รูปปกหนังสือ
ต้องการหนังสือ รายละเอียดดูท้ายนิยายล่างสุดลูกแก้วมังกร
Part 7
ไม่ได้เรื่อง? “โอ๊ะ! โอย..อูย!” ผมนั่งดูไอ้หลานร่างยักษ์ ล้มลุกคลุกคลานวัดพื้นไปไม่รู้กี่รอบ ตั้งแต่อาคมสอนทักษะการป้องกันตัว
ขั้นพื้นฐานโดยจัดการ์ดมาเป็นคู่ซ้อมให้ พร้อมกับให้คำชี้แนะอย่างใกล้ชิด แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็อย่างที่เห็น
“สงสัยผมจะหวังมากไป” อาคมเดินเข้ามาคุยกับผมที่โต๊ะ หลังกำชับการ์ดพี่เลี้ยงคอยแนะนำการฝึกให้ลูกแก้วต่อ
สีหน้าแววตาเจ้าตัวบ่งบอกว่าหนักใจอย่างไม่ปิดบัง ผมเลิกคิ้วขอคำอธิบายในสิ่งที่ครูฝึกการ์ดมือโปรกำลังต้องการสื่อ
ความหมาย
“ก็คุณลูกแก้วหน่วยก้านเหมาะสำหรับระดับมือเซียนด้วยซ้ำ หากได้รับการถ่ายทอดอย่างถูกต้องสามารถขึ้นมาเป็น
การ์ดมือหนึ่งได้ไม่ยาก” พูดเว้นจังหวะรอว่าผมมีคำถามหรือไม่ แต่ผมยังคงนิ่งโดยไม่ได้พูดแทรก อาคมจึงพูดต่อเมื่อเห็นผม
เงียบไม่ได้ถามอะไรไป
“น่าจะยากอาจต้องใช้เวลานานกว่าคนปกติ เพราะคุณลูกแก้วไม่มีพรสวรรค์เสียเลย สอนยากกว่าคนทึ่มที่สุดในบรรดา
ที่ผมเคยฝึกเสียอีก”ประโยคท้ายส่ายหัวให้ด้วย แสดงออกชัดเจนว่าคนพูดรู้สึกอย่างไร
“อืมคงเป็นหนึ่งในข้อด้อยของเค้า” ผมพูดตรงๆ ยอมรับอย่างไม่มีข้อแก้ต่าง นับกว่าสองชั่วโมงที่ลงมานั่งดูหลาน
ตัวโข่งฝึกทักษะการต่อสู้ขั้นพื้นฐาน ซึ่งผมเคยฝึกตอนอายุเก้าขวบยังไม่เลวร้ายเท่ากับภาพที่เห็นลูกแก้วเก้ๆกังๆมั่วไม่มีที่ติ
ที่สำคัญแรงควายซึ่งเจ้าตัวพยายามจะโชว์พลัง โถมเข้าใส่คู่ต่อสู้โดยไร้สมองก่อนจะถูกอีกฝ่ายซัดลงไปนอนนับดาวไม่รู้
กี่สิบครั้ง จะสงสารหรือส่ายหัวกับความไม่เอาอ่าวของเขาดี
“พอเถอะอาคมขืนให้ซ้อมต่อสงสัยจะไม่มีแรงลุก” ผมตัดสินใจยุติการฝึก ทนดูไอ้เด็กแสบลงไปนอนไม่เป็นท่า
ต่อไม่ไหวทำไมถึงได้ปวกเปียกไร้สมองในการป้องกันตัวถึงเพียงนี้ก็ไม่รู้
“ครับ” อาคมรับคำสั้นๆ ก่อนจะเดินเข้าไปยุติการซ้อมในสนามด้วยตัวเอง พอได้ยินคำสั่งให้หยุดซ้อมเท่านั้นแหละ
ใบหน้าพราวไปด้วยเหงื่อเหมือนคนขี้ไม่ออกเผยยิ้มกว้างขึ้นมาทันตา ยังกับรอเวลานี้มานาน ก่อนเจ้าตัวจะเดินเหมือนไม่มี
