รูปปกหนังสือ
ต้องการหนังสือ รายละเอียดดูท้ายนิยายล่างสุดปล. ใครสนใจลูกแมวเปอร์เชีย พันธุ์แท้อายุ 1 เดือน มีสีขาว สีกาฟิว สีเทา สามสี
มีอยู่ 9 ตัว ติดต่อหลังไมค์ หรือที่เมลล์ข้างต้นนะคะ
ลูกแก้วมังกร
Part 9
พยัคฆา? “อืม..อ๊า..ซี๊ด!” หนุ่มหล่อหน้าสวยที่ร่างกายบิดเร่าใต้ร่างผมอยู่นี้ ส่งเสียงครางกระเส่าในขณะที่ผมกำลังกระแทกส่วน
แข็งขึงเข้าไปในผนังนุ่มซึ่งตอดรัดท่อนลำขนาดเขื่องของผมเสียแน่น ทำเอาเสียวยันไขสันหลัง
“พั่บๆ! ปับๆ!..อืม..ซี๊ด!” เสียงครางพร่าสอดประสานรับจังหวะอัดกระแทกท่อนลำเข้าออกเห็นเป็นเงามันเหลื่อมไปด้วย
น้ำคัดหลั่งวาววับ ยิ่งกระตุ้นความรู้สึกของผมทะยานลิ่วไปให้ถึงฝั่ง ในขณะที่ร่างข้างใต้ก็เร่งสาวมือรัวกระชั้นด้วยเช่นกัน
ในที่สุดเขาก็เกร็งกระตุกใบหน้าแหงนเชิดแดงก่ำ ก่อนกระฉูดพ่นน้ำรักออกมาเลอะไปทั่วแผ่นอกและกล้ามทองเป็น
ลอนสวยเผื่อแผ่ผมด้วยเล่นเอาเผลอกัดกรามกรอดเมื่อถูกบีบรัดจากช่องทางดังกล่าวจนแทบขยับท่อนลำไม่ได้ อดเสยกระแทก
ส่งเพราะไม่สามารถทนต่อความเสียวที่พุ่งเข้าใส่ยังกะน้ำป่าทะลักที่รู้สึกอยู่ในตอนนี้ได้อีก
“พั่บๆ! ปัปๆ!..อ๊า” ก่อนจะเกร็งหยัดปลดปล่อยทุกหยาดหยดเข้าไปในร่างเขาแบบไม่มีกัก ท่อนลำผมกระตุกต่อเนื่อง
เป็นระยะ ผนังนุ่มก็บีบรัดผมทำเอาเสียวแทบขาดใจ ก่อนจะฟุบลงบนอกแน่นที่เจ้าของนอนชันเข่าแยกขากว้างขนาบสะโพก
ผมในขณะนี้ เผลอสูดกลิ่นเหงื่อที่พาเอาใจเต้นไม่เป็นส่ำ จนต้องซุกไซร์จมูกสูดดมไปทั่วแก้มใสใบหูและลำคอขาว ซึ่งเจ้าตัวยัง
นอนหลับตาพริ้มหายใจรัวกระชันปล่อยผมนัวไซร้ไปทั่ว กระทั่งลมหายใจของเราทั้งคู่กลับเป็นปกติ ในขณะที่ส่วนเชื่อมต่อด้าน
ล่างยังคงคาอยู่ในตัวเขา โดยผมยังไม่ได้ถอนออกเลยด้วยซ้ำ
“เอาออกได้แล้ว” เสียงทุ้มพูดขึ้นมา
“ใช้งานเสร็จหมดความหมายเลยเหรอ?” ผมหยอกกลับ
“ผมใช้เมื่อไหร่? คุณต่างหากที่ใช้งานผม” เขาเถียงไม่จริงจังไร
“หึหึ!” ผมขำไม่ได้พูดไรอีก แต่ก็ไม่ยอมถอนสมอลำเขื่องออกจากตัวเขาเช่นกัน ยังไงผมไม่จบแค่รอบเดียวหรอก
“ลุกสิ” เจ้าตัวเริ่มชักสีหน้าเข้าใส่แล้วสิ
“อืม!ขออยู่อย่างนี้อีกสักพัก” ผมตีมึน สายตาเราสบกันนิ่ง
“จำผมได้ตั้งแต่ตอนไหน?” ผมถามไป มีจ้องผมตอบแล้วพูดมาว่า
