Lesson 68
( Autt Part )
ดวงอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้ากับภาพที่นกน้อยบินกลับเข้ารังมันช่างเป็นภาพที่สวยงามอะไรขนาดนี้ ตอนนี้ผมนั่งอยู่ในสวนสาธารณะแห่งหนึ่งซึ่งห่างไกลจากคอนโดผมอยู่พอสมควร ภาพที่เห็นตอนนี้คือ มีคนมาออกกำลังกายที่สวนสาธารณะกันอยู่เยอะ บางคนก็พาหมามาเดินเล่น หรือแม้แต่คู่รักที่เดินคุยกันอย่างมีความสุข ผมมองภาพเหล่านั้นไปเรื่อยๆจนมาสะดุดกับเจ้าหมาตัวนึง มันนั่งมองผมลิ้นห้อยเลย หมาพันธุ์ไทยนี่แหละตัวสีขาวลายน้ำตาล ดูเหมือนจะเป็นหมาเร่ร่อนนะ
“แกน่ะมานี่สิ ฟุ๊บ ๆ ๆ” เออเนอะผมก็คุยกับหมาได้ แต่มันก็เดินเข้ามาหาผมครับ ผมก็ลูบหัวมัน
“แกไม่มีเจ้าของหรอ”
“งี๊ด ๆ ๆ” ตอบด้วยเว้ยแต่ผมไม่รู้เรื่องหรอกแต่ดูเหมือนตามันเศร้าๆยังไงพิกลๆนะ ตัวมันก็ไม่ใหญ่นี่นะขนาดประมาณกระเป๋าผ้าทั่วไป แต่ตัวมันมอมแมมไปหน่อยแค่นั้นเอง
“แกไม่เหงาหรออยู่ตัวเดียวแบบนี้น่ะ หืม” ตอนนี้มันนอนหมอบแล้วก็จ้องผม
“เออ แกรอนี่แปปนึงนะเดี๋ยวฉันมา” ผมรีบวิ่งไปหน้าสวนเพราะเห็นข้างหน้ามีร้านขายของเรียงรายอยู่นิดหน่อยผมก็ซื้อลูกชิ้นสิบไม้แล้วเดินกลับมาที่เดิม หมาตัวนั้นมันก็ยังอยู่ที่เดิมครับฉลาดมาก
“ดูสินี่อะไร” ผมชูถึงลูกชิ้นให้มันดูมันก็มันก็ลุกพรวดขึ้นมาลิ้นห้อยอีกแล้วสงสัยจะหิว ผมก็เลยป้อนลูกชิ้นให้มันกินเรื่อยๆจนหมดนั้นแหละ หมาอะไรกินเก่งจังสิบไม้ไม่เหลือเลย เมื่อผมเอาถุงลูกชิ้นไปทิ้งแล้วกลับมานั่งที่เดิม หมาตัวนั้นมันก็โดดขึ้นมาบนตักผมผมก็เอามือลูบหัวมันเล่นจนมันนิ่งไป ตะวันตอนนี้ก็หายไปจากขอบฟ้าแล้วแต่กลายเป็นแสงจันทร์ที่สาดส่องไปทั่วแทนทำไมรู้สึกเหงาแบบนี้นะ
( Win Part )
ผมขับรถตามหาอัทรอบเมืองแต่ก็ยังไม่เจอผมตามหามันทุกที่ที่คิดว่ามันจะไปแต่ก็ไม่เจอตอนนี้ผมเริ่มหงุดหงิดและหัวเสียมากๆ แล้วเสียงโทรศัพท์ของผมมันก็ดังขึ้น
“ครับพี่ตัส” ผมกรอกเสียงลงในโทรศัพท์
