รูปปกหนังสือ
ต้องการหนังสือ รายละเอียดดูท้ายนิยายล่างสุดลูกแก้วมังกร
Part 8
เพชฌฆาตหน้าหยก? “อาทำอะไรหรือครับ?” ตั้งแต่ขึ้นตึกมา กระทั่งตอนนี้ลูกแก้วคอยป้วนเปี้ยนวนเวียนข้างผมตลอด จะขยับหยิบจับ
สิ่งไหนเป็นต้องมีส่วนร่วมไปหมด ผมกำลังต่อสัญญาณกล้องวงจรพิเศษเข้ากับระบบคอมพิวเตอร์เพื่อให้ขึ้นจอ LED ขนาด
60 นิ้ว ภายในห้องนอนของเขานั่นแหละ
ตอนนี้ผมย้ายสัมภาระพร้อมด้วยอุปกรณ์ไฮเทคพวกนี้มาเชื่อมต่อสัญญาณเตรียมเอาไว้ ความจริงเรื่องนี้มีผมคนเดียว
ที่รู้ แม้แต่พยัคฆ์ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมติดอุปกรณ์ชุดนี้ไว้ในห้อง มันคือกล้องเลเซอร์ตัดความมืด กล้องชุดนี้เก็บภาพในความมืดได้
คมชัดเหมือนปกติ คล้ายของหน่วยคอมมานโดใช้เวลาปฏิบัติภารกิจท่ามกลางความมืดเหมือนกันเลย โดยกล้องถูกซ้อนไว้ใต้ฝ้า
ทั้งสี่มุม อาศัยไฟดาวไลท์ฝังเพดานบังเอาไม่ให้รู้ว่ามีกล้องซ่อนอยู่ เพราะฉะนั้นนอกจากผมแล้วไม่มีใครรู้เลยว่าภายในห้องได้
ติดตั้งอุปกรณ์ชุดนี้เอาไว้ ซึ่งผมติดต่อกับวิศวกรด้วยตนเองให้มาติดตั้งเมื่อสามปีที่แล้วหลังจากขึ้นรับตำแหน่งแทนพ่อได้ปีเดียว
ครั้งนั้นผมอ้างกับทุกคนว่า ติดต่อให้ช่างมาแก้ไขรหัสตู้เซฟในห้องนอนให้ผมใหม่ จึงไม่เคยมีใครรู้เรื่องนี้ยกเว้นผมและกำลังจะ
เพิ่มมาอีกคนก็คือไอ้ตัวแสบที่กำลังจ้องมองภาพซึ่งฉายขึ้นจออย่างสนใจ ก่อนจะพูดกับผมว่า
"อานี่มันกล้องนี่?” สบตาผมอึ้งไปแล้ว ผมจึงพยักหน้าให้เป็นอันยอมรับว่าเจ้าตัวเข้าใจถูกแล้ว
“เสร็จงานอายกให้ผมนะไม่ต้องเอากลับ” ผมชะงักมือที่กำลังปรับชาแนลให้ภาพเต็มพื้นที่จากมุมกล้องทั้งสี่ตัว
หันมาจ้องหน้าคนถามนิ่งกำลังสงสัยนึกอะไรถึงอยากได้อุปกรณ์ชุดนี้ขึ้นมา
“ก็ผมอยากเอาไว้ส่องอา ยกให้ได้เปล่า?” คำเฉลยหลุดจากปากผมอยากเขกกะโหลกเด็กบ้านี่ซะจริง ดันเผลอคิด
ว่าเจ้าตัวคงอยากติดไว้ในห้องตนเองสักชุดไม่ได้คิดมุมนี้เลย ผมไม่ตอบหันมาสนใจจัดภาพที่ทำค้างไว้ต่อ แต่ไอ้ตัวแสบไม่ยอม