“ไฟเปิดก็เอะใจแล้ว เห็นรอยสักพยัคฆ์บนต้นแขนยิ่งมั่นใจว่าเป็นคุณแน่” พูดมาในขณะที่สายตาเรายังคงสบกันอยู่
“อืม..ไม่คิดว่าคุณจะเป็นนักฆ่า” ผมถามไปตรงๆ
“ไม่คิดเหมือนกันว่าคุณจะเป็นการ์ดประจำตัวมาเฟียค่าหัวแพง” เขาก็สวนกลับหน้านิ่งได้อีก
“ฮ่าๆๆ” เราหลุดหัวเราะออกมาพร้อมกัน หลังต่างฝ่ายต่างจ้องตากันอยู่ พอหัวเราะร่างกายมันก็ขยับตามทำให้อะไรๆ
ที่เชื่อมกันอยู่ตื่นตัวขึ้นอีกครั้ง ผมอาศัยจังหวะนี้บดคลึงซะเลยเสียวชะมัดให้ตาย
“อ๊ะ! อืม..อ๊า” เจ้าตัวพยายามประท้วง เรื่องอื่นไว้ค่อยคุย ผมปิดปากบดจูบเป็นการห้ามในตัว ช่วงล่างก็สาวกระแทก
ไปด้วย ระหว่างผมกับนักฆ่าหน้าสวยฉายา ‘เพชฌฆาตหน้าหยก' เราเคยเจอกันก่อนหน้าแล้ว ย้อนไปราวห้าปีได้ ตอนนั้นผม
อายุ 27 ส่วนเขาประมาณ 20 ต้นๆ?
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
“ตึกๆ! ตุ๊บ! โอ๊ะ..แม่งเอ้ย” ผมเซไปสองก้าว ในขณะที่อีกคนกระเด็นก้นกระแทกพื้น หงุดหงิดเลยผมฝนก็ตกปรอยๆ
กำลังออกมาจากเซเว่นหลังเข้าไปกดกาแฟร้อนได้มาแก้ว ตอนนี้กาแฟที่เพิ่งจิบได้คำเดียวปลิวไปตกข้างฟุตบาทเรียบร้อย
ซวยอีกเพราะกาแฟหกเลอะสื้อผมด้วยสิ
“เดี๋ยว! ไม่ขอโทษคิดจะหนีเหรอ?” ผมรีบคว้าหมับฉุดข้อมือของหนุ่มตรงหน้าไว้ทันที หลังเขาลุกขึ้นตั้งท่าเตรียมเผ่น
“โธ่เว้ย! ปล่อยสิอยากตายหรือไง?” นอกจากจะไม่ขอโทษแล้ว ยังตวาดเสียงห้วนจ้องผมตาวาวอีก
“ไม่มากไปหน่อยหรือ เก่งมาจากไหนว่ะ?” พูดจบผมดึงคอเสื้อหิ้วร่างโปร่งที่สูงน้อยกว่าผมจนตัวลอย ถึงได้สังเกต
ใบหน้าไอ้หนุ่มคนนี้สะดุดตาไม่น้อย ทั้งที่ผมเผ้ากระเซิงเปียกชุ่มเพราะเจ้าตัวคงวิ่งฝ่าฝนมานั่นเอง
“สัด!วุ่นวายชะมัด” พูดจบหมัดตรงก็พุ่งเข้าใส่ทันที ผมฉากหลบ ก่อนจะจับแขนที่ส่งหมัดมาบิดไขว้หลัง
“โอ๊ะ! โอย” เจ้าตัวหน้านิ่วหลังถูกจับบิด ยังไม่ทันทำอะไรก็ได้ยินเสียงตะโกนไล่กันมาไม่ต่ำกว่าเจ็ดแปดคนได้
ห่างไม่ถึงห้าร้อยเมตร
“นั่น! มันอยู่นั่น ยิงเลย” พูดจบเสียงปืนก็ดังขึ้นทันตา
“เปรี้ยงๆๆ!” ผมผลักเขาพุ่งหลบยังรถที่จอดอยู่ริมฟุตบาทเปิดไฟขอทางไว้อยู่ รถของผมเองแวะจอดลงมาซื้อกาแฟ
“ขึ้นเร็ว” เปิดประตู พร้อมกำชับหนุ่มแปลกหน้าขึ้นรถ ส่วนตัวผมเท้ามือกระโดดข้ามกระโปรงรถมาตรงฝั่งคนขับ
