...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<  (อ่าน 483401 ครั้ง)

ออฟไลน์ kogomon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 475
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
 :sad2:

อ่านไปแล้วก้หดหู่.....   :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:


มันต้องมีไรแน่ๆ.... :a3: :a3:





 :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:

clash1986

  • บุคคลทั่วไป
เอื้อมไม่ถึง...   รู้ตัวฉันดียังไกลห่าง

ลอยคอ  รอคอย



ออฟไลน์ ~NeMeSiS_PURE~

  • 행 복 하 길 바 래 ...
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2009
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +196/-2
ตกลงคู่นี้เค้าจะลงเอยกันมั้ยเนี่ย Alex ตั้งแต่มัธยม  จนตอนเข้ามหาลัย  จนตอนนี้ทำงานแล้ว (ชิพเริ่มแก่แล้ว) :m23:

ก็ยังไม่ด้ายอยู่กันอย่างมีความสุขซากที   รวมระยะเวลาที่ห่างกันตั้ง 15 ปี  :m15:

ถ้าเปรียบกับเด็ก  จากแรกเกิดจนถึง อายุ 15 ปี ก็เริ่มโตมากแล้ว

ออฟไลน์ Arbutis

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อ่านตอนนี้แล้วแปลกๆ

เหมือนใครจาเป็นอารัยไม่รุ :เฮ้อ:

@#Jackie#@

  • บุคคลทั่วไป

ment12835

  • บุคคลทั่วไป
 :o12: :o12: :o12: :m1: :m1:


ซึ้งสุดๆเลยครับ ในที่สุดก็ได้อยู่ด้วยกันแล้ว อย่าแยกจากกันอีกละครับ

BEta-K

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ nirun4

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 491
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0

ออฟไลน์ both^^

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +730/-4
โอ๊ยยยยยยยยยยยย

ไม่อยากเศร้าแล้วน้า

 :serius2:

ออฟไลน์ ~NeMeSiS_PURE~

  • 행 복 하 길 바 래 ...
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2009
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +196/-2

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






YO DEA

  • บุคคลทั่วไป

ALeX

  • บุคคลทั่วไป
ขอโทดที่มาช้า อย่าโกรธเค้าน๊า :m23:


บทที่ 15



        รุ่งเช้า ผมตื่นขึ้นมาด้วยอารมณ์ที่ไม่สดใสนัก กลับกลายเป็นว่าผมซะเองที่ไข้ขึ้น เพราะติดจากชิพเมื่อคืน และ...เรื่องต่างๆที่รบกวนใจจนนอนไม่
หลับเลยสักนิดเดียว

       “ผมต้องรีบกลับกรุงเทพฯก่อนบ่ายสองโมง มีประชุมทางโทรศัพท์กับบอร์ดในบริษัท คุณจะแวะซื้ออะไรก่อนกลับอีกมั้ย?”

      ชิพถามขึ้นขณะกำลังแต่งตัว และจัดเก็บข้าวของลงใส่กระเป๋าเตรียมกลับบ้าน...ผมได้แต่พยักหน้าและลากสังขารตัวเองไปสู่ห้องน้ำ...ฝืนทนกับ
ความเจ็บตามกล้ามเนื้อทั่วร่างกาย สงสัยจะโดนไข้หวัดใหญ่เล่นงานเอาก็คราวนี่ล่ะแฮะ =_+”

      ออกมาจากห้องน้ำ เห็นชิพยืนคุยโทรศัพท์อยู่กับเลขาฯของเขา อย่างที่บอกอ่ะแหละครับ...ก็คือชิพมีธุรกิจซึ่งตกทอดมาจากต้นตระกูล บริษัทนำเข้า
และผลิตเครื่องสุขภัณฑ์ชื่อดังรายใหญ่ของประเทศ เมื่อสิบปีก่อนผมเคยฝึกงานอยู่บริษัทเดียวกับเขา นับตั้งแต่ตอนที่คุณย่าของชิพยังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่...จาก
ประสบการณ์บอกผมว่าชิพกำลังมีภาระที่ต้องดูแลอยู่หนักเอาการ ไหนจะทั้งส่งออกและผลิต ตอนนี้ชิพมีโรงงานที่ติดต่อทำธุรกิจร่วมกันกับชาวต่างชาติ เช่นที่เมืองจีน ญี่ปุ่น
และฮังการี

       “ชิพ คุณไม่หยุดต่ออีกหน่อยเหรอ? คุณยังตัวอุ่นๆอยู่นะ”

      “ไม่เป็นไรแล้วล่ะ คุณต่างหากที่น่าเป็นห่วง มานี่ซิ เดี๋ยวผมเช็ดผมให้”

      ว่าแล้วชิพก็ต้องมาเช็ดผมให้ ซะงั้น =+=...เฮ้อ~~~ ช่างเหอะ

       “แต่ความจริงแล้ว...หยุดงานแค่สามวัน คุณน่าจะได้พักผ่อนมากกว่านี้นะ”

      “ไม่ได้หรอกแดน แค่นี้ที่ผมไม่เข้าบริษัท ลูกน้องผมก็ทำงานวุ่นกันหัวแทบขวิดอยู่แล้ว”

      เฮ้อ~~~...ถอนหายใจรอบที่สอง ชิพเป็นคนสำคัญของบริษัท เขาต้องบริหารงานหนักแบบนั้น ผมเข้าใจดี...แต่ผมอดเป็นห่วงเขาไม่ได้นี่นา มีแฟน
เป็นคนบ้างานทั้งทีนี่ ก็ลำบากเหมือนกันแฮะ =_=”

      “สมัยตอนที่คุณย่าบริหารงาน ท่านทำงานหนักเหมือนคุณตอนนี้มั้ยน๊อ?”

