Lesson 78
( Bird Part )
“อุ้ย ขอโทษครับ” เสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้นหลังจากที่ผมโดนกระแทกจนเซ
“มึงเดินยังไงวะ” ผมหันกลับไปตวาดทันทีแต่ก็ต้องหยุดพูดแค่นั้นเพราะใบหน้าของคนตรงหน้าทำให้ผมอึ้งจะว่าหล่อก็ใช่ จะว่าสวยก็ดี เอาง่ายๆถ้าเป็นผู้ชายก็หล่อถ้าเป็นผู้หญิงก็สวย
“อ้าว ก็ผมขอโทษคุณไปแล้วนี่...ไม่รู้ล่ะ ผมถือว่าขอโทษแล้วลาก่อน” พูดจบคนตรงหน้าก็วิ่งหายไปอย่างรวดเร็วคนอะไรกันเนี่ย แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรมากถึงหน้าตาจะน่าสะดุดตาก็เถอะ
“ไอ้เบิร์ด มึงไปคุมกิจกรรมรับน้องด้วยล่ะ น้องๆหน้าตาน่ารักเพียบเลยว่ะ” ไอ้กรบอกผม กรเป็นเพื่อนสนิทผมเองครับ มาเจอกันตอนปีหนึ่งแต่สนิทกันอย่างกับคบกันมาเป็นสิบปี แถมเรียกเอกเดียวกันอีกต่างหาก
“เออ เดี๋ยวกูดูก่อนละกันถ้าขี้เกียจกูก็ไม่ไป” ผมค่อนข้างเบื่ออะไรง่ายๆ โดยเฉพาะกิจกรรมอะไรแบบนี้บอกตรงๆไม่ใช่สไตล์ผมเลย
“ไปเถอะน่ามึงแล้วจะไม่ผิดหวัง ลองไปดูก่อนก็ไม่เสียหายนี่” ผมก็ปฏิเสธไปอยู่ดี ผมขี้เกียจอ่ะ กลับห้องไปนอนดีกว่า
แต่สุดท้ายผมก็โดนมันลากมาจนได้คนเยอะมาก ผมเวียนหัวไปหมดคนมันเยอะเกินไปทำให้ผมรู้สึกอึดอัดและอยากออกไปจากตรงนี้เดี๋ยวนี้เลย แต่แล้วผมก็ไปสะดุดตากับใครคนนึงเข้า...ใช่แล้วไอ้น้องสวยหล่อในคนเดียวกันแหละครับ และนั่นเองมันทำให้ผมอยากคุมกิจกรรมรับน้องขึ้นมาทันที
“น้องชื่ออะไรครับ” เมื่อกิจกรรมรับน้องเสร็จผมก็เดินตรงปรี่เข้าไปถามชื่อเค้าเลยครับ แต่น้องเค้าเงียบแล้วเดินหนีผมซะงั้นอ่ะ แล้วผมก็รู้สึกถึงแรงกดบนบ่าพอหันไปก็เจอไอ้กรแหละครับ
“สงสัยงานนี้มึงจะกินแห้วว่ะ...แต่มึงไม่ต้องเสียใจไปหรอก ทั้งผู้หญิงผู้ชายเข้าไปถามมาแล้วแต่ก็ไม่มีใครได้คำตอบจากน้องเค้าสักคน”
“น้องเค้ายังไม่ค่อยคุ้นคนแปลกหน้าหรือเปล่า” ผมยกเหตุผลบอกไอ้กร
