ตอนที่ 25ธี“เชื่อกูเดี๋ยวค่อยคุยกัน” เจ้าของเสียงใสเงยหน้ามาส่งยิ้มให้และตบบ่าผม ก่อนนั่งลงบนเก้าอี้ที่เฮียติณห์สั่งเด็กเอามาให้
ผมล่ะอยากจะงอนสาวเท่คนนี้จังครับมีอะไรไม่บอกคู่ซี้แบบผมเลยมีแต่ผมที่บอกไปซะทุกอย่าง มนมองหน้ายิ้มน้อยๆมาให้ผมก่อนส่ายหัวทำหน้าเหนื่อยใจและผลักหัวผมเบาๆ
“เลิกทำหน้างอนกูได้แล้ว” เสียงใสกลั้วหัวเราะในลำคอต่อว่าผมไปด้วย
ผมจึงเบือนหน้าหนีมาทางไอ้คนที่พามาเห็นมันกำลังพูดกับเฮียติณห์หน้าเครียด แต่เสียงเพลงที่ดังกระหึ่มอยู่นี้ผมจึงไม่ได้ยินว่าทั้งคู่คุยเรื่องอะไรกัน แต่ได้ยินแว่วๆว่าไอ้หมอภีมถามอีกฝ่ายว่า ‘เอาจริงเหรอคนนี้’ ก่อนทั้งคู่จะชำเลืองมาทางเพื่อนสนิทผม แค่นี้ก็รู้แล้วครับว่าคุยกันเรื่องอะไรผมแค่แปลกใจว่าเฮียติณห์ถูกใจมนตอนไหน หรือว่าเป็นตอนที่ผมมาเที่ยวที่นี่กับมนสองคนครั้งนั้นกัน แต่ผมไม่ได้แปลกใจมากนักที่รู้ว่ามีคนสนใจสาวเท่ของผม เพราะหน้าตาของมนไม่ได้ใกล้เคียงกับคำว่าขี้เหร่เลยครับ เพราะเครื่องหน้าทุกชิ้นสวยไปหมดและถูกจัดวางไว้อย่างลงตัว ยิ่งดวงตาคมคู่นั้นถ้าได้มองนานๆคุณจะหลงเสน่ห์เอาได้ง่ายๆ ขนาดเจ้าของใบหน้าสวยไม่ค่อยยิ้มยังมีคนเข้าหาเรื่อยๆเลยครับ ผมล่ะอยากจะรู้ว่าเฮียติณห์จะเอาชนะใจสาวเท่ของผมได้ยังไงกัน แต่ดูท่าทางเฮียติณห์ต้องมีดีอะไรแน่ๆคงมีบางอย่างที่เข้าตาสาวมน เพราะการที่มนยอมออกมาเที่ยวด้วยสองต่อสองเนี่ยก็บอกอะไรได้บ้างแล้ว ผมลอบสังเกตใบหน้าเฮียติณห์แล้วก็พบว่าเป็นคนหน้าตาดีคนหนึ่ง ถึงแม้ใบหน้าจะมีไรหนวดไรเคราแต่กลับดูดี ทำให้หน้าเฮียติณห์ดูเข้มออกเถื่อนนิดๆหล่อไปอีกแบบครับ ส่วนนิสัยเฮียติณห์ออกจะเงียบๆไม่ค่อยพูดถ้าสองคนนี้เป็นแฟนกันคงใช้ความเงียบคุยกันซะล่ะมั้งเนี่ย
“อะไรครับธี มองหน้าไอ้ติณห์นานแล้วนะ พี่หึงนะเนี่ย” เสียงข้างหูที่ดังขึ้นทำให้ผมต้องหันไปมอง และใบหน้าเราสองคนก็แทบจะชนกัน ไอ้หมอภีมยิ้มใส่ตาผมอย่างอารมณ์ดีผิดกับน้ำเสียงดุๆที่มันใช้พูดออกมา
“เพื่อนเฮียนั่นแหละคิดจะทำอะไร ถ้าไม่จริงจังผมฆ่าหมกป่าแน่” ผมไม่ยอมแพ้ตอบกลับเสียงเข้มพอกัน แถมแอบเหล่ไปมองทางเฮียติณห์ตัวต้นเหตุ ที่กำลังส่งแก้วเครื่องดื่มให้มนอยู่