      จู่ๆ มือของชิพก็หยุดชะงักลง...ผมลืมตามองเขาผ่านทางกระจก เห็นสีหน้าที่ไร้อารมณ์ ลูกกระเดือกของเขากลืนน้ำลายลงไปอย่างลากลำบาก โอ้ว...
ใจผมหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่ม แล้วเริ่มเต้นตึกตักด้วยความกลัว นี่ผมหลุดปากพูดอะไรออกไปอีกแล้วงั้นเหรอ?

      “ไม่ต้องพูดถึงเขา...”

      น้ำเสียงของชิพแข็ง หยาบกระด้าง และเย็นชาพอๆกับแววตาเวลาที่เอ่ยถึงคุณย่า เขาเลิกเป่าผมให้ แล้วเดินไปเก็บของต่ออย่างค่อนข้างใส่อารมณ์...
ผมงง

       “นี่...นี่มันเกิดอะไรขึ้นชิพ? ผมทำอะไรผิดหรือไง?...ผมงงไปหมดแล้ว”

       “ก็แค่คุณไม่พูดถึงชื่อนั้นก็พอแล้วไง!”

      ชิพยังคงไม่หันมามอง

       “แต่...ผมก็พูดแค่ว่าตอนที่คุณย่า-“

      “พอได้แล้ว...ผมไม่มีวันทำตัวเหมือนเขา ผมพอใจที่จะทำงานหนักกว่า เพื่อให้งานออกมาดีกว่า ผมไม่เคยเดินตามรอยเขาเลย ได้ยินมั้ย? ทีนี้พอ
ใจหรือยัง”

      ชิพหันมาพูดเสียงเข้มใส่ผม กระชากห้วนจนผมอดสะดุ้งไม่ได้...กลัว เห็นแววตาดุดันของเขา ท่าทางที่น่ากลัวบวกกับน้ำเสียง...เมื่อห้องเงียบงันก็
พบว่าหัวใจเต้นแรงอย่างหยุดไม่อยู่ ส่วนชิพยืนนิ่งอยู่ตรงข้าม

       “~ทำไม?...คุณต้องไม่อยากพูดถึงท่านด้วย”

      “ก็เพราะผมไม่อยากน่ะซิ...ผมไม่อยากแม้แต่จะนึกถึง ไม่อยากพูด ไม่อยากอยู่บ้านเดียวกับที่เขาอยู่ เพราะผมเกลียดเขา เกลียดที่เขาทำให้เราสอง
คนต้องเสียเวลามากมายแบบนี้! นี่คุณไม่รู้สึกเกลียดเขาบ้างหรือยังไง?”

      “เกลียดเหรอ? ชิพ คุณเกลียดท่านไม่ได้นะ เพราะท่านเป็นคุณย่าของคุณ...ท่านมีบุญคุณต่อคุณนะ”

      “บุญคุณของเขาผมทดแทนหมดไปแล้ว...”

      “ไม่มีทางหรอก คุณไม่มีวันชดใช้บุญคุณคนที่ชุบเลี้ยงเรามาตลอดชีวิตได้หมด”

      “แล้วจะให้ผมทำยังไง?”

      “คุณก็อย่าโกรธ อย่าเกลียดท่านซิ พยายามนึกถึงแต่สิ่งดีๆของท่านไว้”

       พยายามเกลี้ยกล่อมเขา ทั้งๆที่น่าจะรู้...เปลี่ยนใจชิพมันยากมากแค่ไหน

      “มันไม่มีสิ่งดีๆอันไหนหลงเหลือน่ะซิ ผมถึงไม่อยากพูดถึงเขา!”

      ชิพเหวี่ยงกระเป๋าลงสู่พื้น แล้วทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้...เขาเอามือกุมใบหน้า ทำให้ผมไม่สามารถรู้ได้ว่าเขาร้องไห้...หรือว่าทำอะไร?...

      “ชิพ...แล้วท่านรู้มั้ยว่าคุณ เอ่อ...พยายามฆ่า...”

      รวบรวมความกล้าแล้วถามออกไป...ชิพไม่ตอบ นั่นยิ่งทำให้ผมไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี

       “ชิพ...คุณควรปล่อยวางความเกลียดชังเหล่านั้นทิ้งไปซะ...มันไม่ดีสำหรับคุณ”

      เขาเงยหน้าขึ้นมา ขอบตาแดงแต่ไม่มีร่องรอยของน้ำตา

       “คุณจะเอาอะไรจากผม...คุณจะคาดคั้นเอาอะไรจากผม? ผมบอกแล้วไงว่าผมมันไม่เคยเป็นคนที่เขารัก ผมมันไม่มีค่าสำหรับใคร แม้แต่ย่าคน
เดียว!...หากคุณคิดว่าผมไม่มีค่าอีกก็เชิญไปเลยซิ ไป!”

