ตอนที่12
ฝนตก...เนี่ยนะ?
“นี่มันฤดูอะไรวะ?” ผิงบ่นอย่างหัวเสียหลังจากที่มาเดินเล่นที่สยามกับเจสองคนแต่พอกำลังจะกลับฝนดันเทกระหน่ำลงมาไม่หยุด เจเหลือบไปมองคนที่ย่นเป็นหมีกินผึ้งหลังจากที่พากันวิ่งมาหลบฝนทีร้านนมแถวๆ นั้น
“เอาน่า...โทรไปบอกป้าติ๋วก่อนว่าติดฝน” เจว่า แต่พอหันหน้าไปอีกทางกลับอมยิ้มกริ่ม ขอบคุณฟ้าฝนที่เทลงมาอย่างนี้...
“เออ...” ว่าแล้วผิงก็ลวงเอามือถือออกมากดโทรหาคุณป้าสุดเจ๋ง รอสายไม่นานก็พูดคุยกัน แน่นอนล่ะว่าผิงบ่นอุบเพราะเจ้าตัวอยากกินหมูกระทะมาหลายวันแล้ว แต่พอจะไปกินกัน ดูฝนฟ้ามันทำกับเขาดิ...
ส่วนเจ...ลุกเดินไปสั่งเครื่องดื่มสำหรับสองคนมาแบบอารมณ์ดีสุดๆ ก็ไม่เข้าใจว่าอารมณ์จะดีทำไมเยอะๆ แต่ที่แน่ๆ เจ้าตัวเดินผิวปากหน้าตาเฉยแถมยิ้มอ่อยเรี่ยราดอีกต่างหาก
ไปต่อแถวได้ครู่หนึ่งผิงก็เดินมาประกบข้างๆ คนตาดุหันมามองประมาณว่าทำไมไม่นั่งเฝ้าโต๊ะเดี๋ยวก็เสียที่ แต่ปรากฏว่าผิงชี้ไปที่โต๊ะ
“ไอ้เหี่ยมู่? มันไม่ไปกับไอ้นุชเหรอวะ?” ผิงส่ายหน้า
“มันเพิ่งไปส่งนุชขึ้นรถแล้วบังเอิญมาเจอเรานี่แหละ” ดวก! จะมาบังเอิญอะไรตอนนี้วะ... เจหันไปมองหน้าเพื่อนที่นั่งเท้าคางกระดิกเท้าที่โต๊ะ มันยิ้มแฉ่งให้เขา ยักคิ้วเข้าใส่ ไม่พอ...ทำหน้าทำตารู้ทันอีก...
ไอ้ฟายยยยย
จนใจจะว่ายังไง ก็เพื่อนมันมาแล้ว ทำไงได้ อีกอย่างเขาก็ไมได้แอบทำอะไรไม่ดีสักหน่อย... แต่ประเด็นคือ...มันจะมาเป็นก้างขวางคอเขาทำไม? ไอ้นี่!
“กินไร”
“นมเย็น”
“เด็ก!”
“เข้ากับหน้าเหอะ” ผิงว่าหันไปมองหน้าเจ แล้วยิ้มแป้นแร้นเข้าใส่ โอเคมันหน้าเด็กครับ ผมยอมแพ้!
“ขนมล่ะ”
“ขนมปังอะไรก็ได้ โค้กเผื่อไอ้มู่ด้วย” ผิงกำลังจะล้วงเอาเงินส่งให้เจ แต่คนที่อยู่ด้านหน้าดันถอยหลังหนีคนที่รับออเดอร์ก่อนหน้าอีกทีเกือบชนเข้ากับร่างบางๆ ของผิง ดีว่าเจคว้าเอวแล้วดึงหนีได้ฉิวเฉียดไม่งั้นผิงอาจได้ก้นจำเบ้าเพราะคนด้านหน้าตัวโตกว่าเจเสียอีก...
คนตาดุส่ายหน้าช้าๆ ก่อนจะเบี่ยงร่างบางให้มายืนซ้อนอยู่ด้านหน้าของเขาแทนสองมือวางบนไหล่เล็กนั้น ชะโงกหน้ามองไปด้านหน้าอีกหนึ่งคิวจะถึงคิวของเขา แต่ขอโทษเถอะนะ...
เหมือนไม่ได้คิดอะไร แต่แม่ง...