กระดูกตรงมาที่ผมทันที ยิ่งเห็นว่าผมกำลังมองดันเปลี่ยนโหมดทำหน้าละห้อยอย่างไว ให้มันได้แบบนี้สิ
“อูย..เคล็ดไปทั้งตัวแล้วครับ” น้ำเสียงติดจะอ้อนที่เจ้าตัวพูดขึ้นทั้งที่ยังเดินมาไม่ถึงเลยด้วยซ้ำ มีทำตาปริบๆด้วยหวังจะ
ให้ผมสงสารละสิ
“แค่นี้ก็หมดความอดทน?” ผมถามหน้านิ่ง ทำเอาเจ้าหลานร่างยักษ์หน้าบูดเป็นตูดลิงขึ้นมาเลยทีเดียว
“โห..อาไม่รู้หรอกว่าผมอดทนแค่ไหน นี่ถ้าไม่เพราะอยากดูแลอาละก็ผมไม่ยอมฝึกหรอก เจ็บตัวชะมัด” มีโอดครวญ
ถึงความดีความชอบของตัวเองหน้าตาเฉย
“อาจะบอกให้ฟังที่เราฝึกอยู่นั่นอาฝึกตั้งแต่เก้าขวบยังไม่ห่วยแตกแบบเราเลย จะเชื่อไหมล่ะ?” พูดจบเจ้าตัวทำตาโต
จ้องผมอึ้งค้าง เลยต้องยืนยันอีกครั้ง
“เรื่องจริง” เท่านั้นแหละครับ สายตาคมเข้มออกอาการตัดพ้อกลับมาทันที ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า
“อาพูดเหมือนผมไม่ได้เรื่อง” พึ่งรู้ตัวว่าผมหมายความตามนั้น
“อืมอาคิดจริงด้วยสิ” ผมก็ยอมรับหน้าตาย ก็มันไม่ได้เรื่องนี่หว่า? จะให้บอกว่าดีแล้วหรือไง ห่วยยิ่งกว่า
เด็กประถมเสียอีก
“อะไรครับไม่ให้กำลังใจยังซ้ำเติมผมอีก” ไอ้ท่าทางนอยด์ใส่ทำแก้มป่องหลับตาปริบๆ เห็นแล้วอยากถีบตกเก้าอี้ชะมัด
ทำออกมาได้ไม่ดูสารรูปตัวเองเลยมั้งนั่น ตัวแม่งยังกับยักษ์
“ช่างเถอะ ขอตัวก่อน” ผมตัดบทลุกขึ้นยืนเตรียมกลับไปพักผ่อนในห้อง ทนมองหน้าคมเข้มทำท่าทาง
ปัญญาอ่อนไม่ไหว
“อ้าว! งั้นผมไปด้วย” ผมไม่ตอบปล่อยไอ้เด็กโข่งเดินเป็นยักษ์ปักหลั่นตามหลังมาต้อยๆ ห้ามไปก็คงหาเหตุขอตามมา
อยู่ดี เพียงไม่กี่วันที่มีเวลาใกล้ชิดกัน ผมรู้ฤทธิ์ความดื้อของเขาดี ดื้อเงียบรั้นมากบทจะดื้อละก็ปฏิเสธไปคงยอมฟังหรอกหยวน
ได้ก็หยวนให้ แต่ถ้าเป็นเรื่องใหญ่คงต้องเด็ดขาดกันบ้างไม่งั้นจะเคยตัว
“เอาล่ะอาจะพักซักหน่อย เรากลับห้องไปพักผ่อนเถอะ” ผมหันหน้ามาบอกเจ้าตัว หลังตามผมมาถึงในห้องด้วยสภาพ
เหงื่อชุ่มชุดฝึกจนวาวน้ำเปียกไปทั่วแผ่นหลัง
“รออาหลับก่อนดิ” มีต่อรองอีก ผมใช้วิธีจ้องหน้าแทนการปฏิเสธว่าผมไม่ต้องการให้อยู่ด้วย