“ไอ้วิน แกใจเย็นๆสิเดี๋ยวก็เจอ ขับรถอารมณ์หงุดหงิดเดี๋ยวก็เป็นศพหรอก” ท่าทางน้ำเสียงผมคงเซ็งสุดๆพี่ตัสถึงบอกมาแบบนั้น
“ผมจะเย็นไม่ไหวแล้วนะพี่นี่มันก็จะทุ่มครึ่งแล้วแต่หาที่ไหนก็ไม่เจอ ไปไหนก็ไม่เคยบอกกันแล้วถ้ามันเป็นอะไรขึ้นมาล่ะพี่ตัส” ผมร่ายยาวให้พี่ตัสฟัง ผมก็ใจไม่ดีนะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับมันหรือเปล่า
“ใจเย็นๆ ค่อยๆหาต่อไปละกัน” พูดจบพี่ตัสก็วางสายไปผมโยนโทรศัพท์ไปเบาะข้างๆ
“โถ่โว้ยยยย มึงอยู่ไหนวะ” ผมโมโหมากเลยเหยียบคันเร่งจนความเร็วรถพุ่งสูงขึ้นจนน่าตกใจแต่อารมณ์นี่ผมไม่สนอะไรทั้งนั้น.....ผมขับเลยมาจนถึงนอกเมืองมีสวนสาธารณะอยู่ที่หนึ่งที่มีร้านขายของอยู่ผมรู้สึกหิวๆเลยจอดรถลงไปซื้อของกินสักหน่อยเพราะผมยังไม่ได้กินอะไรมาเลยตั้งแต่เที่ยง
“ป้าครับ สวนนี่เค้าปิดกี่โมงอ่ะครับ” ผมถามแม่ค้าขายลูกชิ้น
“สวนนี้ไม่ปิดหรอกจ๊ะ มันเปิดตลอดทั้งคืนนั้นแหละ แต่ตอนนี้ไม่น่าจะมีคนอยู่ในนั้นแล้วนะ” ป้าแกก็ตอบมาอย่างสุภาพ
“ขอบคุณครับป้า” พูดจบผมก็เดินเข้ามาในสวนเท้าก้าวเดินแต่หัวคิดอยู่ว่าจะไปหาที่ไหนต่อดีเพราะนี้มันก็แทบจะรอบกรุงเทพแล้วแล้วถ้าไม่เจอล่ะผมจะทำยังไง และขณะที่ผมกำลังเดินไปที่ริมน้ำตาผมก็ไปสะดุดเข้ากับร่างๆหนึ่ง ผิวขาวตัวเล็ก ผมดำสนิท ไม่ผิดแน่อัทชัวร์ๆ ผมค่อยแอบย่องเดินไปข้างหลังเพื่อให้แน่ใจว่าใช่อัทแน่หรือเปล่าแต่เมื่อเข้าไปใกล้ๆผมก็ได้ยินเสียงเค้าพูด
“มืดแล้ว แกจะไปนอนที่ไหนเนี่ย” เสียงแบบนี้ไม่ผิดแน่นอนผมมั่นใจแต่มันคุยกับใครอยู่ล่ะ โทรศัพท์ก็ไม่ได้แนบหูอยู่นี่ ผมแอบฟังต่อไปจะดีกว่า
“แกคงเหงาที่ไม่มีเจ้าของ ฉันเองก็เหงานะถ้างั้นฉันจะเอาแกไปเลี้ยงจะดีไหม” เลี้ยงหรอเลี้ยงอะไรล่ะ
“อิ๋งๆ ๆ” อ่อ หมานี่เอง
“แกไม่ต้องดีใจขนาดนั้นก็ได้นะ ก็ดีเหมือนกันฉันอยู่ตัวคนเดียวแกจะได้เฝ้าห้องให้ฉันไง” อัทพูดแล้วเอามือลูบหัวตัวที่อยู่ในตัก แต่ทำไมเวลาพูดน้ำเสียงดูเศร้ายังไงพิกล
“ตัวคนเดียวหรอแล้วกูล่ะ” ผมพูดแล้วไปนั่งข้างๆกับอัท
“วิน!!!!”
