ขอโทษทีที่ปล่อยไว้นานจนหนอนเกือบขึ้น แฮะๆ
ยุ่งมากครับ ทั้งการเรียน เรื่องหัวใจ(<<<อันนี้ล้อเล่น) แล้วก็การบ้านต่างๆ วันนี้แค่เข้ามาตรวจอักษร ถ้าผมเบลอตรวจตกหล่นตรงไหนขออภัยด้วยครับ

ปล. จาจบแล้วน๊า~~~เฮ้อ จาได้ขึ้นเรื่องใหม่สักที ไม่บอกว่าเป้นแนวไหน แต่คงอีกนานนนนนนนนนนนนนนนน

บทที่ 19
ติ๊งน่อง!
“คร้าบ~~~”
ผมผละมือจากการพับและจัดเรียงเสื้อผ้าของชิพลงใส่กระเป๋าเดินทาง ส่วนกระเป๋าของผมนั้นจัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว คือว่า วันพรุ่งนี้ชิพกับผมจะบิน
ลัดฟ้าสู่ดินแดนอาทิตย์อุทัย ญี่ปุ่นเป็นอะไรที่ผมฝันอยากไปมานานมากแล้ว เพราะขนาดตอนเรียนภาษาญี่ปุ่น ผมก็ยังไม่เคยมีโอกาสได้เหยียบประเทศที่ขึ้นชื่อว่าทันสมัย
และเต็มไปด้วยวัฒนธรรมเก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียเลย
ประตูเปิดออก ร่างสูงเบื้องหน้าเงยสายตาขึ้นสบกับผม วินาทีนั้นใจวูบไปอยู่ตาตุ่ม...
เขามองเข้ามา สีหน้าเรียบเฉย...ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจ มันมาได้ยังไงเนี้ย?
“กอล์ฟ!...”
“สวัสดีแดน...”
ผมปิดประตู เพื่อจะได้ปลดกลอน แต่ไอ้กอล์ฟดันกระแทกประตูอย่างแรงจนโซ่ตึง ผมตกใจ...ใบหน้าของมันอยู่ใกล้ผมมาก ทว่าอยู่อักฝั่งหนึ่งของ
ประตู...ในนัยน์ตาเต็มไปด้วยหยาดน้ำใสๆ
“แดน กูขอคุยกับมึงหน่อยได้มั้ย?”
ผมก้าวออกมา “นี่มันอะไรกันกอล์ฟ? มึงมีเรื่องอะไรเหรอ?”
…เราสองคนเดินลงมายังสวนย่อมด้านหลังคอนโด นั่งกันเงียบๆ...ไม่เข้าใจเหมือนกันกอล์ฟเป็นอะไรถึงได้รีบรุดมาหาผม ด้วยอาการเหมือนคน
ร้อนรนแบบนี้
“กอล์ฟ...มึงเป็นอะไรไป มีอะไรไม่สบายใจที่...พอจะพูดกับกูมั้ย?”
กอล์ฟก้มหน้า ตาแดงๆ...ผมตกใจ
“ความจริงมันเป็นเรื่องระหว่างกู...กับมึง”
…
“…มึงอยู่กับเขา กลับมาคบกันอีกแล้วเหรอ?”
“อะ...อืม ใช่”
“กูดีใจด้วยนะ”
อะไรของมันว่ะ? มันบ้าอ่ะเปล่า เดี๋ยวจะร้องไห้ เดี๋ยวก็ยิ้มแล้วหัวเราะ?
“แดน...มึงจำคืนที่กูไปนอนบ้านมึงเมื่อสิบปีก่อนได้มั้ย?”