“กูว่าไม่ใช่หรอก น้องเค้าจะคุยแต่กับเพื่อนเค้า และจะไม่คุยกับคนแปลกหน้า...เป็นคนแปลกๆแบบนี้แหละ พูดจบไอ้กรก็เดินจากไปผมว่าเด็กคนนั้นชักจะน่าสนใจมากขึ้นทุกทีแล้วสิ
ผมขับรถกลับมาที่ห้องเพื่อหวังจะพักผ่อน แต่ผมก็แวะร้านข้าวใต้คอนโดก่อนเพราะตั้งแต่กลางวันยังไม่ได้กินอะไรเลย แต่เมื่อมาถึงผมก็เจอเป้าหมายของผมเข้าโดยบังเอิญ เค้ากำลังเดินออกจากร้านข้าวพอดี ผมไม่กินแล้วข้าวผมแอบเดินตามน้องคนนั้นไป แต่น่าแปลกแฮะเมื่อมาถึงลิฟท์น้องเค้ากลับไม่ใช้ แต่เดินขึ้นบันไดแทน ผมก็เดินตามขึ้นไปแต่ทิ้งระยะห่างไว้พอสมควร และเมื่อเป้าหมายผมหยุดอยู่หน้าห้องๆหนึ่ง ดูเหมือนกำลังควานหากุญแจ แต่ที่สำคัญที่สุดคือ มันตรงข้ามกับห้องของผมพอดี เข้าทางผมสิครับแบบนี้
“เอ่อ น้องพักอยู่นี่หรอครับ” ผมทักเค้าไป น้องเค้าก็หันมามอง
“ครับ” สั้นๆแล้วก็ควานหากุญแจต่อทำเหมือนผมเป็นธาตุอากาศไปได้
“ชื่ออะไรครับ” ผมถามน้องเค้าไปแต่น้องเค้าไม่ตอบเหมือนเดิม แถมน้องเค้าเข้าห้องไปแล้วด้วย แต่ไม่เป็นไรครับห้งออยู่ใกล้กันแค่นี้ไว้ถามใหม่ก็ได้ ผมไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆซะด้วยสิ และเย็นวันต่อมาผมก็ดักรอน้องเค้าหน้าหอพอผมเห็นน้องเดินเข้ามาผมก็เดินตามทันที น้องเค้าไปร้านข้าวครับผมเลยถือโอกาสขอนั่งด้วยซะเลย น้องเค้าก็ไม่ได้อนุญาตแต่ก็ไม่ปฏิเสธ ผมเลยถือวิสาสะนั่งเลย ระหว่างกินข้าวผมก็ถามน้องเค้าอีกว่าน้องเค้าชื่ออะไรน้องเค้าเงียบไปพักนึง
“ตัส” อยู่ๆน้องก็พูดขึ้น
“ห๊ะ อะไรนะครับ” ผมถามอีกครั้งเผื่อจะได้ยินผิด
“ชื่อตัส…ป้าเก็บตังด้วยครับ” อื้มมม ชื่อตัสหรอ
“ป้าครับเอานี่ไม่ต้องทอน” ผมยื่นแบงค์ร้อยให้ป้าแล้วฉุดมือตัสลุกตามมาด้วย ตัสก็ไม่ได้ว่าหรือขัดขืนเดินตามผมมาแต่โดย
“พี่ฉุดผมมาทำไม” ตัสพูดขึ้นเมื่อเดินมาได้สักระยะหนึ่ง
“พี่ชื่อเบิร์ดนะ ปี 2 เอกพละ” ผมแนะนำตัวเองแต่ตัสเงียบไป ทำไมไม่ค่อยพูดเลยวะ ไม่พูด ไม่ขัดขืน ไม่โวยวาย ไม่หือไม่อือ ไม่เคยเจอคนแบบนี้
