[เรื่องสั้น]The man in Christmas Day ตอน5 (27-12-11) End
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น]The man in Christmas Day ตอน5 (27-12-11) End  (อ่าน 22049 ครั้ง)

ออฟไลน์ Lemon_Tea

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ


3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป


12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail


16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม






***************

รายชื่อเรื่องที่แต่ง

Dolly ตุ๊กตาน่ารักจับหัวใจให้น่าเลิฟ 
[เรื่องสั้น]หัวใจดวงเดียวที่เจ็บ 
[เรื่องสั้น]The man in Christmas Day
[เรื่องสั้น]ป็อกกี้จากฉันถึงเธอ
[เรื่องสั้น] ~ไม่ได้อยากทำหรอกนะ~



***************


The man in Christmas Day



คุณลุงซานต้าครอสที่มาพร้อมกับชุดสีแดง

มีหนวดสีขาวท่าทางใจดีและอบอุ่น

นั่งรถเลื่อนเทียมด้วยกวางเรนเดียร์

กับกล่องของขวัญที่แอบใส่ลงในถุงเท้าสีสวย

ใครเล่าจะไม่รู้จักซานต้าครอส

เพียงแต่ว่าผมยังหาคนๆ นั้นไม่เจอ



**********
เกริ่นนิดๆ หน่อยๆ
เรื่องสั้น(แบบเต็มๆ) จะมาทีหลังน้า รออ่านกันได้
เรื่องนี้ไม่ยาว มีไม่กี่ตอน
กะว่าให้ลงให้จบในวันคริสต์มาส (เลทแน่เลยT^T)

รอตอนต่อไป
แวะไปอ่านเรื่องนี้ก่อนก็ได้
Dolly ตุ๊กตาน่ารักจับหัวใจให้น่าเลิฟ 
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-11-2013 20:42:10 โดย Lemon_Tea »

ออฟไลน์ Lemon_Tea

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
Re: [เรื่องสั้น]The man in Christmas ตอน 1 (21-12-11)
«ตอบ #1 เมื่อ21-12-2011 13:13:59 »

ตอน1

             'ไม่มีเพื่อนสนิท'

             'ขาดคนรู้ใจ'


             น่าเศร้าจริงชีวิตคนโสดอย่างผม

             มีเพียงความเหงาที่ยังคงเป็นเพื่อนมาจนถึงวันนี้

             ความเหงาอ้างว้างกัดกิรผมมาเป็นเวลานาน  สายลมหนาวหากจะพัดมาทางนี้  ช่วยพัดคนดีๆ สักคนให้ผมบ้างได้มั้ย  อย่าให้สายลมพัดมาแล้วผ่านหายไปเหมือนเช่นเคย 

             ไม่อยากตกอยู่ในความเหงา  ผมจึงต้องหาอะไรทำเพื่อเรียกกำลังใจในการค้นหาคนๆ นั้นต่อไป

             ทุกปีผมจะจัดตกแต่งบ้านตัวเองต้อนรับวันคริสต์มาส  แน่นอนว่าผมทำคนเดียว  อยู่คนเดียวคงไม่มีใครที่ไหนมาช่วยหรอก  ถึงผมจะจัดบ้านไว้  แต่ก็ไม่ได้เชิญใครมาร่วมงานหรือจัดฉลองกันใหญ่โตท่ามกลางผู้คนที่มีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ  ไม่มีคนแรกและคนสุดท้ายที่มาบ้านผม  เป็นเรื่องที่น่าเศร้านะ  จะว่าไปแล้ว  เป็นเพราะผมเองนั้นแหละที่ไม่เปิดใจยอมรับใครเข้ามาสักคน  ก็คนดีๆ อยู่ที่ไหนล่ะ  บอกมาสิ  ผมจะได้พิจารณา  จะโทษฟ้าโทษโชคชะตาก็ไม่ได้  เดี๋ยวพวกเขาเกิดโกรธขึ้นมาแล้วส่งคนนิสัยแย่ๆ มาให้  ไม่เอาหรอกครับ  อยู่คนเดียวยังดีซะกว่า

             ช่วงนี้ผมต้องหาของเข้าบ้านก่อน  บ้านหลังเล็ก  มีไม่กี่ห้อง  พอให้คนโสดคนเดียวในบ้านอยู่ได้สบาย  บ้านที่เรียบๆไม่มีอะไร  หากถึงวันเทศกาลอย่างเช่นวันคริสต์มาส  ผมก็ตกแต่งเพียงนิดหน่อย  จัดวางอาหารแค่เล็กน้อย  เปิดเพลงคลอเบาๆ  นั่งฉลองกับตัวเองคนเดียว 

             เป็นเพียงแค่ความสุขใจระยะหนึ่งเท่านั้น



             ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาระยะสั้นๆ  แต่ใช่ว่าผมจะฉลองแบบเอาผ่านพอเป็นพิธี  วันคริสต์มาสมันอาจไม่ใช่เทศกาลของคนไทยตั้งแต่แรก  แต่ผมก็อยากสนุกกับวันนี้  เพียงแค่ยังหาคนที่จะทำให้ผมรู้สึกสนุกและมีความสุขไปด้วยกันไม่ได้เท่านั้นเอง

             คิดว่าจะหาเขาเจอมั้ยนะเหรอ

             อืม... ไม่รู้เหมือนกัน

             คงต้องรอลุ้นกันต่อไป

             ตอนนี้ผมเข้ามาถึงข้างในห้างสรรพสินค้าแล้ว  ซื้อของเพิ่มเติมไม่กี่อย่าง  ของเดิมที่มีอยู่ผมก็เอามาใช้ต่อ  ประหยัดดีครับ  แต่บางอย่างที่พังหรือขาดไปบ้างผมเอาไปทิ้งหมดแล้ว  รวยช่างมัน  ฮะฮ่า  ไม่ใช่ครับ  เปลืองเหมือนกันแฮะ  รู้อย่างนี้เก็บมาแปะกาวติดก็อตเทปก็ใช้ต่อได้  ผมเลยต้องเสียเงินซื้อพวกนั้นใหม่  แต่ก็ซื้อมากเกินไปไม่ได้  ผมคงไม่มีเงินจ่าย  ใช้เงินมากขนาดนั้นเก็บไว้ใช้ยาวจำเป็นดีกว่า  ผมก็แค่พอมีเงินสำหรับซื้อความสุขเล็กๆ ในเวลาหนึ่งเท่านั้น

              “โฮ้  สุดยอดอ่ะ”

             ทุ่มงบกันไปกี่ล้านเนี่ย

             มีเด็กๆ หลายคนที่เข้ามาร่วมร้องประสานเสียงกับผมด้วย  ผมไม่ได้ร้องเพลงนะ  แต่ร้องด้วยความตื่นตาตื่ใจกับภาพที่ปีหนึ่งจะมีครั้งเดียว

              “แม่ค่ะ ดูนั่นสิ  ต้นคริสต์มาสหย่ายใหญ่”

              “หนูอยากกินขนมโต๊ะนั้น”

              “แม่ฮะ เขาแจกขนมด้วย ไปเร็วฮะ” เด็กชายตัวเล็กกึ่งลากกึ่งจูงคุณแม่ให้รีบเดินไปเอาขนมแจกฟรีสำหรับลูกค้าที่มาเดินเที่ยวห้างในช่วงเทศกาลนี้

             เด็กๆ ทุกคนดูสนุกและตื่นเต้นกันมาก  จนพ่อแม่ต้องจับมือลูกตัวเองไว้ให้แน่น  เพราะอาจเกิดพลัดหลงได้  เสียงร้องไห้งอแงทำให้พ่อแม่ต้องวิ่งหากันจ้าละหวั่น

             ภายในห้างประดับตกแต่งของสวยๆ เต็มไปหมด  ต้นสนแทนคริสต์มาสขนาดใหญ่ใจกลางห้างดูโดดเด่น  บนยอดติดดาวสีทองห้าแฉก  รอบๆ ต้นห้อยของตกแต่งหลายอย่าง  ทั้งลูกทรงกลมหลายสี  เหลืองทองบ้าง  ฟ้าบ้าง  หรือจะเป็นสีน้ำเงินสะท้อนเงา  กล่องของขวัญชิ้นเล็กห้อยติด  ยังมีลูกกวาดไม้เท้าสีหวานน่ากิน  และนางฟ้ามีปีกเกาะต้นไม้หลายตัว  ตามเสาห้อยป้ายและพู่หลากสีดูงดงาม  หลอดไฟทั้งดวงเล็กดวงใหญ่ห้อยเป็นสายไฟระโยงระยางกึ่งกลางลานจัดงาน  ตามมุมเสาติดไฟฝนดาวตก  วิ่งไล่ลงด้านล่างเหมือนของจริง  ลูกบอลกระจกข้างโต๊ะทำกิจกรรมส่องแสงวิบวับเรียกคนเข้างาน 

             หลายชิ้นหลายอย่างเต็มแทบทุกพื้นที่จนผมเกือบตาลาย

              ‘ก็สวยนะ  แต่มึน’

             โดยเฉพาะลูกบอลกระจกเล่นเอาผมเบลอไปเลย  มันควรจะเป็นเช่นนั้น  เพราะผมเงยหน้ามองตามลูกทรงกลมที่หมุนไปมายามโดนลม  หรือเส้นเชือกเกิดกระตุกลูกบอลก็จะขยับตาม

