วันนี้มาไวหน่อยนึง ^^
Lesson 97
( Tus Part )
ผมต้องรีบมาจากคอนโดเพราะได้รับโทรศัพท์จาอัทว่า อาการพรหมไม่ไหวแล้วและเมื่อมาถึงอาการพรหมก็น่าเป็นห่วงจริงๆตาลอยแล้ว แถมพูดอะไรก็เหมือนจะไม่ได้ยินด้วย ข้างๆกันนั้นก็มีไอ้ป๊อปที่นั่งร้องไห้อยู่ส่วนอัทกับวินก็ดูอาการของพรหม
“เกิดอะไรขึ้น” ผมโพล่งถามก่อนเลยคำแรก
“ไม่รู้สิพี่ ถามป๊อป ป๊อปมันก็คุยไม่รู้เรื่อง ผมกับวินได้ยินเสียงคนกรี๊ดเลยมาเคาะประตูเรียกเผื่อจะมีอะไร..แล้วมันก็มีจริงๆ” อัทพูดแล้วสีหน้าดูมีกังวลอยู่มาก
“ป๊อป มันเกิดอะไรขึ้นเล่าให้พี่ฟังสิ” ผมเปลี่ยนเป้าหมายไปถามคนในเหตุการณ์น่าจะได้เรื่องมากกว่า
“ฮึก...ฮือ....ผมไม่น่าทำเลย....ฮื้ออออ” ป๊อปมันก็พร่ำเพ้อของมันไปเรื่อย โอ้ยแบบนี้คุยไม่รู้เรื่องแน่ๆ
“ไอ้ป๊อปตั้งสติก่อนได้ไหมวะ จะรู้เรื่องไหมเนี่ย” ผมตะคอกใส่มันสุดเสียงด้วยความหงุดหงิดแต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล มันเอาแต่นั่งร้องไห้อย่างเดียว
“เพี๊ยะ....มึงหยุดร้องไห้แล้วตั้งสติดีๆสิ มีมึงคนเดียวที่อยู่ในเหตุการณ์ถ้ามึงไม่พูดกูจะรู้ไหมว่ามันเป็นอะไร!!!!!!!!” ผมพูดจนแทบจะตะโกน ใครจะหาว่าผมดุร้ายก็ได้แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้ มันก็จะไม่ได้สติสักที
“พี่ตัส พี่ตัสใจเย็นๆ” ไอ้วินกับอัทพูดกันเสียงสั่นเลยสงสัยจะไม่เคยเห็นผมวีนขนาดนี้มั้ง
“เงียบ แล้วดูอย่างเดียวพอ” ผมหันไปดุพวกมัน มันสองคนก็หงอยไปเลยครับ มีพี่เบิร์ดคนเดียวที่ไม่เข้ามายุ่งในเวลานี้ เป็นเพราะเรารู้กันว่ากำลังทำอะไรอยู่ผมมีวิธีของผมพี่เบิร์ดรู้ดี
“เอาล่ะจะเริ่มเล่าได้หรือยังมันเกิดอะไรขึ้น” ผมหันไปถามป๊อปอีกรอบมันก็เช็ดน้ำตาลวกๆ และพยายามตั้งสติอยู่ ซึ่งผมก็รอครับรอจนมันยอมพูดออกมา
“ช่วงหลายวันมานี้อาการพรหมดีขึ้นตามลำดับจนผมสามารถกินข้าวร่วมโต๊ะกันได้แต่ยังเข้ากันมากไม่ได้ แต่เมื่อเช้าพอกินข้าวเสร็จพรหมบอกปวดหัวขอไปนอน ผมบอกให้กินยาดักพรหมก็บอกว่าไม่เป็นไรนอนพักก็หาย ผมเลยไม่ได้ว่าอะไรแล้วนั่งเล่นเกมจนเที่ยง ผมเลยเข้าไปตามกะว่าจะให้ออกมากินข้าว แต่พอเข้าไปในห้องพรหมก็ตัวร้อนจี๋แถมเหงื่อออกตามตัวเยอะมาก ผมเลยพยายามปลุกพอพรหมตื่น พรหมก็มีอาการแบบเดิมอีก ผมเลยกอดมันไว้......ตอนแรกมันก็กรี๊ดแล้วร้องไห้ต่อจนเงียบไปพอผมเรียกมันก็ไม่ตอบจน...........มันมีอาการลอยๆแบบนี้” ตอนหลังป๊อปมันพูดแล้วก็สะอื้นขึ้นมอีกรอบ จะว่าไปก็น่าเห็นใจทั้งคู่แหละนะ แต่ผลมันออกก้อยแล้วสินะ ผมเข้าไปตรวจอาการพรหมอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“พี่ไม่อยากพูดแบบนี้หรอกนะ.....แต่ว่า”