เสียงมันเหมือนจะร้องไห้ ผมพยักหน้า
“คืนนั้น...คืนที่กูโดนซ้อม แล้วมึงคอยดูแลกู...มึงรู้มั้ย กูมีเรื่องจะบอก”
และแล้ว...ดวงตาของมันก็สบกับผม วินาทีนั้นผมรู้เลยทันที...ว่ามันรีบร้อนมาหาผมเพื่ออะไร
ความกลัว...ความกลัวหลั่งไหลเข้ามาในหัวใจของผมมากมาย
“...แดน กูรักมึง กูรักมึงมาตลอดเลย...”
ผมนั่งอึ้ง เงียบ...ค่อยๆถอยตัวออกมาห่างจากมัน
กอล์ฟคว้ามือผมไว้ แต่ผมรีบชักออก สีหน้ามันตอนนั้นช้ำ...ช้ำจริงๆ
“กู...กูขอโทษ กูขอโทษที่มาบอกมึงเอาตอนนี้ แต่กูเพิ่งรู้เมื่อสองสามวันนี้ว่ามึงกลับมาคบกับแฟนคนเดิมของมึง...แต่กูอยากบอกมึงก่อนที่กูจะตัดใจ
กูสัญญา กูรู้ดีว่ากูกับมึง...ระหว่างเราไม่มีวันเป็นไปได้”
น้ำตาของมันไหลหยดลงมา...พูดวนไปวนมา เหมือนไม่ใช่คนเก่า กอล์ฟพยายามข่มตาและกลั้นลมหายใจปนเฮือกสะอื้นเอาไว้ ภาพของมันเจ็บปวด
เกือบทำให้ผมเสียน้ำตาตามไปด้วย
“กูเป็นคนขาดความอบอุ่น ไม่เคยมีใครรักกู ดูแลกู...ยกเว้นมึงที่ห่วงใยเอาใจใส่กูเหมือนตอนนั้น...กูพยายามแล้ว กูพยายามลืมมึง พยายามคบกับ
ใครหลายๆคน...แต่แปลกที่กูกลับนึกถึงมึง อยากมีความสุขร่วมกับมึงมากกว่าใครทั้งหมด...”
ปล่อยให้มันระบายออกมา ในขณะที่สมองผมเองก็ว่างเปล่าเป็นสีขาวโพลนเช่นกัน
“วันก่อนที่กูไปหาคุณมาร์ค เพื่อจะติดต่อกับมึง...กูถึงได้รู้ว่าตอนนี้มึงอยู่กับเขา แต่กูอยากบอกว่าตลอดเวลา...ไม่เคยมีวันไหนเลยที่กูไม่อยากให้
มึงกับกู...ได้รักกัน ใช่ กูอิจฉาเขา อิจฉามาก...มึงเป็นคนดีนะแดน อ่อนโยน มีแต่ให้...แค่ได้รู้จักมึง กูก็ดีใจแล้ว”
“กูไม่ได้หวังให้มึงเลิกกับเขาแล้วมาคบกับกู ไม่ใช่เลย...กูแค่อยากบอกมึงก่อนที่กูจะตัดใจ ก่อนที่กูจะไป”
กอล์ฟก้มหน้าเอาผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตา
“มึงจะไปไหน?” ผมถาม
กอล์ฟพยายามฝืนหัวเราะ “…เผอิญทางบริษัทเขาขาดตำแหน่งผู้จัดการอยู่พอดี กูก็เลยสมัครไปดูงานที่ญี่ปุ่นสองปี”
เราสองคนหมดเรื่องพูด นั่งเงียบ ไม่สบตากัน...บรรยากาศช่างอึดอัด เพราะผมก็ไม่นึกมาก่อนว่าวันนี้จะโดนสารภาพรักเอาจังๆหน้า จากเพื่อนเก่า
อย่างกอล์ฟ ซึ่งความจริงแล้วผมก็ไม่ค่อยสนิทด้วยเท่าไรนัก
“เอ่อ...มึงรักกูเพราะอะไร?”
กอล์ฟไม่ตอบ...
“ไม่เป็นไร มึงไม่ตอบกูก็ได้”
กอล์ฟส่งสายตาตัดพ้อแปลกๆ มันก็รู้สึกระคายเคืองอยู่เหมือนกัน กับความรู้สึกในตอนนั้น =_=”...
