ตอนจบ (ครึ่งหลัง)ไม่กี่วันถัดมาไอ้หมอกับพี่ยูก็บิดลัดฟ้าออกจากประเทศ เดินทางเข้าสู่ประเทศบ้านเกิดของพี่ยูแต่กลับเป็นประเทศที่ไอ้หมอไม่เคยไป แต่มันก็ไม่น่าตื่นเต้นเท่ากับที่จะได้ไปเจอแม่ของพี่ยู ที่ไอ้หมอไม่เคยเจอมาก่อนเลยแม้แต่ครั้งเดียว
เมื่อไปถึงสนามบินนาริตะ ก็ดังที่คาดไว้ว่าพี่ยูนี่ก็ลูกคุณหนูของแท้และแน่นอน มีราชรถมาเกยถึงที่ มีพ่อบ้านใหญ่คนเก่าคนแก่ของตระกูลมาต้อนรับ
...
พระเจ้าช่วยกล้วยท๊อดดดดดดดดดดดดดดด ไอ้หมอคิดในใจว่าตามแบบฉบับการ์ตูนญี่ปุ่นที่เคยผ่านมือมา หัวหน้าพ่อบ้านของตระกูลจะต้องชื่อทานากะหรือไม่ก็เซบาสเตียนเป็นแน่แท้
“คิน นี่คุณโมริตะ หัวหน้าพ่อบ้านนะ”
“เอ้า ไม่ใช่ทานากะเหรอ?” ถามหน้าตาเหรอหรา งงๆ
“อะไรของมึงเนี่ย”
พี่ยูส่ายหน้าสองสามทีก่อนจะหันไปแนะนำไอ้หมอให้พ่อบ้านรู้จัก โมริตะหันมาทักทายกับคินเป็นภาษาญี่ปุ่นให้พลามก้มหัวลงอย่างนอบน้อมจนคินอดไม่ได้ที่จะก้มหัวลงตามเป็นเหมือนการรับไหว้
โมริตะเดินนำหน้าทั้งคู่ไปรถที่จอดรอไว้ที่ลาน พี่ยูเห็นไอ้หมอที่ดูมึนๆก็เลยดึงแขนเสื้อมันให้เดินตามไปราวกับแม่จูงลูก จริงๆไม่ใช่อะไร...ถึงมันจะฉลาดเรียนหมอได้ แต่หมอแม่งพูดญี่ปุ่นไม่ได้นี่หว่า
บ้านของพี่ยูอยู่ในเขตบ้านคนรวยๆเหมือนที่คิดไว้ เพราะแถวบ้านมีแต่บ้านหลังใหญ่ๆหรูทั้งนั้น แต่บ้านของพี่ยูกลับไม่ได้ดูหรูหราเหมือนที่คิดไว้ แต่หลังใหญ่มาก เป็นบ้านแบบญี่ปุ่นเด๊ะๆเลย
เปิดประตูบ้านเข้ามาก็เจอกับแม่วหน้าตาญี่ปุ๊นนนนน ญี่ปุ่น
“ทามะ!!!!” ไอ้หมอชี้นิ้วร้องเรียก
“ทามะหอกอะไรของมึง!! นั่นมันชิโระโว้ยยย”
“นั่นมันชื่อหมาของชินโนะสุเกะแล้วพี่!”
“ปัญญาอ่อนแล้วมึง” พลักหัวไปหนึ่งทีด้วยความเอ็นดูไอ้หมาน้อยตัวนี้
เดินเข้าไปในตัวบ้านเรื่อยๆก็เจอสาวใช้ที่ใส่ชุดกิโมโนประปราย แล้วจู่ๆก็มีหมาพันธุ์โกลเด้น์วิ่มเข้ามาหาพี่ยูด้วยท่าทางดีใจสุดชีวิต
...
