แหม เม้นกันถล่มทลายเลยนะ
ตามสัญญาครับ ตอนที่ 89 ^^
Lesson 89
( Prom Part )
ผมทำงานและดำเนินชีวิตอย่างเรียบง่ายมาได้หลายวันแล้วครับผมรู้สึกดีขึ้นเยอะเลยครับ ทั้งทางร่างกายและจิตใจ ในที่ทำงานของผม ผมมีพี่ร่วมงานคนหนึ่งที่ค่อนข้างจะพูดคุยกันมากหรือก็คือ ผมสนิทที่สุดอ่ะแหละ
“พี่อ๊อดสวัสดีครับ” ผมทักแกเมื่อย่างกายเข้ามาในร้าน
“อ้าว มาแล้วหรอพรหมยังเหลือเวลาอีกตั้งครึ่งชั่วโมง” ใช่ครับผมมาทำงานก่อนเวลาเพราะอยู่ที่ห้องเช่าเฉยๆมันเบื่อๆน่ะครับ
“ไม่เป็นไรหรอกพี่ ทำก่อนเวลาก็ได้..เดี๋ยวผมขอไปเปลี่ยนชุดก่อนนะ” ร้านนี้จะมียูนิฟอร์มของพนักงานครับ ซึ่งค่อนข้างเคร่งครัดพอสมควรในทุกเรื่องๆ ไม่แปลกใจเลยที่มีค่าจ้างที่ถือว่สูงมาก เพราะว่าคนที่มาร้านนี้ส่วนมากจะรวยๆทั้งนั้น
“เอ้อ พรหมช่วยพี่หน่อยสิ คนไม่พออ่ะแถมวันนี้ท่านประธานจะเข้ามาที่ร้านด้วย” พี่แบงค์ผู้จัดการร้านเดินมาขอร้องผม ผมก็ตกลงครับอะไรช่วยกันได้ก็ช่วยกันไป
“วันนี้เป็นยังไงบ้าง” ผู้ชายสูงวัยพร้อมกับคุณนายคนหนึ่งเดินเข้ามาตรวจตราดูงาน ซึ่งดูจากทั้งสองคนแล้วท่าทางจะดุ เนี๊ยบ ไม่ใช่ย่อยๆเลย
“ก็เรื่อยๆครับท่านช่วงนี้คนค่อนข้างเยอะพอสมควร ผมจึงรับเด็กเพิ่มมาคนนึงครับ” เมื่อพี่แบงค์พูดจบท่านประธานก็กวาดสายตาไปทั่วเลยครับ
“ไหน ใครออกมาสิ” ผมมองหน้าพี่แบงค์ พี่แบงค์ก็พยักหน้าให้เดินออกมาข้างหน้า ผมก็เดินออกมาตามคำสั่ง แต่ทำไมกันนะ ผมถึงรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาคนสองคนนี้จัง
“เด็กใหม่หรอเราน่ะ” ผู้ชายคนนั้นพูดเสียงโหดๆ แต่ผมใจดู้เสือไว้ครับ
“ครับผม” ผมตอบฉะฉาน แต่แอบสั่นเล็กน้อย น่ากลัวชะมัดเลย
“ดี พูดจาฉะฉานดี...ตั้งใจทำงานล่ะ” ผู้ชายสูงวัยตบบ่าผมแล้วเดินจากไป ส่วนคุณนายก็ยิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตร ผมก็ยิ้มเอตอบเพื่อรักษามารยาท
“ฮู่~ นึกว่าจะแย่ซะแล้วพรหมเอ้ย” พี่แบงค์ถอนหายใจเฮือกเลยครับ
“ทำไมหรอพี่ มีอะไรหรอ” ผมสงสัยจึงถามไป
“ก็ปกติท่านประธานไม่ค่อยชทใครง่ายๆหรอกนะ ยิ่งเป็นเด็กใหม่ถ้าไม่โดนใจท่านจริงๆ ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ แต่พรหมเป็นคนแรกที่ท่านชม พี่ว่าพรหมก็กล้าดีนะฉะฉานดี” ผมยิ้มแล้วบอกความในใจกับพี่แบงค์เลยครับ