             แล้วเราจะมองมันทำไม

             ผมมองทั่วบริเวณ  ซึบซัมภาพงดงามเอาไว้พลางอมยิ้มอย่างมีความสุข  สอดส่องหาร้านขายของสำหรับวันคริสต์มาสในราคาย่อมเยา  เห็นร้านหนึ่งเยื้องๆ กับบันไดเลื่อน  เป็นร้านใหญ่พอควร  ผมเดินเข้าไปร้านนั้น  ทั้งกระจกและตามฝาผนังแปะโน้นติดนี่เต็มทุกพื้นที่

             จะแข่งกับห้างหรือไง

             ส่วนที่เป็นกระจกพ่นสีสเปรย์เป้นข้อความกับรูปภาพ  ผมเดินไปดูใกล้ๆ เผื่ออ่านข้อความนั้นให้ชัด

Merry Christmas

Sale 10%

             ลดราคาตั้งสิบเปอร์เซ็น  ผมจึงลองเดินดูของรอบๆ

             พอได้เห็นราคาเต็มที่แปะข้างถุง

              ‘นี่ลดแล้วเหรอ’

             ทำมาจากขนสัตว์หรือไง  แพงมาก  ตุ๊กตานี่ก็อีก  ใช้เส้นอะไรทักทอถึงได้แพงเวอร์ขนาดนี้  มันก็ยัดปุยนุ่นเหมือนกันนั่นแหละ  ลายผ้าก็ดูธรรมดา  จะคิดแพงทำไม  กระดิ่งกรุ๊งกริ๊ง  ผมเขย่าฟัง  ไม่เห็นจะแตกต่างจากกระดิ่งสร้อยข้อมือถูกๆ ตรงไหน  ของแต่ละอย่าง  ไม่นำวัสดุชั้นดีมาผลิตก็กดราคาหลอกลูกค้าที่จำนวนเงินในกระเป๋าตรงข้ามกับสมอง

             ผมไม่ได้ว่าเขาค่อนข้างออกไปทางคนดง่นะ

             เอาเถอะ  คนมีเงิน  ของจะถูกจะแพง  หรือถูกหลอก  ก็มีเงินจ่ายได้สบายอยู่แล้ว  ส่วนผมก็วางทุกสิ่งลงที่เดิมแล้วออกจากร้านไปเข้าร้านอื่นดีกว่า

             เดินดูเล่นเฉยๆ  พนักงานคงไม่ส่งสายตาเขม่นใส่ผมหรอก (มั้ง)

             ผมออกจากร้านแรกก็มองเห้นร้านที่อยู่ตรงข้ามกับสายตาผมพอดี  ร้านนี้เล็กกว่าร้านที่ผมเพิ่งออกไปเสียอีก  ในร้านไม่ตกแต่งอะไรมากนัก  ลูกค้าเดินกันประปราย  มีพนักงานเพียงแค่สี่ห้าคนคอยบริการ  ทุกคนใส่เสื้อยืดสีแดง  แปะสกรีนข้อความ ’Merry Christmas‘ บนหัวสวมหมวกสีเดียวกับเสื้อ  ใบหน้ายิ้มแย้มต้อนรับลูกค้าอย่างอบอุ่น  ต่างจากร้านแรกที่ทำท่าจ้องเขม่นแกมดูถูกคนที่แต่งตัวธรรมดาอย่างเช่นผมเป็นต้น

             ไร้มารยาทสิ้นดี

             ทำสายตาน่ารังเกียจ

              ‘ไม่ได้มาขโมยของซะหน่อย’

             ทำแบบนี้  กิจการเจ๋งแน่  ไม่ได้แช่งนะ  แต่ไม่ต้องเดาก็รู้อนาคตแน่นอนได้จากพฤติกรรม

             ผมเลือกเดินในโซนตุ๊กตาเซรามิกเด้งได้  สงสัยใช่มั้ยล่ะครับว่ามันเป็นยังไง  ผมก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน  ฮ่าฮ่า  อย่าเพิ่งทำหน้าบึ้งกันครับ  อืม... เซรามิกที่ว่านี้  เคาะๆ ดีดๆ ดู (จะแตกมั้ย)  มันก็คล้ายกับแก้ว  แต่ว่ามันไม่โปร่งใส  เพราะเล่นคอมมิชชั่น  ฮา

             เงียบกันหมด

             ก็ได้ครับ  ผมจะอธิบายดีๆ แล้ว  ตุ๊กตาตัวเท่าฝ่ามือทำจากเซรามิกที่มีความแข็งคล้ายแก้วอย่างที่บอกไว้ตอนแรก  แต่สีของเซรามิกจะเป็นสีที่พ่นลงไปตามแบบที่วางไว้  ซึ้งต่างจากแก้วที่มันโปร่งใส  ตุ๊กตาเซรามิกที่ผมถืออยู่เป็นสีขาวเสียส่วนใหญ่  แบบของมันเป้นรูปนางฟ้าสวมชุดคลุมสีขาว  แถมปีกสีขาวขนาดพอดีกับตัวอยู่ด้านหลัง  ทั้งตัวนางฟ้าวางลอยอยู่บนฐานแข็งแรง  โดยมีสปริงยืดไว้ให้มันโยกได้

             ผมไม่ได้ตั้งใจจะซื้อตุ๊กตานี้จึงวางลงที่เก่า  แต่ก็ตัดใจหันกลับมามองมันอีกครั้งไม่ได้  ชั่งใจสักครู่จะเอายังไงดี  อารมณ์นึกสนุกอยากลองเล่นมีมากกว่า  ผมจึงเอานิ้วจิ้มตัวมันเบาๆ  มันหงายหลังแล้วเด้งกลับมายืนท่าเดิม  ผมก็จิ้มอีกมันก็เด้งกลับมา  ใช้นิ้วจิ้มหัวมันหลายทีจนกลายเป็นว่าผมใช้ทั้งมือผลักหัวตุ๊กตาแทน 

              ‘หึหึ’

             ยิ่งผลักก็ยิ่งสนุก  จนตุ๊กตาโยกไปข้างหลังมากขึ้นและเด้งมาข้างหน้าด้วยแรงเหวี่ยงมากกว่าเดิม  ผมยืนผลักตุ๊กตาโดยไม่รู้ว่ามีคนมองเขาอยู่ด้านหลัง

              “ตบหัวคนจริงๆ ดีกว่ามั้ยค่ะคุณน้อง”

             เฮือก

             มาไม่ให้สุ่มให้เสียง  ตกใจหมด

             ผมหันไปปะทะหน้าเจ้าของเสียง

              “เออ”

              “ผม...”

              “คิคิ ไม่เป็นไรค่ะ ยังไม่แตกก็ไม่มีปัญหาอะไรนี่เนอะ” เจ้าของเสียงที่แนะนำให้ผมตบหัวคนจริงๆ  เธอเป็นผู้หญิงครับ  ผมของเธอยาวเลยไหล่เล็กน้อย  ผมคิดว่าเธอน่าจะย้อมสีผมนะ  เวลาที่เธอเอียงคอ  แสงไฟตกกระทบเห็นเป็นเงาสีแดง  ก็ดูสวยดี  ไม่รู้ว่าเธอจะทำให้ทั้งตัวมีสีแดงหรือยังไง  โดยที่ผมไม่ต้องเหลือบมองเพราะความสูงเราพอๆ กัน  ถึงได้เห็นกางเกงขายาวกับรองเท้าสีแดงแรงฤทธิ์

             เจ้าแม่สีแดง

             ผมยกฉายาให้เลย

             เธอหัวเราะคึกคักเหมือนเดาใจผมออกว่ากำลังประเมินเธอในแบบไหน  เสียงแหลมเรียกผมให้สนใจเธออีกครั้ง

              “คุณจะซื้ออะไรเหรอค่ะ บอกฉันได้นะ จะได้หาให้” พูดแล้วก็ยิ้มยินดีรับใช้

             ถ้ายินดีรับใช้  ผมก็ขอใช้บริการแล้วกัน

              “ผมอยากได้พวงมาลัยคริสต์มาส”

              “ได้คะ ทางนี้คะ” เธอเปิดทางให้ผมเดินไปยังของที่ต้องการ

              “มีหลายขนาด คุณต้องการแบบไหนค่ะ” เธอหยิบพวงมาลัยคริสต์มาสหลายขนาดโชว์ให้ผมดู  มีทั้งขนาดเท่าหมอนอิงใบเล็ก  ขนาดกลาง  จนไปถึงขนาดใหญ่  ของประดับก็แตกต่างกัน  บางชิ้นก็มีใบโฮลี่  บางชิ้นก็โล่งไม่มีอะไรตกแต่งเลย  หรือมีทั้งใบโฮลี่และเสริมระฆังเล็กๆ ไว้ด้านบน  ผมว่าแบบหลังใช้ได้นะ

             ผมหยิบพวงมาลัยคริสต์มาสแบบมีระฆังขึ้นมาให้เธอดูว่าใช้ได้มั้ย “ แบบนี้ล่ะเป็นไง”

              “เรียบๆ แต่ก็สวยดีนะค่ะ คุณชอบมั้ย”

              “อืม” ผมลังเลก่อนจะตอบ

              “ก็ชอบนะ งั้นเอาอันนี้แหละ”