“ตัสเรียนอะไรครับ” ผมถามกลับไปบ้าง จะได้ดูไม่เหมือนว่าผมพูดคนเดียว
“แพทย์ศาสตร์ ปี 1” โห!!! นักเรียนแพทย์ซะด้วย เอ แต่ปกตินักเรียนแพทย์เค้าบังคับนอนหอในไม่ใช่หรอ แต่ไม่ถามดีกว่าไม่ใช่เรื่องของผมนี่
“พรุ่งนี้ตัสเรียนเช้าหรือบ่ายครับ” ผมพยายามหาเรื่องคุยด้วยก่อนจะถึงห้อง แต่ตัสก็คุยประมาณ ถามคำตอบคำ
“เช้า บ่าย”
“งั้นเดี๋ยวไปพร้อมพี่นะ พี่มีเรียนเช้าพอดี” แผนตีสนิทขั้นแรกคือให้อยู่ด้วยกันมากๆ จะได้ร็สึกผูกพัน
“ผมมีรถ...ไม่รบกวนพี่หรอก” แป่ว แห้วอีกแล้วกู
“ถึงห้องแล้วลาละครับ” ตัสไขกุญแจเดินเข้าห้องตัวเองไปแถมยังลงกุญแจลงกอนซะหนาแน่นฟังจากเสียง กุกๆกักๆ ที่ประตูแล้ว เฮ้อ ท่าทางงานนี้จะเจอของยากเว้ยเฮ้ย ปกติผมน่ะแค่เดินผ่านมองตากันไม่ว่าผู้หญิงผู้ชายก็แทบจะอ้าแขนอ้าขาให้ผมแล้วแต่กับตัสไม่ใช่
ระยะเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหกสองเดือนแล้วที่ผมคอยตามจีบตัส แต่มันเหมือนจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเท่าไหร่เลย มีเปลี่ยนแปลงก็ตรงที่ตัสยอมคุยกับผมมากขึ้น ชวนเข้าไปในห้อง กินข้าวตอนเย็นด้วยกัน แต่แค่นี้ผมก็มีความสุขมากแล้ว ตอนนี้ผมเลิกนิสัยเจ้าชู้ไปโดยสิ้นเชิงจนทำให้เพื่อนๆในคณะต่างแปลกใจไปตามๆกัน ส่วนตัสก็เนื้อหอมไม่เบามีคนคอยตามจีบทั้งผู้หญิงและผู้ชาย คุ๋แข่งของผมจึงเยอะมาก แต่ตัสไม่มีท่าทีว่าจะสนใจใครเลย เห็นอยู่แต่กับเพื่อน
“พี่เบิร์ดกลับด้วยดิ รถเสียอ่ะ” ตัสเดินมาหาผมเองเลยหรอเนี่ย
“ได้สิพี่กำลังกลับพอดี” เมื่อผมลุกเพื่อนๆมันก็แซวกันใหญ่ แต่ตัสกลับทำหน้านิ่งซะงั้น ไม่มีแม้แต่รอยยิ้มเลยด้วยซ้ำ แปลกๆตัสเป็นอะไรหรือเปล่านะ ตอนนี้ผมกำลังขับรถอยู่และอยู่ๆตัสก็พูดบางสิ่งที่ทำให้ผมถึงกับรู้สึกชาวาบไปทั้งตัว
“พี่เบิร์ดเลิกยุ่งกับผมเถอะ ผมรำคาญ” ตัสพูดจบรถก็จอดที่หอพอดี ผมหันไปมองหน้าตัสแต่ก็เจอกับสายตาที่ว่างเปล่า
“ทำไมล่ะตัส พี่ทำอะไรไม่ถูกใจหรือเปล่า”
