ตอนที่ 8“เฮียยยยยยย” เสียงเรียกดังยาวมาจากด้านหลังชายหนุ่มหน้าตี๋เสื้อผ้ายับย่นที่เพิ่งก้าวขาเข้าบ้าน
เสียงที่ได้ยินเป็นเสียงคุ้นเคยที่ผมไม่ค่อยอยากคุ้นชินเพราะฟังทีไรมันมักเพี้ยนจากความหมายเดิมซะจริง เจ้าของเสียงโผล่หน้ามาให้เห็นด้วยฝีเท้าการวิ่งปรี่มาจากบ้านใหญ่หลังใกล้ๆ จนผมต้องหยุดยืนก่อนส่งยิ้มให้สาวน้อยน่ารักถักเปียยาวสองข้างใบหน้าขาวหมวยยิ้มทีตาหยีเห็นเขี้ยวเล็กๆที่มุมปากและมีลักยิ้มสองข้างแก้ม ทำเอาคนที่มองแบบผมอดใจไม่ไหวก้มฟัดแก้มขาวที่ลอยอยู่ตรงหน้าไม่ได้
“โห เฮียธีอ่ะ นัชเป็นสาวแล้วนะทำแบบนี้ได้ไง” สาวน้อยของผมหลังโดนฟัดแก้มก็แกล้งส่งเสียงกระเง้ากระงอดด้วยใบหน้ายิ้มๆโชว์เขี้ยวน่ารัก มีเอามือมาเกาะแขนผมด้วย นี่เรอะที่บอกว่าเป็นสาวแล้ว
“ว่าไงหมวยเล็กเรียกเฮียไว้ทำไม แล้วหมวยใหญ่ล่ะไปไหนครับ” ผมเอื้อมมือขยี้ผมม้าด้านหน้าด้วยความหมั่นเขี้ยว จนเจ้าของต้องปัดมือออกหน้าเริ่มงอนปากเริ่มยื่น ยิ่งกระตุ้นต่อมอยากแกล้งน้องเพิ่มขึ้นอีก แต่ก่อนที่ผมจะจับหมวยเล็กมาฟัดก็โดนคว้าแขนไว้ก่อน
“เฮียธีแกล้งน้องอ่ะ” ใบหน้าของสาวน้อยอีกคนที่เป็นเจ้าของมือที่คว้าแขนผมไว้นั้นไม่ต่างจากคนแรกที่ผมกำลังจะแกล้งเลยครับ เพราะทั้งคู่เป็นน้องสาวฝาแฝดของผมเอง บ้านผมจึงเหมือนมีสาวน้อยน่ารักคูณสองอยู่ในบ้านเลยล่ะครับ
“ฮึๆๆ เฮียไม่ได้แกล้งซะหน่อยรักดอกจึงหยอกเล่นครับ ว่าไงเรามาหาเฮียทั้งคู่เลยมีอะไรรึเปล่า” ผมก้มลงฟัดแก้มขาวของหมวยใหญ่ที่เพิ่งมาอีกฟอดเพื่อความเท่าเทียม และเดินควงสาวน้อยของผมเข้าบ้าน
บ้านหลังนี้เตี่ยกับหม่าม้าปลูกแยกให้ผมกับเฮียธัชอยู่แยกออกจากบ้านใหญ่ที่มีเตี่ย หม่าม้า และสองหมวยอยู่ด้วยกัน เพราะหม่าม้าอยากให้หนุ่มโสดแยกออกไปเพื่อความเป็นส่วนตัว ท่านคงไม่อยากเห็นผมกับเฮียธัชพาสาวเข้าบ้านคาตา แต่เราทั้งคู่ก็ไม่เคยพาสาวที่ไหนมาบ้านเลยนะครับ ต้องเป็นตัวจริงของผมเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์มาเหยียบบ้านของเราได้ ส่วนเฮียธนิตอาตั่วเฮียของผมแยกบ้านไปปลูกอีกหลังเหมือนกันอยู่กับอาซ้อและหลานแต่ก็อยู่ใกล้ๆกันนี่แหละครับเดินไปมาหาสู่กันได้สบาย ทำให้บ้านเราเป็นครอบครัวใหญ่ที่อบอุ่นและทุกวันอาทิตย์หม่าม้าจะให้ลูกหลานมากินข้าวเย็นพร้อมกันที่บ้านใหญ่ห้ามขาดแต่ขาดได้ถ้ามีธุระครับ
“ก็คิดถึงเฮียธีอ่ะ นี่พอนัชเห็นรถเฮียเข้าบ้านเลยรีบวิ่งนำหมวยใหญ่มาก่อนเลย” หมวยเล็กพูดออดอ้อนด้วยเสียงเล็กเสียงน้อยยิ่งเพิ่มความน่าเอ็นดูในสายตาผมมากขึ้น ผมจึงหยิกแก้มขาวใสนั่นเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว
“จริงค่ะเราไม่ได้เจอเฮียเลย อาทิตย์ที่แล้วเฮียธีกับเฮียธัชก็ไม่มากินข้าวกับพวกเรา หนุ่มโสดหนีเที่ยว” หมวยใหญ่ทำหน้างอนๆได้อย่างน่ารักในสายตาอาเฮียอย่างผมมากครับ จึงขยี้ผมน้องให้เปียยุ่งเล่นเจ้าตัวหนีมือผมใหญ่เลยด้วยใบหน้าก็ยุ่งๆ
“ฮึๆ เฮียกับเฮียธัชไปพบเพื่อนเก่ากันมาครับไม่ได้เจอกันนานแล้ว สองหมวยของเฮียอย่างอนเลย เอาแบบนี้เดี๋ยวเฮียชดเชยให้ อืม งั้นเฮียพาไปกินข้าวหนึ่งมื้อกับซื้อของที่อยากได้คนละอย่างละกัน ตกลงมั้ยครับสาวน้อย” สาวน้อยทั้งสองของผมพยักหน้าจนผมม้ากระจายยิ้มแก้มตุ่ยโชว์ลักยิ้มบุ๋มสองข้างแก้มอย่างน่ารัก พี่ชายใจดีแบบผมก้มฟัดแก้มอีกคนละฟอดจะไม่ให้ผมเอ็นดูได้ยังไงครับน้องสาวผมออกจะน่ารัก ยิ่งโตยิ่งน่ารักครับครอบครัวผมหลงกันทั้งบ้านยิ่งเฮียธนิตกับเฮียธัชนี่เป็นมากยิ่งกว่าผมอีก ตามใจสองสาวน้อยกันสุดๆเพราะด้วยอายุที่ห่างกัน สองสาวเป็นลูกหลงของเตี่ยกับหม่าม้าครับจึงเป็นขวัญใจของคนทั้งบ้าน จะโดนหลานน้อยลูกเฮียธนิต ‘น้องธันว์’ นี่แหละที่มาแย่งตำแหน่งไปเร็วๆนี้เอง
“เฮียธีไปทำอะไรมา ทำไม.... อืมมมม” หมวยเล็กที่เกาะแขนข้างขวาผมอยู่จ้องหน้าผมตาปริบๆ และกวาดสายตาไปทั่วทั้งหน้า ก่อนหมวยใหญ่จะจับคางผมให้หันไปด้านซ้ายและมีอาการเดียวกับหมวยเล็กไม่ผิดเพี้ยน
“อ๊ายย / อ้อออ” สองสาวหน้าเหมือนร้องออกมาพร้อมกันทำเอาผมตกใจผวาไปกับเสียงแหลมๆเลยครับ ก่อนทั้งคู่เค้าจะสบตากันเองและหัวเราะคิกคักออกมา ผมที่นั่งอยู่ตรงกลางก็งงเป็นไก่ตาแตกสงสัยว่าน้องสาวหัวเราะเรื่องอะไร