หยุดขยับมาจ้องผมจนจมูกจะชนหน้าผมแล้ว เลยต้องหันกลับไปขู่ขึ้นว่า
“ถ้ายังเล่นไม่เลิกอาจะย้ายห้อง” คงเพราะน้ำเสียงเอาจริงของผม ทำให้ไอ้ตัวดีหดหัวกลับไปนั่งพองแก้มอย่างขัดใจ
ไม่พูดไม่จา แต่แบบนั้นแหละดีแล้วผมต้องการสมาธิ จึงทำไม่สนใจหันมาจัดการงานของผมต่อ ผ่านไปกว่าสิบนาทีค่อย
เรียบร้อยสมบูรณ์คราวนี้ทุกมุมสามร้อยหกสิบองศาภายในห้องของผมก็ฉายชัดขึ้นจอ LED เรียบร้อย
เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามันเงียบผิดปกติเหลียวดูไอ้หลานร่างยักษ์ดันหลับปุ๋ยอยู่ข้างผมหน้าตาเฉย ท่านอนขดตัวยังกับเด็ก
ทำเอาผมเผลอมองหน้าหล่อเข้มไร้ที่ติไม่ได้ ตอนหลับดูอ่อนเยาว์ไร้เดียงสาปานเทพบุตรเสียดายแทนพี่หงส์ไม่น่าเป็นเกย์เลย
ลูกชายคนเดียวด้วยสิ แต่เจ้าตัวก็บอกชอบผู้หญิงนี่ เห็นพูดเคยมีอะไรกับผู้ชายแค่ครั้งเดียว อย่างนี้จะเรียกว่าไรดีผมไม่ค่อย
เข้าใจศัพท์บัญญัติของกลุ่มนี่เสียด้วยสิ คิดไปก็หาคำตอบไม่ได้ เลยตัดสินใจปลุกคนหลับให้ขยับขึ้นไปนอนดีๆ จะมานอนขด
ตัวอยู่ปลายเตียงเดี๋ยวพลิกตัวขึ้นมาได้เผลอวัดพื้นแน่ ตัวยังกะตึกขนาดนั้น
“ลูกแก้วครับ” ผมเรียกเบาๆ กลับไม่รู้สึกอีก
“ลูกแก้วขยับนอนดีดี” คราวนี้ผมเอื้อมมือไปจับหัวไหล่เขย่าด้วย
“อืม จุ๊บ! อือ” กรรม!ไอ้ตัวแสบดันคว้าเอามือผมไปจูบเฉยเลย ก่อนจะหลับต่อทำปากงึมงำๆ ตอนนี้พูดไม่ออก
ความรู้สึกที่ถูกหลานจับมือไปจูบพิลึกกึกกือไงไม่รู้
“พลั๊ก! ตุ๊บ! อูย!” ไม่เป็นไรหรอกน่า ผมแค่ยันเบาๆจนหลุดตกลงไปบนพรมไม่เจ็บหรอกคงตกใจมากกว่า
กำลังหลับนี่ ช่วยไม่ได้ดันปลุกยากหลับลึกเกิน เลยใช้วิธีลัดได้ผลทันตา
“อูยเกิดไรขึ้นครับ ทำไมผมตกได้ละอา?” ถามผมหน้าเบ้ในขณะที่มือคลำเอวไปด้วย
“ไม่รู้ดิอาได้ยินเสียงเราหล่นดังตุ๊บ เหลียวไปดูก็เห็นลงไปนอนอยู่ข้างล่างแล้ว สงสัยพลิกตัวถึงได้ตกลงไปมั้ง
ถ้าจะนอนก็ขยับขึ้นไปนอนให้เรียบร้อยมานอนทำไมปลายเตียง” ผมเนียนว่าเจ้าตัวตกลงไปเอง ไอ้หลานร่างยักษ์หรี่ตาจ้องผม