“ฮึๆ พี่กลัวก็แต่ว่าเพื่อนเรานั่นแหละจะทำให้เพื่อนพี่เสียใจ ไอ้ติณห์มันไม่เคยออกตัวขนาดนี้มาก่อนเลยนะ” ผมก็ฟังสิ่งที่ไอ้หมอภีมมันพูดพร้อมกับจ้องการกระทำของเฮียติณห์ไปด้วย สายตาแวววาวบนหน้านิ่งๆของเฮียติณห์ที่มองมนอยู่มันแสดงออกชัดมากว่าเฮียมาดนิ่งกำลังถูกใจเพื่อนผมมาก แต่สาวมนก็ยังทำตัวได้ปกติเหมือนอยู่กับเพื่อนสนิท ผมจึงอ่านไม่ออกว่าคิดยังไง ‘คงต้องรอดูต่อไปสินะ’
หลังจากนั้นผมก็ละความสนใจจากคนทั้งคู่มานั่งฟังเพลงขยับโยกและจิบเบียร์ในมือไปด้วย ส่วนไอ้คนที่พามาก็ไม่รู้มันจะอารมณ์ดีไปไหนนั่งส่งยิ้มให้ผมตลอด ผมก็แกล้งทำเมินไม่เห็นบ้างก่อนหันไปมองทางอื่น อยู่ๆก็มีเสียงใสดังขึ้นข้างตัว
“หวัดดีครับ พี่ภีมใช่มั้ยครับ จำแจ็คได้รึเปล่า” ผมหันไปทางต้นเสียงก็เห็นว่ามีหนุ่มน้อยหน้าใสตัวเล็กยืนส่งยิ้มให้กับไอ้หมอภีมอยู่
“อ้อ แจ็คเหรอ สบายดีมั้ยครับ” ไอ้หมอภีมมันทำท่าคิดครู่หนึ่งก่อนส่งเสียงทักทายพร้อมรอยยิ้มติดมุมปาก
“ครับก็ดี แจ็คไม่ได้เจอพี่นานเลยงานยุ่งมากเหรอครับ” เด็กแจ็คยิ้มร่าใส่คนที่ตัวเองทักและจำตัวเองได้อย่างดีใจ
ผมมองภาพคนสองคนทักทายกัน ใบหน้ายามคุยก็ยิ้มร่าดูมีความสุขจนน่าหมั่นไส้ และคงเป็นเรื่องปกติสินะที่ต้องยื่นหน้ามาชิดเพื่อให้ได้ยินบทสนทนาระหว่างกัน ‘ทำไมมึงไม่แดกหูแทนข้าวเกรียบตรงหน้าซะเลยล่ะ’ ผมเบือนหน้าหนีภาพทั้งคู่และกระดกเบียร์ในมือ ไม่อยากมองเดี๋ยวคนแถวนี้จะเจ็บตัวครับ แรงเตะขาใต้โต๊ะทำให้ผมต้องมองไปทางคนทำ มนจ้องผมนิ่งๆก่อนยกแก้วขึ้นชูผมก็ตอบสนองโดยการชนแก้วไปก่อนยกขึ้นจิบ เลิกสนใจคนอีกคนหันไปมองรอบตัวแทน และเจอสายตาคู่หนึ่งกำลังจ้องผมอยู่แต่ทำเอาผมขนลุกชันไปทั้งตัวต้องรีบเบือนหน้าหนี เพราะถ้าสายตาเชิญชวนคู่นั้นมาจากสาวสวยหุ่นดีผมจะไม่ว่าเลยครับ แต่นี่เป็นผู้ชายตัวใหญ่ร่างหนากล้ามโตอย่างกับนักเพาะกายจะให้ผมตอบสนองก็ใช่ที่ แค่คิดก็สยดสยองขนตูดลุกชันไปหมดแล้วครับ ผมหันกลับมาก็เจอสายตาคมเข้มที่จ้องรออยู่จากไอ้หมอภีม ผมเลยเลิกคิ้วเป็นเชิงถามไปให้อย่างกวนๆและมองตำแหน่งที่เคยมีร่างเล็กยืนอยู่แต่ตอนนี้ว่างเปล่าเสียแล้วครับ