“โธ่! ผมสัญญาไม่กวนเด็ดขาด” ผมยังคงนิ่งจ้องหน้าใช้สายตาชัดเจนว่าไม่อนุญาต พอเห็นท่าทางผมไม่อ่อนให้
เหมือนทุกครั้ง มีทำหน้าสลดก่อนจะส่งสายตาวิงวอนมาแทนการขอร้อง กลายเป็นผมที่ทนมองตาคมเข้มเผยความรู้สึกบางอย่าง
โดยไม่ซ่อนเร้นไม่ได้ ต่อให้เด็กอมมือก็ดูออกว่าสายตาแบบนี้เจ้าของต้องการสื่อถึงอะไร
ยอมรับว่าลูกแก้วถ่ายทอดความรู้สึกผ่านดวงตาได้อย่างชัดเจนว่ารู้สึกอย่างไรกับผม สายตาที่มองอ้อนแทนการบอกรักเลยนั้น
ทำให้ผมอึดอัดพิกลความรู้สึกทั้งหมดมันโถมทับเข้าใส่จนทำให้หายใจไม่สะดวก
ในขณะเดียวกันพาลจะใจอ่อนเข้าจนได้ จึงใช้วิธีเบือนหน้าหนีไม่มองดีกว่าเป็นเพราะไม่อยากใจอ่อนให้อีก คล้ายเจ้าตัวจะรู้ทัน
ขยับมายืนดักตรงหน้าผมเสียหน้าตาย
“นะครับ ให้ผมอยู่ด้วยนะ” ผมเงียบไม่ตอบ เดินหนีขึ้นไปนอนตะแคงหันหลังให้เอาไหล่ซ้ายลงด้านล่างเพื่อไม่ให้โดน
แผลที่ไหล่ขวาปิดเปลือกตาหลับให้รู้ว่าต้องการพัก แต่หูยังคงแอบฟังว่าเขาทำอะไรต่อ
ได้ยินเสียงประตูห้องน้ำเปิดปิดคงเข้าไปทำธุระส่วนตัว หายเข้าไปนานพอสมควรน่าจะอาบน้ำด้วยแหละ แล้วนึกยังไงถึง
มาอาบห้องผมห้องตัวเองก็มี รู้สึกพักนี้ชีวิตผมขาดความเป็นส่วนตัวลงไปทุกที
จนกระทั่งเสียงเปิดประตูก่อนที่เตียงจะยุบ ผมแกล้งหลับไม่ทันไรแขนหนาล่ำที่เย็นชื้นเพราะเจ้าของเพิ่งอาบน้ำมา
หมาดๆก็พาดมาที่ตัวผมกลิ่นสบู่หอมฟุ้งกระจาย พร้อมกับลมหายใจเป่ารดท้ายทอยอีก ไม่ต้องเดาว่าผมกำลังโดนเจ้าเด็กนี่
กอดอีกแล้ว
“ปล่อย” สั่งเสียงห้วนดุ เพื่อให้เอาแขนออกชักฉวยโอกาสเก่ง
“อือ..ผมง่วงหลับด้วยคนครับ” บ่นเสียงอู้อี้ เหมือนเจ้าตัวกำลังง่วงเต็มแก่ ทั้งที่เพิ่งอาบน้ำมาหยกๆ
นับวันเจ้าเล่ห์ขึ้นเรื่อยๆ
“ถ้าง่วงก็กลับไปนอนห้องเราสิ” ผมยังคงเสียงแข็งใส่
“น่า..ช่วยกันประหยัดพลังงานไม่เปลืองแอร์ประหยัดไฟด้วย นอนด้วยกันนะครับ” ตีมึนสุดๆ พูดไปคงไม่เกิดประโยชน์
อดถอนหายใจเลย
“เฮ้อ!” ต่อให้เอ็ดไอ้ตัวแสบมันก็คงแถอยู่ดี ช่างมันเหอะสักวันก็คงเบื่อเอง
ผมหลับไปร่วมกว่าสองชั่วโมง ปกติไม่เคยหลับตอนบ่ายมาก่อน ไม่ติดว่าทานยาที่หมอสั่งคงไม่ง่วง ตื่นมาดันอยู่ในอ้อม