“เฮียธี ไปโดนสาวที่ไหนจูบมาคะ ปากแตกเลยสงสัยสาวคนนั้นจะร้อนแรงน่าดู คิกๆๆ” หมวยเล็กที่นิสัยแก่นเซี้ยวกว่าเอ่ยทักออกมา ผมที่ได้ฟังถึงกับอึ้งยกมือจับปากตัวเองและภาพใบหน้าไอ้หมอภีมประดับรอยยิ้มก็ลอยขึ้นมาทันทีที่ได้ยินคำว่า ‘จูบ’
“เฮียโดนจูบมาจริงๆด้วย ฮิๆ” หมวยใหญ่เอ่ยล้อเลียนตามน้องสาวฝาแฝดทันที ผมที่เริ่มรู้ตัวว่าปล่อยให้น้องสาวล้อเลียนตัวเองอยู่นานต้องเก๊กขรึมหน้าดุมองสองสาวสลับไปมา แต่ดูท่าสาวน้อยของผมเค้าจะไม่กลัวเฮียหน้าตาดีแบบผมเลยครับ ยังคงยิ้มกว้างอย่างถูกใจที่เดาถูก ดีที่น้องเดาไม่ถูกทั้งหมดว่าไม่ใช่ผู้หญิงที่จูบผมแต่มันเป็น ‘ผู้ชาย’ ต่างหาก และผมจะให้สองสาวรู้ไม่ได้เด็ดขาด
“นี่ๆ สาวๆแก่แดดใหญ่แล้วเดี๋ยวเถอะ ไปๆกลับบ้านไปกันได้แล้วไปอ่านหนังสือเลยใกล้สอบแล้วใช่มั้ยครับ” ผมแกล้งดุและเปลี่ยนเรื่องทันทีก่อนจะโดนสองสาวเค้าซักลงในรายละเอียด
“โห เฮียธีอ่ะ / โห เฮียเปลี่ยนเรื่องอ่ะ” สองเสียงประสานต่อว่าพี่ชายหน้าบึ้งย่นจมูกใส่ เลยโดนมือใหญ่ของผมคีบจมูกให้อย่างหมั่นเขี้ยว สาวน้อยแกล้งร้องเสียงหลงทันที ก่อนดิ้นหลุดจากมือผมและก้มหน้ามาหอมแก้มผมคนละข้างและวิ่งออกจากบ้านไปพร้อมเสียงหัวเราะใส
“ฮึๆๆ ยัยแสบ” ผมมองตามหลังสองหมวยที่วิ่งเปียสะบัดจนลับตา ก่อนทิ้งตัวพิงพนักถอนใจเฮือกใหญ่ออกมา
วันนี้หลังจากผมออกจากโรงพยาบาลก็เข้าโรงงานและเก็บตัวเงียบอยู่แต่ในห้องทำงานไม่ออกไปตรวจของที่โรงงานอย่างเคย ก็ด้วยสภาพหน้าตาเสื้อผ้าแบบนี้จะให้ผมไปเจอหน้าใครได้ล่ะครับ ขนาดน้องสาวฝาแฝดของผมเห็นแป๊บเดียวยังรู้เลยว่าผมไปโดนอะไรมา พอเลิกงานก็ตรงดิ่งกลับบ้านจนมาเจอสองแฝดของผมนั่นแหละครับ ครั้งหน้าผมจะไม่ทำให้ไอ้หมอภีมมันโกรธเพราะไม่อยากโดนมันจูบอีกแล้วครับ คนอะไรบ้าอำนาจมากเอะอะจับจูบ ‘ไอ้บ้า’ เอ๊ย แต่ทำไมผมต้องใจเต้นด้วยเนี่ยสงสัยต้องหาเวลาไปตรวจร่างกายซะหน่อยแล้วรู้สึกว่าช่วงนี้หัวใจเต้นผิดปกติบ่อยซะจริง