“ธีมองใครครับ” ผมจ้องหน้าไอ้หมอภีมนิ่งและยักไหล่ก่อนเบือนหน้าออกจากหน้าบึ้งตาดุๆของมัน อยากจะคิดอะไรก็ปล่อยมันไปครับ จริงๆผมจะมองใครในนี้ก็ไม่เห็นแปลกทีมันยังคุยกับหนุ่มน้อยโดยไม่คิดจะสนใจผมเลยเหอะ
“ธีจะไปไหน” เสียงเข้มมาพร้อมแรงจับแน่นที่ข้อมือ เมื่อผมลุกขึ้นจากเก้าอี้
“ปวดฉี่” ผมตอบกลับมันด้วยเสียงนิ่งและจ้องหน้ามันก่อนจะก้มมองข้อมือตัวเองส่งสัญญาณให้มันปล่อย
“ไปครับ พี่ก็อยากเข้าห้องน้ำพอดี” ไอ้หมอหน้าบึ้งมันลุกขึ้นทันทีที่พูดจบก่อนจะกระตุกข้อมือผมให้เดินตาม ผมขืนตัวไว้ก่อนเงยจ้องตามันอย่างจริงจัง
“ปล่อยผม” ทั้งน้ำเสียงและแววตาจริงจังที่ผมสื่อไปให้คนตรงหน้าถึงความต้องการของตัวเอง ทำให้แววตานิ่งติดดุที่จ้องตาผมอยู่ก่อนแล้วมันอ่อนแสงลงเจือแววเว้าวอน แต่ผมก็เลือกที่จะเบือนหน้าหนีและย้ำคำเดิมให้มันปล่อย แรงที่ข้อมือหายไปเหลือไว้เพียงความอุ่นร้อนจากสัมผัสเมื่อครู่
ผมหันหลังเดินออกจากโต๊ะทันเห็นสายตาสองคู่ของมนกับเฮียติณห์ที่มีแววกังวลแฝงอยู่ ผมจึงส่งยิ้มน้อยๆไปให้และเดินตรงไปทางห้องน้ำ ระหว่างทางผมรับรู้ถึงไออุ่นของร่างสูงที่เดินตามหลังมาประชิดตัวไม่ห่างแต่ไม่คิดจะหันไปสนใจ จนมาถึงห้องน้ำชายที่ภายในมีคนยืนอยู่เต็มทุกโถ ผมจึงเดินตรงเข้าไปทางห้องน้ำที่มีประตูปิดมิดชิด ก่อนที่ประตูจะปิดลงผมเห็นสายตาตัดพ้อจากตาคมใต้แว่นใสของไอ้หมอภีมด้วย แต่ยิ่งเห็นแบบนี้ผมจึงรีบงับประตูปิดอย่างเร็ว เมื่อได้อยู่คนเดียวในห้องน้ำผมยืนพิงหลังกับบานประตู ครุ่นคิดถึงสิ่งที่ตัวเองรู้สึกในตอนนี้ ผมหงุดหงิดไม่พอใจที่เห็นไอ้หมอภีมมันส่งยิ้มให้คนอื่นง่ายๆนอกจากผมและมันไม่คิดจะสนใจผมเลยตั้งแต่มีเด็กแจ็คเข้ามาคุยด้วย แถมยังขยันดุผมอีกทั้งๆที่ตัวมันไม่สนใจกันแล้ว ผมต้องยอมรับว่าผม ‘หวง’ มันแล้วใช่มั้ยครับทั้งๆที่ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะรู้สึกแบบนี้กับใครได้ ผมสูดหายใจลึกเข้าปอดก่อนจัดการตัวเองให้เสร็จและเดินออกมาก็พบว่าไอ้หมอตัวสูงมันยืนรอผมหน้ากระจก มันจ้องผมตั้งแต่ผมเดินออกมาจากห้องน้ำจนมายืนที่หน้ากระจกข้างตัวมันเพื่อล้างมือ เราสบตากันผ่านกระจกแค่แวบเดียวผมก็เบือนหน้าออก และผละเดินไปที่ประตูทางออกจากห้องน้ำ
