Lesson 96
( Pop Part )
เมื่อพี่ตัสมากระซิบบอกเรื่องพรหมที่ให้ผมอยู่กับพรหมผมก็ตอบรับทันที ถึงแม้ว่าอัทจะมีสีหน้าบึ้งตึงก็เถอะ แต่ช่างมันสิเพราะคนที่ผมแคร์อยู่ในห้องกับผมแล้ว เมื่อผมเดินตามพรหมเข้าไปในห้องนอนพรหมก็หันกลับมามองและสะดุ้งสุดตัว
“ป๊อป....นายเข้ามาทำไม” พรหมมีอาการหวาดกลัวผมอย่างเห็นได้ชัด ทันแสดงออกมาทั้งสีหน้าและท่าทางของพรหม
“ก็จะมาอยู่เป็นเพื่อนไง” ผมบอกจบพรหมก็ปฏิเสธอย่างลุกลี้ลุกลน
“ไม่....ไม่....ไม่เป็นไรเราอยู่ได้นายกลับไปเถอะ” พรหมค่อยๆถอยหนีผมไปเรื่อยๆ
“ทำไมล่ะก็จะอยู่ด้วย” ผมก้าวพรวดๆเข้าไปใกล้ตัวพรหมเลยครับ หงุดหงิดกับท่าทางหวาดระแวงแบบนั้นเหลือเกิน
“อย่าๆ ไม่เอา” พรหมพูดเสียงดังลั่นแล้วเอามือปิดหูปิดตาปิดหน้าตัวเองไปหมด ผมเห็นดังนั้นก็ตกใจและยอมถอยห่างออกมาก
“ขอโทษ ที่ทำให้ตกใจ....มีอะไรก็เรียกเราละกันนะ” ผมเดินออกจากห้องแล้วก็นั่งลงที่โซฟาโดยปล่อยให้เจ้าของห้องอยู่ในห้องคนเดียว
( Prom Part )
โอ้ยตกใจแทบตาย ไอ้อาการบ้าๆนี่อีก...มันเป็นอีกแล้ว ผมควบคุมตัวเองไม่ได้ น้ำตาลพาลจะไหลอยู่เรื่อย ไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าเวลาเห็นป๊อปต้องกลัวมากขนาดนั้นด้วย ผมพยายามตั้งสติแต่ก็ประคองมันไว้ได้ไม่นานความทรงจำที่ผ่านมาก็หวนกลับมาอีก ผมนอนคิดทบทวนเกี่ยวกับอาการของตัวเองจนผล็อยหลับเพราะฤทธิ์ยา
“พรหม.....พรหม” ผมรู้สึกมีคนมาเขย่าตัว ทำให้ผมตื่นขึ้นจากการหลับใหล
“อือ.....หือ” เมื่อผมลืมตาขึ้นและพบว่าคนที่อยู่ในห้องและปลุกผมอยู่เป็นใครผมก็เป็นอีกแล้วหายใจไม่ออก ระยะห่างของเราใกล้กันเกินไป
“ขอโทษๆ…เรามาตามไปกินข้าวน่ะจะได้กินยา” ป๊อปถอยห่างออกจากตัวผมไปเยอะ จนผมรู้สึกปลอดภัยและกลับมาเป็นปกติ
“อืมๆ นายไปก่อนเถอะเดี๋ยวเราตามไป” ป๊อปก็ไม่ได้พูดอะไรต่อและเดินออกจากห้องไป ส่วนผมก็ลุกไปล้างหน้าให้ตื่นซักหน่อยแล้วก็ไปที่โต๊ะกินข้าวที่มีคนนั่งรออยู่
ในระหว่างการกินข้าวระหว่างผมกับป๊อปผมค่อนข้างอึดอัด ผมมักจะเผลอระแวงป๊อปตลอดทั้งๆที่ป๊อปก็ตั้งหน้าตั้งตากินข้าว แต่ผมกลับระแวงไปหมด