      อะไรกัน?~จู่ๆเขาก็หาเรื่องผม!!! คงเพราะอารมณ์โมโหที่ทำให้เขาพูดจาแบบนี้ ผมไม่โกรธเขาหรอก...เพียงแต่แค่งงๆแล้ว...แอบน้อยใจเล็ก
น้อย

       เป็นเพราะผมรู้ธรรมชาติของชิพ แม้ภายนอกของเขาอาจจะดูเข้มแข็ง แต่แท้จริงแล้วชิพไม่ต่างอะไรจากเด็กผู้ชายคนหนึ่ง ที่มีทั้งความขี้โกรธขี้โมโห
ขี้น้อยใจ บางทีก็มีความสดใส...ร่าเริง ซุกซ่อนอยู่ในตัว...ความเย็นชาต่างๆเป็นเพียงสิ่งที่เขาแสดงออกมา ไม่ใช่ตัวตนแท้จริงที่ผมรู้จัก...

       “ไม่มีใครคิดว่าคุณไม่สำคัญหรอกนะชิพ...คุณสำคัญที่สุดในชีวิตของผมในตอนนี้ เวลานี้ผมไม่มีใครอีกแล้วนอกจากคุณ คุณคือหัวใจของผม...เช่น
เดียวกับคุณย่า ท่านรักคุณ...ผมรู้ดี”

      วันที่ท่านมาเสนอข้อตกลง...ในแววตานั้นมีบางครั้งที่ฉายแววอ่อนแอออกมา เหมือนชิพ...แววตาที่ปกติจะแข็งกระด้างแสนเย็นชา...ท่านมองผม
เหมือนกับจะอ้อนวอน อ้อนวอนให้ผมปล่อยหลานชายของท่านไป เพื่อสิ่งที่ดีกว่า อนาคตที่ดีกว่า เพื่อทุกอย่างที่ดีกว่า...ใช่ ตอนนั้นผมอาจจะยังไม่มีอะไรที่สามารถให้เขา
ได้เลย แต่ตอนนี้ผมรู้ว่าผมสามารถรักเขา รักได้มากสุดหัวใจ...นั่นหมายความว่าคุณย่าไม่ได้นึกทอดทิ้งชิพ หรือไม่รักเขาหรอก เพียงแต่ท่านไม่รู้วิธีที่สมควรในการมอบ
ให้เท่านั้นเอง

       “คุณจะไปรู้อะไร? คุณยกยอเขา ก็เพราะคุณรับเงินจากเขาไปเมื่อสิบปีก่อน ใช่มั้ยล่ะ?”

      ผมอึ้ง...ชิพวกกลับมาที่เรื่องเก่า ความผิดของผมเอง...เรื่องที่ตัดสินใจรับเงินสินบน...จะเรียกอย่างนั้นก็ได้...แต่เงินที่ผมรับไป ก็เพื่อรักษาชีวิต
ของพ่อที่ป่วยหนักในตอนนั้น...มันอาจจะฟังดูน้ำเน่า แต่นี่แหละคือชีวิตของผม...ชีวิตจริงที่ต้องเจอเรื่องเน่าๆอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้...

       “ชิพ!”

      “ไหน...ไหนคุณลองบอกผมหน่อยซิ ว่าคุณใช้เงินนั้นไปเพื่ออะไร? คุณใช้เสวยสุขได้มากแค่ไหนกัน? ผมอยากรู้แต่ก็ไม่ได้ถาม...ถ้าคุณกล้าพอ
ตอบผมมาซิ คุณกล้าพอหรือเปล่า?!”

      ชิพลุกขึ้นตะคอกใส่ผม คราวนี้เสียงดังมาก และเขาโมโห...ผมไม่รู้เลยว่าเหตุการณ์แบบนี้มันเริ่มเกิดขึ้นตอนไหนและยังไง แบบว่างงมาก ทว่า...
ผมรับปากไว้กับคุณย่าแล้วว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับชิพ ว่าผมหายไปทำอะไรมาเป็นเวลาสิบปี...ความจริง มันอาจจะผิดสัญญาตั้งแต่ผมเริ่มกลับเข้ามาในชีวิตของเขาอีก
ครั้งแล้วก็ได้

       แต่ผมก็ไม่อยาก...ให้โอกาสครั้งนี้หลุดลอยไปอีก

       “ผม...ผมไม่มีอะไรจะพูดตอนที่คุณโมโหแบบนี้”

      “ใช่ผมอาจจะโมโห แต่ผมมีสติทุกอย่าง...ผมก็แค่อยากรู้ ว่าสรุปแล้วคุณหายไปไหนมา คุณหายไปจากชีวิตผมเพื่ออะไรกันแน่...แล้วตอนนี้คุณยัง
จะมาตอกย้ำเรื่องที่ผมอยากลืม...แค่นี้...ชีวิตผมมันก็คงไม่แย่ไปกว่านี้อีกแล้วใช่มั้ย?”

      ชิพยกกระเป๋าด้วยมือทั้งสองข้างแล้วเดินลิ่วออกไปที่รถ...ผมใช้เวลาอยู่พักใหญ่กว่าจะเรียกสติกลับคืน ก่อนจะรีบแต่งตัวแล้วเดินตามชิพออกไปที่รถ
เพื่อเช็คเอาท์โรงแรมที่ล็อบบี้

       ชิพนั่งอยู่บนรถที่พนักงานเอามาจอดไว้ให้ เขาใส่แว่นตาดำมองตรงไปข้างหน้า...

       “ผมขอโทษ…”

      “...”