“ธี” เสียงเรียกชื่อผมดังแผ่วจากข้างหลัง แต่ผมกลับทำเป็นไม่ได้ยินยังก้าวขาเดินต่อไปเพื่อกลับไปที่โต๊ะ แต่ยังไปไม่ถึงไหนก็มีคนมาดักหน้าผมไว้ซะก่อน
ภาพตรงหน้าเป็นหน้าอกที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อใหญ่โตแน่นเปรี๊ยะแทบแตก ผมจึงไล่สายตาจากกล้ามอกขึ้นไปตามคอแกร่งที่ปูดโปนจนเห็นเส้นเลือด ใจก็แอบหวั่นว่าจะเป็นคนที่คิดรึเปล่าและพอได้เห็นหน้าไอ้คนที่ยืนกั้นผมไว้เท่านั้นแหละครับ ผมถึงกลับต้องผงะถอยหลังให้กับสายตาเปิดเผยความต้องการอย่างโจ่งแจ้งที่มันใช้มองผม การที่ผมก้าวถอยหลังเพื่อตั้งหลักทำให้ไปชนกับใครบางคนที่ยืนซ้อนหลังอยู่ จึงหันไปมองและพบว่าเป็นไอ้หมอภีมก็แอบโล่งใจ ไอ้หมอภีมมันก้มมองหน้าผมแวบเดียวก่อนคว้าเอวผมไว้และรั้งให้มายืนชิดตัวมันที่ด้านหน้า ผมพยายามขยับตัวเพื่อให้ตัวเองหลุดจากท่าล่อแหลมนี้เพราะมีสายตาสาวๆรอบตัวให้ความสนใจบ้างแล้ว
“คุณมีธุระอะไรกับแฟนผม” เสียงห้าวของไอ้คนข้างหลังดังขึ้น ผมนี่สะดุ้งเลยครับที่ได้ยินประโยคนี้ของมันเข้า จึงเงยหน้าไปมองไอ้หมอภีมและเห็นมันจ้องตรงไปข้างหน้าด้วยแววตาเครียดขึง ผมจึงเปลี่ยนเป้าหมายไปมองไอ้คนตัวใหญ่กล้ามโตแทน หน้าตามันมีแววแปลกใจนิดหน่อยก่อนส่งยิ้มยั่วเย้ามาให้ผมแทน
“อ้าว มีแฟนซะแล้ว เสียดายจังนึกว่าจะแมนกว่านี้ที่แท้ก็ขั้วเดียวกัน” เสียงห้าวที่พยายามดัดเป็นเสียงเล็กเสียงน้อยทำเอาผมเหวอ เผลอขยับตัวถอยหลังไปชิดร่างแกร่งแนบสนิทกว่าเดิม
“คนนี้ก็ไม่เลว สนใจมาเป็นกิ๊กซินดี้มั้ยคะ” ทั้งรูปร่างหน้าตาและคำพูดของไอ้ซินดี้กะเทยร่างใหญ่ทำเอาผมขนหัวลุกทันที ใครก็ได้ช่วยคิดคุณสมบัติของการเป็นกะเทยเบื้องต้นแจกหน่อยได้มั้ยครับ เผื่อไอ้ซินดี้มันจะคิดได้ว่าไม่สมควรเป็นกะเทยให้สถาบันกะเทยเค้าเสื่อมเสีย