“ไอ้เหี้ยเจแม่งเนียน” มู่งึมงำมองภาพของเพื่อนทั้งสองที่ถ้าเกยกันได้คงทำไปแล้ว ณ จุดนี้ มั่นใจว่าเจจงใจให้ออกมาในรูปแบบนี้ แต่ผิงนี่สิ รู้ตัวหรือแกล้งไม่รู้ ประเด็นนี้ต้องเค้นถามทีหลัง
“มีเมนูอะไรใหม่บ้าง” ผิงสายหน้าช้าๆ เมือเลื่อนมาอยู่หน้าเคาน์เตอร์ มองใบเมนูที่วางให้เลือก ส่วนเจก็แทบจะวางคางกับไหล่ของผิงอยู่แล้ว...ถ้าไม่ติดว่าต้องค่อยๆ เนียนนะ
“แกทานไร”
“นมร้อนกับ...ขนมแบบเดียวกับแกแหละ” เจว่า แต่ใบหน้าไม่ได้ขยับไปไหน ไม่พอระหว่างที่ผิงกำลังสั่งของ ก็เอามือออกมาล้วงเงินโดยอ้อมโอบร่างบางไว้กลายๆ
อย่านะ...อย่าให้เนียน มากกว่านี้ก็ยังไหว...
“แกว่าอีกนานมะฝนจะหยุด...ที่บ้านไม่มีสักเม็ดป้าบอกจะรอ” เจทำหน้าคิด
“รอสักแป๊บแล้วกันถ้าไม่หยุดก็เรียกแท็กซี่เลย ไอ้มู่คงไปด้วย ผัวไม่อยู่ก็มาเกาะเพื่อนเลย”
“ต่อให้นุชอยู่เชื่อดิว่าวันนี้มันก็ลากนุชมาด้วย”
“ทำไม”
“ป้าติ๋วโทรไปชวนมันเมื่อตอนบ่ายแล้ว”
“สรุปมันรู้ว่าเราจะไปกัน”
“ช่ายยย” ผิงลากเสียงพยักหน้า ยกมือขึ้นจับแขนที่โอบไปตัวเองไว้เคาะนิ้วตามจังหวะเพลงที่ดังช้าๆ อยู่ในร้าน มองพนักงานวุ่นนั่นวุ่นนี่ไปเรื่อย โดยที่เจเหลือบมองแก้มเนียนมีสีระเรื่อบางๆ ตามประสาคนเลือดลมดี
ชิบหาย...กูอยากหอมแก้มมัน!
“เออ...มึงจะแวะไปเอาเสื้อผ้าที่หอมั้ย?” อยู่ๆ ผิงก็หันหน้ามา
ถ้าคุณคิดว่าคนที่แอบมองอยู่มันจะเผลอจ้องตาแววสดใสนั้นจนเขินกันไปข้างล่ะก็ ขอโทษนะอย่ามาพูดว่าเนียน เพราะแบบนั้นมันไม่เนียน
ก็เพราะว่ามองอยู่ตลอดดังนั้นเจก็กะไว้แล้วว่าอีกฝ่ายอาจจะหันมา ดวงตาของเขากรอกขึ้นเหมือนจะคิดทันทีก่อนจะส่ายหน้าแล้วแสร้งวางคางกับไหล่บางนั้นหน้าตาเฉย...
จ้องตากันน่ะ มันก็ได้แค่จ้องว่ะ ต้องแบบนี้ ชิดกว่ากันเยอะ!“ไม่ล่ะ ขี้เกียจ ยืมชุดมึง”
“ซื้อไปเก็บที่บ้านกูเลยมะ ตัวเท่าควายยัดมาได้เสื้อกูอะ”
“เสื้อมึงก็มีตัวโตๆ นี่”
“ก็เออ...” ผิงค้อนก่อนจะผินหน้ากลับไป แต่ไอ้คนที่ทำตัวเป็นพวกกล้ามเนื้อร่างกายอ่อนแอยืนเองไม่ได้ต้องเกาะต้องพิงต้องเกยกลับอมยิ้มเมื่อเห็นข้างแก้มของอีกฝายแดงมากขึ้น...
ก็เขินนี่หว่า...
“เครื่องดื่มครับ อีกสักครู่จะเสิร์ฟขนมที่โต๊ะนะครับ” ผิงพยักหน้า ช่วงเวลาของการเนียนสเต็ปอนุบาลจบลง เจเลยต้องยืดตัวขึ้นแล้วถือแก้วนมของตัวเองและแก้วโค้กของเพื่อนตัวผอมไปด้วย โดยไม่ลืมจ่ายเงินเผื่อด้วยอีกต่างหาก
“ต้องคืนแกเท่าไหร่”
“ตกเลข”
“ขอให้เอฟคณิตศาสตร์จริงๆ”
“ล้อเล่นนิดเดียวเอง” เจโอดแต่สีหน้ากลับยิ้มแย้ม เดินลิ่วมาที่โต๊ะ วางโค้กให้มู่ แต่ไม่ยอมนั่ง รอจนผิงมาให้ร่างบางนั่งชิดกระจก แน่นอนว่าเรื่องอะไรเขาจะนั่งห่างล่ะวะ...