นั่นมัน!! “มารุ”
“ไม่ใช่อเล็กซ์เหรอ” ไอ้หมอพึมพำ
“มึงอ่านการ์ตูนมากไปแล้วไอ้ควาย!” ต้องเจอพี่ยูด่าเข้าให้
“โมริ แม่อยู่ไหนเหรอ?” พี่ยูหันไปถามเป็นภาษาญี่ปุ่น
“นายหญิงพักอยู่ที่ห้องพักผ่อนครับ”
“อืม งั้นเดี๋ยวผมเข้าไปหาแม่เลยนะ”
พ่อบ้านวัยชรายิ้มน้อยๆก่อนจะโค้งศรีษะให้ แล้วถึงเดินจากไปอีกทางหนึ่ง
“เดี๋ยวไปหาแม่ที่ห้องกันนะ” พี่ยูหันไปบอกไอ้หมอก่อนที่จะลากมันให้เดินตามมาด้วยราวกับกลัวมันจะหลงทางในบ้านกว้างๆนี้
ระหว่างทางเดินผ่านสวนสวยๆที่ออกแบบอย่างเรียบง่าย จนมาหยุดอยู่หน้าห้องที่มีประตูบานเลื่อนแบบที่เคยเห็นในหนังสือ พี่ยูเอื้อมมือเลื่อนประตูบานนั้นให้เปิดกว้างออก
“โอก้าซัง”
“ยูกิ” แม่ของพี่ยูเงยหน้าขึ้นจากหนังสือแล้ววางมันลงข้างตัว พร้อมกับรับกอดจากลูกชายคนเดียว มือเล็กๆลูบหัวลูบหลังอย่างแผ่วเบา
คินมองใบหน้านั้นของแม่พี่ยู ...เหมือนมากๆ หน้าตาเหมือนกันราวกับแกะ ทั้งตา จมูก ปาก ผิวพรรณ คิดโน่นนี่จนเพลินมารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่พี่ยูด่าเข้าให้
“ไอ้หมาคิน!!”
“ห่ะ..” หน้าเอ๋อ
“กูบอกว่านี่แม่กู...ชื่อฟุยุโกะ”
“สวัสดีจ๊ะคินคุง” ภาษาไทยที่แม้ไม่ชัดเหมือนเจ้าของภาษา แต่ก็ดูน่ารักดีเมื่อชาวต่างชาติพูด แม่ของยูกิพูดไทยได้พอสมควรเพราะไปอยู่เมืองไทยพักหนึ่ง และเธอเป็นคนฉลาดและหัวไวเลยได้ภาษาอย่างเร็ว แต่เนื่องจากพูดไม่ค่อยชัดเลยเลือกที่จะไม่ใช้ดีกว่า
“ส..สวัสดีครับ” คินตื่นเต้นจนพูดตะกุกตะกัก ไอ้หมอรีบก้มหัวโค้งทักทายตามแบบฉบับเป็นการใหญ่
“หล่อจังเลยนะ” พูหันไปพูดกับพี่ยูแล้วยิ้ม
พี่ยูไม่รู้จะตอบยังไงด้วยความเขินก็ได้แต่อึกๆอักๆ ก้มหน้าก้มตาหลบสายตาแม่ไป ถ้าเป็นแบบนี้ตอนอยู่กับไอ้หมอสองต่อสอง คาดว่าคงไม่เหลือ...ไม่เหลือเสื้อผ้าติดตัวแน่นอน ฮิ ฮิ ฮิ
“ทานข้าวมารึยังจ๊ะ” ฟุยุโกะหันมาถามคินที่นั่งมองพี่ยูเขินอยู่
“จากสนามบินก็ตรงมาที่นี่เลยครับ ยังไม่ได้แตะซักเม็ด”
“งั้นเราไปหาอะไรทานกันเถอะ อาบน้ำพักผ่อนให้สบายตัว แล้ววันพรุ่งนี้ค่อยมาคุยกันก็ได้จ๊ะ”
พี่ยูทำท่าอิดออดไม่อยากจะไป แม่ก็รู้นิสัยของลูกชายดี
“ยูกิ พาคินคุงไปพักก่อนนะจ๊ะ ยังได้อยู่กับแม่อีกหลายวันไม่เป็นไรหรอกนะ” พูดพลางลูบหัวกลมๆของลูกชายคนเดียวไปด้วย
“ฮื้มมมม” เสียงถอนหายใจพร้อมกับหน้าที่ง้ำงอเล็กน้อย แต่ก็ยอมที่จะทำตามคำพูดของแม่แต่โดยดี