       “ก็บอกว่าขอโทษไง พูดอะไรบ้างซิ”

      เขาไม่หันมามองอยู่ดีอ่ะ

      “สักวัน...คุณต้องบอกผม เรื่องที่คุณเอาเงินของ...ย่า...ไปทำอะไร”

      ผมกลับเป็นฝ่ายเงียบ

       “เอาล่ะ...ถ้าคุณยังไม่บอกผม เราก็คงไม่มีเรื่องต้องพูดกันอีก”

      “คุณทำแบบนี้กับผมไม่ได้นะชิพ!”

      “ทำไมล่ะ? ในเมื่อผมไม่เคยมีเรื่องปิดบังคุณเลย...คุณคิดซะว่าผมไม่ได้โกรธคุณก็แล้วกัน ผมแค่...ไม่อยากพูดกับคุณในตอนนี้”

      เอาล่ะ...ชักเริ่มโมโหขึ้นมาบ้างแล้ว ไรว่ะเนี้ย??? เชี้ยเอ๊ย~~~แล้วไอ้น้ำตาอุ่นร้อนเหี้ย’ไรเนี้ยมันเอ่อมารวมตรงหัวตากรูตั้งแต่เมื่อไรกัน...ฮึ
แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นน้ำตาแห่งความโกรธ หรือ ความเสียใจกันแน่…

       “คุณทำแบบนี้กับผมไม่ได้นะ...”

      ร้องออกมาแล้ว น้ำตา...ไหลริน ผมเกลียดช่วงเวลาแบบนี้ มันรู้สึกอ่อนแอ และสับสน...

      “งั้นคุณคงต้องเลิกพูดให้ผมสำนึกในบุญคุณบ้าบออะไรนั่น แต่ยังไงซะ ผมก็ต้องการจะรู้เหตุผลที่แท้จริงของคุณอยู่ดี”

      “...”

      เขามองผมร้องไห้เงียบๆ...ไอ้หมอนี่จะรู้สึกอะไรบ้างมั้ยหา?!!!

      “อะไร?”

      “คุณ...คุณทำให้เรากลับมาทะเลาะกันอีก...คุณอยากให้ผมออกไปจากชีวิตคุณมั้ยล่ะ แล้วคราวนี้ผมจะไม่เสียใจอีก”

      แทนที่ชิพจะโกรธจัดกว่าเดิม เขากลับนั่งเฉยๆ แต่ผมเห็นเขากัดฟันแน่นจนกรามนูนเป็นสัน

       “ขึ้นรถเหอะ เราต้องไปกันแล้ว”

      ผมก้าวขึ้นรถ ปิดประตูอย่างแรงแล้วโยนกระเป๋าไปข้างหลัง

       “~ได้! ต่อไปนี้ผมจะทำตามคุณบอกทุกอย่าง คุณจะทำกับผมยังไงก็เชิญ แต่ขอบอกว่าผมเบื่อมากที่ต้องมาทะเลาะกับคุณ! พอคุณทำดีกับผมวันนี้
พรุ่งนี้คุณอาจจะร้ายกับผม...จนผมเดาไม่ถูก ฉะนั้นหากคุณพอใจทำอะไรลงไปก็ตามใจ...ผมไม่แคร์อยู่แล้ว”

      ปากแข็งไปงั้น...ยอมรับ ว่าในใจทั้งน้อยใจ โกรธ โมโห และแคร์เขามากที่สุด...รู้ทั้งรู้ว่ายังรักเขา แต่พอมันเจ็บปวดจากเหตุการณ์ต่างๆ การ
กระทำที่ชิพก่อ...ทั้งเกลียดทั้งโกรธ แต่ผมก็ยังรักเขา ไม่รู้เพราะอะไร มันเป็นเวรกรรมอะไรของผมนักหนาที่ต้องเฝ้าทนความเจ็บปวดแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า...

       “...คุณโกรธผมหรือเปล่า?”

      จู่ๆชิพก็ถามขึ้นขณะกำลังขับรถมุ่งตรงเข้ากรุงเทพฯ

       “ใช่”

      “...แต่พรุ่งนี้คุณจะไม่ว่างโกรธผม เพราะคุณต้องไปทำงานที่บริษัทกับผม ทุกวัน ผมมีแขกสำคัญมาจากญี่ปุ่น...พอจะได้ยินชื่อเสียงคุณมาบ้าง คุณ
คิดว่าพอมีความสามารถพอจะช่วยงานผมได้มั้ย?”

      ผมไม่ตอบ หน่ำซ้ำยังค้อนใส่ คนอะไรอารมณ์ร้ายกาจ ป่าเถื่อน น่ารังเกียจที่สุด!

       นอกจากจะไม่ช่วยแล้ว ผมจะป่วนให้สะใจเลยคอยดู

       ...แต่มานั่งคิดดูดีๆแล้ว อยู่บ้านว่างๆก็น่าเบื่อ เหงา ไม่มีอะไรทำ ฉะนั้นคงต้องติดสอยห้อยตามเขาไป...ทั้งๆที่เรายังมีเรื่องข้างคากันอยู่

       ระหว่างทางชิพคุยโทรศัพท์มือถือเรื่องเตรียมประชุดบอร์ดของเขาตลอด ถึงบ้านเราก็ไม่พุดคุยกันเลย เขาเข้าไปในห้องทำงานส่วนตัวที่มุนหนึ่ง ส่วน
ผมนั่งดูโทรทัศน์ฆ่าเวลา จนจะนอนก็อาบน้ำแล้วไปนอนที่ห้องเดิมของตัวเอง ไม่ใช่ห้องของเขา

       ...ตอนดึกๆยังอุตส่าห์มาแอบเปิดประตูดู ฮึ แต่ผมไม่สนใจหรอก เขาคงแค่แวะมา...แวะมาเพื่ออะไรไม่รู้ล่ะ! ไม่อยากสนใจ อยากทำอะไรก็เชิญ!
นี่ไม่ใช่บ้านผม

      “ผมรู้ว่าคุณยังไม่นอน...”