( Autt Part )
ไม่จริงน่ามันหาผมเจอได้ไง ผมหนีมาตั้งไกลนะ นั่งรถมาก็เป็นชั่วโมงแต่ทำไม มันยังตามผมเจออีกล่ะ ผมอุตส่าพยายามหนีมันแล้วนะ ผมหอบลูกหมาแล้วลุกขึ้น
“จะไปไหน” วินคว้าแขนผมไว้
“ปล่อยอย่ามายุ่งกับกู” ผมสะบัดแขนอย่างแรงจนหลุดแล้วรีบวิ่งหนีมันทันที ไม่ ต้องไม่ใช่ตอนนี้กูยังไม่พร้อมจะเจอมึงไอ้วิน
“อย่าหนีนะ” ไอ้วินวิ่งไล่ตามผมมาแต่ผมสิวิ่งโกยสุดชีวิตเลยกลัวมันตามทันที แต่ผมคงรีบไปหน่อยสะดุดขาตัวเองล้มผมกอดลูกหมาแน่นเพราะตัวมันนิดเดียวถ้าตกลงไปคงเจ็บหนักน่าดู
“หนีทำไม เจ็บตัวเลยเห็นไหม” ไอ้วินรีบวิ่งเข้ามาประคองผม ผมก็ปล่อยมันประคองแต่ผมก็ยังอุ้มลูกหมาอยู่ร็สึกถูกชะตาผมจะเอามันไปเลี้ยงซะเลย มันพาผมมานั่งที่เก้าอี้ตัวเดิมนั่นแหละที่แตกต่างกันก็คือมีมันนั่งมองผมอยู่ด้วย
“ทำไมวันนี้ไม่เข้าเรียน”
“รู้ไหมคนอื่นเค้าเป็นห่วง”
“จะไปไหนก็บอกกันก่อนรู้ไหม”
“ลูกหมาตัวนี้เก็บได้หรอ” วินมันถามผมสารพัดแต่ผมไม่ตอบมันสักคำถามเดียว
“วิน มึงเลิกยุ่งกับกูเถอะ...ต่างคน...ต่างอยู่เถอะนะ” ผมพูดออกไปโดยไม่มองหน้ามัน
“ไม่กูไม่ยอม มึงเป็นอะไรมึงบอกสิ” มันช้อนหน้าผมไปมองหน้ามันแต่ผมสะบัดหน้าออก
“ไม่กูไม่ได้เป็นอะไร แต่กูไม่อยากยุ่งกับมึงแล้ว พอเถอะเลิกยุ่งกับกูสักที” ผมพูดไปก็กอดลูกหมาแน่นเลยไม่เป็นไรหรอกเจ็บครั้งเดียว ครั้งเดียวเท่านั้น
“ก็กูบอกว่าไม่ไงล่ะ มึงหันหน้ามาคุยกับกูเดี๋ยวนี้นะ” คราวนี้มันจับตัวผมให้หันไปหามันแต่ผมก็ไม่ยอมเลยฝืนเอาไว้
“กูไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ไปจากกูซะ!!!” ผมตะโกนบอกมันเสียงดังลั่น
“มึงไม่ยอมดีๆใช่ไหม...ได้” พูดจบมันก็จับตัวผมหมุนมาหามันอย่างแรงมากๆจนผมฝืนเอาไว้ไม่ไหวแล้วมัน...ก็จูบผม ผมผลักมันออกอย่างแรง
“ทำไมมึงต้องยุ่งกับกูด้วย พอใจมึงหรือยังล่ะ สนุกมากไหมที่แกล้งกู สนุกมากไหม!!!!!” ผมตะโกนใส่มัน น้ำตาก็ไหลพราก
“อัทกูไม่เข้าใจมึงจะพูดอะไรกันแน่” มันถามกลับด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยโทสะไม่แพ้ผม
“มึงจำได้ไหมวันนี้วันอะไร....ใช่วันที่เราพนันกันไว้ครบสามสิบวันไง แล้วมึงรู้ไหมทำไม กูแพ้...กูแพ้ใจตัวเองไง กูนี่มันบ้าเนอะ ฮ่าๆๆๆ รู้ทั้งรู้ว่าเป็นแค่การเล่นโง่ๆของคนสองคนแต่กูก็เผลอใจไปจนได้...เกมนี้มึงชนะ กูรักมึงเพราะฉะนั้นมึงไปจากกูซะ อย่ามาให้กูเห็นหน้ามึง...ฮึก...อีก” ผมพูดจบมันก็นิ่งไปแต่ผมวิ่งออกมาจากตรงนั้นซะ หวังว่าเราคงไม่ได้เจอกันอีกนะ แต่พอผมวิ่งมาถึงหน้าประตูสวนสาธารณะผมก็โดนโอบเอวจากด้านหลัง
“เดี๋ยวสิจะไปไหน” เสียงไอ้วิน ผมคิดไม่ผิดจริงๆ
“มึงต้องการอะไรจากกูอีกล่ะ แค่นี้ยังไม่พอหรอ” ผมพูดทั้งน้ำตาในหัวโล่งว่างเปล่าไปหมดคิดอะไรไม่ออกแล้ว
“ถ้ามึงจะบอกว่ามึงแพ้กูล่ะก็...กูขอบอกมึงไว้เลย” มันพูดแล้วก็เงียบไป
“กูแพ้มึงมาตั้งนานแล้ว”