“นี่กินเยอะๆสิ” ป๊อปพูดแล้วก็ตักกับข้าวใส่จานผม แต่พอเห็นมือที่ถือช้อนตักกับข้าวกำลังเข้าใกล้ผม ผมก็หลับตาปี๋โดยอัตโนมัติ...มันช่วยไม่ได้จริงๆที่ผมเป็นแบบนี้ ป๊อปก็ชะงักและดึงมือกลับไป
“อึดอัดหรือเปล่า” ป๊อปถามผม ผมก็พยักหน้าเพราะผมอึดอัดจริงๆ
“เดี๋ยวเราไปกินที่โซฟาก็แล้วกันเผื่อพรหมจะกินอะไรได้เยอะขึ้น” พูดจบป๊อปก็ตักอาหารใส่จานแล้วเดินไปที่โซฟา เมื่อป๊อปไปนั่งที่โซฟาผมก็โล่งขึ้นเยอะ และกินข้าวได้อย่างไม่หวาดระแวง
“อิ่มแล้วหรอ” ป๊อปถามผมทันทีที่ผมวางช้อน....มองผมตลอดเลยสินะ
“อื้อ...อิ่มแล้ว” ผมบอกกลับไปแต่ไม่หันไปมองหน้า
“เดี๋ยวกินยานี่หน่อยนะ” ป๊อปเดินเอายามาให้ผม ผมก็เกร็งตัวโดยอัตโนมัติ
“ไม่ต้องกลัวเราขนาดนั้นหรอก....เราไม่ทำอะไรนายหรอกน่า” ป๊อปพูดเสียงเรียบแล้วเดินกลับไปนั่งที่เดิม เมื่อผมกินยาเสร็จผมก็จะเดินเข้าห้องแต่ก่อนจะปิดประตูป๊อปก็พูดบางอย่างกับผม
“เราอยู่หน้าห้องนะ มีอะไรก็ออกมาบอกเรา” ผมพยักหน้าแล้วก็ปิดประตูห้องลง สรุปก็คือคืนนี้ป๊อปนอนที่ห้องผม แต่ผมนอนในห้องแต่ป๊อปนอนนอกห้อง ว่าแต่มีผ้าห่มมีหมอนหรือเปล่าน่ะ นึกได้ดังนั้นผมก็ลุกขึ้นไปแอบเปิดประตูแง้มดูคนนอกห้องนิดหน่อย แต่เมื่อผมโผล่หน้าออกไป คนข้างนอกห้องก็จ้องผมอยู่แล้ว
“จะเอาอะไรเหรอ”
“เปล่าๆ” ผมปิดประตูห้องทันทีเมื่อเห็นว่าคนข้างนอกมีทุกอย่างครบแล้ว ผมจึงทิ้งตัวลงบนเตียงและเข้าสู่ห้วงนิทราในเวลาต่อมา
หลังจากนั้นป๊อปก็คอยดูแลอยู่กับผมตลอดเวลาจนตอนนี้ผมเริ่มไม่ค่อยมีอาการแบบเก่าเท่าไร ผมสามารถนั่งโต๊ะกินข้าวร่วมกันกับป๊อปได้ และสามารถพูดคุยได้แต่ถ้าเวลาผมอยู่ใกล้มากๆเหงื่อจะออกมากเป็นพิเศษ ป๊อปจึงรักษาระยะห่างกับผมพอสมควร
“พรหมอยากไปไหนบ้างหรือเปล่า” ป๊อปถามผมเมื่อกินข้าวเสร็จ
“ไม่ดีกว่าเราปวดหัวนิดหน่อย” ผมมึนนิดๆครับแต่ตัวไม่ร้อนเท่าไรแค่รุมๆเท่านั้นนอนพักสักหน่อยก็คงหาย
“เราไปนอนก่อนนะ” พูดจบผมก็ลุกออกจากโต๊ะและมุ่งไปที่ห้องนอนทันที
“นี่กินยาก่อนไหม” ป๊อปตะโกนไล่หลังตามผมมา
“ไม่เป็นไร นอนสักพักคงหาย” ผมตะโกนตอบกลับไปพร้อมกับที่ตัวผมถึงเตียงพอดี ผมล้มตัวลงบนที่นอนและหลับไปพร้อมกับอาการมึนหัวนิดหน่อย หวังว่าตื่นขึ้นมาอาการมันคงจะดีขึ้นบ้าง