“เปล่า...แต่ผมรำคาญไม่ต้องมายุ่งกันอีกนะ ผมเบื่อพี่เต็มทนละ” พูดจบตัสก็ลงจากรถไปต่างจากผมที่กำลังช็อคทำอะไรไม่ถูกและรู้สึกถึงน้ำใสๆในตาของผมที่มันกำลังไหลรินไปด้วยความเสียใจ ทำไมล่ะ แล้วที่ผ่านมามันคืออะไร กว่าผมจะพาร่างที่หนักอึ้งของตัวเองขึ้นมาถึงห้องได้ช่างเนิ่นนานเหลือเกิน ตั้งแต่วันนั้นผมก็ไม่ได้ไปไหนเลยสองวันเต็มๆ ข้าวปลาก็แทบจะไม่ได้กิน มหาลัยก็ไม่ได้ไปจนไอ้กรโทรหาแต่ผมก็โกหกไปว่ากลับต่างจังหวัด และวันนี้ก็เข้าสู่วันที่สามแล้ว ผมเดินออกมาจากห้องเพื่อไปหาอะไรกินประทังชีวิตสักหน่อยแต่พอเปิดประตูออกมากลับเห็นประตูห้องตรงข้ามเปิดไว้นิดๆ....อยากเข้าไปหา แต่ทำไมขาผมมันถึงแข็งแบบนี้นะผมค่อยๆก้าวเข้าไปในห้องตรงข้ามอย่างช้าๆ และสิ่งที่ผมเห็นก็ทำให้ผมถึงกับร้อนรน ภาพร่างของผู้ชายที่เนื้อตัวแดงหลับตานอนตัวสั่นอยู่กับพื้น ผมรีบวิ่งเข้าไปประคองร่างนั้นขึ้นแต่เหมือนเจ้าตัวจะไม่ไหวแล้ว ผมเลยอุ้มไปไว้ที่เตียงแล้วก็เช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ ดูจากอาการแล้วคนเป็นไข้แบบนี้น่าจะเพ้อ แต่กับคนๆนี้กลับไม่เพ้ออะไรเลยนอนเงียบกริบ ขณะที่ผมนั่งเฝ้าคนป่วยอยู่ผมก็ไปสะดุดกับไดอารี่เล่มหนึ่ง ผมลุกไปเอามาเปิดอ่าน มันเป็นไดอารี่บันทึกประจำวันของตัสนี่เองผมอ่านดูทีละหน้า มีอยู่ช่วงนึงมีข้อความที่ทำให้ผมสับสนมากๆ
‘พี่เค้าตื๋อจังเลยเดี๋ยวเราก็ใจอ่อนจนได้ ไม่ชอบคนแบบนี้เลย’ ‘วันนี้นั่งกินข้าวคุยกันสนุกมาก’ ‘ชวนไปมหาลัยด้วย อยากไปนะแต่ไม่กล้าอ่ะอาย’ ‘เฮ้อ คิดถึงจังเลยทำไมช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอกันเหมือนเดิมเลยเนอะ’ แต่แล้วก็มีอยู่หน้านึงที่เหมือนจะเปียกๆเป็นคราบน้ำอะไรสักอย่างแต่แห้งแล้วหน้านั้นมีข้อความเขียนไว้ว่า ‘พี่เค้ามีแฟนแล้ว เราคงต้องตัดใจ แต่ยังไงก็ขอรักพี่แบบห่างๆละกันนะ’ ผมปิดไดอารี่ทันที ตอนนี้ผมมีแต่ความโมโหทำไมมีอะไรไม่ถามผมล่ะ ทำไม!!!!!!
