บาปรัก...บาปบริสุทธิ์ 95 “วรุตย์”
บอกให้รู้สักหน่อย สักเล็กน้อยเป็นไร ต้องหมองใจ เพราะใครเขาแกล้ง โปรดจงเผยความใน หัวใจเคลือบแคลง ระแวงฉันด้วย เหตุใด ครั้นเรามาเข้าใจกัน เกิดความผูกพันฉันเธอ ฉันเองจริงใจนะเออ ด้วยเธอก็คงซึ้งใจ สิ่งบาดหมางอารมณ์ ที่ทับถมทรวงใน ถูกทิ้งไปสิ้นคลาย หมองเศร้า สิ่งที่เหลือภายใน หัวใจแห่งเรา คือความรักเนาแนบครอง คล้องใจ
“ตกลงเข้าใจพี่กับคุณแม่แล้วใช่ไหมครับ ตอนแรกคุณแม่ท่านก็ตกใจอยู่ตอนที่รู้ข่าว แต่พอได้ยินพี่สารภาพท่านก็ยอมรับได้ แถมยังดีใจด้วยซ้ำหากพี่เลิกเจ้าชู้ได้เสียที พี่ตั้งใจกับรักของเราครั้งนี้มากนะครับ ถ้าไม่เข้าใจอะไรก็ต้องถามพี่นะรู้ไหมครับคนดี” ผมบอกคนรักพลางกอดกระชับแน่นอยู่ในอ่างอาบน้ำกันสองคน
“ก็ใครจะไปรู้ล่ะครับว่าเรื่องมันจะซับซ้อนแบบนี้ แล้วคุณหญิงแม่ของพี่หนึ่งยังเล่นลงสื่อ ออกข่าวซุบซิบไปทั่วแบบนี้อีก ผมรู้ก็ไม่สบายใจเพราะเป็นห่วงพี่นั่นล่ะครับ” น้องทองตอบกลางเอนกายนอนหงายหันหลังทับบนร่างผม ที่นอนพิงอ่างอาบน้ำอยู่ เราสองคนหยอกล้อลูบไล้ร่างกายชำระคราบไคลให้กันและกัน ภายในห้องน้ำที่มองเห็นวิวทะเลผ่านกระจกใสบานใหญ่ที่หันมุมไม่ชนกับห้องพักห้องอื่นให้เสียอารมณ์ ผนังทั้งด้านเป็นกระจกหนาที่มองเห็นทะเลสีครามบริเวณกว้าง เป็นภาพที่ดูแล้วให้ความสุขใจเหลือเกิน
“หากไม่ใช้โอกาสนี้แกล้งตัดความสัมพันธ์กับพี่ หุ้นส่วนใหญ่ๆ คงมีความระแวงในระบบการบริหารโรงแรมแน่ๆ เพราะเราตั้งใจไปเปิดโรงแรมใหม่ในเครืออื่น หากพี่ดูแลโรงแรมในเครืออื่น และยังทำงานกับคุณหญิงแม่เหมือนเดิม รับรองว่าสถานะหุ้นของครอบครัวเราต้องเกิดความสั่นคลอนแน่ๆ จริงไหมครับ” ผมอธิบายพลางสระผมให้คนรักไปด้วย น้องทองไม่ตอบอะไรเพียงแต่พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของผม
“อีกอย่างพี่ก็กำลังจะไปขยายกิจการแรกที่เชียงรายด้วย คราวนี้จะเปิดตัวโรงแรมในนามของพี่เอง โดยมีคุณแม่พี่เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ปล่อยให้พี่ได้ออกหน้าบริหารเองเต็มตัว ได้ข่าวว่ามีที่งามมากอยู่บนเชิงเขา วิวทิวทัศน์สวยเหมาะจะทำรีสอร์ทหรือโรงแรมที่สุด ไม่ไกลจากตัวเมืองด้วย เราไปดูแลกิจการนี้ด้วยกันนะครับ” ผมเอ่ยชวนคนรักให้ไปอยู่ด้วยกันที่เชียงราย เพราะอีกไม่นานผมต้องไปควบคุมการก่อสร้างด้วยตัวเอง