“ฉะฉานอะไรกันพี่ ขาผมสั่นแทบยืนไม่อยู่ ฮ่าๆๆๆๆๆ” เมื่อผมพูดจบพวกเราก็พากันหัวเราะอย่างสนุกสนานและก็คุยกันสัพเพเหระจนเกือบลืมทำงาน....อื้ม....ใช้ชีวิตแบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกันสงบจิตสงบใจได้ดีไม่ต้องคอยกังวลอะไรด้วย ผมมีความสุขจริงๆ
( Pop Part )
ผมสลึมสลือตื่นขึ้นมาในตอนเช้าด้วยอารมณ์ขุ่นมัวนิดหน่อย ก็แม่งยังไม่อยากตื่นเลยแต่เสือกสะดุ้งตื่นมาเองซะนี่ จะนอนต่อมันก็ไม่หลับแล้วหาที่ระบายดีกว่า
“เฮ้ย มึงไปหาข้าวมาให้กูกินดิ” ผมพูดเพื่อจะบอกให้อีกคนได้รู้
“…” เออ เฮ้ยผมลืมไปเลยว่ามันหนีไปแล้วนี่หว่า เฮ้อ คิดแล้วเครียดไม่มีคนให้ระบายเลยเซงว่ะ ผมเหวี่ยงหมอนลงไปข้างเตียงแล้วลุกไปทำธุระส่วนตัวของตัวเองให้เสร็จเรียบร้อย หลายวันแล้วนะที่มันไม่กลับมามันหายไปไหนกันแน่นะ
“ป๊อป มาหาป๊าหน่อย” เสียงพ่อของผมดังมาจากข้างล่างครับ ผมก็มุ่งหน้าไปหาทันที
“ว่าไงป๊ามีอะไร” ผมถามเพราะปกติป๊าไม่ค่อยเรียกผมเท่าไรหรอก
“ช่วงนี้แกปิดเทอมใช่ไหม” ถามแบบนี้จะให้ผมทำอะไรล่ะ
“ใช่ครับ ป๊ามีอะไรให้ทำล่ะ” ผมถามกลับไปอย่างรู้ทัน
“ว่างๆแกก็ไปดูงานซะบ้าง หัดเรียนรู้ไว้ก็ดี ถ้าป๊าเป็นอะไรไปแกจะได้เป็นงาน” ป๊าพูดสีหน้าเรียบเฉย
“ถ้าผมว่างนะป๊า ช่วงนี้ผมกำลังยุ่งตามหาคนอยู่” ผมบอกป๊าจบก็เดินออกมาแล้วขับรถตะลอนทั่วกรุงเทพเหมือนวันที่ผ่านๆมา แต่ทำไมวะทำไมไม่เจอสักที ผมหงุดหงิดมากเลยแวะที่ผับๆหนึ่งแก้เซงซะหน่อย แถมผมยังหิวอีกต่างหากเพราะนี่มันก็จะสามทุ่มแล้วและระหว่างที่ผมกำลังดื่มเบียร์กินข้าวอยู่นั้นก็มีคนเข้ามาทักผมครับ
“มาคนเดียวหรอค่ะ สุดหล่อ” เธอเป็นผู้หญิงที่สวยมากครับ
“ครับผม แล้วคุณล่ะมาคนเดียวหรอครับ” ขอหาอะไรทำแก้เซงหน่อยก็แล้วกัน
“ค่ะมาคนเดียว แล้วฉันก็อยากกลับแล้วสิ....คุณช่วยไปส่งหน่อยได้ไหมคะ” เธออ่อยผมชัดๆ แต่ไม่เป็นไรหรอกเหยื่อจะเข้าปกาผมแล้ว ฮึฮึ แต่ขณะที่ผมกำลังจะตอบรับเธอ ภาพของไอ้คนที่ผมตามหาก็แว๊บเข้ามาในสมองผม ทำให้ผมนิ่งไปพักนึง
“คุณคะ ช่วยไปส่งฉันหน่อยได้ไหมคะ”
“ขอโทษนะครับพอดีผมไม่ว่าง” พูดจบผมก็จ่ายตังแล้วเดินออกจากผับมาเลย เมื่อกี้นี้มันอะไรกัน ผมคิดถึงมันทำไมวะเนี่ย ผมสับสนอย่างมากครับตอนนี้ ผมจึงมุ่งหน้าไปแม่น้ำสายหนึ่งซึ่งส่วนมากวัยรุ่นจะชอบอยู่กันแถวนั้น ผมยืนค้ำกระโปรงรถตัวเองไว้แล้วผมก็เหม่อมองไปที่สายน้ำคิดถึงแต่เรื่องของมันเต็มหัวไปหมด มึงทำอะไรกับกูวะแค่ไม่เจอหน้ากันไม่กี่วันทำให้กูปั่นป่วนได้ขนาดนี้เลยเหรอ เดี๋ยวถ้าเจอกูจะจัดการมึงให้ถึงที่สุดเลยคอยดู