             เธอพยักหน้ารับคำก่อนจะโพล่งขึ้นมาเหมือนเพิ่งนึกบางอย่างออก “คุณรอเดี๋ยวนะ ฉันจะไปเอาตะกร้ามาให้”
             เธอวิ่งไปหยิบตะกร้ามาให้  ผมถึงได้สังเกตุเห็นว่าตรงประตูมีที่วางตะกร้าสำหรับเลือกซื้อของในร้าน  ผมคงเดินเข้าร้านโดยไม่มองล่ะมั้ง  แต่ก็ขอบคุณเธอนะที่อุตสาหยิบมาให้ผม

              “ขอบคุณครับ” ผมขอบคุณเธอแล้ววางพวงมาลัยคริสต์มาสลงในตะกร้าพลาสติกสีแดง

              “ไม่เป็นไรคะ”

              “แล้วคุณอยากได้อะไรอีกหรือเปล่า” เธอถามผม

              “สายรุ้งกับสายไฟครับ”

              “งั้นเชิญทางนี้คะ” เธอพาผมไปเลือกสายรุ้งก่อนแล้วค่อยตรงเข้าไปเลือกสายไฟอีกที

             สายรุ้งมีทั้งเส้นเล็กๆ  จนผมกลัวว่ามันจะหลุดร่วงเลยไม่เอา  อีกเส้นก็ดูหนาและใหญ่เกินไป  ผมอยากได้ขนาดที่มันพอเหมาะพอดี  ไม่ใหญ่เกินไปแต่ก็ขอยาวๆ หน่อย  อ่ะ  เจอแล้ว  ขนาดกำลังพอดีถูกใจผมเลย  ผมหยิบมันมาวางในตะกร้าเป็นชิ้นที่สอง

             เมื่อผมได้สายรุ้งแล้ว  ผู้หญิงคนเดิมก็พาผมไปเลือกสายไฟ  มันมีไม่กี่แบบหรอกครับ  ผมก็เลือกๆ มาแบบนึง  พนักงานสาวใจดีให้ผมลองเสียบปลั๊กไฟทดลองก่อนได้  เผื่อไฟไม่ติดจะได้ไม่ต้องเสียเวลามาเปลี่ยน

             ร้านนี้เขามีรับเปลี่ยนคืนได้ครับ  ดีเนอะ

             ผมทดสอบไฟก็เห็นว่าติดหมดก็ถอดปลั๊กเก็บสายไฟเข้ากล่อง  สาวสวยคนเดิม  ผมต้องชมเธอไว้ก่อน  เธอช่วยผมเก็บสายไฟให้ด้วย  เธอใจดีมากเลยครับ

              “เจ๊!” ผมสะดุ้งเกือบปล่อยกล่องสายไฟหล่นพื้น

             ขวัญผมยังไม่ทันกลับมางานฉลอง  คราวนี้คงวิ่งไปไหนแล้วก็ไม่รู้

             ดีไม่ดี  อาจวิ่งไปถึงนิวยอร์กแล้วก็ได้

             ขวัญเอ๊ยชวัญมา

              “อะไรย่ะ! เรียกซะตกใจหมด” ผมก็ตกใจเหมือนกัน  ลูบอกตัวเองให้ใจสงบก่อนจะวางกล่องสายไฟด้วยมือที่ยังสั่นๆ  ชิ้นที่สามก็ไปนอนรวมกันแล้ว

              “ผู้จัดการเขาให้เจ๊ไปช่วยเช็คสต็อคหน่อย ว่าของมันหมดหรือยัง” ผู้ชายที่ตะโกนเรียกเจ๊ของเขาตอบกลับ

              “แค่นี้ก็ต้องตะโกน” นั่นสิ  ตะโกนทำไม

              “เออๆ เดี๋ยวไป”

              “ขอตัวก่อนนะค่ะ ถ้ามีอะไร เรียกพนักงานในร้านได้นะค่ะ หรือถ้าจะเรียกคนหัวเขียวก็ใช้ให้หนักได้เลย” ท้ายประโยคพูดเสียงเบากับผม  แต่หนักแน่นในน้ำเสียง  คาดว่าเธอคงจะแค้นใจ  สงสัยโดนทำเสียขวัญเหมือนผมล่ะมั้ง

             เธอเดินเข้าไปในห้องหนึ่ง  น่าจะเป้นห้องเก็บสต็อคของร้า  แววๆ ได้ยินเสียงเธองืมง่ำเหมือนจะบ่นอะไรสักอย่างที่ผมได้ยินไม่ชัดเจน

              “ไอ้หัวเขียวขัดจัวหวะจริง อุตสาได้เจอเด็ก จะแทะเล็มหน่อยก็ไม่ได้”

             หากคนที่ไม่รู้ตัวว่าโดนแทะเล็มได้ยินเข้าอาจเกิดอาการสั่นๆ ก็ได้ 

             เป็นเจ้าแม่สีแดงที่น่ากลัวซะจริงๆ

              “เอ้า ป้าเร็วๆ”

              “ไอ้เด็กบ้า แกเรียกฉันว่าป้าเหรอย่ะ” สีแดงทั้งตัวคงไม่พอ  เธอจึงเพิ่มประกายไฟความโกรธเตรียมจะบีบคอเด็กปากเสีย  แต่ก็ทำไม่ได้อย่างที่หวัง  เสียงเรียกจากชายคนหนึ่งเร่งให้เธอไปจัดการเช็คสต็อคให้ไว  เพราะผู้จัดการร้านเริ่มหน้าบูดหน้าบึ้งแล้ว

              “เร่งจริง”

              “แก่แล้ว ยังจะรีบอีก” เจ๊ไม่แก่เลยเนอะ  เด็กหนุ่มหัวเขียวคิดในใจ  อายุก็ไล่เลี่ยกับผู้จัดการร้าน  ยังไม่ยอมรับตัวเองอีก

             ผมก็เข้าใจเธอนะ  คำบางคนก็ไม่ควรพูดออกไป

             โอะ!  ผมยังไม่ได้ดูต้นคริสต์มาสเลย  คิดได้ดังนั้นผมก็หันหลังหลับมาสนใจรายการสั่งซื้อของตัวเอง

             ปึก

             โอ๊ย  เจ็บจมูกอ่ะ

             ผมเกือบล้มก้นจ้ำเบ้า  แต่มืออีกคนไวกว่าคว้าแขนผมแล้วกระตุกผมเข้าหาตัวเขา  จากที่โดนชนครั้งแรกผมต้องมาชนอีกแล้ว  เจ็บจมูกนะ

             ฮือออ

             ผมเงยหน้ามองคนทำจมูกเจ็บถึงสองครั้ง  พอเจอหน้าก็เจอสายตาเป็นห่วงอย่างจริงใจไม่เสแสร้ง  ผมหลบวูบ  ไม่รู้เป็นอะไรถึงไม่สามารถสบตาเขาตรงๆ ได้เลย  เหมือนว่าหัวใจผมจะเต้นแปลกๆ ด้วย

              “ผมเดินไม่ระวัง ยังไงก็ขอโทษนะครับ”

             ผมพยักหน้ารับ  ที่จริงผมก็ต้องขอโทษเขาด้วย  ผมเองก็ผิดที่ไม่ทันระวังเหมือนกัน

              “ผมต้องขอโทษต่างหาก  ผมก็ไม่ได้ระวังตัว”

              “อืม งั้นก็... เจ๊ากันเนอะ” เขาฉีกยิ้มเหมือนคนไม่มีความทุกข์ใดๆ

              “แล้วคุณหาอะไรอยุ่เหรอ” ผมเพิ่งสังเกตุ  เขาใส่เสื้อสีแดงสกรีนเป็นคำว่า ‘Merry Christmas’ พร้อมกับหมวกสีแดงบนหัว  เขาก็เป็นพนักงานที่นี่เหมือนกัน

             แต่เป็นพนักงานที่ดูดีกว่าคนอื่นในร้านเลย

             นี่ผมเผลอคิดอะไรเนี่ย  เรามาซื้อของนะ  ไม่ใช่มาส่องผู้ชาย

              “ต้นคริสต์มาส ผมอยากได้ต้นคริสต์มาส”

              “ได้ตามความต้องการครับ” ชายหนุ่มยิ้มเตรียมบริการเต้มที่

              “มาครับ ผมถือให้” แล้วเขาก็คว้าตะกร้าผมไปถือทันที  ไม่ทันที่ผมจะตอบรับหรือคิดจะปฏิเสธน้ำใจ

             ผมไม่ปฏิเสธน้ำใจเขาหรอก  ตอนนี้ผมกเมื่อยแล้ว  มีคนช่วยถือก็ดีเหมือนกัน

              “สีนี้มั้ย”

             ชมพูพริ้งแสบตาอย่างจัง  ใครจะกล้าซื้อ  แต่ก็ยังมีคนกล้าทำมาขาย  ผมปลงกับความคิดคนทำหน่อยๆ  เขาคงคิดว่ามีคนชอบสีต้นคริสต์มาสแบบแตกต่างจากปกติล่ะมั้ง

             ผมทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก  เวลามองต้นสีชมพูอีกครั้ง  สีหน้าผมแปลกหรือเปล่า  คนที่แนะนำต้นนี้ถึงหัวเราะแทบไม่ไว้หน้า  ขำอะไรนัก  ก็คนมันไม่ชอบสีนี้นี่นา