เหมือนจับพิรุธ แต่ผมแกล้งเฉหันมองจอทีวีแทน จังหวะเห็นภาพพยัคฆ์กำลังเปิดประตูเข้าไปนอนคลุมโปงบนเตียงของผม
เรียบร้อยตามแผนที่วางเอาไว้ ผมสั่งให้พยัคฆ์นอนแทนหากเพชฌฆาตหน้าหยกมาจริงตามที่รามูนบอก คงลงมือกับพยัคฆ์ซึ่ง
เตรียมรับมือไว้แล้ว เราจะจับเขามารีดเอาข้อมูลกันล่ะทีนี้
เพื่อไม่เป็นการประมาท ผมให้พยัคฆ์เตรียมพร้อมเรียบร้อย เขามีฝีมือระดับแถวหน้าขององค์กรมหาหิงส์
ประมาทไม่ได้เป็นอันขาด งานนี้อดสงสัยเล็กน้อยทำไมรามูนรู้ว่านักฆ่ามือดีถูกส่งมาเล่นงานผม กลับมาแค่เตือนเหมือนเจ้าตัว
ไม่พร้อมเผชิญหน้ากับคนผู้นี้ หรือทั้งคู่รู้จักกันดีรามูนคงรู้ตัวยังไม่พร้อมปะทะกับเพรฌฆาตหน้าหยกหรือเปล่าผมไม่แน่ใจ
ถึงยังไงคืนนี้ผมไม่มีทางปล่อยเขากลับไปเป็นอันขาด
“พี่พยัคฆ์เขาปลอมเป็นอา ยังกับกำลังดูหนังสืบสวนอยู่เชียว ผมตาสว่างไม่ง่วงแล้วอ่ะ ขอนั่งดูด้วยคนนะครับ”
เจ้าลูกแก้วให้ความสนใจ ออกอาการใหญ่ มีขยับเข้ามานั่งเบียดจนชิดเข่าเกยขาผมแล้วนั่น แต่ตาเจ้าตัวกลับจ้องที่จอไม่กะพริบ
“ห่างหน่อยก็ได้ นั่งตักดีกว่าไหม?” ผมประชดเสียงนิ่ง เจ้าตัวก้มดูเข่าที่เกยบนขาผม แล้วพูดมาหน้าตายว่า
“ได้เหรอให้ผมนั่งจริงดิ ขอบคุณครับอา” พูดจบทำท่าจะขยับขึ้นนั่งตักผมเฉยเลย
“ลูกแก้ว อาประชดรู้จักไหมหืม?” กลับเป็นผมเสียเองที่ต้องดุใส่ ทำเอาไอ้ตัวแสบหน้าจ๋อย ก่อนจะถอยไปนั่ง
กระมิดกระเมี้ยนจนน่าถีบ
“ผมนึกว่าอาให้นั่งนี่นา” มีทำตาปรอยส่งตามมาอีก
“รู้จักโตได้แล้วไม่ดูรูปร่างตัวเองเลยสิ จะมานั่งตักอาได้ยังไง?” ผมพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้น ก่อนจะหันไปจ้องหน้าจอต่อ
“ผมโตแล้วครับ” ยังไม่จบ ค้อนผมอีก
“อะไรหืม?” อดถามไม่ได้
“ก็ผมโตแล้วนี่” ผมเลิกคิ้วจ้องเจ้าตัวนิ่งเป็นการตำหนิด้วยสายตาว่านี่นะหรือที่คิดว่าตัวเองโตแล้ว
“อาอย่าจ้องผมแบบนี้น้า ผมโตแล้วจริงๆไม่เชื่อพิสูจน์ดูก็ได้”ท่าทางมั่นใจเหลือเกินมีลอยหน้ายืดอกท้าทายผมอีก