กอดของไอ้สุดแสบ ถึงจะเปลี่ยนมานอนหงายไม่ได้ตะแคงข้างแล้วก็ตาม โดยผมกำลังหนุนแขนเจ้าตัวแทนหมอน นี่ผมหลับลึก
เพราะฤทธิ์ยาขนาดนี้เชียวหรือนี่
ในขณะที่เจ้าตัวตื่นก่อน แต่กลับนอนมองผมตาเยิ้มไม่ได้รู้สึกกับสายตาหงุดหงิดของผมสักนิด ปกติหากผมจ้องใครด้วย
สายตาแบบนี้มีแต่ผวามันใช้ไม่ได้ผลเลยกับไอ้ตัวแสบ จะลุกก็ลำบากเพราะไหล่ซ้ายดันเกยอยู่บนตัวเขาไหล่ขวามีหมอนรองกัน
กระแทกให้ด้วย มิน่าถึงไม่รู้สึกเจ็บ หากเบี่ยงตัวลุกโดยไม่ให้ไหล่ขวากระเทือน ก็ต้องเอาตัวขึ้นไปยันอยู่บนกล้ามท้อง
เจ้าตัวแสบมัน ขอเลือกอยู่เฉยออกปากสั่งเอาดีกว่า
“อาจะทำธุระส่วนตัว เราลุกขึ้นได้แล้ว” สายตาอ่อนโยนที่ขยันส่งให้เป็นอะไรที่ผมไม่ชอบเอาเสียเลย ขืนออกอาการ
จะกลายเป็นว่าการกระทำของเขามีผลกับผมคงเล่นไม่เลิกแน่ วิธีเดียวที่เอามาใช้คือเฉยไม่ให้ความสนใจก็สิ้นเรื่อง
“ครับผมช่วย” พูดจบไม่รอให้ตั้งตัวจัดการกอดผมอุ้มลุกขึ้นนั่ง ทำเหมือนเป็นเด็กซะงั้น งงกับพละกำลังเขาเสียจริง
แม้จะรู้ว่ากล้ามเนื้อของเจ้าตัวบ่งบอกชัดเจนว่าแข็งแรงก็เถอะ แต่เล่นกอดผมลุกโดยไม่ออกอาการหนักให้เห็นสักนิดทั้งที่ตัวผม
ก็ไม่ใช่เล็กถ้าเทียบกับชายไทยปกติถือว่าผมสูงใหญ่ด้วยซ้ำ ไม่เป็นปัญหาต่อเจ้าเด็กร่างยักษ์แม้แต่น้อย เอาผมลุกนั่งแม้จะดู
เป็นความหวังดี แต่ท่ามันแปลกกลายเป็นผมต้องเข้าไปซุกอยู่ในอกเปลือยของเขาจนได้ยินเสียงหัวใจเจ้าตัวดังอยู่ในหูชัดเจน
“ปล่อยได้แล้ว” ต้องรีบบอก หลังไอ้ตัวดีไม่ยอมคลายแขนออก ดันจ้องหน้าผมตาเยิ้มทำท่าจะเคลื่อนศีรษะลงหา
ผมอีก จำต้องขู่กันหน่อย
“ถ้าไม่ให้เกียรติกัน เราจะไม่ได้เข้าใกล้อาอีก” ได้ผลคงเห็นว่าผมเอาจริงถึงยอมหยุด คลายอ้อมแขนปล่อยผมเป็น
อิสระไม่อยากทำอะไรรุนแรงพาลจะกระทบกระเทือนแผลได้ อาจทำให้เราอาหลานเข้าหน้าไม่ติด ในเมื่อได้ยื่นข้อตกลงทำ
สัญญาไปแล้วใช้วิธีสันติดีกว่า
“ผมพาอาลงเตียงเองนะครับ” แม้จะยอมคลายกอด ยังพยายามจะช่วยพยุงผมต่อ ทั้งที่ผมก็ไม่ได้ลำบากกับการ
ดูแลตัวเองแค่เจ็บหัวไหล่ไม่ได้พิการเสียหน่อย
“ลูกแก้วอาทำอะไรได้ปกติ ขอความเป็นส่วนตัวบ้างได้ไหม?” พูดจบ เจ้าตัวตีหน้าเศร้าแววตาสลด
ก่อนจะขานรับเสียงเบา