แต่ที่แน่ๆไม่ไปโรงพยาบาลของไอ้หมอบ้าอำนาจแน่ๆครับ ผมเดินขึ้นมาถึงห้องตัวเองอยากอาบน้ำทำตัวให้สดชื่นจะได้เลิกคิดถึงเรื่องแย่ๆทั้งวันที่ผ่านมา แต่พอจะถอดเสื้อผ้ามือก็โดนเข้ากับโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกง จึงนึกขึ้นได้ว่าไอ้หมอภีมมันสลับโทรศัพท์ของผมไป มิน่าวันนี้ไม่มีเสียงเรียกเข้าให้ผมต้องกดรับ แล้วแบบนี้ถ้าเพื่อนผมคนใดคนหนึ่งโทรเข้าไปเจอไอ้ภีมมันจะเกิดอะไรขึ้นวะครับ และก็แปลกที่ก็ไม่มีใครโทรหามันเลยครับหรือมันไม่มีใครคบ ผมมองหน้าจอโทรศัพท์สีดำลองกดดูและต้องผงะกับรูปที่หน้าจอครับ ใบหน้าที่ขึ้นหน้าจอเป็นคนที่ผมโคตรคุ้นเคย จะไม่ให้คุ้นได้ยังไงครับก็มันเป็นรูปใบหน้าผมตอนเรียนสมัยมัธยมที่ยิ้มกว้างตาหยี ไม่รู้ว่าไอ้เจ้าของเครื่องนี้มันไปได้รูปผมมาได้ยังไง แล้วทำไมมันถึงเอามาขึ้นหน้าจอแบบนี้ และเร็วเท่าความคิดผมกดเมนูเข้าส่วนที่เก็บรูปถ่าย มีหลายโฟลเดอร์แต่มีชื่อหนึ่งที่ทำให้นิ้วผมกดเข้าไปแบบไม่ต้องคิด
‘ตี๋น้อย’ ชื่อโฟลเดอร์นี้แหละครับ และรูปทั้งหมดในนี้ก็มีแต่รูปผมสมัยมัธยมในหลายเหตุการณ์หลายอารมณ์ ผมมองด้วยหลากหลายความรู้สึกปะปนกัน ทั้งสงสัย ตื่นเต้น และไม่เข้าใจ ว่าทำไมเจ้าของเครื่องถึงมีรูปผมเยอะขนาดนี้ เท่าที่รู้ผมเคยเรียนโรงเรียนเดียวกันกับไอ้หมอภีม และรู้สึกว่าเฮียธัชเคยบอกว่าผมสร้างวีรกรรมอะไรสักอย่างกับมันไว้แต่ผมจำไม่ได้แล้ว นี่มันถึงขั้นประทับใจในตัวผมและเก็บรูปผมไว้มากมายขนาดนี้เลยเหรอครับ
“ไอ้หมอบ้ามันชอบกูจริงๆเหรอวะเนี่ย” หนุ่มหน้าตี๋บ่นออกมาคนเดียวเบาๆด้วยความสงสัยและสับสน
เจอกันครั้งหน้านอกจากที่ผมจะปฏิเสธมันอย่างจริงจังแล้ว ผมคงต้องถามเรื่องระหว่างผมกับมันเมื่อตอนเรียนให้รู้เรื่องซะแล้วว่าระหว่างเรามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น ถึงทำให้มันฝังใจชอบผมมากขนาดนี้กันครับ
...................................................................
หลังมื้ออาหารเย็นที่ผมต้องกินคนเดียวเพราะเฮียธัชติดนัดทานข้าวกับลูกค้าแล้ว ผมก็ขึ้นมานั่งจิบเบียร์อยู่คนเดียวที่ระเบียงนอกห้องนอนไม่มีอารมณ์อยากออกไปดื่มข้างนอกเลยครับวันนี้ ผมปล่อยใจปล่อยอารมณ์กับอากาศเย็นๆช่วงหัวค่ำพยายามไม่คิดถึงหน้าคนที่เข้ามาวุ่นวายกับชีวิตผมในช่วงอาทิตย์นี้และเริ่มดูเหมือนว่ามันจะทำได้ยาก ไอ้หมอภีมมันมีอิทธิพลกับผมมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ผมแน่ใจมากว่าผมชอบผู้หญิงนะครับไม่นิยมจริงๆไอ้ร่างกายถึกๆอย่างมันน่ะ
‘Rrrr Rrrr’
เสียงโทรศัพท์ข้างตัวดังขึ้นทำเอาผมหลุดจากภวังค์ความคิด และผมเริ่มหลอนหน้าตาตัวเองแล้วครับก็จะอะไรถ้าไม่ใช่เพราะภาพตัวเองที่ขึ้นมาแถมมีชื่อ ‘ตี๋น้อย’ อีกด้วย แสดงว่าไอ้เจ้าของโทรศัพท์มันรู้เบอร์โทรผมและเมมทั้งเบอร์ทั้งรูปไว้เลย ขอผมถอนหายใจสักเฮือกก่อนรับสายไอ้หมอบ้าคนนี้หน่อยครับ ผมล่ะเพลียกับมันจริงๆ
“เฮ้อออ ว่าไงโทรมามีไร” ไม่อยู่ต่อหน้าขอทำอย่างที่อยากทำหน่อยเถอะครับ ผมไม่ได้กลัวมันน้า
“อืม ธีนอนรึยัง” เสียงระโหยมาเชียวนี่ไอ้หมอมันได้พักรึยังเนี่ย และเร็วเท่าความคิดปากผมมันก็ถามออกไปทันที
“มึง เอ้ยยย เฮียได้พักรึยัง” นึกได้ต้องรีบเปลี่ยนสรรพนามก่อนโดนมันโวยครับ ผมที่ได้ยินเสียงระโหยของมันแบบนี้ก็ไม่นึกอยากจะมีเรื่องด้วยเพราะมันไม่สนุก
“เป็นห่วงพี่เหรอครับ ฮึๆๆ ตั้งแต่ธีกลับไปพี่เพิ่งได้พักเนี่ย” เสียงมันแช่มชื่นขึ้นมาเชียวที่ได้หยอกผมเนี่ย มันน่านักใครเป็นห่วงมึงกันวะ
“ทำงานมากก็ไม่ได้รวยขึ้นมาหรอกครับเฮีย พักบ้างไรบ้างเหอะ” อดประชดมันออกไปไม่ได้ครับ แต่จริงๆนะครับไม่รู้ว่าจะบ้างานไปไหนทั้งหมอทั้งพยาบาลมีกันเต็มโรงพยาบาลไม่ได้มีแค่มันคนเดียวซะหน่อย
“พี่รู้ครับ แต่คนไข้มาหนักจริงๆพี่ทิ้งไม่ได้ ธีอยู่บ้านใช่มั้ยวันนี้ไม่ออกไปไหนเหรอ หืมมม” ทำไมมึงต้องลากเสียงยาวด้วย กูไม่ใช่สาวน้อยนะครับว่าหงมาหืมด้วยเสียงอ้อนเชียว
“ไม่ออกเบื่อคนบางคน เซ็ง” ทันทีที่ผมบ่นออกไปไอ้หมอที่อยู่ปลายสายหัวเราะขึ้นมาทันทีครับ คงรู้ล่ะว่าผมแอบด่ามันไป แต่มันกลับอารมณ์ดีซะได้แต่ก็ดีไม่อยากได้ยินเสียงเหนื่อยๆของมันครับ
“ดีแล้วครับออกไปคนเดียวอันตราย วันหลังถ้าอยากไปรอพี่ว่างแล้วเราไปพร้อมกัน” เฮ้ย อะไรของมึงเนี่ยมาแนวบังคับรวบรัดอะไรกับกู
“เฮ้ยยย เฮียมั่วแล้วๆ ผมเที่ยวของผมออกบ่อยไม่เห็นมีอะไร แล้วทำไมผมต้องไปกับเฮียด้วยไม่เอาหรอก”
“ก็พี่จีบเราอยู่ไง แล้วไม่ไปกับพี่ ธีจะไปกับใคร” เสียงแข็งมาเชียวนะมึงอย่างงี้เหรอวะที่จีบกูอยู่เนี่ย
“โห ไรวะ คนจีบกันเค้าดุกันขนาดนี้เลยเหรอวะ” แล้วทำไมผมต้องเสียงอ่อยให้มันด้วยเนี่ยไม่ได้กลัวนะโว้ย แต่เฮ้ยยย ผมไม่ได้จะให้มันจีบซะหน่อยนี่หว่า
“ฮึๆๆ แล้วธีอยากให้พี่จีบธีแบบไหนล่ะครับ เอาแบบหวานๆเลยมั้ย” มันหัวเราะเจ้าเล่ห์แบบที่ผมไม่ชอบมาตามสายเพราะมันดูไม่น่าไว้ใจมาก แต่เดี๋ยวก่อนผมต้องการให้มันเลิกสนใจผมเลิกจีบนี่หว่า ไม่ใช่มานั่งตกลงกันว่าจะให้มันจีบผมแบบไหนผมถึงจะชอบ
“เฮีย!! จะไม่มีการจีบอะไรทั้งนั้น วันนี้ที่ผมไปหาเฮียก็เพราะจะคุยเรื่องนี้นี่แหละ เฮียว่างเมื่อไหร่เราจะได้คุยกันให้รู้เรื่องซะที” หลังประโยคจริงจังของผมทำเอามันเงียบไปพักหนึ่งเลยครับ จนผมต้องเอาโทรศัพท์ที่แนบหูออกมาดูว่ามันวางไปรึยัง จึงลองเรียกมันดูอีกครั้งถึงมีเสียงตอบกลับมา
“อืม ได้ เราจะคุยกัน พี่จะหาวันว่างและค่อยนัดธีออกมา แต่วันนี้พี่เหนื่อยจังอยากได้กำลังใจจากธีหน่อย ได้มั้ยครับ” ประโยคแรกเข้าใจได้แต่ประโยคหลังนี่มันใช้จีบสาวชัดๆ และกับผมที่เป็นผู้ชายได้ฟังทำไมหน้ามันร้อนวูบวาบพูดไม่ออกได้ล่ะเนี่ย
“ธี ธีครับ” เสียงเรียกจากปลายสายทำเอาสติผมกลับมา และไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมต้องหวั่นไหวกับผู้ชายถึกๆแบบไอ้หมอบ้านี่ด้วยวะครับ
“อะฮึ่มๆ ผมไม่ใช่ผู้หญิงนะไม่ต้องมาหยอดเลย ไม่มีให้หรอกกำลังใจที่อยากได้น่ะ” ต้องกระแอมเรียกเสียงซะก่อนไม่งั้นพูดไม่ออกเลยครับ ไอ้บ้าเอ๊ยทำกูเป็นแบบนี้ได้ยังไง แต่ยังไม่ทันที่มันจะพูดอะไรต่อผมก็ได้ยินเสียงผู้หญิงจากปลายสายเรียกมันซะก่อน
“ภีมคะ ไปทานข้าวกันเถอะวิวรอนานแล้วนะ” มันยังไม่กินข้าวอีกเหรอวะจะสามทุ่มเข้าไปแล้วเนี่ย แต่ไอ้เสียงหวานๆที่ลอยมาตามสายเนี่ยมันทำเอาผมกรุ่นๆขึ้นมาครับเลยสวนไปซะ
“อยากได้กำลังใจไม่ใช่เหรอ มาแล้วไงไปดิ แค่นี้นะกูง่วง” พูดจบผมกดวางไปเลยครับ แม่งไม่อยากคุยกับมันแล้ว ผมเป็นอะไรวะครับไม่เข้าใจตัวเองจริงๆ
“โว้ยยยย” ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิด กระดกเบียร์เข้าปากอึกใหญ่ ก่อนเสียงโทรศัพท์ข้างตัวดังขึ้นและก็เป็นสายเข้าจากเบอร์ผมนั่นแหละครับ
“โทรได้โทรไป กูไม่รับโว้ย” ผมมองเมินโทรศัพท์ที่ดังต่อเนื่อง ยิ่งนึกถึงหน้าเจ้าของเครื่องกับเสียงหวานๆที่ลอดออกมาให้ได้ยิน ยิ่งอยากจะขว้างไอ้เครื่องนี้ออกนอกระเบียง เสียงโทรศัพท์เงียบไปหลังดังอยู่หลายครั้งและผมไม่ได้กดรับ
“ชิ” ผมอยากทำมากกว่าสบถ อดมองค้อนเครื่องโทรศัพท์แทนเจ้าของมันไม่ได้ครับ พักเดียวก็มีเสียงข้อความเข้าถ้าให้ผมเดามันคงมาจากไอ้หมอภีมแน่ๆครับ ผมล่ะไม่อยากจะสนใจแต่ความอยากรู้ก็ชนะเลยหยิบมากดดู
‘พี่รอกำลังใจจากธีอยู่นะครับ’
“ฮึ มีอยู่แล้วยังอยากได้อีก กูไม่ให้โว้ย”
ผมก็พิมพ์ข้อความตอบกลับมันไปด้วยประโยคหลัง ก่อนปิดเครื่องทันทีไม่อยากต่อความยาวกับมันแล้วครับ แต่ทำไมผมเมื่อยหน้าจังวะ ยกมือลูบหน้าตัวเองถึงเพิ่งรู้ว่าผมยกยิ้มซะกว้าง ผมเป็นอะไรทำไมต้องดีใจกับแค่ประโยคที่ดูเหมือนง้องอนของไอ้หมอภีมมันด้วยไม่เข้าใจตัวเองจริงๆเลย ‘ท่าจะบ้าแล้วกู’
..........................................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ >O<
พี่หมอภีมนี่แกมาเหนือเมฆตลอดเลย หย่อนโทรศัพท์ตัวเองให้อาตี๋
ได้รู้ว่าแอบมองมานานโดยไม่ต้องพูดต้องบอก อาตี๋น้อยก็เลยยิ่งสับสน
ไปใหญ่ แถมขอกำลังใจกันดื้อๆอีกแต่ดันมีมารผจญกำลังใจที่ว่าจะได้
เลยชวด ฮุๆ จะว่าไปอาการตี๋ธีนี่เค้าเรียกว่า “หึง” ไม่รู้ตัวก็ได้นะเนี่ย^^
ตอนหน้าใครไม่เคยเห็นอาตี๋แสบ “อ้อน” อย่าพลาด!! แอบบอกว่ามันยั่วมาก
คนโดนยั่วแบบภีมจะทนได้มั้ย ตามอ่านวันอาทิตย์นะคะ
ปล.+1ให้ทุกเม้นท์เหมือนเดิมค่ะ มีอะไรแนะนำกันได้น้าจะพยายามปรับปรุง
ให้ดีขึ้นค่ะ^^
ปล.2 จะอัพคู่แม็คนัทในเรื่อง “เสน่ห์มัดใจนายเพลย์บอย” พรุ่งนี้นะคะ(วันเสาร์)
ใครติดตามคู่นี้อย่าพลาด มาตามดูกันว่าน้องนัทจะผ่านด่านพ่อแม่สามีมั้ย^3^
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29669.0