( Pop Part )
ผมเก็บกวาดโต๊ะอาหารที่พึ่งผ่านการใช้งานมาเมื่อสักครู่ แต่ผมก็ดีใจนะที่อาการของพรหมดีขึ้นเรื่อยๆ อย่างน้อยก็สามารถนั่งกินข้าวร่วมโต๊ะกับผมได้ และยังสามารถคุยกับผมได้ตามปกติ แต่ยังเข้าใกล้มากไม่ได้ แต่เดี๋ยวอาการเหล่านี้มันคงหายไปเองแหละ
ผมนั่งเล่นเกมที่ผมขนมาจากคอนโดตัวเองอยู่หน้าห้องติดต่อกันหลายชั่วโมงแล้ว จนเที่ยงผมเห็นว่าถึงเวลากินข้าวพอดีจึงเดินเข้าไปตามพรหมเพื่อให้ออกมากินข้าว แต่เมื่อเข้ามาในห้องสิ่งที่ผมเห็นก็ทำให้ผมตกใจพอสมควร
“พรหม พรหม!!!!” ผมเข้าประคองตัวพรหมก็พบว่าตัวร้อนจี๋เลย แถมยังเหงื่อออกมากจนแฉะที่นอน สงสัยไข้จะขึ้น ผมน่าจะบังคับกินยาตั้งแต่แรกนะเนี่ย
“พรหมตื่นหน่อย พรหม” ผมพูดเสียงดังขึ้นอีก ผมประคองหัวพรหมมาไว้บนตักผมและเรียกอีกครั้งจนพรหมลืมตาขึ้น
“ฮึกๆ...อย่า!!!!! อย่าเข้ามากลัวแล้ว” เฮ้ยๆเป็นอะไรไปวะ
“เดี๋ยวๆพรหมหยุดๆก่อน” พรหมร้องไห้ไปมือก็ปัดป่ายไปทั่วเหมือนป้องกันตัวเอง
“พรหมตั้งสติหน่อยได้ไหม” ผมจับข้อมือของพรหมไว้ทั้งสองข้าง
“ม่ายยยยยย ปล่อยยยยย ออกไป อย่าเข้ามา กรี๊ดดดดดดดดดดด” พรหมกรีดร้องขึ้นจนผมตกใจ ผมว่ามันต้องเพราะพิษไข้แน่ๆ ไหนๆก็ไหนๆแล้วผมจึงดึงร่างพรหมเข้ามากอดไว้
“ใจเย็นๆนะพรหม ตั้งสติหน่อย” ผมพยายามปลอบ
“ไม่ ไม่ ไม่!!!!!!!” แต่ไม่ได้ผลพรหมทุบหลัง ข่วน จิก หลังผมจนเจ็บไปหมด แต่ไม่เป็นไรหรอกแค่นี้ผมทนได้ ผมกอดพรหมไว้อย่างนั้นจนพรหมนิ่งไป
“พรหม” ผมเรียกชื่อพรหมเพื่อให้พรหมขานตอบรับ แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ
“พรหม” ผมเรียกอีกครั้งแล้วจับหน้าผมมาดู
“พรหม....เป็นอะไร!!!” ผมมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาแต่ที่หน้าตกใจที่สุดคือ อาการเหม่อลอยและตาลอยเหมือนมองอะไรไม่มีจุดหมาย
“พรหมๆ ได้ยินที่เราพูดไหม” ผมพยายามเขย่าตัวพรหมพรหมก็ไม่หือไม่อือแต่มองไปรอบๆห้องแทนและสายตาของพรหมก็มาหยุดที่ผมและก็นิ่งไป....สายตาแบบนี้มันอะไรผมทำอะไรไม่ถูกนำตาเริ่มไหล ผมทำอะไรลงไป ผมควรจะทำยังไงดี!!!!!!!!