“แล้วใครจะช่วยพลอยดูแลกิจการที่อัมพวาล่ะครับ ผมคงต้องปรึกษากับครอบครัวดูก่อนครับพี่หนึ่ง ตอนนี้ยังให้คำตอบไม่ได้หรอก ไม่ใช่ไม่อยากไปอยู่ช่วยงานพี่นะครับ” น้องทองหันหน้มาตอบคำถามผมพลางทำสีหน้าไม่สบายใจ เห็นแล้วรู้สึกสงสารชะมัด
“ไม่ต้องปรึกษาใครหรอกครับ พี่ไปคุยกับคุณพ่อคุณแม่เรามาแล้ว ท่านกำลังจะขอรีไทร์ตัวเองมาดูแลกิจการที่โรงแรมในอัมพวาเอง ท่านตั้งใจจะเปลี่ยนชื่อโรงแรมด้วย เพราะตอนนี้ไม่มีพลัสอยู่เป็นพ่อครัว ลูกค้าก็คงมาเรียนทำขนมไม่ได้แล้วด้วย คุณแม่ของทองจะมาเป็นแม่ครัวทำอาหารเองครับ” ผมเล่าให้คนรักฟังเท่านั้นก็พลิกตัวกลับมาจ้องหน้าผมเขม็ง
“พี่หนึ่งไปคุยตอนไหน ทำไมผมไม่รู้เรื่อง แล้วน้องพลอยจะไม่ทำงานที่โรงแรมบ้านขนมแล้วก็ไม่บอกผมเหมือนกัน นี่มันเรื่องอะไรกันครับ” น้องทองมีท่าทีโวยวายด้วยความไม่พอใจอีกแล้ว ทำไมอารมณ์ขึ้นง่ายเหลือเกินนะคนรักของผม
“ใจเย็นๆ สิครับ เรื่องนี้พี่ไปคุยกับคุณพ่อคุณแม่เราเรื่องของน้องพลอย พี่อยากจะให้พลอยหมั้นกับเจไปก่อน แล้วดึงตัวมาเป็นผู้ช่วยลูกชายพี่ เพราะน้องพลอยเก่งเรื่องเซทระบบการบริการในโรงแรม แถมยังมีประสบการณ์บริหารมาก่อนด้วย แม้จะเป็นโรงแรมเล็กๆ แต่ก็ทำระบบกันเองอย่างลงตัว พี่คิดว่าพลอยคงเป็นผู้ช่วยที่ดีของนายเจได้แน่ๆ ครับ ทองเห็นว่ายังไงล่ะ” ผมพยายามอธิบายส่วนของน้องสาวคนรักฟังก่อน
“ก็ดีนะครับ ปกติที่โรงแรมผมน้องพลอยก็เป็นคนจัดการทุกอย่างหมดเลย ขนาดผมจบการโรงแรมและการท่องเที่ยวมายังวางระบบสู้น้องพลอยไม่ได้เลยล่ะ พูดไปก็อายน้องเปล่าๆ นี่ยังไม่รู้เลยว่าถ้าจะให้ผมไปช่วยงานพี่หนึ่งที่เชียงรายผมจะช่วยได้สักเท่าไรเชียว เดิมทีก็แทบจะไม่ได้ช่วยพลอยทำอะไรอยู่แล้วด้วยซ้ำ วันๆ แค่จดรายการอาหารแล้วก็เป็นเด็กเสิร์ฟเท่านั้นเอง” น้องทองของผมบ่นกับตัวเองเหมือนกลัวว่าผมจะผิดหวังใน
“ไม่ต้องช่วยอะไรมากนี่ครับ แค่ช่วยอยู่เป็นกำลังใจข้างๆ พี่ก็พอ ขอแค่นี้เองครับ แต่พี่ขอตลอดไปนะ ไปอยู่กับพี่ที่เชียงรายนะครับ” ผมพูดจบน้องทองยังคงมองหน้าผมนิ่งอยู่อย่างนั้น ผมจึงเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่นำเข้ามาไว้ในห้องน้ำกดโทรออกส่งสัญญาณบางอย่าง แล้วชี้ชวนให้น้องทองมองผ่านผนังกระจก มองออกไปด้านวิวทะเล