              “ฮ่าฮ่า คุณนี่ทำหน้าตลกจัง”

             ตลกแค่นายคนเดียวน่ะสิ  ไม่ขำด้วยหรอก  ฉันเป็นลูกค้านะ  มายืนหัวเราะใส่  ไม่คิดว่ามันเสียมารยาทแบบสุดๆ มั้งเหรอ  ผมจึงออกจากร้านด้วยอารมณ์โกรธ

             ชายหนุ่มรีบคว้ามือผมไว้แน่น “ผมขอโทษครับ ผมล้อเล่น”

             มันใช่เวลามาล้อเล่นหรือไง

              “น่านะ อย่าโกรธผมเลย” เขายกมือผมที่ยังกุมแน่นพลางลูบเบาๆ อ้อนวอน

             ลูบมาได้  ฉันก็เขินเป็นนะ

              “นี่” ผมกระตุกมือให้เขารู้ตัว

              “เอ๋ เออ แฮะๆ” เขาถึงได้ปล่อยมือผมแล้วลูบหัวตัวเองแก้เขิน  ผมเห็นหูเขาแดงด้วย  เวลาเขาเขิน  อืม... ก็ดูน่ารักดีนะ

              “มาเลือกต้นคริสต์มาสกันต่อดีกว่า” เขาพลิกสถานการณ์ไม่ให้เรามองหน้ากันไม่ติด  จะคุยไม่ได้เพราะมือนายที่คอยแต่จะลูบมือฉันไม่หยุดนั่นแหละ

             ชายหนุ่มมองผมสลับกับมองต้นคริสต์มาส  สีหน้าครุ่นคิดก่อนจะอมยิ้ม  แทบปิดอารมณ์นึกสนุกไว้ไม่อยู่

             ยังไม่เลิกคิดอะไรแปลกๆ อีกเหรอ

              “สูงเท่าไหร่”

              “ฮะ หมายถึง”

              “คุณน่ะ สูงเท่าไหร่” ถามผมแล้วก็ปิดปากแอบขำผมไม่มีเสียง

              “...”

             หาว่าฉันเตี๊ยงั้นเหรอ

             ฮึม

              “ขำๆ นา” ไม่ขำเลยสักนิด  เรื่องความสูงเป็นอะไรที่ผมเคร่งเครียดมาก  กินก็แล้ว (แต่ไม่เล่นกีฬา)  นอนพักผ่อนก็แล้ว (แต่นอนดึก)  ห้อยโหนบาร์ก็ทำ (แค่สองสามครั้งเลิก)  ทำไมผมยังไม่สูงสักที

ช่วยกรุณาอ่านในวงเล็บแล้วปฏิบัติตามอาจสูงได้

ด้วยความปราถนาดีจาก... ใครก็ไม่รู้ (อ้าว)

              “ผมถามความสูงของต้นคริสต์มาสที่คุณอยากได้” ถ้ายังล้อเลียนควมสูงฉันอีก  จะเอาค้อนทุบหัวนายให้เตียตามฉันเลย  คอยดู!

              “ไม่รู้สิ เอาแบบไม่สูง ฉันจะวางบนโต๊ะ”

              “อ๋อ ได้ครับ แล้วแบบนี้พอดีมั้ย” เขาเลื่อนต้นคริสต์มาสต้นหนึ่งมาข้างหน้า  ใบของต้นเป็นสีเขียว  สีนี้ผ่านครับ  สีแบบคลาสสิคเป็นธรรมชาติดีที่สุด  ทั้งต้นมีของปรับตกแต่งเป็นชิ้นเล็กๆ  เขายังบอกอีกว่า  ต้นนี้มีออฟชั่นเสริมคือ  มีไฟพันรอบทั้งต้นด้วย  ฟังเขาเสนอสินค้าก็พลินดี  น้ำเสียงเขาตื่นเต้นอย่างกับขายสินค้าของตัวเอง  แต่ว่าเขาเป็นพนักงานที่นี่  ของในร้านก็หมือนกับเป็นของเขานั้นแหละ

              “ลองเสียบปลั๊กดูนะ” เขาดูตื่นเต้นกว่าผมอีก  ผมเลยให้เขาทดสอบเองได้ตามใจ  พอเห็นแสงไฟปรากฏ  ตาเขาก็ลุกวาบเหมือนเจอของเล่นถูกใจ

              “อยากได้อ่ะ”

             ตกลงใครเป็นลูกค้ากันแน่

              “เพิ่งออกใหม่ซะด้วย อยากได้ๆ” เดี๋ยวทำหน้าดีใจได้พักเดียวก็สลดลงเหมือนเสียดาย  ผมก็สงสัยนะ  เขาไม่ให้พนักงานซื้อเหรอ

              “นายก็ซื้อสิ”

              “ไม่ได้หรอก พนักงานต้องรอล็อตหน้า ไม่รู้ว่ามันจะเหลือมาถึงมือผมหรือเปล่า”

             เขาทำหน้าหงอย  ผมมันก็พวกเห็นใจคนอื่นซะด้วย “ถ้าอย่างนั้น ฉันซื้อแทนนายแล้วกัน” ที่จริงผมเล็งไว้ตั้งนานแล้ว

              “แต่ว่านะ ฉันจะเอาไว้ที่บ้านฉัน เพราะฉันเป็นคนซื้อ เข้าใจมั้ย” เหมือนเป็นการชวนเขาเข้าบ้านกลายๆ  ผมเองพูดโดยไม่ทันคิดด้วยสิ  หวังว่าเขาคงไม่คิดไปไกลเกินแล้วกัน  เขาเพียงพยักหน้าตอบแล้วยิ้มดีใจ  ประหนึ่งว่าบ้านผมก็เป็นบ้านเขาเหมือนกัน

              “ขอบคุณ ไว้วันหลังผมจะไปคุณแล้วกัน” โอ้  ตอบแบบนี้จะไม่ให้ตกใจได้ยังไง  เขาคงไม่คิดจะไปบ้านผมจริงๆ ใช่มั้ย  เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน  ไม่ต้องมาก็ได้  ผมไม่ว่าหรอก  และอีกอย่าง  เขารู้เหรอว่าบ้านผมอยู่ที่ไหน

             นอกจากนายจะเป็น ‘สตอล์กเกอร์’ ตามผมไปทุกที่

             คิดแล้วก็ผวายังไงชอบกล

              “คุณอยากได้อะไรอีกหรือเปล่า”

              “แค่นี้แหละ จ่ายเคาน์เตอร์ตรงนั้นใช่มั้ย”

              “ครับ” ผมจึงเดินตัวปลิวไปจ่ายเงิน  ถูกต้องครับ  เดินตัวปลิงสบายไม่ต้องถืออะไร  มีหนุ่ม  เอ๊ย  มีคนช่วยถือของให้แล้ว

             พอถึงจุดชำระเงินของทุกอย่างก็นำมาคิดเงินก่อนจะใส่ถุงให้เรียบร้อย  ผมรับเงินทอนแล้วก็หิ้วของทั้งหมดออกจากร้าน  ก่อนจะก้าวพ้นประตู  ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมหันไปหาเขา  ชายหนุ่มที่คอยบริการผมอย่างดี  รอบตัวมีแต่สาวๆ ห้อมล้อม  แต่ยังมีแก่ใจมาสนชายที่ยืนอยู่หน้าประตู

              “แวะมาหาผมอีกนะครับ”

             พูดผิดหรือเปล่า

             มันต้อง... ‘แวะมาร้านเราอีกนะครับ’ ไม่ใช่เหรอ

             แบร่

             ผมแลบลิ้นใส่  เขาคิ้วขมวดหน้างงๆ ก่อนจะยิ้มเป็นการแสดงตอบกลับว่าไม่ถือสาผมที่ทำกริยาไม่งาม  ผมเห็นเขายกมือขึ้นปิดปากแอบหัวเราะผมอีกแล้ว

             คนอะไรขำอยู่ได้

             อยากบอกไว้ตรงนี้ด้วยว่า

             ‘ใครจะอยากมาหานาย’

             ฉันคนหนึ่งล่ะที่... ไม่!