“กูรักมึง ไม่เห็นจำเป็นต้องมีเหตุผล? เพียงแค่กูรู้สึกแบบนั้นมานาน นานจนมันกลั้นต่อไปไว้ไม่ไหว หัวใจมันยอบรับว่าใช่...กูก็อธิบายไม่ออก
เหมือนกัน มึงลองถามใจตัวเองซิว่ามึงรักเขาคนนั้นเพราะอะไร”
ผมอึ้ง ถามใจตัวเอง...ผมรักชิพเพราะอะไร?
คำตอบมีล้านแปด แต่หนึ่งเดียวที่มั่นใจ นั่นคือหัวใจ...ที่ไม่มีที่ว่างเว้นไว้นอกจากเขาคนเดียว
ไม่รู้หรอก ผมรักเขาเพราะอะไร ไม่มีวันรู้...แต่ผมรักทุกอย่างที่เป็นตัวเขา รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ความทรงจำ ช่วงเวลาที่เราเคยมีให้กัน มันคือ
ความฝัน...ความฝันที่แสนหอมหวาน
แล้วถ้าสักวันหนึ่ง ผม ‘ต้อง’ ตื่นขึ้นมาจากฝัน ทุกอย่างต้องหายไปหมดล่ะ?
“แดน...วันนี้กูมาลา พรุ่งนี้กูจะกลับต่างจังหวัดไปหาป๊าก่อนจะไปญี่ปุ่นเดือนหน้าแล้ว กูขอให้มึงโชคดีกับเขานะ”
กอล์ฟทำท่าจะลุก ทว่าคราวนี้ผมกลับรั้งมันไว้
“เดี๋ยว!”
กอล์ฟมองงงๆ...คงแปลกใจกับสีหน้าตอนนั้นของผม ไม่รู้เป็น’ไร ผมกลับกลัว...กลัวที่สุดที่จะยอมพูดเรื่องซึ่งคั่งข้างในใจนี้ไว้ออกมา เสียงของผม
สั่นพร่า
“กอล์ฟ...มันอาจจะฟังดูงี่เง่า แต่กูขอถาม...ถ้าหากกูกับเขา...เราสองคนไม่ได้ลงเอยกัน?”
กอล์ฟนั่งลงช้าๆ ขมวดคิ้ว
“หมายความว่ายังไง?”
“หมายถึง...ถ้าสักวันหนึ่งเราอาจจะไม่ได้อยู่ด้วยกันอีก หมายถึง...หมายถึงว่าถ้าเขาต้องไป กูกลัวกอล์ฟ...กูกลัว กลัวว่าวันนั้นมาถึง กูจะไม่ได้เจอ
เขาอีก”
ผมร้องไห้ออกมา อย่างไม่อายใคร...กอล์ฟไม่เข้ามาปลอบ เพียงแต่จับมือผมไว้แน่น น้ำเสียงของมันปลอบปะโลม แต่ยังไม่รู้สึกดีขึ้นอยู่ดี...
“ทำไมมึงถึงพูดแบบนั้นล่ะ? เพราะอะไรมึงกับเขาถึงจะอยู่ด้วยกันไม่ได้?”
“ก็เพราะ...หลายอย่าง กูกลัวว่าชีวิตรักของเราจะทำลายอนาคตของเขา กูกลัวว่าสักวันเขาจะเบื่อกู กูกลัวว่าสักวันหนึ่ง...ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปโดยที่
กูไม่ได้ขาดหมาย...ความจริงแล้วกูรู้สึกแบบนี้ตลอด เหมือนกับ...กูกลัวว่าจะสูญเสียเขาไปมากๆจนมันคล้ายเป็นความจริง”
กอล์ฟถอนหายใจเฮือกใหญ่ ผมได้แต่ก้มหน้าฟุบลง ในใจปวดอยู่ลึกๆ...ผมกลัวแบบนั้นจริงๆ
“แดน ทำไมมึงถึงพูดแบบนั้นล่ะ? มึงน่ะเป็นโรคประสาท กลัวเรื่องบ้าบอ...และถ้าถึงมันเป็นแบบนั้น...กูก็คิดว่ามันคุ้มดีไม่ใช่เหรอ? ถ้ามึงได้ใช้
เวลาให้มีความสุขกับเขาเต็มที่แล้ว?”