“อะ...อะไรเหรอครับ...โอยยย...พะ...พี่หนึ่ง...ฮือออ” น้องทองร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อเห็นเครื่องบินเล็กที่ผมจ้างให้บินผ่านบริเวณหลังห้องโดยมีผ้าไวนิลสกรีนคำว่า Will You Marry Me? ห้อยท้ายเครื่องบิน ไม่นานพนักงานก็เข้ามาเคาะประตูห้องพัก ผมจึงชวนน้องทองลุกขึ้นจากอ่างน้ำ ส่งเสื้อคลุมให้สวมแล้วพาออกไปที่ระเบียงห้องพัก
พนักงานชายสองคนถือกีตาร์โปร่งเล่นเพลงคลาสสิคและไวโอลินสร้างบรรยากาศ พร้อมพนักงานหญิงที่ถือช่อดอกไม้เป็นกุหลาบขาวสลับแดงช่อใหญ่มาให้ผม เมื่อผมรับไปก็หันมามองหน้าน้องทองที่ยังยืนอึ้งอยู่กลางระเบียงห้อง เครื่องบินที่ติดป้ายไวนิลยังคงจอดอยู่กลางทะเลตรงกับหลังห้องพักผมพอดี
“นะ...นี่...พี่หนึ่งจะขอ...ผม...เอ่อ...คือ” น้องทองเหมือนยังไม่แน่ใจว่าตัวเองจะถามผมดีหรือเปล่า แต่ผมพอจะรู้แล้วว่าคำถามคืออะไร คนรักมีสีหน้าบอกไม่ถูกระหว่างอาการดีใจ ปนความตกใจ น้ำตาแห่งความสุขไหลร่วงลงมาจากใบหน้า ผมวางช่อกุหลาบลงบนอ้อมแขนของคนรัก แล้วยืนยิ้มให้ตรงนั้น
“ใช่ครับ พี่จะขอเราแต่งงาน พี่จะขอดูแลเราไปตลอดชีวิตพี่ และจะขอให้ทองดูแลพี่ตลอดไปด้วยจะได้ไหมครับ” ผมคุกเข่าลงหนึ่งข้าง ล้วงมือลงในกระเป๋าเสื้อคลุมหยิบกล่องกำมะหยี่สีขาวนวลขนาดเล็กกว่าฝ่ามือออกมาวางบนมือซ้าย ใช้มือขวาเปิดฝากล่องออกมายื่นไปข้างหน้าคนรักที่ยังตกใจน้ำตาไหลพรากอยู่ตรงระเบียงอย่างนั้น
“ผม...ผม...ฮือออ พี่หนึ่ง ผมรักพี่” น้องทองพูดไม่ออกก้มตัวลงมากอดผมอย่างแรงจนเกือบจะหงายหลังล้มลงไป พนักงานทั้งสามคนยังคงยืนให้กำลังใจ และเล่นดนตรีสดประกอบสร้างบรรยากาศไปเรื่อยๆ น้องทองกอดผมแน่นร้องไห้โฮด้วยความตื่นตัน แต่ผมยังไม่บรรลุเป้าหมาย จึงดันร่างคนรักออก
“แต่งงานกับพี่นะครับที่รัก” ผมพูดจบก็หยิบมือซ้ายของน้องทองมาสวมแหวนบุษราคัมล้อมเพชรวงใหญ่ที่นิ้วนางข้างซ้าย เมื่อสวมเสร็จพนักงานก็หยุดเล่นดนตรี ยืนปรบมือเสียงดังให้กำลังใจเราสองคน และขอตัวออกจากห้องไป เครื่องบินเล็กที่จอดอยู่บนทะเลหลังห้องก็มีพนักงานมาเปลี่ยนป้ายไวนิลที่ผูกติดกับลูกโป่งพวงใหญ่ แล้วบินขึ้นบนท้องฟ้าห้อยป้ายไวนิลคำว่า Just Married Congratulations บินวนอยู่บริเวณนั้นสองสามรอบแล้วก็หายลับไป