      จู่ๆเขาก็เอ่ยขึ้น ผมตัวแข็งทื่อทันที

       “ถึงแม้เราจะทะเลาะกัน...ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องมานอนแยกห้องแบบนี้”

      “…”

      ~แล้วไงล่ะ

       “สมมติ...ถ้าคุณอยากกลับไปนอนห้องผม ก็แค่เปิดประตูเข้าไป ไม่ต้องเคาะ ผมจะเตรียมหมอนกับผ้าห่มไว้ให้...คุณได้ยินแล้วใช่มั้ย?”

      เกือบจะเผลอตัวพยักหน้าไปแล้วมั้ยนั่น =_+” แย่แน่ๆหากทำจริงๆ…(ก็มันเสียเซล์ฟหมดพอดี) แต่ใครกันจะยอมกลับไปนอนเตียงเดียวกับไอ้
หมอนั่น เหอะ! ผมยอมนอนข้างถนนดีกว่าต้องไปเป็นเครื่องรองรับอารมณ์เขา...จริงมั้ยล่ะ

       แต่ไม่รู้ซิ...เสียงเจือความรู้สึกผิดของเขาทำให้ผมหายโกรธแล้วจริงๆ



       เดี๋ยวมาต่อนะคร้าบ

ออฟไลน์ nirun4

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 491
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0

ifwedo

  • บุคคลทั่วไป
ถ้า2คนเปิดอกคุยกันก็จบ

BEta-K

  • บุคคลทั่วไป

แมววาย

  • บุคคลทั่วไป
 :a12:   อย่าจบแบบค้างๆ คา นะ   :oni2:

YO DEA

  • บุคคลทั่วไป
 :o12: :o12: :o12:


ตอนนี้อึดอัดจัง



 :serius2: :serius2:

ออฟไลน์ Arbutis

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อ่าว ค้างเลย :a5:

ตัดไปซะงั้น

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
ชิพคุ้มดีคุ้มร้าย  :serius2: :serius2: :serius2:

ออฟไลน์ mist

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4505
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-3
เพิ่งดีกันแท้ ๆ  :serius2: :serius2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






sarin

  • บุคคลทั่วไป
 :เฮ้อ: อารมณื......เดี๋ยวผีไปเดี๋ยวผีมาจริง จิ้ง..อิ.อิ. :m32:

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
แดนทำไมไม่บอกความจริงไปสักทีล่ะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ คาราคาซังมาก

แล้วคุณย่านี้หายไปไหน เสียไปแล้วเหรอ

ออฟไลน์ both^^

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +730/-4
แงๆ  ทะเลาะกันทำไมเนี่ย

snowblack

  • บุคคลทั่วไป
ไหนๆก็ผิดสัญญาไปแล้วบอกๆไปเห๊อะ

แคร์คนที่อยู่ด้วยกันดีกว่าคนที่ไม่อยู่แล้วจะดีกว่าไหม

ชั่งน้ำหนักเอาว่าคำมั่นกับชีวิตคู่อันไหนน้ำหนักมากกว่ากัน

ถ้าคุณย่ายังอยู่ว่าไปอย่าง นี่ตายไปแล้ว แคร์คนที่ยังไม่ตายดีกว่านะ  o2


(อินมากไปไหมเรา  :m23:)


ดีใจที่มาอัพซะทีครับ  รอตอนต่อไปนะครับ

crazykung

  • บุคคลทั่วไป
ขอให้ ลงเอยด้วยดี อาเมนนน


 o13 o13

nooww

  • บุคคลทั่วไป
 :c5:มาต่ิอเีร็วๆ นะ :กอด1: :bye2:

ออฟไลน์ Tetjinen

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
 :เฮ้อ: น่าจะห่วงคนเป็นมากกว่าคนตาย  :เฮ้อ:
สู้ๆต่อไป สงสัยเก็บเป็นไม้ตาย  :m1:

ALeX

  • บุคคลทั่วไป
มาแล้วจ้า

ขอขอบพระคุณทุกรีที่คอยเป้นกำลังใจให้ผมเสมอมานะครับ ช่วงนี้ยุ่งมาก ยุ่งจริงๆ เครียดด้วย ถ้ามาช้ายังไงก็ขอโทดด้วย เพราะถ้าหากใครพอจะติดตามผมมานานคงทราบว่าหากผมมีเวลา ก็คงเอามาลงให้ทุกวัน แต่ตอนนี้ไม่ว่างจริง งืมๆๆๆ

ขอบคุนครับ



บทที่ 16



       เช้าวันจันทร์ที่แสนทรมาน ฮ้าว~~~ นาฬิกาตีเสียงดังลั่นปลุกผมให้พร้อมลุกขึ้นจากเตียง วันนี้เป็นวันแรกของการไปทำงานกับชิพที่บริษัท...แต่
ช่างเหอะ ผมพยายามทำใจยอมรับมันเพราะเราก็โตๆกันแล้ว…ไม่สมควรงอนกันอย่างไร้เหตุผลปานนั้น