พาเอาหมั่นไส้พิลึก ออกอาการแบบนี้มันโตตรงไหน มีแต่เด็กเขาทำกัน
“พิสูจน์ยังไง?” ผมถามกลับไป
“ถือว่าอาต้องการพิสูจน์เองนะ งั้นมาลองดูกัน” พูดจบมือใหญ่ก็รวบต้นคอผมดันเข้าประกบริมฝีปากหนาที่บดจูบ
ลงมาอย่างรู้จังหวะ ในขณะที่ผมอึ้งไปกับความไวของไอ้ตัวแสบ ชั่วพริบตาลิ้นร้อนก็สอดเข้ามาเกี่ยวกระหวัดดูดลิ้นผมอย่าง
ชำนาญ การจูบครั้งนี้เต็มไปด้วยชั้นเชิงอย่างผู้โชกโชนเล่นเอามึนไปกับรสจูบได้เหมือนกัน นึกสงสัยในใจทำไมมันจูบเก่ง
ขนาดนี้ หัวผมตื้อไปหมดกระทั่งเจ้าตัวถอนปากออก ถึงดึงสติคืนมาได้เสียหน้าชะมัดให้ตาย รู้สึกโดนไอ้หลานตัวแสบ
ฉวยโอกาสอยู่ตลอดเวลา
“อืมหวานชะมัด” พูดจบตั้งท่าชะโงกหน้าจะเข้ามาจูบผมอีกรอบ แต่คราวนี้ผมไม่พลาดแล้ว เท้าไวเท่าความคิด
ยันเปรี้ยงเข้าไปเต็มท้องน้อยทันทีก่อนเจ้าตัวจะกระเด็นลงไปก้นจ้ำเบ้าอยู่ที่พื้นข้างเตียงตามแรงยันของฝ่าเท้าผมทันตา
“พลั๊ก!อึก..อูย!” เสียงโอดครวญหน้าบูดเป็นตูดลิงมือคลำก้นปอยๆตัดพ้อผมด้วยสายตาเฉยเลย ทั้งที่เขาผิดแท้ๆ
ดันทำเหมือนผมเป็นฆาตกรใจโหดเสียได้ คงนึกว่าผมจะสงสารสิ ผมต่างหากที่ต้องสงสารตัวเอง ขนาดออกแรงยันไม่เต็มที่นะ
ถึงกับต้องสะบัดข้อเท้ากันเลย นี่มันท้องคนหรือศิลาแข็งยังกับหินรู้โดยไม่ต้องเดาว่ากล้ามท้องเจ้าเด็กโข่งนี้มันแกร่งแค่ไหน
เล่นเอาข้อเท้าเกือบเคล็ด
“อย่ามาสำออย ชักจะเยอะนะเรา” ผมดุเสียงแข็งเป็นการย้ำให้รู้ว่าไม่ชอบวิธีฉวยโอกาสที่เจ้าตัวเอามาใช้นั่นเลย
“ก็อาให้ผมพิสูจน์เอง ผมก็แสดงให้อาดูว่าผมโตแล้วไงครับ เด็กที่ไหนจะจูบเก่งจริงป่ะ?” เฮ้อ!ได้แต่ถอนหายใจ
อย่างจนปัญญา นี่หรือที่เจ้าตัวเอามาเป็นบรรทัดฐานว่าตนโตแล้ว เก่งเหลือเกินเรื่องนี้ ไม่อยากเถียงกับเด็กที่โตแต่ตัว
ไม่พูดต่อดีกว่าหันกลับมาดูจอแทน
จังหวะที่เบือนสายตาจากหน้าคมเข้ม หล่อจนน่าเตะของไอ้หลานตัวแสบ ก็เพราะทนเห็นสายตาที่แสดงออก
ชัดเจนว่าเจ้าตัวเก่งแค่ไหนกับบทพิสูจน์ที่ต้องการให้ผมรู้ว่าโตแล้ว จังหวะนั้นพอดีภาพจากมุมกล้องตรงระเบียงมีเงาวูบผ่าน