“ฮึๆ ไม่ล่ะครับผมสนใจแค่แฟนผมเท่านั้น” เสียงหัวเราะในลำคออย่างขำๆจากคนข้างหลังดังขึ้น ก่อนมันจะตอบโต้กลับไปและโอบเอวผมเดินจากมา ผมที่กำลังอึ้งตะลึงในความงามของแม่กะเทยยักษ์ก็เดินตามแรงโอบแบบไม่รู้ตัว
อากาศเย็นยามดึกและความเงียบที่แตกต่างจากด้านในอาคาร ที่มีเพียงแสงไฟจากนอกตึกไม่กี่ดวงที่ให้ความสว่าง ผมถูกไอ้หมอภีมพามาหลังร้านที่ไม่มีผู้คนทำให้บริเวณนี้มีเพียงเราสองคนเท่านั้น ผมยืนหันหลังให้อีกคนรอว่าไอ้คนพามามันต้องการอะไร
“แจ็คเป็นน้องชายของรุ่นพี่พี่เอง เราไม่เจอกันนานแล้วพี่แค่คุยด้วยเฉยๆ” เสียงนุ่มดังแทรกความเงียบระหว่างเราขึ้นมา เมื่อได้ฟังผมก็ไม่ได้นึกแปลกใจอะไร แต่มันไม่ใช่ประเด็นที่ทำให้ผมหงุดหงิด ผมจึงยังใช้ความเงียบเป็นเพื่อนอยู่ไม่คิดจะตอบรับกับสิ่งที่มันพูด
“ธีครับ” เสียงเรียกชื่อผมมาพร้อมสัมผัสอุ่นรอบเอว ผมก็ไม่ได้ปัดป้องสัมผัสคุ้นเคยนี้ แต่นิ่งรอให้อีกคนได้พูดออกมา
“อย่าเงียบเลยพี่ใจไม่ดีแล้วนะ พี่ไม่ได้คิดอะไรกับแจ็คเลยครับ ที่ไม่ได้แนะนำให้ธีรู้จักก็เพราะ เพราะ เฮ้อออ แจ็คสนใจธีพี่มองตาน้องมันก็รู้แล้ว เรื่องอะไรพี่จะให้คนที่มาชอบแฟนพี่ได้รู้จักธีกันล่ะ” หลังจากเสียงห้าวติดงอนดังขึ้นทำเอาผมนิ่งงันเหมือนอยู่ในที่สูงแล้วตกลงมาแบบไม่ทันตั้งตัวเลยครับมันวูบน่ะ สิ่งที่ได้ยินมันไม่ใช่อะไรแบบที่ผมคิดไว้เลยมันผิดจากสิ่งที่ผมคิดไว้เยอะมาก ผมคิดว่าไอ้เด็กแจ็คนั่นมันมาชอบไอ้หมอภีมแน่นอนจนมันไม่ต้องการให้ผมรู้จักไอ้เด็กนั่น แต่กลับตาลปัตรทำไมเด็กแจ็คดันมาชอบผมได้ล่ะครับ
“แฟนพี่นี่เสน่ห์แรงจังน้าทั้งหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่สนใจกันให้พรึบ” แรงกอดรัดรอบเอวของผมแน่นขึ้นพร้อมสัมผัสอุ่น ‘แก้มแนบแก้ม’
“แน่นอน ก็คนมันหล่อ” ผมตอบกลับโดยการยกตัวเองให้สมกับที่มันชมกึ่งประชดไปเลยครับ ทำให้เรียกเสียงกลั้วหัวเราะในคอจากไอ้คนที่กอดผมอยู่ออกมาได้
“ฮึๆๆ ครับ แบบนี้จะให้พี่ปล่อยธีมาเที่ยวตามลำพังได้ยังไง ดีนะมีพี่มาด้วยไม่อย่างนั้นได้โดนน้องซินดี้ลากไปแล้ว” ผมนึกภาพตามยังอดขนลุกไม่ได้เลยครับ แต่นึกหมั่นไส้ไอ้คนล้อเลียนเลยถองศอกเข้าท้องมันไปหนึ่งที