ในขณะพวกนั้นยังคงยิงไล่หลังอยู่ ผมรีบสตาร์ทรถกระชากตัวออกมาเลยโดยไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงได้ยื่นมือไปยุ่งเรื่องนี้
ผมห้อรถเหยียบมิดจนแน่ใจว่าไม่มีใครตามมา ถึงค่อยชำเลืองดูคนนั่งมาด้วย ตั้งแต่ขึ้นรถกระทั่งตอนนี้ยังคงหลับไม่พูดไม่จา
เลยถือโอกาสสำรวจหน้าตาหมอนี่เสียหน่อย ผมรู้ว่าเป็นผู้ชายคิดว่าไม่น่าจะเข้าใจในเพศของหมอนี่ผิด แต่ที่ทำให้ฉงน
คือใบหน้าซีดกลับมีโครงหน้าสวย ขนตายาวเป็นแพร คิ้วเรียวเข้ม จมูกโด่ง ริมฝีปากบนบางเฉียบในขณะที่ริมฝีปากล่าง
กลับอิ่มเต็ม ผมกระเซิงตกระหน้าผากซ้ำยังเปียกด้วยสิ ดึงลิ้นชักหยิบผ้าขนหนูเล็กห่อพลาสติกอย่างดีที่ซื้อเก็บไว้ใช้ฉุกเฉิน
โยนลงบนตักเจ้าตัว
“เช็ดหัวซะ” ไม่มีการขยับตัวสักนิด
“ได้ยินหรือเปล่า?” ผมย้ำเสียงเข็ม ผลยังคงเหมือนเดิมชักแปลกๆ ตัดสินใจยื่นมือไปเขย่าเรียกเสียเลย
“คุณๆ” ไม่มีการเคลื่อนไหวให้รู้ว่าเจ้าตัวอยู่ในสภาพที่รับรู้อะไรได้ ตัดสินใจหักพวกมาลัยเข้าจอดริมทางทันที
ก่อนจะปลดสายคาดเอี้ยวตัวไปตบแก้มเรียกเบาๆอีกครั้ง
“คุณๆ” ไม่รู้สึกตัวเลยเหะ ผมรีบสำรวจทั่วร่างกระทั่งเห็นชายโครงด้านซ้ายฝั่งประตูมีรอยเลือดซึมออกมา
เป็นวงกว้าง รีบถลกชายเสื้อขึ้นดู ให้ตายเขาถูกยิง ไม่ได้การต้องห้ามเลือดก่อน สบายใจอยู่อย่างที่เจ้าตัวยังหายใจอยู่
แม้จะรวยรินไปสักหน่อย แต่ก็รู้ว่ายังไม่ตาย
ผมถอดสูทที่ใส่ออกเอามารัดแผลเขาไว้แน่น จากนั้นก็กระชากรถกลับที่พักด่วน ในขณะที่มืออีกข้างก็กดโทรศัพท์
ให้ลูกน้องตามหมอไปรอบ้านพักผมเลย โดยกำชับให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับห้ามใครรู้เป็นอันขาด
“ปลอดภัยแล้วครับคุณพยัคฆ์ วิถีกระสุนไม่ถูกจุดสำคัญ คนเจ็บเสียเลือดมาก คงต้องพักฟื้นสองสามวัน”
หมอประจำตระกูลคุณมังกรบอกหลังผ่ากระสุนออกทำแผลเสร็จ ในขณะที่หนุ่มแปลกหน้ายังไม่รู้สึกตัว
“เขาจะฟื้นเมื่อไหร่ครับ?” ผมถามหมอให้แน่ใจ
“พรุ่งนี้เช้าก็ฟื้น ผมฉีดยาแก้ปวดกับลดไข้ให้แล้ว คืนนี้คงต้องระวังไข้ขึ้น อย่าให้ไข้ขึ้นสูงอาการจะทรุดได้” หมอ
กำชับพร้อมกับสาละวนจัดยาไปด้วย ก่อนจะส่งซองยาให้ผม มีแนะนำการดูแลทำความสะอาดแผลเพิ่มอีกเล็กน้อย จากนั้นผม
จึงให้ลูกน้องไปส่ง
เป็นดังที่หมอบอก หนุ่มแปลกหน้าไข้ขึ้นทั้งคืนนอนเพ้อไม่รู้เรื่องกลายเป็นภาระผมต้องคอยเช็ดตัวลดไข้ให้ค่อนรุ่ง