ผมสบตากอล์ฟ พยายามค้นหาความหมายในข้อความนั้น
“หากมึงกับเขารักกันจริงๆ กูเชื่อว่าไม่ว่าจะเรื่องคอขาดบาดตายมากแค่ไหน จะเงื่อนไขใดๆก็ตาม อุปสรรค์ทุกอย่างก็จะผ่านพ้นไป”
กอล์ฟยิ้มกว้าง จริงใจ...”ไม่งั้นมึงกับเขาจะรอมาทำไมตั้งสิบปี”
มันค่อยๆยิ้มให้ผม นั่นซินะ...ทำไมผมถึงกลัวอะไรเป็นเด็กไปได้...เรานี่คิดมากจริงๆเลย
“ขอบคุณนะกอล์ฟ...”
“กูก็ขอบคุณมึงเหมือนกัน...ที่ยอมรับฟังกู ไปล่ะ”
ผมมองตามหลังร่างนั้นเดินลิ้วออกไป ท่ามกลางแสงแดดจ้า แล้วก็ลับสายตาไป...ผมนั่งอยู่ใต้ร่มไม้นั้น รู้สึกเหนื่อย สับสนไปหมด...แต่ถึงอย่างไร
ลึกๆข้างในผมก็ยังกลัวการเปลี่ยนแปลง ผมรู้ว่ามันไร้ประโยชน์และโง่เง่ามากแค่ไหนที่มัวแต่ฝังอยู่กับความคิดนั้น ทว่า...ผมห้ามใจตัวเองไม่ได้ แม้จะรู้ว่าชีวิตไม่มี
ความแน่นอน แต่ผมก็ไม่อยากให้ชิพต้องจากไปเหมือนคราวก่อนๆอีกเลย...
หนึ่งทุ่มตรงเป๊ะ ชิพกลับเข้ามาพร้อมด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า เขาชะโงกหน้าเข้ามาในห้องครัวพลางคลายเนคไทพร้อมๆกับกวาดตาหาของกิน
“วันนี้มีอะไรกินบ้างเหรอแดน?”
วันนี้มีของโปรดของเขา ผมบอกไปว่าเป็นคืนสปาเก็ตตี้ ชิพยิ้ม
“แล้วคุณจัดกระเป๋าหรือยัง พรุ่งนี้ต้องไปแต่เช้านะ”
“เรียบร้อยแล้วทั้งของคุณกับของผม”
ชิพพยักหน้า เดินไปเปิดโทรทัศน์ดูช่องกีฬาจากเคเบิลตามปกติ ทว่า...