ก่อนจะปรากฏร่างผู้ชายสูงโปร่งสมส่วนผมสีเงินยวงปล่อยยาวเกือบครึ่งหลัง ใบหน้าที่กล้องซูมให้เห็นขณะนี้ติดไปทางหวาน
เสียมากกว่าสมฉายาเพชฌฆาตหน้าหยกจริงๆ
ก่อนที่เขาจะดึงบางอย่างออกจากแขนเสื้อแล้วสอดตรงรูกุญแจจากนั้นประตูระเบียงก็เปิดออก ผมรีบกดเร่ง
เสียงกลับไม่ได้ยินอะไรเลยแม้แต่น้อยทั้งที่เครื่องดักสัญญาณชนิดนี้แค่เข็มตกสักเล่มยังได้ยิน แต่ตอนนี้กลับเงียบสนิท
ผมแน่ใจว่าพยัคฆ์คงรู้ตัวแล้ว ถึงฝีมือคู่ต่อสู้จะเหนือชั้นกว่ามาก หากทางเราตั้งรับไว้ล่วงหน้าแบบนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะสู้ไม่ได้
“มันมาแล้ว โหหน้าตาดีอ่ะจับกดเลยไหมแบบนี้อย่าเลี้ยงไว้เลย!” ฟังไอ้เด็กบ้านี่มันวิจารณ์ ผมอดไม่ได้ต้องหัน
ไปจ้องตาเขียวให้รู้ว่าผมไม่ชอบฟังที่เค้าพูด บ้าชะมัดนึกจะจับผู้ชายกด แต่ความจริงที่ผมเถียงไม่ออกก็ตรงที่
เพชฌฆาตหน้าหยกหน้าตาไม่เหมาะเป็นนักฆ่าเลยดูดีจริงๆ ไอ้ตัวแสบย่นคอหดหลังจากโดนสายตาตำหนิของผม
จากนั้นก็ขยับขึ้นมาจ้องหน้าจอต่อ ยังกับจะให้จอทะลุเลยมั้ง
“ห่างหน่อยก็ได้” ผมปรามเจ้าตัว
“โหอาก็มันตื่นเต้นนี่ ผมอยากรู้ว่าพี่พยัคฆ์จะจัดการได้หรือเปล่าพลอยลุ้นไปด้วยเลย” ผมเองก็ลุ้นตัวโก่งเหมือนกัน
ดูว่านักฆ่าหน้าหวานฉายาเพชฌฆาตหน้าหยกคนนี้จะเล่นงานพยัคฆ์ยังไง เพราะตอนนี้เจ้าตัวเข้ามายืนอยู่ข้างเตียงที่พยัคฆ์กำลัง
นอนคลุมโปงอยู่ ยอมรับหายใจไม่ทั่วท้องเลย หลังจากเห็นนักฆ่าดึงแส้ยาวเฟ้ยออกจากเอวแล้วสะบัดจนเกิดเสียงฝ่าอากาศ
ได้ยินชัดกลายเป็นเหล็กสีเงินได้ด้วย
“เฟี้ยว!” จังหวะต่อเนื่องเหล็กในมือแทงไปยังร่างของพยัคฆ์ทันที
“ฉวบ!พรึ่บ! อ่ะ” เสียงเหล็กทะลุผ้าห่ม ก่อนที่ร่างของนักฆ่าหน้าหยกจะกระโดดถอยออกมาอย่างระวังตัว แต่คงไม่
ทันแล้วเพราะฝุ่นสีขาวที่ปลิวฟุ้งตลบอบอวลเข้าปะทะยังใบหน้าหวานเป็นหมอกหน้าทึบคลุมไปทั่วทั้งห้อง ก่อนจะค่อยจางลงใน
ระยะเวลาไม่นาน พร้อมกับไฟภายในห้องสว่างจ้าขึ้นมาด้วยเช่นกัน