พี่ยูพาคินมาที่ห้องนอนของตัวเองที่นอนมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว คนของที่นี่ได้เตรียมฟูกมาอีกชิ้นนึงเอาไว้สำหรับคิน ไอ้หมอมองสำรวจไปทั่วห้องนอนที่ไม่กว้างแต่ก็ไม่แคบของพี่ยู เดินไปที่ชั้นวางของที่มีทั้งหนังสือและของตกแต่ง ทั้งโมเดลการ์ตูน และรูปสมัยเด็กที่อยู่ในกรอปตั้งเอาไว้ มีทั้งที่ถ่ายคนเดียวในสวนที่คิดว่าคงเป็นสวนในบ้านนี้ และรูปที่ถ่ายกับพ่อและแม่แม่พร้อมหน้ากัน
พี่ยูตอนเด็กก็ไม่ต่างจากตอนนี้เท่าไหรนัก ดูก็รู้ว่าตัวเล็กกว่าเด็กในวัยเดียวกัน ทรงผมในตอนนี้กับตอนนั้นก็คล้ายๆกัน หัวกลมๆ แก้มและปากแดงดูน่ารัก
“น่ารักจังเล้ยยย”
“หยุดเดินพล่านในห้องกูแล้วไปอาบน้ำได้แล้วไอ้เปรต”
“อุ๊ยแหม ตัวมีฉายาใหม่ให้เค้าอีกแล้วหรา ชื่นใจ๊ ชื่นใจ”
“หยุดทำตัวกระแดะแล้วไปอาบน้ำได้แล้ว น้ำอุ่นเตรียมพร้อมแล้ว” พี่ยูปาชุดคลุมใส่หน้าไอ้หมออย่าแรง
“ไปอาบด้วยกันกับผมนะ” เข้าไปกอดจากทางด้านหลัง
“อ่างมันแคบ”
“ก็เบียดๆกันได้นะ” ยังไม่ยอม ยังเอาแต่ใจ
“เฮ้อออ งั้น...ห้ามทำอะไรนะเว้ย เกรงใจคนที่บ้านกูหน่อย”
“ครับผม”
ในที่สุดพี่ยูก็ต้องจำยอมจนได้ละน้า
เช้าวันต่อมาพี่ยูก็ปลุกให้ไอ้หมอตื่นไปกินข้าวเช้าที่ห้องอาหาร อาหารญี่ปุ่นแท้ๆที่จัดเสิร์ฟมาอย่างอลังการงานสร้างทำเอาไอ้หมอเบิ่งตาโตเท่าไข่ห่าน สวาปามยังกับห่าลง แม่บ้านที่นี่เห็นแล้วก็ชื่นนนนนนนใจไปตามๆกัน
“วันนี้จะไปไหนเหรอพี่” ถามตอนกำลังแต่งตัว เพราะพี่ยูบอกว่าจะออกไปธุระ ให้หาชุดดีๆใส่หน่อย
“ไปร้านแม่กู”
“ร้าน?”
“ร้านขายกิโมโนน่ะ” หวีผมให้เรียบไม่กระเซิง
“โหวววว บ้านพี่เนี่ย ผู้ดีเก่าของแท้เลยนี่นา”
“จะว่าอย่างงั้นก็ใช่มั้ง”
“แล้วใครจะสืบทอดต่อล่ะ” ไอ้หมอถามอย่างสงสัย ก็ในเมื่อพี่ยูเป็นลูกคนเดียว แล้วก็ดันไปช่วยกิจการของทางพ่อแล้วใครจะทำกิจการที่นี่ต่อล่ะ
“งานของตระกูลน่ะไม่ใช่ร้านขายกิโมโนหรอก นี่เป็นร้านของแม่กูคนเดียว บ้านใหญ่น่ะก็อยู่อีกที่นึง นานๆแม่กูถึงจะกลับไปเยี่ยมยายกูทีนึง”
“ทำไมแม่ถึงแยกออกมาจากตระกูลล่ะ” ยิ่งฟังก็ยิ่งงง
“ก็เพราะเป็นคนนอกคอกอย่างกูไงล่ะ”
ถามว่าคำตอบช่วยให้หายงงได้มั้ย ก็ไม่ไงล่ะ แต่ไม่รู้ยังไงก็คิดว่าอย่าไปถามเซ้าซี้จะดีกว่า ไม่ใช่ว่าเสียมารยาทหรืออะไร เพราะกลัวพี่ยูรำคาญแล้วหลังแหวนเข้าให้ต่างหาก