เสียงโอดโอยพร้อมมือกุมท้องของไอ้คนด้านหลังทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้นทันตา จนหัวเราะให้กับภาพตรงหน้าซะดังลั่นไอ้หมอภีมที่กุมท้องอยู่ส่งค้อนนิดๆมาให้แต่ตาพราวระยับอย่างมีความสุข
“เข้าไปข้างในเถอะเฮีย ปล่อยมนไว้กับเฮียติณห์นานแล้ว” ผมพูดจบก็เตรียมเดินเข้าข้างใน แต่ต้องหมุนตัวกลับมาตามแรงดึงแขนของไอ้หมอภีม
“อย่า ‘หวง’ พี่เงียบๆแบบนี้อีกรู้มั้ยพี่ใจไม่ดีเลย มีอะไรก็คุยกันนะครับ อย่าหันหลังให้พี่อีกเข้าใจมั้ยครับ” ไอ้คนตรงหน้ามันขอร้องหรือออกคำสั่งกับผมกันแน่ครับเนี่ย แต่สรุปผมต้องทำตามที่มันพูดใช่มั้ยก็ดูสายตาจริงจังที่จ้องรอคำตอบจากผมสิ ไอ้ผมจะไม่ตอบก็กลัวมันฆ่าเอาครับ จึงพยักหน้าให้มันส่งๆไปและได้รอยยิ้มถูกใจของไอ้หมอหน้าขาวกลับมา แต่เอ๊ะ! เหมือนผมลืมท้วงอะไรมันไปครับเนี่ยเพราะมัวแต่จ้องหน้ามันเพลินอยู่
“ดีมากครับตี๋น้อยของพี่ ว่าง่ายๆแบบนี้รักตายเลย” ทำไมมึงพูดแล้วต้องขยับหน้ามาใกล้ด้วย ‘นั่นไงกูว่าแล้ว’ ผมคิดยังไม่จบดีปลายจมูกโด่งก็ฝังมาที่แก้มผมทันทีที่มันพูดจบ ผมผลักหน้าผากไอ้หมอจอมฉวยโอกาสออกจากตัวแทบไม่ทันครับ
“เฮียยย!! อีกแล้วนะ ฉวยโอกาสกับผมตลอดเหอะ” ผมโวยวายเสร็จก็หันหน้าเดินกลับเข้าประตูหลังของผับทันทีเพื่อซ่อนใบหน้าร้อนผ่าวของตัวเองจากไอ้ตัวต้นเหตุ
ก่อนที่ผมจะเปิดประตูก็มีมือใหญ่เอื้อมมากุมทับและออกแรงหมุนลูกบิดให้ จนเราเข้ามาด้านในด้วยกันแล้วผมก็เดินนำร่างสูงเข้าไปที่โต๊ะโดยไม่ได้หันไปมองหน้าคนเดินตามเลย แต่ความรู้สึกตอนนี้ไม่เหมือนช่วงก่อนไปห้องน้ำเลยครับ แม้จะเป็นภาพเดียวกันก็ตาม มันโล่งอกไม่มีอะไรให้ต้องหงุดหงิดใจน่ะครับ เมื่อมาถึงโต๊ะผมก็เจอมนนั่งอยู่คนเดียวไม่รู้ว่าเฮียติณห์ไปไหน
“ไง เรียบร้อยแล้วสิ” มนยื่นหน้ามาคุยกับผมยิ้มๆก่อนหันไปส่งยิ้มให้ไอ้หมอภีมที่เพิ่งนั่งลงข้างๆกัน
“เฮียติณห์ล่ะไปไหนครับ” ผมเปลี่ยนเรื่องถามหาคนที่หายไปแทน
“มีเด็กมาตามไปเคลียร์งาน” เด็กที่มนว่าคงเป็นลูกน้องของเฮียที่ร้านนั่นแหละครับ ก็เฮียติณห์เป็นเจ้าของที่นี่นี่หน่าคงมีเรื่องต้องทำ ผมจึงพยักหน้ารับรู้ให้มนไป