กว่าจะได้หลับเอาเรื่องเหมือนกัน หลังจากเจ้าตัวไข้ลดผมถึงได้พักผ่อนหลับยาวพอสมควร
ผมทำหน้าที่การ์ดส่วนตัวคุณมังกร ซึ่งเขาเองอยู่ระหว่างเรียนรู้บริหารงานเพื่อสืบทอดตำแหน่งคุณอินทรีย์ในอนาคต
คุณอินทรีย์ยังนั่งแท่นประธานวิริยะทรัพย์อยู่ ผมจึงมีเวลาส่วนตัวปกติ แต่ก็ไม่ลืมโทรศัพท์ไปบอกคุณมังกรขอลาพักร้อนสัก
สามวัน ซึ่งแกก็อนุมัติให้ผมด้วยดี
สิบโมงเกือบสิบเอ็ดโมงสายพอสมควร ผมตื่นขึ้นอาบน้ำทำธุระส่วนตัวเสร็จค่อยไปดูหนุ่มแปลกหน้าที่ห้องติดกัน
เปิดประตูเข้าไปเจ้าตัวยังหลับไม่รู้เรื่อง พอเดินไปดูใกล้ๆ ถึงได้เห็นสีหน้าคนเจ็บมีสีสันกว่าเมื่อวานมากลองเอาหลังมือวัดไข้
ตรงหน้าผากตัวไม่ร้อนแล้ว ค่อยยังชั่วไม่มีไข้ โทรไปสั่งแม่บ้านเตรียมอาหารไว้รอ ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงเขาถึงรู้สึกตัว
ค่อยลืมตากลมสวยขึ้นมาจ้องผม ในขณะที่กำลังเช็ดตัวให้จวนเสร็จพอดี
“อ่าน้ำ..หิวน้ำ” เสียงแหบฟังแทบไม่ได้ยินร้องขอน้ำดื่ม ผมวางมือก่อนจะรินน้ำใส่แก้ว แล้วประคองศีรษะเขาขึ้น
จิบน้ำในแก้ว
“เบาๆ..ชู่วว” ผมปรามเมื่อเจ้าตัวดื่มเร็วไปหน่อย เดี๋ยวสำลักตาย
“อืม..ที่นี่ที่ไหน?” อิ่มเสร็จถามทันที เพิ่งวางศีรษะลงหมอน
“บ้านพักผมเอง” ความจริงเรือนพักหลังนี้อยู่หลังตึกใหญ่ มีผมกับพ่ออยู่กันสองคน พร้อมแม่บ้านและคนรับใช้อีก
สองคน ซึ่งคุณอินทรีย์จัดให้พิเศษเพราะพ่อผมคือการ์ดมือหนึ่งข้างกายเขา ส่วนผมก็เพื่อนสนิทคุณมังกรควบตำแหน่งการ์ด
ด้วยเช่นกัน
“คุณช่วยผมไว้สินะ” ผมหันมาสบตาเขานิ่ง ก่อนจะพยักหน้าให้
“ผมคงต้องไปแล้ว ขอบคุณมากที่ดูแล” พูดจบจะยันตัวลุก ก่อนจะหน้านิ่วทรุดลงไปนอนเหมือนเดิม
“คุณไปไม่ไหวหรอกแผลยังใหม่อยู่ เสียเลือดมากด้วยใจเด็ดดีนี่ไม่ร้องสักเอะ” ผมบอกพร้อมกับชมจากใจ
หนุ่มรุ่นน้องคนนี้โดนยิงไม่ร้องสักคำ ผมจึงไม่รู้ว่าเจ้าตัวถูกยิง
“หึ..ขอบคุณที่ชม” เขายกยิ้มให้เป็นครั้งแรกที่เห็นรอยยิ้มบนหน้าสวยทำเอารู้สึกแปลกๆ จนต้องเฉหันไปหยิบอ่างใส่
น้ำที่เพิ่งเช็ดตัวเขาตะกี้เดินหนีเข้าห้องน้ำไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน กลับออกมาเจ้าตัวเขาจัดการพาตัวเองขึ้นนั่งพิงหัวเตียง