“ครับ” แล้วเดินก้มหน้าออกประตูไป ไม่อยากใจอ่อนกับท่าทางเหมือนลูกหมาถูกทิ้ง แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าพูดแรงไป
หรือเปล่าไม่อยากปวดหัวขอแช่น้ำอุ่นให้สบายตัวเสียหน่อย เหลือไม่ถึงสองชั่วโมงได้เวลามื้อค่ำ คิดไว้ว่าจะถามความคืบหน้า
เกี่ยวกับงานของบริษัทฯจากพยัคฆ์ ที่ให้ไปตรวจเอกสารแทนผม อันไหนสำคัญนำกลับมาให้พิจารณาที่บ้าน ปานนี้คงกลับมา
แล้ว รีบอาบน้ำชำระร่างกายด้วยมือซ้ายเพียงข้างเดียว พยายามไม่ให้แผลโดนน้ำไม่งั้นอาจติดเชื้อเอาได้
ผมเดินเข้ามาในห้องทานข้าวด้วยชุดผ้าฝ้ายสีขาว ในขณะที่บนโต๊ะอยู่กันพร้อมหน้า ทั้ง อาคม พยัคฆ์ และคน
สุดท้ายซึ่งพอเห็นผมฉีกยิ้มกว้างส่งสายตาวิ้งค์ๆให้มาแต่ไกลเชียว ผมแกล้งไม่มองไม่อยากอะไรมากจะพานเข้าข้างตัวเอง
ไปใหญ่ ไม่คิดว่าลูกพี่หงส์ฟ้าจะเป็นเกย์ ดันมาคิดกับผมซึ่งเป็นอาอีก แม้จะไม่ได้รังเกียจแต่ขออย่ามาอะไรกับผมก็พอ ส่วนจะ
ไปรักไปชอบใครที่ไหนเป็นรสนิยมส่วนตัวผมไม่ยุ่ง ทางเดียวที่ทำได้ในตอนนี้คือรักษาระยะห่าง หรือถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็ทำให้เห็น
ไปเลยว่าผมไม่ได้ชอบแบบนี้ และไม่มีทางจะเปลี่ยนผมได้ เป็นทางออกที่ทำให้ไอ้หลานตัวแสบเลิกล้มความรู้สึก
ที่คิดกับผมในที่สุด
“เอาสิลงมือทานเลย” ผมบอกหลังจากนั่งเรียบร้อยแล้ว ระหว่างทานข้าวไอ้ตัวดีบริการผมตลอดตักนั่นตักนี้ให้
พยัคฆ์กับอาคมยังอดเหลือบมองไม่ได้ ไอ้ตัวแสบหาได้แคร์สักนิดตีมึนทำเนียนไม่ทุกข์ร้อน ผมก็เฉยไม่ได้รู้สึกอะไรกับสิ่งที่ทำ
แม้จะไม่ชอบเท่าไหร่ ที่ต้องให้หลานชายคอยบริการ แต่หากมองเพียงแค่การกระทำที่หลานอยากเอาใจก็จบ
“มีอะไรติดขัดบ้างไหม?” ผมถามพยัคฆ์
“ตอนนี้ทางบางพลี พวกมันเริ่มจะรุกเราหนักขึ้นเรื่อยๆ” พยัคฆ์ตอบผมกลับ
“อืม..อาดลภัทรเค้าว่ายังไงล่ะ?” ผมถามต่อ
“คุณดลภัทรบอกให้ทางเรานิ่งไว้ก่อน แต่ผมว่ายิ่งเรานิ่งพวกมันยิ่งได้ใจไม่ได้นึกเกรงกันเลยมีแต่จะหยามเรามากขึ้น
ล่าสุดเมื่อเช้านี้ถึงกับเข้าไปขู่พ่อค้าแม่ค้าในตลาดกันเลยครับ” พยัคฆ์พูดด้วยแววตาเครียด
“มีใครได้รับบาดเจ็บไหม?”