             **********
             ไม่ปฏิเสธถ้าเขาจะมาหานายแทนอ่ะดิ
             กว่าจะได้ 1 ตอน  ต้องนอนพักเอาแรง  ปวดหัวมาก
             เกือบจะไม่แต่งแล้ว  เพราะกลัวไม่ทันเดทไลน์ (ตัวเอง)
             มาดูกันต่อไปว่า  นายเอกจะยังโดเดี่ยวต่อไปอีกมั้ย
             และมาดูกันว่า  คนแต่งจะปวดหัวก่อนส่งเดทไลน์หรือเปล่า  อ๊าก T^T P~
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-12-2011 13:19:05 โดย Lemon_Tea »

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
Re: [เรื่องสั้น]The man in Christmas ตอน1 (21-12-11)
«ตอบ #2 เมื่อ21-12-2011 13:22:30 »

เนื้อเรื่องน่ารัก

อ่านแล้วอมยิ้มตาม

+1 จ้า

 :L2: :L2:

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
Re: [เรื่องสั้น]The man in Christmas ตอน1 (21-12-11)
«ตอบ #3 เมื่อ21-12-2011 15:53:13 »

 :-[ เรื่องน่ารักอ่ะ คุณลูกค้าจะไม่แวะมาหาคุณพนักงานจริงๆเหรอ ^^

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
Re: [เรื่องสั้น]The man in Christmas ตอน1 (21-12-11)
«ตอบ #4 เมื่อ21-12-2011 21:18:34 »

 :mc4: :L2:

ออฟไลน์ Lemon_Tea

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
Re: [เรื่องสั้น]The man in Christmas ตอน1 (21-12-11)
«ตอบ #5 เมื่อ22-12-2011 12:28:22 »

เนื้อเรื่องน่ารัก

อ่านแล้วอมยิ้มตาม

+1 จ้า

 :L2: :L2:

ขอบคุณนะ ^^


น่ารักดีฮะ !! ชอบจัง! อื้มมม ผู้ชายคนนั้นท่าทางเป็นเจ้าของร้านแน่ๆเลย
เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่ะ
ขอบคุณๆ
ผู้ชายคนนั้น นะเหรอ อาจไม่ใช่ก็ได้น้า


:-[ เรื่องน่ารักอ่ะ คุณลูกค้าจะไม่แวะมาหาคุณพนักงานจริงๆเหรอ ^^
นั่นสิ เดี๋ยวคุณพนักงานเขาน้อยใจเนอะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-12-2011 11:54:02 โดย Lemon_Tea »

ออฟไลน์ Lemon_Tea

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
ขอแก้ไขชื่อเรื่องนิดนึง
เป็นชื่อนี้
The man in Christmas Day

-+-+-+-+-+--+-+-+-+-+-
ตอน2


             หลังจากออกมาจากร้านขายของตกแต่ง  ผมก็ตรงไฟฝากของทั้งหมดก่อนจะเข้าไปซื้อของกินสำหรับมื้อเย็นของวันนี้และวันพรุ่งนี้

             ของวันนี้ไม่มีอะไรน่าสนใจเท่าวันพรุ่งนี้  เพราะเป็นวัน ‘Christmas Eve’ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนในบ้านจะร่วมรับประทานอาหารพร้อมกันทั้งครอบครัว  อาจจะอยู่กับคนรัก  หรือเพื่อนก็ได้  แต่ผมไม่ครอบครัว  เพื่อนก็ไม่มี  คนรักยิ่งแล้วใหญ่  ก็เลยต้องนั่งกินคนเดียวต่อไป

             เฮ้อ

             อยากมีใครสักคนนั่งกินข้าวด้วยจัง

             สิ่งที่ควรจะทำตอนนี้คือหากับข้าวมาทำอาหารดีกว่า  ผมเข้าโซนอาหารสดแล้วเลี้ยวเข้าช่องอาหารแช่แข็ง  และไม่ลืมแวะโซนขนม  หยิบติดไม้ติดมือนิดหน่อย  มันก็เยอะพอที่จะเบียดอาหารชิดข้างตะกร้า  ผมไม่ได้ชอบกินขนมนะ  แต่ขนมบางถุงมันอร่อยนี่นา

             พอได้ทุกอย่างตามรายการที่จดไว้ก็ไปจ่ายเงิน  ก้มมองในตะกร้า

              ‘เกินมาหลายรายการ’

             ยิ้มน่าเอ็นดู  เผื่อมีใครอยากให้ขนมผมเพิ่ม

             เหมือนผมจะทำตัวเป็นเด็กอีกแล้ว

             รีบไปเอาของที่ฝากไว้ดีกว่า  เดี๋ยวจะมีคนแซววผมไปมากกว่านี้  ผมถือของอย่างทุลักทุเลเต็มสองมือ  ไม่มีใครคิดจะช่วยสักคนเลยหรือไง  เห็นใจคนโสดกันหน่อย

             หนักก็หนัก

             รู้อย่างนี้ซื้อให้น้อยหน่อยก็ดี

             ฮึด!

             เขามีแต่ยกแบกเป็นตัน  ส่วนผมยกข้าวของแทน

             สู้เว้ย!

             ลากสังขารออกไปหารถกลับบ้าน  โชคดีหน่อยที่โซเฟอร์หรือคนขับรถแท็กซี่เห็นสภาพเอน็จอนาจของผมแล้วก็รีบมาช่วยผมถือของก่อนจะยัดมันเข้ารถ

             ก็ยังมีคนดีอยู่บ้าง



             พอถึงบ้านชีวิตใครชีวิตมัน  ผมต้องช่วยตัวเองอีกตามเคย  วางของบางส่วนบนพื้น  ควานหากุญแจในกระเป๋าอย่างยากเย็น  เททั้งกระเป๋าได้คงทำไปแล้ว  ซ้ำร้ายตอนจะไขประตูกุญแจดันตกพื้น  ถุงของสดของแข็งและบบรดาขนมทั้งหลายทิ้งน้ำหนักตามผมที่ก้มเก็บกุญแจ  กำลังขายังมีจึงยังไม่ล้มหัวเข่ากระแทกพื้น

             ชีวิตผมมันอะไรนักหนา

             ก่อนจะวางข้าวของกระจายเต็มโต๊ะ  มองแขนกับนิ้วมือที่แบกของหนักเกินกำลังตัวเอง

              “แดงเลย”

             ถอนหายใจกับตัวเองเฮือกใหญ่ก่อจจะลุกไปเก็บอาหารทั้งแข็งทั้งสดเข้าตู้เย็น  แล้วมาจัดการแกะห่อของตกแต่งที่เพิ่งซื้อมาใหม่  ส่วนของเก่าผมเตรียมไว้หมดแล้ว  ไม่ได้อยากจัดเลยแต่มีพร้อม  โดยแยกไว้ในกล่องเฉพาะงานนี้เลย  ผมตรวจสอบของทุกอย่างเห็นว่ามีครบตามต้องการแล้วก็เริ่มทำการตกแต่งบ้านเรียบๆ ของตัวเองให้มีสีสันอีกครั้งหนึ่ง

             ผมวางต้นคริสต์มาสสีเขียวหรือที่เขาเรียกกันว่าเอเวอร์กรีน  ต้นของมันไม่สูงเท่าไหร่  ประมาณหนึ่งฟุตเห็นจะได้  คนขายก็ไม่ได้บอกด้วยสิ  ส่วนคนซื้อก็ไม่ได้ดู  ฮ่าฮ่า  สรุปช่างมัน

             ต้นคริสต์มาสวางตรงกึ่งกลางโต๊ะรับแขก  ต้นนี้ก็ไม่ได้ต่างจากต้นอื่นทั่วไปหรอกครับ  ความต่างที่ลงตัวในแบบต้นเล็กๆ พอดีๆ ทำให้ดูแตกต่างจากต้นอื่น  รอบๆ ต้นถูกตกแต่งไว้พร้อมทุกอย่าง  ทั้งสายรุ้งเส้นบาง  กล่องของขวัญขนาดจิ๋ว  ลูกบอลเล็กๆ  รวมถึงสายไฟที่พันรอบต้นเป็นออฟชั่นเสริม

             พูดถึงไฟก็พาลไปนึกถึงผู้ชายคนนั้น  คนที่ทำจมูกผมเจ็บถึงสองครั้งนั้นแหละ  ไม่รู้ชื่ออะไร  ป้ายชื่อก็ไม่มี  แอบอ้างมาเป็นพนักงานหรือเปล่า  แต่เขาไม่ใช่ผู้จัดการนะ  ผมหันไปเห็นตัวจริงพอดี  เสื้อของเขาบ่งบอกถึงตำแหน่ง  เขียนตัวใหญ่ๆ ชัดเจนว่า

ผู้จัดการ

หัวใจ

             บรรทัดล่างเขาใช้ตัวเล็กกว่าด้านบน  อ่านแล้วยิ้ม  ก็คิดกันได้นะ



             ไม่รู้ว่าใครคือผู้ที่ถูกเขาจัดการปราบหัวใจให้อยู่หมัด...  อันหลังผมเติมเอง

             ส่วนพนักงานคนที่ทำร้ายร่างกายผม  พูดเหมือนเขาเป็นคนไม่ดีอย่างนั้นแหละ  เขาจะจัดการหัวใจผมให้ยอมเปิดใจได้หรือเปล่าผมไม่รู้  แต่เห็นเขาถูกรายล้อมด้วยสาวๆ  ทำเป็นยิ้มแย้มอย่างกับดีใจในเส่นห์ตัวเอง  ไม่อยากเปิดใจให้ใครก็เพราะเขาน่าหมั่นไส้นี่แหละ

             เฮอะ  มีความสุขมากใช่มั้ย

             ทำมาเป็นสนิทสนมกับผม  พอขายของได้แล้วก็ทิ้งกันเลย  ผมล่ะอุตสาหันกลับมาจะขอบคุณสักหน่อย  ก็เห็นเขายืนคุยหัวเราะสนุกสนานกับผู้หญิงแล้ว

             ใช่สิ  ผมเป็นผู้ชายนี่

             ใครว่าผมหึง!