“เดี๋ยวครับ”
เดินไปหยุดหน้าร่างสูง ผมช่วยปลดกระดุมเสื้อให้เขา ค่อยๆถอดเนคไทออก ชิพมองด้วยสีหน้าแปลกใจ
“คุณ...เอ่อ อยากอาบน้ำก่อนมั้ย? ผมเตรียมน้ำอุ่นไว้ให้แล้ว”
น้ำเสียงของผมสั่นเครือ ไม่รู้เป็นอะไร...มือก็สั่น จนชิพต้องห้ามมือไว้
ผมกอดตัวเขาไว้แน่น แทบจะทันทีที่เขาสัมผัสผม
“ผม...ผมคิดแค่ว่าเห็นคุณเหนื่อยทุกวัน...ผมอยากให้คุณพักผ่อนบ้าง”
ชิพค่อยๆกอดตอบ พลางหัวเราะเบาๆ เสียงของเขาฟังแลดูอบอุ่นเสมอ
“คุณเป็นอะไรไปฮื้อ?...ไม่สบายใจอะไร มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
ผมส่ายหน้างุด ชิพผละตัวออก
“แน่ใจหรือ?...ถ้าคุณอยากบอกอะไรผม...ผมยินดีรับฟังเสมอ”
มองเขาด้วยสายตาขอบคุณ เขาก็มองผมด้วยแววตาเดียวกัน หัวใจค่อยๆกลับมาทำงานตามปกติ...ชุ่มชื้น รู้สึกโล่งอีกหนึ่งเปลาะ
“ครับ ไม่มีอะไรหรอก คุณไปอาบน้ำเถอะ จะได้รีบกินอาหาร”
แต่ชิพรั้งตัวไว้
“อาบก็ได้ครับ แต่คุณฟอกสบู่ให้ผมหน่อยได้มั้ย?”
คนตัวใหญ่ยิ้มเพล้ ผมเลี่ยงเนียนๆ
“ฮื้อ? พรุ่งนี้เราต้องเดินทางแต่เช้า ไม่เอาหรอกครับ…”
“แต่ครั้งที่แล้วคุณก็เบี้ยวผมนะ?”
ชิพคะยั้นคะยอ ผมไม่อยากใจอ่อน ท้ายสุดเราพบกันครึ่งทาง(<<<แบบไม่ค่อยเต็มใจ)
“โอเคครับๆ...งั้นผมแค่อาบน้ำ สัญญานะว่าจะไม่มีอะไรนอกเหนือจากนั้น?”
ชิพเบ้หน้า “ขอนอนกอดด้วยหนึ่งคืน”
ว๊า~~~หลงกลอีกจนได้ แต่มันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริงๆครับ ออกจะติ๊งต๊องด้วยซ้ำ เราแช่น้ำอุ่นพลางสาดน้ำใส่กันเหมือนเด็กๆ =_=”
“ชิพ ปิดไฟเถอะ ผมง่วงแล้ว”
สี่ทุ่มครึ่ง ชิพตรวจเอกสารเดินทางต่างๆอยู่ แสงไฟแยงเข้าตาผม สักพักชิพก็คลานขึ้นเตียงมานอนเบียดตัวซุกอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกับผม กำลังจะปิด
ไฟ
“ฮื้อ?”
“แดน...ผมอยากให้คุณรู้ไว้ว่า คุณสามารถพูดกับผมได้ทุกเรื่อง...ผมจะรับฟังและคอยอยู่ข้างคุณเสมอ อย่าเก็บเรื่องคาใจไว้คนเดียว คุณเชื่อใจผม
ได้รู้มั้ยคนดี?”
ชิพจ้องมองลงมาในดวงตา เขาเกลี่ยชายผมให้อย่างอ่อนโยน น้ำเสียงมั่นคงอบอุ่น...ผมเชื่อครับว่าเขาหมายความตามนั่นจริง และมันทำให้ผมมั่น
ใจขึ้นมาบ้างว่าความรักของเราในครั้งนี้จะไปรอด มันจะต้องไม่มีการสูญเสียอีกต่อไปแล้ว...
ชิพจูบผมเบาๆที่หน้าผาก ก่อนจะล้มตัวลงนอนกอดกันไว้...แต่ท่ามกลางความมืด ผมรู้ดีว่าความแน่นอนคือความไม่แน่นอน พยายามทำใจพร้อม
รอรับเรื่องราวน่าเจ็บปวด...หากมันเกิดขึ้น...ผมคงจะเข้มแข็ง...แต่ไม่รู้ว่าหากต้องเสียใจ ผมจะทนได้มั้ย? ผม…จะสามารถรับมันไว้ไหวมั้ย?
นั่น...คือสิ่งเดียวที่ผมไม่มีวันรู้