“พี่เบิร์ด” ตัสพูดเสียงงัวเงีย ผมหันไปมองแต่ไม่ได้พูดอะไรด้วย
“พี่มาทำไม” ตัสถามผม แต่เมื่อตัสมองเห็นหนังสือที่ผมถืออยู่ตัสก็แทบจะกระโดดมาเอากลับไปด้วยซ้ำแต่ผมไม่ยอม
“จะหวงทำไมพี่อ่านหมดแล้ว” ตัสก็นิ่งไป แล้วน้ำตาก็ไหลออกมาซะงั้นเฮ้ย ผมไปทำอะไรให้อีกเนี่ย
“หึ อ่านแล้วงั้นหรอ ผมผิดเองแหละที่ไปหลงรักพี่เราใกล้ชิดกันเกินไป พี่เบิร์ดเลิกยุ่งกับผมเถอะ ผมไม่อยากให้พี่กับแฟนพี่เกลียดผมไปมากกว่านี้” ตัสพูดจบก็ซุกตัวลงนอนกับผ้าห่ม ผมเลยสอดตัวลงใต้ผ้าห่มแล้วก็ดึงตัวตัสเข้ามากอด
“มีอะไรทำไมไม่ถามตรงๆ ทำไมต้องไปฟังจากคนอื่น”
“ผมไม่รู้...แต่พี่อย่าทำแบบนี้ เดี๋ยวแฟนพี่มาเห็นมันจะไม่ดี” ตัสพยายามขืนแต่ผมก็ไม่ยอมหรอกผมกอดแน่นกว่าเดิมด้วยซ้ำ
“นั่นสินะถ้าแฟนพี่มาเห็นมันคงไม่ดีจริงๆนั่นแหละ” เมื่อผมพูดประโยคนี้ออกไปตัสก็นิ่งและเงียบไปโดยปริยาย ขอแกล้งคนหน่อยเถอะ
“แต่ถ้าพี่กอดแฟนก็คงไม่เป็นไรใช่ไหมตัส” ผมแกล้งถามตัส
“ครับ” ตัสพูดเสียงสั่นๆ น่าสงสารอ่ะผมเลยจับตัสหันตัวมาเผชิญหน้ากับผม
“งั้น....ตัสเป็นแฟนกับพี่นะ” เมื่อผมพูดออกไปตัสก็อึ้งไป ไม่ขยับเลยแหละ
“อะไรพี่เบิร์ด แล้วแฟนพี่ล่ะ”
“ก็ตัสไงแฟนพี่” ผมบอกตัส
“ตลก เอาดีๆผมไม่เล่น” ตัสพูดเสียงนิ่ง
“พี่ไม่มีแฟน พี่กำลังจีบตัสอยู่ตลอดสอง-สามเดือนไม่รู้ตัวหรือไง แล้วไปเอามาจากไหนว่าพี่มีแฟน” เมื่อถามตัสก็บอกว่าได้ยินเพื่อนในคณะคุยกันว่าเพื่อนเป็นแฟนพี่เบิร์ดตัสเองก็บอกว่าตอนแรกอยากจะถามเองตรงๆแต่ไม่กล้า เลยเลือกที่จะตัดใจ
“ตอนนี้ตัสเป็นแฟนพี่แล้ว มีอะไรต้องบอกพี่ตรงๆนะ ถ้าคล่องใจอะไรก็ถาม มันจะได้ไม่ค้างคาใจโอเคนะ” ผมบอกตัส ตัสก็สวนขึ้นทันที
“ใครบอกว่าตัสจะเป็นแฟนพี่” เฮ้ย มาขนาดนี้แล้วจะถอยหลังกลับไม่ยอมนะเออ
“ไม่เป็นก็ต้องเป็น ถ้าปฎิเสธจะปล้ำเดี๋ยวนี้แหละ” และนี้แหละคือเหตุการณ์คร่าวๆที่ผมกับตัสได้มาเจอกันกว่าจะเข้าใจกันได้ ไหนจะสาวๆที่คอยจะแยกผมกับตัสอีก หลังจากวันที่ผมเปิดตัวแฟนอย่างเป็นทางการผมแทบต้องเฝ้าตัสตลอด 24 ชั่วโมงไม่งั้นเดี๋ยวเรื่องก็วิ่งเข้ามาหาตัสอีก ลำพังตัวตัสผมไม่ค่อยห่วงหรอก เพราะตัสเป็นคนดีคนนึง แต่ถ้าใครแรงมาตัสก็จะร้ายกลับแต่ที่ผมกลัวก็คือถ้าเกิดการหมาหมู่ขึ้นล่ะตัสจะสู้ได้ยังไงตัวก็ออกบางๆแบบนั้นแต่เราก็ผ่านจุดนั้นมาได้ด้วยดี เนี่ยแหละเมียคนสุดท้ายของผม ผมเลือกหยุดที่คนนี้