“คุณมนครับ จากคุณติณห์ครับ” เสียงแทรกของเด็กในร้านดังขึ้นพร้อมแก้วทรงสูงเสียบดอกกุหลาบขาวดอกโตหนึ่งดอกถูกยื่นมาตรงหน้าสาวเท่
ผมมองอย่างอึ้งๆไปที่ดอกกุหลาบ นี่เฮียติณห์แกจริงจังและออกหน้ามากอย่างที่ไอ้หมอภีมมันบอกจริงๆครับ แถมผมยังได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วมาจากไอ้หมอภีมด้วย ผมหันไปมองมนที่เอื้อมมือรับกุหลาบมาถือไว้ก่อนวางตั้งไว้บนโต๊ะตรงหน้าด้วยใบหน้านิ่งเฉย เห็นเมื่อแรกก็ไม่นึกแปลกใจอะไรเพราะเพื่อนสาวผมคนนี้ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยได้ของพวกนี้จากชายหนุ่มเคยได้ดอกไม้ช่อใหญ่กว่านี้ด้วยซ้ำครับ แต่พอผมจับสังเกตแววตาของมนได้ก็ถึงกับแปลกใจที่ปกติแววตาคู่นี้มักจะนิ่งเฉยเสมอกลับไหววูบขึ้นเพียงนิดก่อนกลับมาเป็นปกติดังเดิม ถ้าไม่ได้อยู่ใกล้ขนาดนี้ผมก็คงไม่ได้รู้หรอกครับว่า ผู้ชายที่ชื่อติณห์เป็นผู้ชายคนแรกที่ทำให้สาวเท่ผู้ใจแข็งของผมหวั่นไหวได้
............................................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ >O<
ดู๊ ดู ตี๋น้อยขี้หวงจนทำเอาเฮียภีมใจไม่ดีที่ธีไม่ยอมพูดด้วย (มันน่านัก)
มาดนิ่งๆเสียหมดเลยคุณหมอของเรา (ช่วงนี้หลุดบ่อย) ส่วนเฮียภีมนี่ก็ยังขี้หวง
ได้ไม่แพ้กันแถมเจ้าเล่ห์อีกด้วยสกัดน้องแจ็คซะกระเด็นเลย ทำให้
อาตี๋หวงเก้อไปซะได้ แถมตอนง้อยังหวานใส่จนตี๋น้อยอายได้อีก ตี๋น้อยชัก
สาวแตกขึ้นทุกวัน 555 ใครที่ติดตามมนติณห์ก็ได้รู้แล้วเนอะว่าพัฒนาการ
ทั้งคู่ถึงไหนแล้ว “เฮียติณห์กำลังทำคะแนนอยู่ค่ะ”
สองตอนหน้าไม่อยากให้พลาดด้วยกรณีใดๆทั้งสิ้น เพราะพ่อเสือน้อย
จะโดนจับกินแบบเต็มใจซะแล้ว แต่ไม่รู้คนอ่านจะหนีเที่ยวสงกรานต์
กันหมดรึเปล่าเนอะ 555
ปล.+1 ให้ทุกเม้นท์แล้วค่ะ ขอบคุณทุกการติดตามและเจอกันวันอาทิตย์ค่ะ
ปล.2 สวัสดีปีใหม่ไทยค่ะ สงกรานต์นี้ใครไปเที่ยวไหนกันบ้างคะ
ถ้าต้องเดินทางก็ขอให้เดินทางกันอย่างระมัดระวังปลอดภัยทุกคนค่ะ
แต่ถ้าใครไม่ได้ไปไหนก็ตามอ่านธีภีมได้นะคะ ^____^
เพิ่งได้อัพเล้าเป็นอะไรไม่รู้เข้าไม่ได้เลย ใครที่รออยู่ขอโทษนะคะ และ