       แต่อีกฝ่ายน่ะซิ...ก่อเรื่องไม่เลิก(แยกแยะได้แต่แอบหยิ่งใส่อ่ะ o_O*)

       ว่าแล้วก็รีบเข้าไปอาบน้ำ ทำตัวให้สดชื่นก่อนเข้าครัวเตรียมขนมปังปิ้งหนึ่งแผ่นกับกาแฟไว้ให้คุณชายขี้เซาในห้องใหญ่ บางวันท่านก็ต้องการแค่รัง
นกแก้วเดียว บางวันก็แค่กาแฟดำเฉยๆ เดี๋ยวนี้เอาใจไม่ถูกเลยคับ...คือแบบว่าเซ็งมาก =_=”

      ฟ้าข้างนอกเริ่มสว่างขึ้นเรื่อยๆ แต่ไฟทางหลวงยังคงมืดอยู่ ผมมองลงไปจากหน้าต่างห้องชุด รถที่ทยอยกันแล่นแต่เช้ายังมีไม่ค่อยมาก ไม่ได้การและ
ต้องรีบปลุก ‘คุณชาย’ ด่วน>>>ปี๊ดๆๆ

      เหยียบไปบนพื้นห้องเย็นเฉียบ ห้องมืดสนิท...ร่างใหญ่เป็นเงาตะคุมนอนฟุบอยู่บนเตียง พอเดินเข้าไปใกล้จะได้ยินเสียงหายใจมั่นคงสม่ำเสมอ
เบาๆ...ผมเปิดไฟหัวเตียง เป็นแสงสลัวให้พอมองเห็นซีกหน้าด้านหนึ่งของชิพหลับสนิท

       “เฮ้ชิพ ตื่นได้แล้ว”

      รอบแรกปลุกไม่ตื่น เลยต้องเขย่าตัวแรงๆ เฮ้อ...แล้วนี่มันอะไรกัน บอกกี่ครั้งว่าอย่านอนถอดเสื้อ ถ้าไม่สบายขึ้นมาอีกผมจะไม่ดูแลแล๊วคอยดูสิ
ฮึ!!!

       “ฮือ~~~ขออีกห้านาที...”

      เฮ้ย!!! มันไม่ใช่เด็กๆแล้วนะที่ต้องขออีกห้านาทีแบบคนขี้เกียจไปโรงเรียน แถมขนาดหลับยังงืมงำๆสู้ปัดป้องกับผมได้อีก เฮ้อ~เชื่อเขาเลย

       “ไม่ได้ ตื่นได้แล้วคุณ เร็วเถอะแข็งใจหน่อย”

      ในที่สุด =_=”…คุณชายชิพก็ได้ฤกษ์ลุกขึ้นจากที่นอนจนได้ มัวแต่ขยี้ตาอย่างงัวเงีย หัวฟูๆกับหน้าตาอย่างกะคนนอนไม่เต็มอิ่ม สงสัยเมื่อคืนทำงาน
ดึก จะว่าไปชีวิตนักธุรกิจเนี้ยก็ลำบากเหมือนกันแฮะ...

       “อะไร?”

      จู่ๆก็มองหน้าผม เอ่อ...จ้องกันแบบนี้มันแปลกๆยังไงขอบกล

       =_=”

      “กี่โมงแล้ว?”

      “…~จะสายแล้วล่ะ ถ้าคุณไม่รีบหนีรถติด”

      เขาขมวดคิ้วแบบหงุดหงิดๆ แล้วก็เอื้อมตัวไปหยิบนาฬิกามาดู ก่อนจะลุกขึ้นยืนยึดเต็มความสูง บิดไปมาด้วยเนื้อตัวเปลือยเปล่าต่อหน้าผม...ไม่ได้
อายหรอกนะ แต่ก็...ช่างเหอะๆ...เอาเป็นว่าชิพเดินหาวฟอดๆเข้าไปอาบน้ำแล้ว ส่วนผมก็ขอไปแต่งตัวก่อน จะได้รีบมากินอะไรลองท้องของตัวเองบ้าง

       เนื่องจากชิพไม่ชอบให้เปิดทีวีดูตอนเช้า(เลขาเขาจะเอาหนังสือพิมพ์มาวางไว้ให้ที่โต๊ะทำงานตอนเช้าแทน) ผมเลยนั่งดื่มกาแฟอยู่เงียบๆคน
เดียว...ไม่รู้เพราะอะไร...เพราะอะไรผมถึงต้องคอยเป็นห่วงและอยากดูแลเขาถึงขนาดนี้ด้วย มันแค่รู้สึกไปเองหรือว่าผมทำแบบนั้นอยู่จริงๆกันแน่? ทว่าทุกครั้งมันก็อด
ไม่ได้...ผมอยากทำให้เขาจริงๆนั่นแหละ

       ...ยี่นาทีแล้ว ชิพยังไม่ยอมออกมาสักที ชักกวนๆแฮะๆ\(-_-*)

       แอบยืนมองว่าเขากำลังทำอะไรอยู่...เจ้าตัวกำลังยืนหันหลังเลือกชุดสูทอยู่ในตู้เสื้อผ้าใบใหญ่...สักพักก็ออกมาพร้อมกับชุดสูทสีดำเข้าคู่กับรองเท้า
เนทไทลายทางตามแบบฉบับสากลของนักธุรกิจ ชิพนั่งลงที่เตียงแบบไม่ทำอะไรชั่วครู่หนึ่ง เป็นอะไรของเขานะ?...แล้วเขาก็ค่อยๆลุกขึ้นใส่กางเกงใน...เสื้อกล้ามด้านใน
ทุกอย่าง...แล้วทำไมต้องเลือกสูทเหมือนของผมเลยเนี้ย? ชิ! งานนี้มีเคือง -“-