“มายืนทำอะไรคนเดียวล่ะ ไอ้เสือร้าย” เมื่อผมหันไปตามเสียงก็พบกับพี่โปมครับ รุ่นพี่ที่มหาลัยผมเองแหละ ค่อนข้างสนิทกันด้วย
“มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยน่ะพี่” ผมตอบพี่เค้าแล้วก็มองออกไปที่แม่น้ำต่อ
“เรื่องหัวใจหรือเปล่า” พี่โปมพูดอย่างล้อเรียน แต่ผมอยากจะตอบจริงๆ ว่าถ้ากูรู้แล้วกูจะมายืนคิดทำซากอะไรล่ะ แต่ยังไงก็เกรงใจพี่แกอ่ะครับ เพราะยังไงก็รุ่นพี่อ่ะนะ
“ไม่รู้สิพี่” คราวนี้ต่างคนก็ต่างเงียบครับ ผมจึงตัดสินใจพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกไป
“พี่โปมผมถามอะไรหน่อยสิ” ผมหันไปพูดกับแก แกก็พยักหน้ารับ
“ถ้าวันนึงพี่มีคนอยู่ด้วยเป็นเพื่อน แต่พอคนๆนั้นหายไปพี่จะตามหาเค้าไหม” ผมถาม
“ไม่รู้ต้องดูว่าเป็นใคร ลักษณะยังไง”
“ก็เวลาอยู่ด้วยกันก็ชอบแหย่ ชอบแกล้งมัน แต่พอวันนึงไม่เห็นหน้ามัน...ทำอะไรก็นึกถึงมันไปซะหมด อาการแบบเนี่ยพี่เคยเป็นไหม” ผมถามพี่โปมไป พี่แกก็มองหน้าผมแล้วยิ้มกลับมา
“ยิ้มทำไมพี่ ผมมีอะไรแปลกหรอ” ผมถามพร้อมกับสำรวจตัวเอง
“ฮึ มึงไม่มีอะไรแปลกไปหรอก มีแต่สิ่งที่เปลี่ยน” พี่โปมพูดแล้วก็ยิ้ม เป็นบ้าป่าววะน่ะ
“อะไรที่เปลี่ยนพี่”
“มึงอยากรู้หรอ.........หัวใจของมึงไงที่เปลี่ยนไป มึงไปแอบชอบใครเข้าล่ะ” ไม่จริง!!!! ไม่ใช่แบบนั้นหรอกผมไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด
“พี่พูดอะไรบ้าๆ เป็นไปไม่ได้หรอก” ผมปฏิเสธแกทันที
“ก็แล้วแต่มึงนะ อาการที่มึงบอกมามันก็ฟ้องอยู่แล้ว ถ้ากูเดาไม่ผิด มึงกำลังตามหาเค้าคนนั้นล่ะสิ แต่หาเท่าไรก็ไม่เจอ มึงเลยหงุดหงิดงุ่นง่านแบบนี้” พี่โปมพูดมาตรงเผงหมดเลยครับ ผมคิดหนักสิทีนี้
“ไม่ต้องคิดอะไรมากหรอกมึง...แค่มึงยอมรับความรู้สึกที่มึงมีก็แค่นั้นไม่มีอะไรยาก” พี่โปมพูดให้ผมคิด
“การที่คนเราจะมีความรักโดยไม่รู้ตัวไม่ใช่เรื่องแปลกไอ้ป๊อป” พูดจบพี่แกก็มองหน้าผม
“ผมก็แค่อยากเห็นหน้า อยากแกล้ง อยากอยู่ใกล้ๆ ถึงวิธีจะไม่ถูกเท่าไร แต่ผมต้องการมัน” ผมพูดแล้วมองหน้าแกเพื่อความแน่ใจ พี่แกก็ยิ้มแล้วพยักหน้าให้ผม
“ขอบคุณนะพี่ ผมคิดอะไรได้เยอะเลย” ผมยกมือไหว้พี่แกเลยครับ
“เออ สู้ๆเว้ย” พูดจบผมกับพี่โปมก็แยกกันเลยครับ ผมกลับมาตั้งหลักใหม่ที่บ้านเพราะมันเริ่มดึกมากแล้ว รอกูก่อนนะพรหมยังไงกูก็ต้องตามหามึงให้มาอยู่กับกูให้ได้!!!!!