พอเมื่อไปถึงที่ร้าน คุณแม่ก็ป่าวประกาศกับคนในร้านเป็นภาษาญี่ปุ่น ซึ่งมีพี่ยูมาแปลให้หลังจากออกจากวงของคุณป้าทั้งหลายที่มารุมทึ้งแล้ว ว่าคุณแม่ฟุยุโกะป่าวประกาศว่าอะไร เธอแนะนำว่านี่คือ...ลูกเขยของเธอนั่นเอง
ไอ้หมอกับพี่ยูอยู่ที่ญี่ปุ่นเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ ได้ไปเที่ยวในหลายๆที่ ทั้งในเมืองหลวงและต่างจังหวัด ทั้งธรรมชาติและแสงสี ทำให้ได้รู้ว่าแม่ของพี่ยูเป็นผู้หญิงที่อ่อนโอนและน่ารักมากเท่าไหร ก็รู้แล้วว่าทำไมพี่ยูถึงรักแม่มาก เพราะแม่เป็นคนที่เข้าใจและเปิดกว้าง รักพี่ยูอย่างที่สุดไม่ว่าลูกของเธอจะเป็นยังไงก็ตาม
เพราะพี่ยูคือ
“สุดดวงใจ” จริงๆ
- น้องหมอ กะ พี่วิศวะ -
วันกลับพี่ยูกับไอ้หมอก็ไปลาแม่ที่ห้อง ตอนแรกแม่ว่าจะไปส่งแต่พี่ยูบอกว่าแม่ไม่ต้องไปส่งหรอก เพราะเดี๋ยวจะทำใจกลับไม่ได้ “โรคติดม่กำเริบสินะ” ไอ้หมอแซวเลยโดนตบกระโหลกไปหนึ่งทีเน้นๆ
“ผมกลับแล้วนะ” พี่ยูเดินเข้าไปกอดแม่แล้วพูดเป็นภาษาญี่ปุ่น
“เดินทางดีๆนะจ๊ะ” ลูบหัวพี่ยูเบาๆ ถึงใบหน้าจะดูยิ้มแย้ม แต่พี่ยูก็มองออกว่าแม่ก็เศร้าและใจหายที่จะไม่ได้อยู่ด้วยกันกับตน
พี่ยูหอมแก้มแม่ทั้งสองข้าง “ผมรักแม่นะ”
“แม่ก็รักลูกเหมือนกันจ๊ะ” หอมแก้มลูกชายตอบ แล้วหันมามองคินที่ยืนยิ้มอยู่ใกล้ๆ
“คินคุง แม่ขอฝากดูแลยูกิด้วยนะ อย่าทอดทิ้งยูกิ อยู่เคียงข้างกันไปตลอด อย่าทำผิดเหมือนกับใครก็ตามที่ทำให้คนรักต้องเสียใจนะ”
“ครับ” แล้วก็กลับกลายเป็นคินที่น้ำตาไหลออกมาจากตาคู่นั้น และก็กลายเป็นว่าสองแม่ลูกต้องมาปลอบและเช็ดน้ำตาให้กับเจ้าเขยตัวใหญ่ซะอย่างงั้น
“จะดูแลให้ดีที่สุดเท่าที่ผู้ชายอย่างผมจะทำได้ครับ ผมสัญญา”The END,,,จบจริงๆแล้วจ๊ะ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามมานาน
ขอบคุณที่รอเราทั้งที่ช่วงหลังๆส้มมาต่อช้ามากกกกกก ก็ขอบคุณที่ไม่ทิ้งกันไปนะคะ
ตอนนี้เราก็มีหนังสือเป็นของตัวเองแล้วด้วย ฮิๆๆๆ 
ตามไปได้ที่ลิงค์นี้เลยจ้าาา http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39147.new#newขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคนที่คิดจะซื้อหนังสือของส้มนะคะ
จะพยายามทำให้เกิดข้อผิดพลาดให้น้อยที่สุดค่ะ (ครั้งแรกที่ทำหนังสือเลย)
ไม่รู้ว่านิยายเรื่องต่อไปจะมีอีกไหม แต่ถ้ามีเวลาอีก ก็จะกลับมาแต่งนิยายให้ทุกคนได้อ่านอีกนะคะ
ขอบคุณมากๆจริงๆค้าาาา