       “มานี่ซิ...เดี๋ยวผมช่วยผูกเนคไทให้”

      ผมตัดสินใจเดินเข้าไปช่วยเขาผูกเนคไท ร่างสูงไม่ว่าอะไร เพียงก้มมองต่ำลงมาขณะผมเพ่งสมาธิไปกับงานตรงหน้า...ตัวของเขาหอมน้ำหอมราคา
แพงจางๆ ผมรู้สึกว่าหน้าแดงและน่าอายชะมัด...ลมหายใจของชิพรดอยู่ตรงจมูกเพราะเขาสูงกว่าผมเยอะ เฮ้อ~~~ไม่ได้ๆ จะยอมปล่อยให้ใจเต้นแรงไปมากกว่านี้ไม่
ได้แล้ว

       “ขอบคุณนะ…”

      ชิพตาปรือๆ ชักยังไงแน่?

      “นี่คุณตัวร้อนหรือเปล่า?”

      เอ ตัวก็ไม่ร้อนนี่...

       “ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวผมจะตามออกไป ขอเก็บเอกสารนิดหน่อย”

      ชิพตัดบทก่อนจะเดินหลบเข้าไปในห้องทำงานของเขา ทำให้ผมมึนงงกับท่าทีขึ้นๆลงๆ เมื่อกี้เหมือนเขากำลังเบลอกับอะไรสักอย่าง ฮื้อ?...หมู่นี้ชิ
พทำงานหนักไปหรือเปล่านะ...แต่เมื่อคืนผมก็นอนไม่ค่อยหลับหรอก แบบว่าเตรียมงานต่างๆแล้วก็ตื่นเต้นด้วย ไม่รู้ตอนนี้ที่บริษัทจะเปลี่ยนไปยังไงบ้างนะ มันนานตั้ง
สิบปีแล้วนี่ที่ผมจากไป...จากเขา



       รถยนต์เคลื่อนตัวเข้าสู่ตัวตึกสีเทาหรูหรา ย่านใจกลางสุขุมวิท ยามหน้าตึกยกมือขึ้นไหว้คนขับและเปิดทางให้เข้าไปจอดยังพื้นที่ส่วนตัวของพวกผู้
บริหาร...ชิพขับผ่านน้ำพุขนาดใหญ่ข้างหน้า ใต่ขึ้นไปยังอาคารจอดรถชั้นที่สงวนไว้ให้ชิพเท่านั้น เพราะมีลิฟต์ซึ่งขึ้นตรงสู่ชั้นบริหารโดยทันที บรรยากาศรอบๆดูแปลก
ใหม่และทำให้ผมทึ่งจนอดยิ้มกว้างๆออกมาไม่ได้

       นี่เขาเก่งขนาดนี้เชียวเหรอนี่...

       “คุณชอบล่ะซิ”

      ชิพเอ่ยขึ้นเหมือนจะรู้ใจผม...ใช่ ผมถูกใจมาก แต่ผมก็แค่มาทำงาน ไม่ได้อยากอยู่ที่นี่ มันคือความภูมิใจในตัวคนข้างๆมากกว่า

       “ผมเคยจำได้ว่า...คุณเคยบอกผมว่าอยากทำงานในบริษัทหรูๆ ดูทันสมัย”

      รถจอดเข้าที่ ชิพดับเครื่อง...เขายังนั่งนิ่ง

       “ผมเปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่แล้วด้วย เป็น ดี แอน ซี คอปอเรชั่น...คุณรู้มั้ยว่ามันหมายความว่าอะไร?”

      ผมมองซีกหน้าของชิพ ชั่ววูบนั้นบังเกิดความละอายขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้...มันคงหมายถึงชื่อผม...และชื่อของเขา

       ป้ายหน้าตึกก็มีแต่ไม่ทันอ่าน เพราะมัวแต่ตื่นตาตื่นใจกับอาณาจักรแห่งนี้ ผมมันแย่จริงๆ

       “…มันทำให้ผมนึกถึงคุณ เวลาได้เห็นชื่อบริษัทตัวเองน่ะ”

      แล้วชิพก็โดดลงไปจากรถ ผมนั่งบื้ออยู่คนเดียวจนเขาต้องเคาะกระจกบอกให้ลงมา แล้วถือกระเป๋าเอกสารตามเขาไปด้วย  (-_-“) งืมๆ...

       “ผมขายตึกเก่าไปให้บริษัทเมืองนอกตั้งแต่ห้าปีที่แล้ว พอดีมีบริษัทที่กำลังมีปัญหาทางการเงิน ผมก็เลยได้ที่ตรงนี้มา...เราพยายามขยายตลาดไปสู่
เมืองนอก มีผู้ถือหุ้นเป็นบริษัทต่างชาติเยอะพอสมควร ฉะนั้นตลอดเวลาที่ผ่านมานี้บุคคลากรของเราจึงเพิ่มจำนวนขึ้นมาก ไปๆมาๆแล้วผมก็เพิ่งรู้...ว่าตัวเองกำลังบริหาร
ธุรกิจขนาดยักษ์ใหญ่อยู่...”