“เราแต่งงานกันแล้วนะที่รัก ต่อไปก็ต้องไปเป็นภรรยาอยู่ที่บ้านพี่แล้วนะ พี่ขอเรากับคุณพ่อคุณแม่เรียบร้อยแล้ว ท่านสองคนไม่ว่าอะไร ไม่ขออะไรด้วย แต่ขอให้พี่สัญญาว่าจะอยู่ดูแลเราแทนพวกท่านตลอดไป และพี่ก็ได้ให้คำสัญญาต่อหน้าท่านไปเรียบร้อยแล้ว” ผมอธิบายให้คนรักฟัง ถ่ายทอดความรักให้แก่กันผ่านทางประกายตาที่มองต่อกันอย่างซาบซึ้ง เรากอดจูบกันอย่างดูดดื่ม เพื่อเป็นการแสดงความรักซึ่งกันและกัน ผ่านริมฝีปากที่ประกบกันแนบแน่น ดูดดื่มความหวานชื่น จากปากของกันและกันเนิ่นนาน
“พี่ขอโทษนะครับ ที่เข้าไปขอเรากับน้องพลอยจากคุณพ่อคุณแม่มาก่อนหน้านี้ อยากคุยกับคุณพ่อคุณแม่ตอนนี้ไหม โกรธพี่หรือเปล่าที่ทำแบบนี้โดยไม่บอกให้เรารู้ก่อน” ผมเอ่ยปากถามคนรักเบาๆ ข้างใบหู ริมฝีปากเราสองคนคลอเคลียไปทั่วใบหน้ากันและกันอยู่ไม่ห่าง
“ตอนแรกก็ว่าจะโกรธ แต่ตอนนี้โกรธไม่ลงแล้วครับ ในเมื่อพ่อกับแม่ไม่ว่าอะไร แล้วผมจะไปว่าอะไรได้ล่ะครับพี่หนึ่ง ต่อไปก็ต้องแล้วแต่พี่แล้วล่ะครับ” อยู่ๆ น้องทองก็มีทีท่าอ่อนหวานขึ้นมาทันที ท่าทางจะดีใจอยู่ไม่น้อย เห็นแบบนี้ผมเองก็ดีใจพร้อมกับมีความสุขมากมายไม่ต่างกับคนรักเลย
“งานแต่งงานของเราจะจัดที่เชียงรายเลยดีไหมครับ พี่ตั้งใจว่าจะใช้ที่ดินที่จะสร้างโรงแรมทำเป็นรีสอร์ทส่วนตัวขึ้นมาสักหลัง พอดีเจ้าของที่เป็นหนี้ธนาคารอยู่เยอะก็เลยขายด่วน พี่ยังไม่ได้ไปดูเลย แต่ทีมงานบอกว่าวิวเยี่ยมมาก ที่ดินก็สวย อากาศก็ดีด้วยนะครับ หน้าร้อนจะมีลมภูเขาโกรกตลอด หน้าหนาวก็จะมีหมองบางๆ หน้าฝนก็มีต้นน้ำอยู่ตรงตีนเขาเป็นลำธารใสแจ๋วเลย เราก็เลยใช้เส้นยัดเงินนิดหน่อยซื้อตัดหน้าธนาคารมา” ผมพยายามโฆษณาให้คนรักฟัง เพ่อการโน้มน้าวใจให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
“พี่จะพาผมไปไหนผมก็ไปทั้งนั้นล่ะครับ พ่อกับแม่ผมก็ยกผมให้พี่แล้วนี่” น้องทองยังคงอายไม่กล้าสบตาผม ได้แต่ซุกใบหน้าลงตรงซอกคอของผมอย่างนั้น ในมือยังคงถือช่อกุหลาบงามสลับกับการยกนิ้วนางข้างซ้ายมาชื่นชมความงามของแหวนบุษราคัมล้อมเพชรที่สวมให้เมื่อครู่
“เราออกไปเดินเล่นกันไหม คนอื่นๆ น่าจะไปเล่นน้ำกันแล้ว” ผมชวนคนรักออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์บริเวณรอบๆ เกาะแทนที่จะขลุกกันอยู่แต่ในห้อง น้องทองรับคำเห็นดีด้วยจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าจูงมือกันเดินไปหาคนอื่นๆ ที่ริมหาด เห็นพีทกับสิงห์กำลังเล่นน้ำทะเลกันอยู่สองคน พอเห็นผมก็รีบวิ่งขึ้นมา