“หึ!ไม่เลว มิน่าถึงรอดมาได้ตลอด” เสียงนุ่มหล่อที่เอ่ยจากปากบางเฉียบติดถากถางนิดๆ ตารีสวยตวัดจ้องยังร่าง
ของพยัคฆ์ที่พลิกตัวลงไปยืนจังก้าอยู่อีกฝั่งหนึ่งของเตียงโดยยังไม่ยอมพูดสักคำ บริเวณต้นแขนซ้ายมีเลือดซึมออกมาเล็กน้อย
แสดงว่าพยัคฆ์ได้รับบาดเจ็บจากแส้เหล็กเข้าแล้ว แต่สถานการณ์คงไม่เลวร้ายเท่าไหร่ แค่นักฆ่าหน้าหวานเผลอสูดเอาผงเมา
เข้าไปเพียงนิดเดียว เดี๋ยวคงได้มึนลืมโลกเลยเชียวล่ะ
“ไม่คิดว่ามังกรจะมีฝีมือนึกว่าจะเป็นได้แค่งูดินไม่ได้สนุกนานแล้วน่าสนใจไม่น้อย” เจ้าตัวยังคงพูดต่อ โดยที่
พยัคฆ์ยืนจ้องตาดุยังกับเสือริมฝีปากเม้มแน่น คอยระวังสถานการณ์ไปด้วยรอเวลายาออกฤทธิ์ เท่าที่สังเกตพยัคฆ์คงคำนวณ
ฝีมือคู่ต่อสู้ได้ ที่ยังนิ่งแสดงว่าคู่ต่อสู้ไม่ธรรมดา
จังหวะที่เหล็กสีเงินสะบัดอีกครั้ง คราวนี้กลายเป็นแส้อ่อนพุ่งฝ่าอากาศเสียงหวีดหวิวบาดแก้วหูเข้าหาพยัคฆ์ที่ยืน
จังก้าด้วยความรวดเร็วแทบมองไม่ทัน นักฆ่าหน้าหวานถึงกับขมวดคิ้ว เมื่อเห็นพยัคฆ์กระโดดหลบได้อย่างฉิวเฉียดแต่ปลายแส้ก็
ล่อเอาเสื้อขาดเป็นทางยาวจนกล้ามอกแกร่งโผล่พ้นสาบเสื้อออกมาโชว์แผงอกล่ำ พร้อมกับแผลถลอกเลือดซิบ หากพยัคฆ์ช้า
ไปเพียงนิดเดียวคงเนื้อหลุดติดแส้ออกไปเป็นแผ่น
“ไวดีไหนหลบให้ได้อีกทีสิ” พูดจบตั้งท่าเตรียมสะบัดแส้ใส่ พยัคฆ์รีบส่งเสียงห้ามเสียก่อน เจ้าตัวคงรู้ว่าตึงมือ
เกินไปไม่แน่อาจได้แผลตามมา ฝีมือคนผู้นี้มีพลังแฝงมากับแส้ใครไม่อยู่ในสถานการณ์คงไม่รู้หรอก ความจริงแล้วแผลที่เป็น
ทางยาวสาบเสื้อขาดกระจุยนั้น แท้จริงไม่ได้โดนแส้แม้แต่น้อย แต่โดนแรงเสียดของอากาศที่แฝงมากับแส้ต่างหาก นี่ขนาดแค่
แรงอัดของอากาศซึ่งห่างจากร่างเป็นนิ้วยังเล่นเอาเลือดซิบ ถ้าหากโดนเต็มๆ ไม่ต้องคิดแล้ว
“เดี๋ยว! นี่กะจะฆ่าผมจริงหรือ?” คำถามของพยัคฆ์ฟังดูตลกพิกล เขาตั้งใจมาฆ่าก็รู้อยู่แล้วทำไมถึงถาม
หรือแค่ต้องการถ่วงเวลา ถึงจะดูว่ามันตลกแต่ผมก็ไม่ได้นึกขำตาม ยกเว้นไอ้ตัวแสบข้างๆ ดันกุมท้องหัวเราะ