“อะไรพี่ตัส” ผมยังพูดไม่ทันจบเลยอัท วิน ป๊อปก็แทรกามผมก่อนเป็นเสียงเดียว
“พรหม....หลุดไปในโลกส่วนตัวของเค้าเลย” เมื่อผมพูดจบอัทก็ทรุดลงทันทีแต่ก็มีไอ้วินประคองไว้ได้ทัน ส่วนป๊อปก็ฟูมฟายหนักกว่าเก่าอีก
“ไม่จริง!!!!!!! มันต้องไม่เป็นแบบนี้” ไอ้ป๊อปเหมือนเกิดอาการคลั่งแล้วเดินชกกำแพงจนเลือดอาบมือไปหมดผมไอ้วินพี่เบิร์ดต้องช่วยกันห้าม
“อย่าทำอะไรโง่ๆ ถ้ามึงเป็นอะไรอีกคนใครจะดูแลไอ้พรหม” ผมพูดเพื่อเตือนสติมัน ผมพอจะรู้ว่าคนเราหากเกิดอาการเสียใจอย่างมากหรือรุนแรงจริงๆอาจทำให้เสียสติไปเลยก็ได้ ซึ่งผมกลัวว่ามันจะเกิดกับไอ้ป๊อป
“มันยังพอมีวิธีรักษา” เมื่อผมพูดถึงการรักษาไอ้ป๊อปก็กระวีกระวาดเข้ามาหาผมอย่างรวดเร็ว
“ยังไงพี่...รักษายังไง” ไอ้ถามผมอย่างมีความหวัง
“อาการแบบนี้ต้องใช้....ใจรักษาไงล่ะ”
“ใจงั้นหรอ”
“ใช่...ใจของมึงและกำลังใจของพรหม กูเชื่อว่ามีงสองคนต้องฝ่าฟันกันไปได้” ผมพูดปลอบมันถามว่าโอกาสหายมีไหม มันก็มีแต่มันก็ครึ่งๆอ่ะแหละนะ
“ผมจะพยายามนะครับพี่ตัส” ป๊อปปราดน้ำตาตัวเองแล้วก็ไปดูแลพรหมเหมือนเดิม
“อัท เป็นอะไร” ผมหันไปถามไอ้ตัวน้อยที่นั่งอยู่กับพื้นที่เดิมกับที่มันทรุดลงไปเลยสงสัยจะช็อคมาก
“ทำไมพรหมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยพี่ตัส” อัทพูดแล้วน้ำตาไหล ผมเห็นก็สงสารแต่ทำยังไงได้...ก็มันเกิดไปแล้วนิ
“มันเป็นเวรเป็นกรรมล่ะมั้ง” ผมพูดปลอบอัท แล้วผมก็กลับมาที่คอนโดอีกครั้งแต่ผมก็ไม่ได้นิ่งเฉยๆ สงสัยคงต้องรบกวนอาจารย์หน่อยแล้วแหละ
( Pop Part )
“พรหมครับกินข้าวหน่อยนะ” ผมกำลังป้อนข้าวให้พรหมอยู่ครับ พรหมก็อ้าปากกินข้าวเหมือนเป็นหุ่นยนต์ที่ให้ทำอะไรก็ทำตาม ผมนั่งร้องไห้วันละหลายรอบกับอาการผิดปกติของพรหม ถ้าผมไม่บ้าทำแบบนั้น พรหมก็คงไม่เป็นแบบนี้ ระหว่างที่ผมกำลังคิดอะไรเพลินๆอยู่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
“ฮัลโหล สวัสดีครับ” ผมรับสายทั้งๆที่ไม่ได้ดูเบอร์เลยด้วยซ้ำ
“ป๊อปหรอ พี่เองนะ” เสียงแบบนี้พี่ตัสแน่นอน
“ว่าไงครับพี่” ผมถามถึงธุระที่พี่แกโทรมา
“พรหมเป็นยังไงบ้าง” เป็นคำถามที่ผมไม่อยากจะตอบ หรือพูดง่ายๆคือตอบไม่ได้เพราะหลังจากวันนั้นอาการพรหมก็คงที่ตลอด นิ่งๆเฉยๆเหม่อลอย
“ก็เรื่อยๆอ่ะพี่”
“หรอ....อือ อาจารย์พี่ให้ข้อมูลมาว่าอาการแบบนี้ จะหายได้ต้องมีแรงกระตุ้นบางอย่างที่ทำให้พรหมออกมาจากโลกส่วนตัวที่สร้างขึ้นได้”
“พูดเหมือนง่ายเลยพี่แล้ววิธีที่ว่าของพี่เนี่ยมันต้องทำยังไงล่ะ” ผมถามไปพี่ตัสก็เงียบ
“แกต้องตอบคำถามด้วยตัวเอง.....แค่นี้แหละ” พูดจบพี่ตัสก็ตัดสายไปแล้ว วิธีหรอแล้วมันวิธไหนล่ะ????