“อาหนึ่ง...เมื่อกี้มีเครื่องบินติดป้ายขอแต่งงานไปจอดบนทะเลที่หลังห้องอาด้วย คนฮือฮากันทั้งหาดเลยนะครับ” น้องสิงห์ร้องบอกผมเท่านั้น คนรักที่ยืนอยู่ข้างๆ ผมตอนนี้ก็ได้แต่อายหน้าแดง รีบเอามือซ้ายที่สวมแหวนซุกลงในกระเป๋ากางเกงทันที แต่คงไม่พ้นสายตาของพีทไปได้แน่นอน
“แหวนบุษราคัมหนักหนึ่งจุดห้ากะรัต ล้อมเพชรหนึ่งกระรัตน้ำเก้าสิบแปด ตัวเรือนทองคำขาวใช่ไหมครับอา” พีทบรรยายถูกต้องตามรายละเอียดที่ผมสั่งร้านเครื่องเพชรประจำตระกูลครบถ้วนทุกอย่าง
“โอ้โห...สมกับเป็นทายาทบริษัทส่งออกอัญมณีอันดับหนึ่งของเมืองไทยจริงๆ เห็นแค่แวบเดียวเท่านั้นบรรยายได้ถูกต้องทุกอย่างเลยครับพีท” ผมชื่นชมในตัวลูกชายคนโตของคุณเลอสรวง และคุณวิมลพรรณคนนี้จริงๆ อนาคตคงก้าวหน้าอีกไกลเป็นแน่
“ถ้าอย่างนั้นเครื่องบินลำเมื่อครู่คงจะเป็นการขอแต่งงานของอาหนึ่งกับคุณทองหล่อใช่ไหมครับ” โตโต้เดินมาจากทางด้านหลัง พร้อมการวิเคราะห์จากสถานการณ์ทั้งหมด ผมได้แต่ยิ้มรับ ส่วนคนรักได้แต่หลบอยู่ด้านหลังด้วยความเขินอายไม่กล้าสบตาใคร
“โรแมนติจังเลยครับบอส ผมก็ฝันอยากจะขอใครสักคนแต่งงานแบบนี้บ้างจัง ท่าทางบอสจะลงทุนน่าดูเลยนะครับงานนี้” บาสที่มาพร้อมกับโตโต้พูดขึ้นมาอย่างเพ้อฝัน ท่าทางเหมือนอยากขอสาวแต่งงานขึ้นมาทันที ผมแอบมองเจ้าโตโต้ที่จ้องมองบาสอยู่ข้างๆ อย่างนั้นโดยไม่พูดอะไร ท่าทางคู่นี้จะมีลุ้นได้ยาก เจ้าบาสมันเป็นพวกคิดช้ารู้ตัวช้าแบบนี้ โตโต้คงต้องเหนื่อยหน่อยแล้วล่ะ
“ไอ้ตโต้ ได้ข่าวว่าวันนี้ทางโรงแรมจะมีการจัดโรแมนติกดินเนอร์ให้ทุกคู่ ให้ที่ระเบียงบ้านพักริมน้ำ เฉพาะโซนลากูนสวีทใช่ไหม เราคงไม่ต้องออกไปทานบุฟเฟห์มื้อเย็นที่ห้องอาหารกันถูกต้องหรือเปล่า” พีทพูดขึ้นมาเหมือนถามความเห็นจากโตโต้ที่เป็นคนประสานงานเรื่องจองโรงแรมนี้ให้กับพวกเราทุกคน ตามคำสั่งคุณวิมลพรรณ คุณแม่ของนายพีท
“ใช่...วันนี้ไม่ต้องไปที่ห้องอาหาร ให้รอทานมื้อเย็นสไตล์ฝรั่งเศสแบบเสิร์ฟเป็นคอร์สที่ห้องพักเลย พนักงานจะเข้าไปจัดโต๊ะให้ตอนหกโมงเย็น อาหารเริ่มเสิร์ฟตอนหกโมงครึ่ง มีแชมเปญให้ห้องละหนึ่งขวดด้วย” โตโต้อธิบายรายละเอียดยืดยาว พวกเราก็ได้แต่พยักหน้ารับรู้ และพากันไปสั่งเครื่องดื่มที่บาร์ริมหาด