หน้าดำหน้าแดงไปแล้ว
“ฮ่ะฮ่าๆๆ ตลกชะมัดพี่พยัคฆ์ถามไปได้ ฮ่าๆ” ผมหันไปจ้องตาขุ่น เกิดเพี้ยนไรดันมาหัวเราะตอนนี้ เจ้าเด็กนี่
ยังไงของมันบทจะกลัวก็ตัวสั่นบทจะขำก็ไม่เลือกสถานการณ์ ยังกล้ายืดอกเสียงแข็งเถียงว่าตนโตแล้วไม่ใช่เด็ก น่าถีบขาคู่จริงๆ
“ลูกแก้วหยุด มันใช่เวลาขำไหม?” พอโดนผมดุ ทำพองแก้มกลั้นขำหน้าดำหน้าแดง ผมไม่อยากหงุดหงิด
จึงกลับมาดูสถานการณ์ต่อ
“ถามโง่ๆไม่ฆ่าแล้วจะมาทำไม?” นักฆ่าหน้าหวานต่อปากต่อคำกับพยัคฆ์อย่างนึกสนุก อดแปลกใจนิดหน่อย
ส่วนใหญ่นักฆ่าจะพูดน้อยแต่รายนี้พูดเยอะเหะ
“นั่นสิผมถามโง่ ที่ถามเพราะไม่คิดว่าคนหน้าตาดีจะอัมหิตฆ่าคนได้เลือดเย็นเชียวหรือ” พยัคฆ์กับใช้คารมถ่วง
เวลา ใบหน้าไม่ออกอาการว่าเกรงกลัวคู่กรณีแม้แต่น้อย ทั้งที่เลือดซึมตรงแขนแถมยังมีรอยยาวตรงแผงอกอีก แม้จะแค่ถลอก
ดูไม่เท่าไหร่แต่ก็คงแสบไม่น้อยเชียวล่ะ
“ทำไมคุณติดใจหน้าตาผมหรือไง ความจริงคุณก็ดูดีใช่เล่นหล่อเอาเรื่อง สนใจให้ผมรุกไหมล่ะ ผมอาจจะพิจารณา
มอบความเสียวก่อนความตาย” ฟังไปฟังมาชักแปลกๆ ในขณะที่ไอ้เด็กแสบซึ่งนั่งอยู่ข้างๆหูผึ่ง ตั้งท่าจ้องซะตาโตออกอาการ
สนใจอย่างเต็มที่
“จะว่างั้นก็ได้ ผมติดใจหน้าตาคุณแล้วสิ แต่ให้มารุกคงไม่ไหว ถ้าหากคุณสนใจให้ผมรุกเองดีกว่า เผื่อจะเมตตา
ละเว้นชีวิตผมขึ้นมาบ้าง” ตกลงสองคนนี่คุยอะไรกันรุกคุณรุกผม ฟังแล้วชักงง
“ว้าว! สงสัยงานนี้เขาจะสู้กันด้วยอาวุธส่วนตัวเสียแล้วครับอา” เจ้าลูกแก้วหันมายิ้มให้ผม พร้อมกับทำนาย
เหตุการณ์ให้อีกต่างหาก
“อะไรคือสู้กันด้วยอาวุธส่วนตัว?” ผมงงที่เจ้าหลานตัวโข่งมันพูด คิดว่าพยัคฆ์กำลังคุยถ่วงเวลาให้ยาออกฤทธิ์มากกว่า
“อารอดูดีกว่าเดี๋ยวคงมีคำตอบ ว่าแต่อาจะดูได้เหรอ?” ท่าทางเหมือนรู้มากที่แอ็คใส่ มันน่าเตะตูดสักทีจริงๆ ผมไม่ตอบ
หันไปจ้องจอต่อ จังหวะนั่นร่างของนักฆ่าหน้าหยกเซไปสองสามก้าวก่อนที่เจ้าตัวจะสะบัดหัวไปมาสองสามที
แล้วจ้องหน้าพยัคฆ์นิ่ง
ต่อด้านล่าง