             เราไม่ได้เป็นนอะไรกันซะหน่อย

             แล้วทำไมผมต้องหน้าแดงตอนเขายิ้มกลับมาพร้อมประโยคสุดท้ายด้วย

              “แวะมาหาผมอีกนะครับ”

             ไม่มาหนายหรอก  มีคนอื่นอีกตั้งหลายคนในร้าน  สนใจพวกเขาไปสิ  ไม่มีเหตุผลที่ฉันต้องมาหานาย  คิดๆ ดูแล้วก็ยังเห็นว่าผมอาจจะมาร้านที่เขาทำงานที่นี่อยู่ดี  ผมไม่ได้มาหาเขา  แค่เผื่อมีของที่อยากได้เพิ่มเติมจะได้แวะมาร้านนี้เลย

             ใครว่าผมปากไม่ตรงกับใจ

             ก็พูดถูกแล้วแล้วล่ะ  ปากก็อยู่ส่วนปาก  ใจผมก็ยังอยู่ที่เดิมไม่ได้ไปไหน  จะให้ปากตรงกับใจผมทำไม่ได้หรอก  ผมไม่ได้กวนเลย

             ไม่แน่นะ  นายอาจได้พิสูจน์ข้อเท็จจริงที่ว่าปากมันตรงกับใจหรือเปล่า  เพราะบางทีใจมันอาจตรงกับใจ (อีกคน)  และปากของนายก็อาจจุ๊บใครคนนั้นก็ได้

             เลิกเรื่องปากกับใจจะตรงกันหรือไม่ก่อนดีกว่า  ผมชักหวั่นแปลกๆ เหมือนใจผมกำลังถูกใครดึงเอาไป  ลมพัดแผ่วๆ ผ่านริมฝีปาก  สัมผัสบางเบาราวกับเตือนให้ตนระวังตัวว่าจะมีใครฉกชิง

             ผมเอามือกุมหัวใจที่เต้นแปลกๆ ยามนึกถึงรอยยิ้มจริงใจจากเขา  นิ้วมือลูบบนริมฝีปากอวบอิ่มเวลาเขาเอ่ยคำ  เหมือนผมอยากแนบไปกับริมฝีปากของเขา  แล้วซุกอกแกร่งที่เคยได้สัมผัสหนหนึ่ง  ฟังเสียงหัวใจเขามันจะเต้นเหมือนผมหรือเปล่า

             นี่ผมเป็นอะไร

             คิดถึงเขามากขนาดนี้

             ทั้งที่เจอไม่กี่ชั่วโมง

             เพราะรอยยิ้มกับท่าทางขี้เล่นของเขาคนเดียวเลย

             คว้าหัวใจ

             จูบอ่อนโยน


             ไม่ๆ  ผมไม่มีทางจะทำเรื่องแบบนั้น  ต้องเป็นเพราะต้นคริสต์มาสที่ผู้ชายคนนั้นนำเสนอ  แต่ท่าทางสนุกสนานราวกับเด็กได้ของเล่น  ผมเผลอยิ้มโดยไม่รู้ตัว

             โอ๊ย  ไม่นะ  ผมคิดถึงเขาอีกแล้ว

             แสงไฟส่องทันทีที่กดเปิดทำผมตาพร่าเลือน  สมองเบลอสับสน

             ใช่แล้ว  มันต้องเป็นเพราะเหตุนี้

              “จริงสิ จัดบ้านต่อดีกว่า จะได้ไม่คิดถึงเขา”

             อาการแปลกๆ กับความคิดถึงที่ไม่น่าเป็นไปได้จึงหยุดชั่วคราว  หันมาสนใจกับของที่เหลือ  ผมทดสอบไฟต้นคริสต์มาสเช็คดูว่ามันจะขาดระหว่างทางกลับถึงบ้านหรือเปล่า  ก่อนจะหาเก้าอี้สูงๆ ปีนขึ้นไปติดสายไฟ  เป็นแบบกระพริบได้ด้วย  เจ๋งดีใช่มั้ยล่ะ  ผมติดมันบนผนังที่คิดว่าน่าจะสูงที่สุด

             หวาดเสียวกลัวจะหล่นเหมือนกัน

             ผมจึงต้องหาเก้าอี้ที่มั่นคงที่สุด  ไม่อย่างนั้นผมคงจะได้เข้าเฝือกเป็นของขวัญต้อนรับวันแห่งความสุข  แต่ต้องนั่งเศร้าโอดครวญบนเตียง

             สายไฟห้อยระโยงระยางจากผนังฝากหนึ่งไปอีกฝากหนึ่งแล้ววนล้อมรอบพวงมาลัยคริสต์มาสที่เพิ่งซื้อมาใหม่  พร้อมกับสายรุ้งและป้ายขนาดยาว ‘Merry Christmas & Happy New Year’ ติดตามผนังที่ว่างอยู่  กล่องของขวัญผมยังไปหามาได้ตั้งแต่ขนาดเล็กจนถึงขนาดกลางมาวางรอบต้นคริสต์มาส

             เสียงระฆังดังกรุ๊งกริ๊งทำให้ผมเริ่มตื่นเต้น  รอคอยวันที่จะมาถึง

              ‘วันแห่งความสุข’




             ผมพลาดอะไรบางอย่างหนึ่งครับ

             ผมไม่ได้สังเกตุแน่เลยว่าตอนซื้อต้นคริสต์มาสมันไม่มีตุ๊กตานางฟ้าติดไว้  จะเอาไปเปลี่ยนก็เสียเวลา  ไปกลับก็เปลืองค่าน้ำมัน  ผมนั่งคิดอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะลุกไปหยิบกระดาษเอสี่มาวาดรูปนางฟ้า  ที่จริงแล้วผมวาดเป็นผู้ชาย  งั้นก็เรียกว่าเทวดาล่ะกัน  วาดแล้วลบใหม่พักใหญ่จนออกมาเป็นรูปเป็นร่าง

              ‘ฝีมือไม่เลว’

             ผมยิ้มกับผลงานตัวเองที่คิดว่ามันสวยคนเดียว  อย่าบอกใครเชียวนะว่าฝีมือการวาดของผมเข้าขั้นเด็กอนุบาลเลย

             ผมรื้อลิ้นชักหากล่องสีไม้มาระบายตกแต่งแล้วตัดออกมาตามโครงร่างของเทวดา  โดยทิ้งระยะห่างประมาณศูนย์จุดห้ามิลิเมตร  ผมตัดไม่ได้ขนาดสักเท่าไหร่

             เบี้ยวบ้างตรงบ้าง 

             แต่ก็ดูเก๋ดี

             เอ๋... ไม่เห็นด้วยเหรอครับ

             จากนั้นก็นำกระดาษที่ตัดแล้วมาแปะลงกระดาษแข็ง  ผมไม่กล้าใช้กาว  กลัวกระดาษมันจะเหี่ยวย่นซะก่อน  ผมใช้แบบกาวสองหน้าแปะลงไป  ดูมีความหนาขึ้นมานึดนึง  เมื่อวางกระดาษลงไปแล้วก็ตัดตามรูปร่างกระดาษลายเทวดาอีกที

             มีใครทำตามไม่ทันบ้างครับ  ยกไม้ยกมือกันให้พรึบ  แมไม่สอนให้ใหม่นะ  อย่าเพิ่งโกรธกันสิ  นี่ก็ใกล้เวลานอนแล้ว  เด็กดีครับ  เอาไว้ถ้าว่างเมื่อไหร่ผมจะสอนแบบตัวต่อตัวเลย

             อ้าว  ไม่อยากให้ผมสอนเหรอ

             ห้า!  อยากให้ผู้ขายคนนั้นสอนแทน  ผมทำเป็นลืมแล้วยังมีคนดึงเขาออกมาอีกเหรอ  ผมไม่ให้นะ  เออ...  ผมหมายถึง  ไม่ได้ครับ  เขาไม่รู้วิธีทำนี่นาแล้วจะสอนได้ยังไง  จริงมั้ยครับ... ยิ้มเป็นห่วงเป็นใยทุกคน

             อ่ะ  ลืมเลย  ผมทิ้งเขาไว้ได้ไงเนี่ย

             เทวดาของผม

             ขอย้ำให้ชัดเจน  เทวดาที่เป็นกระดาษนะครับไม่ใช่คน

              ‘ร้อนตัวชัดๆ’

             เทวดาของผมเสร็จสมบูรณ์  ผมชื่นชมฝีมือตัวเองด้วยความพึงพอใจแล้วนำมันไปติดด้านบนของต้นคริสต์มาส



             ทุกอย่างพร้อมหมดแล้ว

             เหลือสิ่งเดียว

             ก่อนที่ผมจะนอนหลับในคืนนี้  ผมแขวนถุงเท้าไว้ด้านหน้าของเตียง  จากนั้นก็เดินไปริมหน้าต่าง  เงยหน้ามองท้องฟ้าเห็นดาวดวงหนึ่งทอแสงอ่อนแต่มั่นคง

             ขออธิษฐานในใจ

              ‘ผมไม่รู้ซานต้าครอสมีจริงจริงหรือเปล่า แต่ผมก็อยากได้ของขวัญสักชิ้น ผมอยากมีความสุขเหมือนคนอื่น แค่ชิ้นเดียวก็พอแล้ว ได้มั้ยครับคุณลุงซานต้า’