เมื่อได้เครื่องดื่มกันครบ พวกเราก็เดินไปนั่งคุยกันที่ชุดเกาอี้ชายหาด ทอดสายตามองเกลียวคลื่นที่ซัดสาดหาดทรายขาวละเอียดเป็นประกาย โค้งขอบน้ำสีครามโอบล้อมริมหาด ผู้คนเริ่มบางตาเพราะเป็นเวลาค่อนข้างเย็นมากแล้ว พีทกับสิงห์ก็เลิกเล่นน้ำ มานั่งพักพูดคุยกับเราเช่นกัน
“อาหนึ่งครับ เรื่องให้ผมลาออกไปพร้อมกับอาที่โรงแรมเก่า แล้วคุณหญิงบอกผมว่าจะย้ายผมไปทำงานที่เชียงรายกับอา จริงหรือเปล่าครับ ทำไมเราได้ที่ทำโรงแรมใหม่เร็วจัง เป็นการควบกิจการหรือว่าสร้างขึ้นมาใหม่เหรอครับ ผมยังไม่รู้ลายละเอียดเท่าไรเลย” โตโต้เปิดประเด็นถามผมทันทีที่เรานั่งลงได้สักพัก
“ก็เป็นที่ดินสวนลิ้นจี่ที่เจ้าของที่ติดหนี้ธนาคารเอาไว้ ได้ข่าวว่าจะขายใช้หนี้ สายของเราก็เลยไปตัดหน้าซื้อมาจากเจ้าของที่ก่อนจะถึงมือธนาคาร ให้ราคาสูงกว่านิดหน่อยก็ได้มาแล้ว คุณหญิงก็เลยรีบออกข่าวซุบซิบเรื่องอาเพื่อให้รีบไปเดินเรื่องสร้างโรงแรมใหม่นี่ล่ะ” ผมอธิบายให้โตโต้ที่เป็นคนสนิทฟัง คุณหญิงแม่ยังคงเก็บรายละเอียดเป็นความลับให้รู้กันแต่ภายในครอบครัวเท่านั้น จึงยังไม่มีใครล่วงรู้ที่มาที่ไปเท่าไร
“อ้าว...ที่ดินสวนลิ้นจี่ติดหนี้ธนาคาร อยู่ตรงไหนเหรอครับ ของพี่ชายผมหรือเปล่า” อยู่ดีๆ สิงห์ก็โพล่งขึ้นมาเสียงดังจนแทบจะตกใจ ผมจึงอธิบายรายละเอียดของที่ดินพร้อมเปิดรูปในอีเมล์ ที่สายลับของครอบครัวผมไปสืบเสาะหามาอย่างยากเย็น
“เฮ้ย...นี่มันสวนลิ้นจี่ที่บ้านผมจริงๆ ด้วย อาหนึ่งจะเอามาทำเป็นโรงแรมเหรอครับ ไม่น่าเชื่อเลย” สิงห์ร้องขึ้นมาเสียงดังอีกครั้ง พวกเราต่างฮือฮาในความบังเอิญที่เกิดขึ้น สิงห์เห็นดีด้วยที่ผมตั้งใจจะสร้างรีสอร์ทจากพื้นที่ของบ้านพักเดิมที่ครอบครัวสิงห์เคยอาศัยอยู่ แค่รื้อบางส่วนต่อเติมเพิ่มให้ใหญ่โตขึ้นอีกเท่าตัวก็หรูหราสมกับเป็นเรือนหอของผมกับน้องทองได้แล้ว
“ถ้าทำรีสอร์ทเสร็จเมื่อไรอาจะจัดงานเปิดพื้นที่ เชิญพวกเราไปร่วมงานล่วงหน้าเลยนะ อาจะไปอยู่กับทองสองคนที่นั่น และจะให้โตโต้มาเป็นผู้ช่วยเต็มตัวสักที” ผมเอ่ยชวนทุกคน แต่ดูๆ ไปสายตาของนายพีทเหมือนจะรู้ทันความคิดของผม
“อาจะจัดงานแต่งงานด้วยหรือเปล่าครับ ผมว่าน่าจะเป็นงานแต่งงานจัดที่เรือนหอของอามากกว่าใช่ไหมครับ” เจ้าพีทแซวขึ้นมาทำเอาคนรักของผมอายม้วนไปเลยทีเดียว ส่วนผมก็ได้แต่ยิ้มรับให้คนรู้ทันอย่างนายพีทไปโดยดี ท่าทางทุกคนจะเข้าใจสถานการณ์ดียู่แล้ว