เช้าวันต่อมาผมจึงตัดสินใจพาพรหมไปสวนสาธารณะที่มีสระน้ำขนาดใหญ่ซึ่งให้ความสดชื่นได้พอสมควร ผมพาพรหมมานั่งใต้ต้นไม้ใหญ่แล้วจับพรหมนอนหนุนตักผม จนเวลาล่วงเลยมาถึงเย็นผมพยายามทั้งเรียกทั้งชวนคุยแต่ไม่มีการตอบกลับจากพรหม
วันต่อมาผมเปลี่ยนที่เป็นพาไปเล่นสวนสนุกแต่ไม่ว่าจะของเล่นน่าหวาดเสียวขนาดไหนพรหมก็ยังมีอาการที่นิ่งเฉยเหมือนเดิมจนผมเริ่มท้อและหมดหนทางผมควรจะทำยังไงดี
หลายวันมานี่ผมพาพรหมไปทุกๆที่ ทุกที่ๆน่าสนใจไม่ว่าทางจะไกลแค่ไหนผมก็พาไปหมดจนแทบจะครบทั้งประเทศแล้วผมรู้สึกท้อและเหนื่อย มันมืดแปดด้านไปหมด ไม่ว่าจะทำอะไรพรหมก็ไม่หายจากอาการบ้าบอนี่สักทีวันนี้ก็เช่นกันผมพาพรหมไปทะเลมาเมื่อกลับมาถึงห้องผมก็อยากนอน เพราะเหนื่อยสะสมมาหลายวัน
“พรหม มาอาบน้ำ” ผมเดินไปจูงมือพรหมเข้าห้องน้ำ ไม่ต้องสงสัยหรอกครับ ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมอาบน้ำให้พรหมตลอดเพราะพรหมไม่ยอมทำอะไรเองเลยยกเว้นเคี้ยวอาหาร ได้แต่อยู่นิ่งๆ แต่ในขณะที่อาบน้ำนั้นเองตอนผมถูสบู่มือผมเผลอไปลูบวนยอดอกพรหมเข้าพรหมก็ส่งเสียงครางออกมา.....ผมจึงวนใหม่อีกทีมันเป็นสัญญาณที่ดีเพราะพรหมเริ่มตอบสนองผมบ้างแล้ว
“อ่า......” พรหมครางอีกนิดหน่อยเสียงครางก็เงียบลงเพราะผมดึงพรหมเข้ามาจูบทันที ผมดูดลิ้นของพรหมอย่างหื่นกระหายมันเป็นความรู้สึกที่ห่างเหินมานาน มันโหยหาอย่างทำมากกว่านี้ ผมลูบคลำไปตามร่างกายที่ขาวเนียนของพรหม
“หื้ออออ...ป๊อปนายทำอะไรเรา” เมื่อผมถอนจูบออกพรหมก็ถามผมด้วยสีหน้าหอบนิดหน่อยเพราะผมไม่ได้ปล่อยให้หายใจเลย...แต่เดี๋ยวก่อนนะ พรหมพูดกับผม!!!!!!!
“พรหม...พูดกับเราหรือเปล่า”
“อื้อ นายมาจูบเราทำไม” ผมดึงพรหมเข้ามากอดด้วยความรู้สึกหลายอย่าง ดีใจ สุขใจ มันบรรยายไม่ถูกในที่สุดผมก็ทำได้แล้ว พรหมหลุดออกมาจากโลกของตัวเองแล้ว!!!!