             **********
             ตอนนี้มาสั้นหน่อยนะ

             ซานต้าจะมีของขวัญให้กวางน้อยคอยรักหรือเปล่า
             และเขาจะให้อะไรกับเจ้าของเทวดา (กระดาษ)
             เอะ!  หรือว่าของขวัญชิ้นนั้นคือ.... (^o^) F
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-12-2011 12:18:26 โดย Lemon_Tea »

ออฟไลน์ Horizon

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1731
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-22
น่ารักมาก
+1

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
รอดูว่า ลุงซานต้าจาให้อะไรเป็นของขวัญเอ่ย

ออฟไลน์ oiruop

  • เ รื่ อ ง โ ง่ โ ง่ นี่ ฉ ล า ด นั ก ⊙﹏⊙∥
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 470
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
    • https://www.facebook.com/book.yaoi?fref=ts
สนุกดีนะ

 :กอด1: :กอด1: :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [เรื่องสั้น]The man in Christmas' Day ตอน2 (23-12-11)
« ตอบ #9 เมื่อ: 23-12-2011 14:52:13 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Lemon_Tea

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
Re: [เรื่องสั้น]The man in Christmas' Day ตอน2 (23-12-11)
«ตอบ #10 เมื่อ24-12-2011 15:28:28 »

น่ารักมาก
+1
ขอบคุณจ้า


รอดูว่า ลุงซานต้าจาให้อะไรเป็นของขวัญเอ่ย
จะได้รู้ในอีกไม่ช้า


สนุกดีนะ

 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ขอบคุณๆ  :กอด1:

ออฟไลน์ Lemon_Tea

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
Re: [เรื่องสั้น]The man in Christmas' Day ตอน3 (24-12-11)
«ตอบ #11 เมื่อ24-12-2011 22:46:45 »

อัพตอนดึกๆ

นอนกันหมดแล้วใช่ม่ะ (-o-)Zzz

***********
ตอน3


             We wish you a Merry Christmas,

             We wish you a Merry Christmas,

             We wish you a Merry Christmas,

             And a Happy…

             โครม

             นาฬิกาปลุกซานต้าครอสกลมปุ๊กลุ๊กหนวดแตกตามแรงกระแทกพื้น

             ถือโอกาศหาเรือนใหม่พอดี

             ยืดสุดแขนบิดขี้เกียจยาวหนึ่งทีก่อนจะเข้าห้องน้ำเพื่อออกมากินข้าวเที่ยง  ฟังไม่ผิดหรอกครับ  มื้อเที่ยงจริงๆ  ก็เมื่อคืนนอนดึก  ขอตื่นสายหน่อยนะ



             หนังท้องตึงหนังตาเริ่มหย่อน  ผมกำลังเตรียมเอนตัวนอนกลับกระเด้งตัวลุกขึ้นทันที  กินแล้วนอนผมต้องอ้วนลงพุงแน่  น้ำหนักขึ้นตั้งหนึ่งกิโล 

             โอ๊ย  เครียด  ถึงจะแค่โลเดียวก็เถอะ

             ก่อนที่อัตราประชากรคนอ้วนจะเพิ่มมากไปกว่านี้  ผมควรลุกออกไปเดินเล่นข้างนอกบ้าง  พักท้องสิบยี่สิบนาทีก็ยังดี

             อากาศกำลังดีเลย

             แดดก็ไม่ร้อน

              “เฮ้ คุณ” ก้าวเท้าไปได้ไม่เท่าไหร่  ก็ได้ยินเสียงเรียกทักดังขึ้นหน้าประตูใหญ่  เพ่งมองตามเสียงจึงได้ชายคนหนึ่งเดินมาหาพร้อมกับจูงหมาสองตัวมาด้วย

             คนแปลกหน้าไม่คุ้นเคยผมชิ่งปิดประตูหนีเลยนะ

             นั่นพนักงานที่ร้านขายของนี่

             อย่าบอกนะว่าเขามาบ้านผมอย่างที่เคยพูดไว้

             ตามหาบ้านถูก

             เขาต้องเป็น ‘สตอล์กเกอร์’ จริงๆ นะสิ

             แล้วผมควรจะทำยังไงดี  แถมหมาสองตัวยังส่งเสียงโฮ่งอยากจะทักทายเหมือนเจ้านายของตน

              “เจ้าหมาแสนรู้มันทักทายคุณด้วยล่ะ”

              “คุณตอบมันหน่อยสิ” คนแปลกหน้าวันเดียวพูดอย่างกับว่าผมฟังภาษาหมาออกยังนั้นแหละ  เขายังรอคอยโดยไม่มีท่าทีรีบร้อนให้ผมทักตอบหมาของเขา

             ฉันเป็นคนจะพูดภาษาหมาได้ไงเล่า  ตาบ้า!

             นึกว่าไม่ได้เจอกันแล้วแต่กลับเจออีกจนได้  แล้วยังมาให้เห็นกันถึงบ้านด้วย  คนที่เจอหน้ากันแล้วเล่นมุกขำๆ ที่ผมไม่รู้สึกสึกขำสักนิด  ผมต้องไม่ชอบเขาถึงจะถูก  แต่กลายเป็นว่าเขาทำให้ผมอดคิดถึงไม่ได้

             อยากรู้ใช่มั้ย  เหตุผลอะไรที่ทำให้ผมคิดถึงเขา

             ผมจะขอบอกรูปร่างหน้าตาคร่าวๆ ของเขาก่อนแล้วกัน  ส่วนที่อื่นผมเก็บไว้รู้คนเดียว 

             ที่เหลือนะเหรอ...  ยิ้มไร้เดียงสา

             ผมไม่บอกหรอก  ก็ผมยังไม่เคยเห็นนี่นาแล้วจะบอกได้ยังไง  ถ้าเขาเปลือย  เอ๊ย  เขาเล่ารายละเอียดบนร่างกายให้ฟัง  ผมอาจจะแง้มๆ  เอะ  หรือปิดไว้ดี

             เกรงว่าจะมีคนจินตนาการภายใต้เสื้อผ้าเขาจนเตลิด  ผมต้องรีบบอกรูปร่างหน้าตาเขาดีกว่า

             หน้าตาเขานะหรือ  อืม...

             ไม่หล่อเหลาคมเข้มอย่างที่สาวๆ ใฝ่ฝันอยากพบ  ดวงตาระยิบระยับบ่งบอกว่าเป็นคนขี้เล่น  แต่ยังทอประกายอ่อนโยนให้เห็น  คิ้วโค้งได้รูปเข้ากับดวงตาสีดำ  จมูกโด่งพองามไม่แหลมผิดปกติ  ปากสีชมพูอมส้มเป็นธรรมชาติ  โครงหน้าไว้เคราประปรายเหมือนว่าเขาจะโกนมันแบบลวกๆ

             การแต่งกายสบายๆ แต่ปกปิดรัดกุม  กางเกงขายาวสีน้ำตาเข้มกับรองเท้าสีดำ  เสื้อที่สวมเป็นเสื้อคลุมสีแดงเด่นสะดุดตาต่อผู้พบเห็น  เสื้อคลุมยังปักลายต้นคริสต์มาส  โดยมีเจ้าตูบนอนหมอบใต้ต้น  ส่วนเสื้อด้านในเป็นเสื้อยืดสีขาวสกรีนข้อความสองบรรทัด

Love Reindeer

Love My Dog

             เคยได้ยินแต่ ‘Love Me Love My Dog’

             ดูเหมือนว่าเขาจะรักหมามาก  ขนาดเสื้อคลุมและเสื้อยืดก็เกี่ยวกับหมาทั้งนั้น  ไม่รู้ว่ากางเกงในจะเป็นลายหมาด้วยหรือเปล่า  ความคิดมันดูตลกลามกสิ้นดี  ผมเลยขำออกมาจนคนที่ถูกกล่าวถึงย่นคิ้วไม่เข้าใจว่าตนเองทำอะไรแปลกไปหรือเปล่า

             อยากจะบอกว่าแปลกตั้งแต่นายให้ฉันทักตอบหมาของนายแล้ว

              “คุณขำอะไร”

              “ปะ เปล่า” ผมฉีกยิ้มใสซื่อ

              “งั้นเหรอ” เขาไม่ถือสาเอาความจากผม

              “แล้วคุณกำลังจะไปไหน”

              “ผมแค่ไปเดินเล่นแถวนี้หน่อย”

              “ดีเลย ผมกำลังจะพาหมาของผมไปเดินเล่นเหมือนกัน ไปด้วยกันสิ” เออ  เขาหมายถึงว่าผมเป็นหมาด้วยหรือเปล่า  แต่คงไม่หรอกมั้ง  ผมจึงตอบตกลงไป

              “อืม งั้นเดินด้วยคน”

              “ได้เลย”



             พวกเราทั้งคนทั้งหมาเดินกันไปตามทางเรื่อยๆ  ผ่านบ้านหลายหลังที่ตกแต่งบ้านตัวเองสำหรับวันคริสต์มาส  บ้านไหนมีเงินน้อยก็แต่งเท่าที่มี  บางบ้านรวยหน่อยก็จัดอลังการงานสร้างจนบ้านข้างเคียงส่งสายตาอิจฉาเป็นระยะ  แต่ที่ทุกบ้านจะมีคือไฟประดับตกแต่งหน้าบ้าน  ตอนกลางวันไม่เท่าไหร่ถ้าหากเป็นกลางคืนคงมองกันจนตาลาย