“เอ่อ...แล้วพี่บาสจะตามไปเป็นเลขาของอาที่เชียงรายด้วยไหมครับ” อยู่ๆ โตโต้ก็ถามเปลี่ยนกลับมาเรื่องเดิม คงเป็นเพราะผมไม่ได้พูดชื่อของเจ้าบาสออกมาให้ได้ยิน ปกติจะมีแค่บาสกับโตโต้ที่ทำงานเคียงคู่กับผมมาอยู่เสมอ ผมไม่อยากจะเป็นคนบอกความจริงกับนายโตโต้ แต่อยากให้เจ้าตัวเป็นคนสารภาพเอาเองมากกว่า จึงจ้องหน้านายบาสให้พูดเอาเอง
“คือ...ฉัน...ฉันขอลาออกไปตั้งแต่เดือนที่แล้ว คุณหญิงเซ็นต์อนุมัติกลับมาแล้วด้วย มีผลเดือนหน้านี้แล้วล่ะโตโต้” พอนายบาสสารภาพออกมาเท่านั้น โตโต้ก็ทำหน้าเหมือนโดนฟ้าผ่า คงจะไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อนแน่นอน อีกทั้งบาสเองก็คงยังหาโอกาสที่จะบอกให้รู้ไม่ได้
“พี่บาส...ผมขอคุยด้วยหน่อยได้ไหมครับ เราไปคุยกันที่ห้องเถอะ” นายโตโต้ลุกพรวดขึ้นมา พร้อมคว้ามือบาสที่นั่งอยู่ข้างๆ ให้ลุกตามออกไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่หันมาสนใจพวกเราอีกแม้แต่น้อย ท่าทางเหมือนกำลังโกรธจัดที่ไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน
“คงไม่มีอะไรรุนแรงนะครับอา ไอ้โตโต้มันดูจะผิดหวังมากจริงๆ ผมว่าท่าทางมันจะโมโหปล้ำพี่บาสๆ เอาแน่ๆ คืนนี้” พีทพูดออกมาเหมือนเข้าใจความรู้สึกของเพื่อนที่มีต่อเจ้าบาส แต่ผมไม่สนใจใครเลยในตอนนี้ เพราะคู่รักของผมไม่ยอมพูดจาอะไร ได้แต่มองแหวนที่สวมอยู่ในมือ พลางลูบไล้อย่างทนุถนอมอยู่ตลอดเวลา เห็นแบบนี้แล้วก็ชื่นใจคนให้อย่างผมจริงๆ
พีทกับสิงห์ขอตัวกลับห้องไปล้างตัวเตรียมทานอาหารเย็นที่ห้องพัก ผมจึงชวนน้องทองเดินกลับห้องเช่นกัน ดวงอาทิตย์ค่อยๆ เคลื่อนลงจากผืนฟ้า เราสองคนหยุดนิ่งมองแสงสุดท้ายของดวงตะวัน จวบจนลำแสงสีทองอาบไล้แผ่นน้ำก่อนจะจมหายไป จึงเดินกลับห้องพัก พนักงานกำลังจัดเตรียมโต๊ะอาหารให้พวกเราจนเสร็จ ผมจึงพาน้องทองไปนั่งที่โต๊ะอาหารริมระเบียง
บริเวณผืนน้ำรอบห้องกระจ่างตาด้วยแสงของสปอร์ตไลท์ สะท้อนผิวน้ำราวกับเกล็ดอัญมณีบนผืนผ้ากำมะหยี่สีนิล เราสองคนผลัดกันป้อนอาหารให้กันและกัน สลับกับทอดมองริ้วคลื่นสีขาวของท้องทะเลยามราตรี เราสองคนอิ่มเอมทั้งอาหารทะเลรสเลิศ แชมเปญชั้นเยี่ยม รวมไปถึงความรักที่หอมหวาน วันนี้จะเป็นวันที่เราสองคนจะจดจำเอาไว้ในความทรงจำไปจนชั่วชีวิตแน่นอน