เอาหมอนหนุนหลังจ้องผมตาใส
“เออ..ชื่ออะไรละ?” ผมชวนคุยถามชื่อเสียเลย
“คงคา” เขาตอบกลับมา ชื่อแปลกดี
“อืม..ดูเด็กอยู่เลย อายุเท่าไหร่ครับ?” ผมยังคงซักประวัติต่อ
“ยี่สิบสี่” เค้าบอก
“คุณละ ชื่ออะไร?” เขาถามผมกลับ
“พยัคฆ์” ผมบอก
“ชื่อเท่ชะมัด” เขาพูดพร้อมกับยิ้มกว้างให้ผมอีก มองรอยยิ้มเขาแล้วผมบอกไม่ถูกเหะ รู้สึกแปลกตัวเองพิกล
“ทานอะไรหน่อยค่อยกินยาที่หมอสั่ง” เขาพยักหน้าหลังผมพูดจบ กลายเป็นผมคอยดูแลเขาตลอดสามวัน
ที่เหลือ อาการเค้าดีขึ้นเป็นลำดับแม้จะไม่หายสนิทแต่ก็ไม่ถึงกลับอะไรมาก อดทึ่งไม่ได้คือเขาไม่แสดงความอ่อนแอให้เห็น
สักครั้ง ดูเป็นคนยิ้มง่ายหน้าตาของเขาทำผมอดยอมรับไม่ได้ว่ามีแรงดึงดูดพิเศษที่มองแล้วไม่เบื่อ ตอนนี้เขาพอดูแลตัวเองได้
แล้วทั้งเช็ดตัวลุกเดินยืดเส้นยืดสาย กระทั่งคืนที่สามจู่ๆเขาก็บอกกับผมว่า
“ขอบคุณที่คอยดูแลผม” พาผมชะงักสบตาเขานิ่งไม่มีคำพูดอะไรแค่รู้สึกสังหรณ์เหมือนเขาบอกลากลายๆ
ผมแยกกลับมานอน หลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้มารู้สึกตัวเมื่อสัมผัสแผ่วเบาชวนหวิวเหมือนฝันแต่ก็รู้สึกได้ กระทั่งลืมตาขึ้นดูถึงได้
รู้ว่าคงคากำลังคล่อมทับผมอยู่ นี่ผมไม่รู้ตัวเลยว่าเขาเข้ามาในห้องตั้งแต่เมื่อไหร่ ซ้ำยังแนบชิดร่างกายผมด้วยนี่สิ ถ้าเขาคือศัตรู
ผมคงไม่เหลือลมหายใจแล้ว
“หยุด!คิดจะทำอะไร?” ผมสั่งเขาหยุดการกระทำที่กำลังลวนลามร่างกายผมอยู่ตอนนี้
“รอยสักพยัคฆ์ตรงแขนขวา พาดยาวไปถึงแผ่นหลังสวยจนไร้ที่ติ” เขากลับพูดไปคนละเรื่อง
“ต้องการอะไร?” ผมเน้นเสียงรอดไรฟัน เชิงบอกว่าผมเอาจริงถ้าหากยังไม่มีคำตอบ
“ถือเป็นการตอบแทน เราจะได้ไม่ติดค้างกันอีก” พูดจบเขาบดริมฝีปากคลึงจูบผมทันที ตอบตัวเองไม่ถูกไม่รู้สิ
ผมรู้สึกร่วมไปกับเขาด้วย โดยเฉพาะมือที่ล้วงเข้าไปในกางเกงนอนของผมกำลังทำหน้าที่ปลุกเสือหลับให้ตื่นจนร่างกายผม
ร้อนรุ่มได้ไม่ยาก นี่เป็นครั้งแรกที่ผมถูกผู้ชายสัมผัสแนบเนื้ออย่างนี้ ไม่เคยคิดมาก่อนว่าผมจะมีอารมณ์ร่วมได้ ที่ผ่านมาเคยแต่
กับผู้หญิง งงตัวเองที่ไม่รังเกียจรสจูบของเขาไม่นึกปฏิเสธในสิ่งที่เขาหยิบยื่นให้กระทั่งมือเขาล้วงไปยังด้านหลัง ผมยึดข้อมือ
เขาไว้ทันที