เห็นแล้วคันปากอยากจะด่าซะจริงๆ แต่ที่ทำก็คือค้อนสายตาแทบกลับ ไม่ใช่อะไร...ก็พอรู้ว่าเพื่อนรักของตัวเองคิดยังไงกับไอ้เพื่อนหน้าหล่อนี่ไง เลยไม่อยากพูดให้เกิดแรงปฏิกิริยาเคมีอะไรก่อนเวลาอันสมควร แต่แน่นอนว่ามู่สัญญาในใจแล้วว่าจะต้องเค้นคอไอ้หล่อเจให้ได้ว่าความลับของมันคืออะไรถึงไม่ยอมให้นุชเลาให้ฟัง!
ไม่งั้นกูสาป!
“ไอ้นุชจะกลับมาวันไหน”
“อังคาร” เจพยักหน้ารับรู้ “มึงไปบ้านป้าติ๋วด้วยใช่ปะ?” เขาก็ยังพยักหน้ากับคำถามของมู่ ก่อนจะแทบสำลักนมร้อน “งั้นก็ค้างเลยดิ กูก็ค้างด้วย สนุกแน่”
สนุก?
แน่?
ตรงไหนวะครับ?
“มึงค้างเหรอ”
“อือ...แม่กูไปเยี่ยมญาติที่ราชบุรี กูขี้เกียจอยู่กับพี่สาวน้องสาวอะ รำคาญ”
“กูว่าพวกพี่สาวน้องสาวมึงจะรำคาญมึงมากกว่า ว่าแต่พี่มรรคไม่กลับบ้านบ้างเหรอ?” มู่ส่ายหน้า ดูดโค้กจนแก้มป่อง
“ไม่ว่าง งานเยอะ...ติดหญิง” มู่ว่า แล้วก็ก้มหน้ามองมือถือที่มีสายเข้า “อะไร?” น้ำเสียงกวนประสาทของมู่ เดาได้ว่าคนโทรมาต้องขมวดคิ้วยุ่งแน่นอนแต่ว่าท่าทางของมู่ต่อมานี่สิ คาดว่าคนโทรมาคงกวนกลับมาไม่แปลก
“ไอ้นี่...ไม่อายชาวบ้านหรือไงวะ” ทำเป็นด่า แต่ร่างผอมบางเกือบจะเรียกได้บิดเป็นเกลียว
“คนที่รับมือไอ้มู่ได้โลกนี้มีคนเดียว” เจพยักหน้ากับเสียงกระซิบของผิง เดี๋ยวนะ...กระซิบ?
เจแค่เหลือบไปมองใบหน้าที่ถอยห่างออกไปของผิง ไม่ได้ตั้งตัว ไม่งั้นจะเนียนใส่อีกหน่อย แต่ใช่ว่าไม่ตั้งตัวแล้วจะเนียนคืนไม่ได้เสียเมือไหร่ เจหันไปกระซิบตอบว่า...
“และเป็นคนเดียวที่ไอ้มู่ยอมซะด้วย” ผิงพยักหน้า รู้หรือไม่รู้ก็ช่างแต่ปลายจมูกของเจมันเฉียดแก้มนุ่มนั้นไปแบบสองแง่สองง่ามได้หวาดเสียวจนคนที่เพิ่งหันมามองหน้าเพื่อนตาโต
“เฮ้ย!” มู่ร้อง กระพริบตาปริบๆ มองทั้งเจและผิงที่ต่างก็มองตัวเองด้วยสายตาสงสัยกึ่งตกใจ แต่มู่ก็ไม่ได้ว่าอะไรอีก นอกจากอุบอิบคุยโทรศัพท์ตอบเมื่ออีกฝ่ายถามมา “กูว่าแปลกๆ อะ เดี๋ยวคืนนี้โทรหานะ อือๆ มึงก็ระวังตัวเหอะยัยชะนีนั่นจะบุกไปปล้ำอะ กูก็เตือนๆ ไว้เห็นว่าหน้าตาและหุ่นมึงมันน่าลากเข้ารกเข้าพง ห๊ะ? ไอ้นี่! อย่ามากวนตีน ระดับกูแล้วถ้าอยากได้มึงนะ ก็กระดิกนิ้วเรียกวะ แค่นี้นะ” ไม่รอให้อีกฝ่ายเอ่ยลา มู่ก็กดวางสายเก็บมือถือ จ้องหน้าเพื่อนด้วยสายตาคาดคั้น
“มองอะไร?”
“มึงสองคนอะ”
“อะไร?” เจถามสั้นๆ สวนผิงทำไม่รู้ไม่ชี้
“มึง...” มู่ลากเสียง แต่ก็ยังคงมองด้วยสายตาสงสัยเหมือนจะรู้อะไรๆ เสียด้วย
“อะไรวะ คุยกับผัวแล้วค้างหรือไง”
“ระดับไอ้นุชมันไม่ทำกูค้างหรอก มึงอะทำไร?” มู่ถามกลับ จ้องเป๋งที่หน้าเจ แน่ล่ะที่ผิงจะไม่หันมาสบตากับเพื่อนสนิทเพราะกลัวว่าจะโดนกะซวกไส้ตอนนี้น่ะสิ
“กู? ทำอะไร?” แหม้...เนียนครับเนียน ไอ้พระเนียน!