      ชิพเดินเล่าประวัติความเป็นมาไปเรื่อยๆ ตั้งใจฟังจนกระทั่งเราสองคนก้าวเข้ามาในลิฟต์

       “อ้อ เพิ่งนึกขึ้นได้ วันนี้จะมีคนมาพบคุณด้วย...ทำตัวดีๆหน่อยล่ะ”

       น้ำเสียงนั้นเหมือนทั้งสั่งและล้อเลียนแย้มหัวอยู่ในตัว แต่ในฐานะลูกจ้าง ผมได้แต่พยักหน้ารับทราบ

       “แล้ว...ถ้ามีคนถาม ผมว่าผมกับคุณเป็นอะไรกัน?...”

      ชิพเหล่ตามองมา แต่ไม่ยอมบอกสักที

       “ไม่รู้ซิ”

      อ้าว =-=

      “อ้าว คุณก็บอกผมมาซิว่าจะให้ตอบยังไง จะได้วางตัวได้ถูก”

      “~ก๊อ...เป็นเมียผมมั้ง”

      ไอ้คุณชายขี้เก๊กยิ้มยียวนกวนประสาทเข้าไปทุกที ผมเริ่มหน้าแดงเพราะความโกรธ...

       “คุณ!”

      “ก็เป็นเมียผมจริงๆนี่...ผมยังไม่เคยเป็นเมียคุณเลยนะ”

      ผมทุบไหล่คนปากมากไปหนึ่งตุบ เชี้ย+++ ลืมไปว่าที่กำลังทะเลาะอยู่ด้วยน่ะผู้บริหารระดับสูงเชียวนะ แต่ไอ้ฝ่ายนั้นก็ไม่ได้ตอบโต้มากไปกว่ายิ้ม
และเสียงหัวเราะที่ดังขึ้นทุกๆโวลุ่ม...อ๊ากกก~~~

       “คุณนี่อารมณ์ขึ้นง่ายพอๆกับที่โดนหลอกได้ง่ายๆเลยนะ”

      แววตาของเขาฉายแววของผู้ชนะ...โดนหลอกซะแล้วไอ้แดนเอ๊ย = =”

       “นี่...คุณรู้อยู่แล้วใช่มั้ยว่าจะไม่มีคนถามผมแบบนั้น…”

      ชิพไม่ตอบ แต่ยังทั้งยิ้มแอ๊บแบ๊วกวนประสาท กับจ้องตากลมแบบเด็กดื้อที่น่าจับส่งสถานดัดสันดานนัก

       สรุปเขาจะเป็นการเป็นงาน หรือพูดเล่นกับผมกันแน่เนี้ย o_O* โอ๊ย~!!! ตามไม่ทันโว้ย!!!

      “ถึงยังไง...คุณกับผม...ก็อยู่ในฐานะคนรักกันไม่ใช่เหรอ”

      ชิพเอ่ยขึ้น ประโยคนั้นมันชัดเจนจนหยุดอารมณ์ต่างๆของผมลงได้...

       “จะบ้าเหรอไง...คุณกับผมเป็นผู้ชายนะ...”

      “ก็มันเรื่องจริง...ผมไม่แคร์ใครทั้งนั้น”

      รู้ตัวอีกที เขาก็ก้าวมาอยู่ตรงหน้า ใกล้มาก...น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนลงเหมือนตอนที่เรากำลังดีกัน...มือของเขาจับเข้าที่ต้นแขนของผม ตัวเอนไป
ข้างหน้าเหมือนกำลังถูกดึงเข้าไปจะโดนกอด...ทันใดนั้น

       ติ๊ง!

      ประตูลิฟต์เปิดออก =_=” ผมผละตัวออกจากเขาทันที เราสองคนยืนเก้ๆกังๆพลางจ้องมองออกไปข้างนอก มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งตัวอ้วนกลม หน้าตา
น่ารักเหมือนเด็กในโฆษณา ผิวขาวชมพู ใส่ที่คาดผมสีขาวเข้ากับชุดลายลูกไม้น่ารัก...ในมือมีกระดาษกับดินสอถืออยู่

       “คุณพ่อ!”

      เด็กน้อยวิ่งเข้ามาหาชิพ...ซึ่งก้มตัวลงอ้าแขนรอรับร่างป้อมขึ้นมาอุ้มไว้อยู่แล้ว...ผมอึ้ง เดินออกมาตรงส่วนโถงรับแขกด้านนอกที่หรูหราว่าง
เปล่า...งงๆมึนๆกับเหตุการณ์ตรงหน้า ภาพชิพกอดและหอมแก้มสุกชมพูของเด็กสาว...ทั้งสองคนจี๊จ้ากันอยู่สักพักถึงนึกขึ้นมาได้ว่ามีผมมองอยู่ ชิพหันกลับมายิ้มหน้า
ตายให้ผม...น้ำเสียงภาคภูมิใจของเขาบาดลึกลงมา

       “แดน...นี่น้องน้ำผึ้ง ลูกสาวผมเอง”

      



       โปรดติดตามตอนต่ดไป(หวังว่าจะในเร็วๆนี้...)

A-JJ

  • บุคคลทั่วไป
ไอหยา  o2 น้องน้ำผึ้ง ใครเป็นแม่หนูอ่ะลูกกกกกกก :sad2:

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

อ่าครับชิพมีลูกแล้ว ไม่อยากเชื่อ

จริงเหรอครับ บอกหน่อยว่าไม่จริง อิอิ

อยากยอมรับแต่ยากที่จะทำใจ อิอิ

 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด