดวันเดียว ให้กูหยุดพักอีกหน่อยไม่ได้เหรอ อ๊าๆๆๆๆตอนแรก และก็ อ๊าคคคคคคคคคคคคคค เมื่อไรมึงจะหยุดปลอบใจกูซะที บักห่านิ
/
/
/
“ปู่คงไม่ได้ลงไปร่วมงานด้วย แต่ยินดีด้วยนะที่เรียนจบแล้ว”ปู่ผมบอกมัน เมื่อเรากลับมาถึงบ้าน พักได้สองวัน วันนี้มันต้องกลับแล้ว มันยิ้มก่อนจะก้มลงกราบปู่ที่ตัก ที่ลูบหัวและตบไหล่
“ขอบคุณมากครับ”มันเงยหน้าขึ้นยิ้มให้ท่าน
“ทีนี้ไอ้ตัวแสบก็เหงาล่ะสิ พี่เขาเรียนจบแล้วก็ต้องกลับบ้าน”ปู่พูดยิ้มๆใส่ผม
“ดี จะได้ไม่มีคนบ่น หากิ๊กสะดวกดี”ผมปากดีใส่มัน หมั่นไส้ ยังยอกไม่หายเลย สามวันหลังที่เกาะโดนฟันทุกวัน เป็นการชดเชยที่ผิดคำพูด ผมบอกว่าพอแล้วกูเชื่อแล้วมันก็ยังต่อ แม่งจ่ายชดเชยยิ่งกว่าบริษัทประกันอีกนะเนี่ยะ
“ปู่ไปหาเพื่อนดีกว่าว่ะ เคลียร์กันเองแล้วกัน”ปู่ทำหน้าแบบไม่รับรู้ เดินออกไปหลังจากมันไหว้ลาอีกที
“อ้าว ปู่ทิ้งน้องได้ไงล่ะ ปู่”ผมเรียกท่านที่โบกมือ หันไปมันยืนจ้อง”โถ น้องพูดเล่นไปงั้นแหละ”ผมกอดแขนยิ้มประจบ
“ไม่เป็นไร”มันยิ้มให้ผม”กูก็ว่าจะทำเหมือนกัน”หุบยิ้มเลยกู
“มึงลองสิ กูตามยันหนองคาย จับได้ตรงไหนตบตรงนั้น”ผมจิกแขนจิกตาจิกปาก จิกแม่งให้หมด
“แล้วจะให้มึงรู้ทำไม”มันพูดใส่ก่อนจะหยิบเป้สะพายขึ้นรถ ขับออกจากบ้านไปสนามบิน
“กูก็ให้พี่พายดูให้”ผมลอยหน้าบอก
“ไอ้พายมันญาติกู”มันยักคิ้วบอก
“แต่พี่พายสายพันธ์เดียวกับกู”ผมบอกกลับ เอาสิมึง มันยักไหล่ไม่พูดต่อ จนถึงสนามบิน นั่งจนได้เวลา มันมองหน้าผม
“เที่ยวได้ห้ามกลับดึก”
“อืม”
“อ่อยได้แต่อย่ากิน”
“อืม”
“ขับรถกลับดีๆล่ะ อย่าซิ่งให้มากนัก”มันขยี้หัวผม
“เออ”
“แค่นี้แหละ”
“โอเค”ผมยิ้มก่อนจะกอดเอวเดินไปที่ทางเข้า
“คิดถึงกูได้ตลอดเวลา”มันบอกแต่มองอะไรก็ไม่รู้
“บอกกูทำไม”ผมถามมัน
“มึงก็เลิกเป็นเมียกูสิ”มันเอาคำพูดผมมาย้อน คิดว่ากูจะอึ้งล่ะสิ ผมแสยะยิ้มใส่มัน
“บอกกูตอนกลับโน่น”ผมพูดใส่มันก่อนจะยื่นเอกสารให้พนักงานตรวจ มันยืนอึ้งไปพัก ก่อนจะตามมา ผมหัวเราะคิกคัก ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากอยู่กับปู่ แต่เป็นปู่ที่ไม่อยากอยู่กับผม โน่น เพื่อนชวนไปฮ่องกง แถมเลยไปทัวร์ยุโรปต่อยาวเลย แล้วผมจะหง่าวคนเดียวทำไมล่ะครับ หนีตามผู้ชายไปหนองคายดีกว่า
“นี่มึงเอาคืนกูเหรอ”มันดึงหัวผมโยกไปมา