มู่ไม่ตอบหรี่ตามองอย่างจับผิด เจเองก็ไม่ยอมรับอะไรง่ายๆ หรอก เรื่องอะไรล่ะ มันเห็นมันก็รู้อยู่แล้ว ไอ้มู่แค่อยากให้เขายอมรับและยืนยัน ซึ่งนั่นไม่มีทาง!
“ว่าแต่กับยัยตาส่อนนั่นน่ะแกเลิกเด็ดขาดแล้วใช่มะ” อยู่ๆ มู่ก็เปลี่ยนเรื่องหน้าตาเฉย ทำเอาเจตามไม่ทันแทบสำลักนม ก่อนจะมองหน้าเพื่อน “ไม่ใช่อะไรหรอก ถ้าเผื่อมันยุ่งกับไอ้นุชมากๆ กูจะได้ไม่ต้องเกรงใจมึง” เจกลืนน้ำลายเหลือบมองผิงที่ยังคงสนใจแก้มนมเย็นสีหวานของตัวเองจังหวะเดียวกับที่พนักงานเอาขนมมาวาง
“ผู้หญิงห่าอะไร ร่าน!”
“อุ่ย!” ก็พนักงานที่มาบริการมันเป็นผู้หญิงนี่นะ...
“เอ่อ...เพื่อนผมไม่ได้ว่าพี่หรอกครับ” เจเงยหน้าไปเอ่ยแก้ ซึ่งเธอก็ยิ้มตอบรับ ก็ไม่คิดว่าจะโดนลูกค้าด่าหรอกนะ แต่แค่ไม่เชื่อหูตอนได้ยินกับหูว่าเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อๆ พวกนี้ปากจะ...ร้าย
“มึงนี่นะ ปาก...” เจว่า ส่ายหน้า เลื่อนจานขนมไปตรงหน้าของผิง แล้วเอียงกายหันหน้าไปทางร่างบางที่เงียบไป
“กูพูดจริง... มันโง่หรือมันสติลแรดนรกประทานวะ รู้ทั้งรู้ว่าไอ้นุชเป็นอะไรกับมึง ก็ยังจะ...” มู่ว่าแล้วส่ายหน้า
“แล้วไอ้นุชว่าไง”
“มันจะเปลี่ยนเบอร์” มู่ว่าอย่างนั้น ดูดโค้กของตัวเองจนเหลือครึ่งแก้ว ไม่สนใจจะกินขนมอย่างที่ผิงเป็น
เจหันไปมองร่างบางที่เงียบ ไม่เสนอความคิดเห็นอะไรกับเรื่องนี้ หลายครั้งแล้วล่ะเขาก็พอจะสังเกตได้ว่าผิงจะเงียบเวลาที่ใครต่อใครพูดถึงแฟนเก่าของเขาไม่ว่าจะดีจะร้าย ผิงก็โนคอมเม้นต์เสมอ
ไม่ใส่ใจ หรือความน่าสนใจมันมีไม่พอ หรือ...อะไร? เจก็ไม่อาจจะทราบได้
“นี่...อร่อยมะ” เจใช้ฝ่ามือตีหน้าขาของผิงเบาๆ ก่อนจะวางทิ้งไว้อย่างนั้นทั้งที่ผิงก็หันมามองอย่างเป็นคำถามแล้วหันกลับไปมองนมเย็นของตัวเอง...
“หวานเกินว่ะ” ผิงว่า...แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายวางมืออยู่ที่ขาแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร...
บางทีเจอาจจะไม่รู้ตัวก็ได้ เพื่อนสนิท...กันนี่
“มึงทำเทสต์อิ้งยังวะ แนวข้อสอบเดิมอะ” มู่เปลี่ยนหัวข้อคุยหลังจากนั้นผิงก็น้ำไหลไฟดับกับคนปากมากแก้มยุ้ยจากอังกฤษโผล่ที่ภาษาไทย ไปที่เคมี วกกลับมาที่คณิตฯ ตามด้วยฟิสิก...บลาบลาบลา
ส่วนเจ...มือก็ยังคงวางอยู่ที่เดิม...
สั้นๆ แต่ได้ใจความ
มันนียน!

............................
เน๊ตที่บ้านพังค่ะ เลยไม่ได้มาอัพ วันนี้เลยต้องมาที่ร้านเน๊ต
อ่า.... ลืมเค้าไปอะยังงงงงงงง