“ทำอะไร?” ใช่ว่าไม่รู้เซ็กของผู้ชายเค้าทำกันแบบไหน เมื่อเดินเข้าสู่วงการนี้ต้องรอบรู้พอสมควร แต่ไม่ได้
หมายความว่าผมเคยทำมาก่อน
“ก็ทำให้เราเป็นของกันและกันไงครับ” เขายิ้มสวยตอบผมด้วยแววตาซุกซนเช่นเคย
“ไม่!ผมไม่ชอบ” ผมบอกเขาไป
“เฮ้อ! นึกว่าจะไม่ปฏิเสธเสียอีก ลองดูก่อนสิเผื่อจะชอบขึ้นมา?” เขากลับจ้องตาผมวิบวับ แถมคะยั้นคะยอให้
ผมลองหน้าตาเฉย
“ทำแบบนี้บ่อยสินะ?” ผมถามให้หายสงสัย
“ไม่หรอก จัดตามความเหมาะสม” เขาตอบได้หน้ามึนมาก
“ถ้าอยากให้ลอง ขอผมรุก” พูดจบ หน้าเขาเหว่อไปทันที
“ผมไม่เคยรับ รุกอย่างเดียว” เขาบอก
“คุณบอกจะตอบแทนผม นี่คือสิ่งที่ผมต้องการ” ผมใช้น้ำเสียงเรียบนิ่ง เห็นหน้าสวยๆออกอาการกลืนไม่เข้า
คายไม่ออกแล้วอยากแกล้ง ช่วยไม่ได้เข้ามาหาผมเอง
“อืมคำไหนคำนั้น หลุดปากไปแล้วจะไม่คืนคำ ผมให้คุณเป็นคนแรกคนเดียวในชีวิต” พูดจบเขาก็ประกบจูบ
ผมเลย จูบครั้งนี้ผมไม่ได้เป็นฝ่ายให้เขารุกไล่เหมือนทีแรก แต่กลับเป็นฝ่ายคุมเกมกวาดต้อนพันลิ้นเขาอย่างเมามัน ทำให้เราทั้ง
คู่เกิดความต้องการกระพือโหมตามอารมณ์ที่ระอุขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“อืม..อือ” ผมค่อยๆพลิกร่างเขาลงอย่างเบามือ ก่อนจะเป็นฝ่ายยันตัวขึ้นคล่อมเหนือร่างเขาแทน โดยที่ปาก
เราไม่ได้หลุดจากกันเลย ระวังอย่างมากไม่ให้กระทบกระเทือนแผลเขา ดังนั้นครั้งแรกของผมที่ลองกับผู้ชายซึ่งคือครั้งแรกของ
เขาที่ยอมเปิดประตูหลังให้ผมบุกทะลวง เป็นการถ่อยทีถ่อยอาศัยเสียมากกว่า จังหวะสอดประสานรวมเป็นหนึ่งเดียว
ต้องค่อยๆดันส่วนแข็งขึงขนาดเขื่องของผมเข้าไปในตัวเขาอย่างนุ่มนวล อาศัยครีมบำรุงเป็นตัวช่วยหล่อลื่นนำทางให้เสือหลับ
กลับเป็นพยัคฆ์สุดคึกคะนองแหวกว่ายในสายคงคาของเขาโดยไม่ทำตลิ่งพัง
เขาเองในฐานะผู้เชี่ยวชาญการบุกทะลวงมาก่อน ก็ต้องทำหน้าที่กำกับคอยให้คำแนะนำผมด้วย ช่วยผ่อน
ลมหายใจรับเอาผมเข้าไปในตัวเขาทีละนิดๆ ถึงกระนั้นสีหน้าก็ยังแสดงความเจ็บปวดอยู่ดี ผมมองใบหน้าสวยมีน้ำคลอตา
ยิ่งอยากครอบครองเป็นเจ้าของมากมาย แม้เขาจะกัดปากแน่นไม่ยอมร้องสักเอะแต่ผมก็พอรู้ว่าเขาเจ็บไม่น้อย ตัวผมยังรับรู้
ถึงแรงบีบรัดทำเอาแทบแตกเสียให้ได้ อาศัยหยุดแช่ไว้ก่อน ถึงค่อยโยกขยับบดสะโพกคลึงเบาๆไม่งั้นได้แตกเร็วพาอายเปล่าๆ
ต่อด้านล่าง