“เอาคืนเชี่ยะไร กูไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้น มึงต่างหากไม่แหกตาดูเองว่ากูเอาเป้มาด้วย”ผมลอยหน้าพูดกลับใส่มัน
“ใบนี้”มันชูขึ้น
“แม่นแล้ว”ผมยิ้ม
“สัด ไหนมึงบอกของฝากไง”มันตบหัวผมสองที เมื่อเสียรู้ ตอนแรกมันก็สงสัยว่าทำไมมีเป้สองใบ ผมบอกมันว่าของฝาก มันก็เลยเลิกสงสัย แต่ข้างในของกูล้วนๆ หุหุ
“ก็กูนี่ไงของฝาก ฝากไปกับมึงด้วย หรือไม่เอา“ผมชี้ตัวเองชี้มันและยักคิ้วใส่”มึงจะร้องไห้ก็ได้นะ ที่โดนหลอกอ่ะ”ผมกอดเอวมันพูดล้อเลียน
“เอาน่ะกูเอาแน่”มันกอดไหล่กระซิบใส่หูผม”ปลอบใจกูซะ”
“มึงก็ทำท่าแบบกูก่อนสิ แล้วกูจะปลอบให้”ผมท้ามัน
“กูไม่มีทางทำท่าทุเรศอย่างนั้นหรอก”มันผลักหัวผมออก เก็บสัมภาระและนั่งประจำที่
“งั้นน้องไม่ปลอบ”ผมตามไปยื่นหน้าบอก
“กูปลอบมึงแทนก็ได้ เป็นการต้อนรับสู่หนองคายอีกครั้ง หึหึ”มันจับหน้าผมส่ายไปมา
“ไม่”ผมกัดไหล่มัน
“หึหึ มึงไม่เคยได้ยินเหรอ”มันเอามือลูบแก้ม”ไปหนองคายเสร็จทุกราย”มันยักคิ้ว
“ส้นตีน ไม่ใช่เสม็ด”ผมเถียงมันที่เปลี่ยนจากลูบแก้ม เลื้อยไปลูบแก้มก้นแทน ผมช้อนตามองมันที่ยิ้ม
“งั้นไปหนองคายโดนทุกรายก็ได้”มันบอกอีก
“ไม่ต้องทุกรายหรอก”ผมค้อนมัน ก่อนจะยิ้มแป้นพูดต่อ”กูคนเดียว เอาอยู่”ผมทำเสียงแบบเพลงน้องจ๊ะ ทำปากจู๋ๆ ตาปริบๆ มันหัวเราะเบาจุ๊บปาก ไอ้เรื่องเสร็จไม่ต้องไปไหนก็เสร็จได้ครับ แค่มีมันผมก็พร้อมจะเสร็จเสมอ คริคริ
**********************************************************************************************
ปล. กลับมาแล้ว อ่านให้แฉะกันไปข้างยาวแต่ไม่มีสาระมีแต่คนรักกัน หุหุ ตอนอยู่ ตจว.เน็ตเข้ายากมาก เสียบหลุดๆอยู่นั่นแหละ อ่านเม้นส์แล้วเบิกบานใจมาก ดีใจที่มีคนคิดถึงและรอ ขอบคุณนะคะสำหรับกำลังใจที่ให้กันมาเสมอ ขอบคุณมากๆค่ะ และมีอีกเรื่อง ลองทำโพลสำรวจว่าถ้ารวมเล่มมีคนสนใจไหม มีสองช้อยแต่เขียนผิดไปหน่อย เดี๋ยวคนอ่านจะหาว่ายัดเยียดที่มีแค่ ดีมาก กับ ดี แก้แล้วแต่ไม่สำเร็จ มันขึ้นแต่เกิดข้อผิดพลาดก็เลยแจ้งไปที่ผู้ดูแลแล้ว เอาเป็นว่าไม่ต้องกดโหวตหรอกค่ะ ถ้าสนใจหรือมีความคิดเห็นยังไงเขียนพร้อมเม้นส์ได้เลยค่ะ สอบถามคร่าวๆก่อน ไม่ตอบไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณอีกหลายๆๆๆๆครั้งนะคะ
*****ตอนนี้แก้โพลได้แล้ว ยังไงลองกดโหวตออกความเห็นกันดูนะคะ หรือจะเขียนพร้อมเม้นส์ก็ได้เผื่อกดแล้วไม่ขึ้น