“รปภ. โดนพวกมันเล่นงานซี่โครงหักไปสองซี่ อีกคนก็สลบฟันร่วง ตอนนี้อยู่โรงบาล ผมสั่งให้ดูแลเป็นพิเศษแล้วครับ”
“ใครเป็นหัวหน้ามันในพื้นที่นั้น?” ผมถาม เพราะไม่แน่ใจว่าใคร พวกมันเวียนหัวหน้าไม่เคยซ้ำ
“ตอนนี้เป็นคุณอุเทนคนโตเข้ามาดูเอง พอมาก็กร่างใหญ่ฝากลูกน้องมาบอกด้วยว่าว่างๆจะเชิญคุณไปจิบน้ำชา” พยัคฆ์
พูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแต่แววตาวาวโรจน์ เพราะความหมายที่แฝงมากับคำว่าจิบน้ำชาผมเข้าใจดี ไอ้ลูกชายคนโตของตระกูล
คลังสมบัติซึ่งเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของวิริยะทรัพย์ โดยมีเจ้าสัวไกรสิงห์เป็นประธานใหญ่นั่งแท่นบริหารมอบให้ลูกชายห้าคน
ดูแลพื้นที่กันคนละเขต ซึ่งแต่ละเขตก็เป็นพื้นที่รอยต่อกับฐานอำนาจของวิริยะทรัพย์ ที่พวกเขาต่างต้องการขยายแผ่บารมีเข้ามา
ในพื้นที่ของเรา คนที่พยัคฆ์พูดถึงชื่ออุเทนเปิดเผยชัดเจนว่าเป็นเสือไบฯ ต้องการจะสานไมตรีกับผมเป็นพิเศษ นึกถึงตรงนี้
เคืองจริงครับคิดได้ไงว่าผมจะยอมรับเรื่องงี่เง่านั่น
“ช่างเถอะหมาเห่ามันไม่กัด เต็มที่ก็แค่ลอบกัดไม่กล้าชนซึ่งหน้าหรอก” ผมบอก พยัคฆ์ยอมรับในสิ่งที่ผมพูด
พยักหน้าเห็นด้วยอีก
“แต่หมาบ้างจำพวกมันเป็นจิ้งจอกบางจำพวกเป็นหมาไน ซึ่งไม่ว่าจะเป็นชนิดไหนมันก็เจ้าเล่ห์และชั่วร้ายพอกันครับ”
อาคมนั่งฟังเงียบๆมาตั้งนานแสดงความคิดเห็นขึ้นบ้าง อาวุโสท่านนี้กระดูกแข็งคำพูดย่อมแฝงความหมายให้คิด
“ไม่ว่าจะเป็นหมาประเภทไหน ผมก็ไม่กลัวถ้ามันมากเกินไปก็คงได้ตอบโต้คืนกันบ้าง” ผมตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
เพราะถ้าหากคนของผมเจ็บมากกว่านี้คงไม่อยู่นิ่งให้ได้ใจหรอก ต้องได้เห็นบ้างว่าวิริยะทรัพย์ไม่ใช่กระดูกอ่อน
ที่หวังจะเคี้ยวง่ายๆ
“งั้นก็ต้องวางแผนให้รัดกุม พวกนี้เมื่อกล้ากระตุกหนวดมังกร มันคงไม่หวังแค่เกล็ดหรอกครับ” อาคมบอกกลับมา
“ผมรู้ก็ต้องลองดู ที่ผ่านมาก็แสดงให้เห็นแล้วว่า 5 ปีนับตั้งแต่ผมนั่งแท่นบริหารแทนพ่อ ผมก็ไม่ได้ให้พวกมันเคี้ยวได้ง่ายๆ”
ผมตอบกลับไป
ต่อด้านล่าง