             แค่ไฟจากต้นคริสต์มาสของผมก็ทำเอาผมตาพร่าสมองเบลอเผลอคิดถึงใครบางคนโดยไม่รู้ตัว

             ผมไม่คิดถึงเขาแล้ว

             ก็... เขาอยู่ข้างๆ ผมนี่ไง

             เฮ้อ  ร้อนจัง

             อยู่ใกล้ๆ แล้วมันร้อนยังไงก็ไม่รู้

             ถ้าเมืองไทยมีหิมะก็ดี  ผมคงได้เห็นสโนว์แมนตั้งตระหง่านหน้าบ้าน  เสียดายเมืองไทยคงทำไม่ได้  มีเพียงอากาศเย็นให้หนาวเหมือนประเทศอื่นเท่านั้น

             อยากให้หิมะตกจัง

             อยากเล่นปาหิมะอ่ะ

              “คุณอยากเล่นสโนว์บอลมั้ย” พยักหน้าเห็นด้วยอย่างยิ่ง

              “อยากสิ” ตาวิ้งเป็นประกาย

             ไอ  แอม อะ โคตร  ว้อน  (แกรมม่าบ้านไหนสอน)

              “ผมก็อยากเล่น” มีคนร่วมอุดมการณ์กับผมแล้ว

              “แต่ประเทศไทยไม่มีหิมะน่ะสิ” คอตกหู่ลู  หมาหงอยเพิ่มสองตัวแล้วครับ

             ไม่ใช่ครับ  พวกเราไม่ได้เป็นหมานะ  เผลอหน่อยเดียว  จากคนโดนเรียกเป็นหมาซะได้

              “สโนว์บอลไม่มี เล่นปาลูกโป่งน้ำไปก่อนแล้วกัน”

              “แต่ปาหน้านี้คงได้ไข้ขึ้น”

              “ตอนเด็กๆ ผมเคยปาลูกโปล่งน้ำใส่ลูกพี่ลูกน้องในหน้าหนาว พอกลางคืนเขาไข้ขึ้นหนักจนชักต้องห่าวมส่งโรงพยาบาล ผมเกือบโดนตัดญาติขาดมิตรเพราะเรื่องนี้แหละ... ไม่ได้ตั้งใจซะหน่อย ลูกตัวเองก็เล่นเหมือนกัน” เขาบ่นเบาๆ  แต่ผมก็ยังได้ยิน  เดินอยู่ข้างๆ กันก็ต้องได้ยินบ้างล่ะ  นายกับลูกพี่ลูกน้องเล่นไม่ดูเวล่ำเวลาเลย  ดีไม่ดีอาจโดนตัดจากกองมรดกก็ได้

             เขาสามารถสร้างเรื่องเล่นๆ ให้บานปลายได้เมือนกัน

             และผมยังได้รู้อีกเรื่องหนึ่งว่า

             เขาเป็น ‘เพื่อนข้างบน้านผมนี่เอง’

             โลกมันกลม  หรือใครผลักเขาให้มาเจอผมกันนะ

             ทำไมไม่เคยเห็นหน้าเขามาก่อน  นอกจากเขากินแล้วนอนไม่ออกจากบ้านเหมือนผม  ไม่... ไม่ใช่  ผมไม่ได้ทำแบบนั้น  หรือผมตั้งใจจัดบ้านต้อนรับวันคริสตืมาสล่ะมั้งเลยไม่ได้สนใจ

              “ผมเพิ่งย้านมา” อ๋อ  เกทแล้ว

              “ผมมาตั้งแต่สองวันก่อน  ผมเห็นคุณแล้วแต่เรียกไม่ทัน” ก็ว่าได้ยินแว่วผ่านหูเหมือนมีคนเรียก

              “อ่ะ ลืมไปเลย ผมลืมได้ไงเนี่ย” ลืมอะไร

              “ผมยังไม่ได้แนะนำตัวกับคุณเลย” เหมือนกันแฮะ  คุยกันมาตั้งนาน  อยู่ที่ร้านก็ไม่ได้ดูชื่อ  พอเจอกันอีกครั้งก็เอาแต่คุยไม่ได้ถามชื่อเลย

              “ผมชื่อ ‘คอซ’ แล้วคุณล่ะ”

              “’เรนเดียร์’ เรียกเรนหรือเดียร์เฉยๆ ก็ได้ แต่ถ้าให้ดีอย่าเรียกเรนเดียร์จะดีกว่า” ผมแนะนำตัวเองบ้าง  ไม่ค่อยชอบให้ใครมาเรียกชื่อเล่นเต็มๆ สักเท่าไหร่  ก็ชื่อมันดูเหมือนผู้หญิงอ่ะ  ให้ผู้ชายใช้ชื่อนี้ตลกตายล่ะ

              “ฮะ” ตลกใช่มั้ย

              “น่ารักดี เหมาะกับนายเลย” น่ารักบ้าอะไรเล่า

             เขินนะ

             ปกติเวลาผมบอกชื่อแล้วมีคนพูดว่าน่ารัก  ผมไม่อยากจะฟัง  แต่พอเป็นเขาพูดผมเขินได้ยังไงเนี่ย  น้ำเสียงไม่เจือเสียงหัวเราะ  กับรอยยิ้มจริงใจที่ไม่มีอะไรแอบแฝง  แบบนี้ใช่มั้ยผมถึงได้แพ้แก่เขา  ไม่ว่าจะเล่นมุกตลกอะไรก็โกรธไม่ลง  เวลาเขาชมก็อดเขินไม่ได้

             อย่ามาทำให้ฉันชอบนายนะ

              ‘คนแปลกหน้าวันเดียว’



             ตอนนี้ผมยืนอยู่ในสวนสาธารณะเล็กๆ กลางซอยที่ทำขึ้นมาเฉพาะหมู่บ้านนี้  เอาไว้สำหรับพักผ่อนหรือพบปะพูดคุย  ภายในสวนมีต้นไม้ไม่กี่ต้นพอให้ร่มเงา  โดยปลูกไว้รอบๆ ชุดเก้าอี้หินอ่อน  พวกเราเลือกนั่งในมุมหนึ่งก่อนที่คอซจะผูกเชือกกับต้นไม้กันไม่ให้หมาสองตัววิ่งหนี

             เจ้าบราวน์กับเจ้าเกรย์พยายามจะวิ่งให้ได้  แต่เชือกที่รัดแน่นกระตุกมันล้มหงายอย่างน่าสงสาร

             คอซ  นายก็ปล่อยมันวิ่งเล่นบ้างเถอะ

             สงสารอ่ะ

             เจ้าของหมาไม่ใช่คนไร้ความรู้สึก  พอเห็นหมาตัวเองล้มปุ๊กหลายครั้งก็อดสงสารมันไม่ได้  จึงตัดสินใจปลดเชือกออก  โดยไม่คาดคิดว่าพวกมันจะก่อเรื่องให้กับตนเองในเวลาต่อมา

             หมอสองตัวเห็นว่าตัวเองเป็นอิสระก็วิ่งกันสนุกสนาน  ลำบากเจ้านายต้องไล่ตามจับไม่ให้วิ่งไปไกลจนขาแทบขวิด

             ถึงได้ไม่อยากปล่อย

             เป็นไง

             เหงื่อตกล่ะที่นี้

             ผมเห็นคอซวิ่งไล่จับหมาของตัวเองแทบเป็นแทบตายจึงอาสาช่วยเขาอีกแรง

              ‘ไม่ราวน์ก็เกรย์ ต้องจับให้ได้สักตัว’

             พวกเราใช้แรงทั้งหมดในกายวิ่งไล่ตามมัน  กว่าจะได้ก็เหนื่อยแทบแย่  ผมกับคอซคว้าเชือกได้คนละเส้นก็ยิ้มดีใจก่อนจะนั่งพักเอาแรง  ไม่ทันไรหมาสองตัวเกิดอยากวิ่งไล่กันอีก

              ‘พวกแกไม่เหนื่อย แต่ฉันเหนื่อย!’

             วิ่งตามปกติก็ทันอยู่หรอก  มือเขายังจับเชือกไว้แน่น  แต่ครั้งนี้พวกเราทำผิดมหันต์  เจ้าบราวน์กับเจ้าเกรย์วิ่งไล่กันเป็นวงกลมทำให้เชือกที่จับไว้กลับมารัดพวกเราแทน  ยิ่งพวกมันวิ่งวนมากเท่าไหร่เชือกก็ยิ่งรัดแน่นมากขึ้นเท่านั้น  ร่างกายของเราติดกันแทบขยับไม่ได้

             เพื่อนบ้านหนุ่มเรียกพวกมันให้หยุดวิ่งเสียที  มันคงจะฟังเขาหรอก  อุตสาได้อิสระกลับคืนมันก็ใช้ช่วงนี้ให้เต็มที่  คอซเลยต้องหยุดเสียงปล่อยมันที่พยายามกระโดดงับเพื่อนร่วมสปีชี่ส์สี่ชา

              ‘ไล่งับกันไม่ว่า ที่ออกจะกว้างกลับไม่วิ่ง จะมาวนรอบพวกฉันทำไม’

             คอซก้มหน้าถอนหายใจราวกับปลงเรื่องหมาของเขา  พอดีกับผมเงยหน้ามองเขาด้วยความเป็นห่วง 

             ทันทีที่เงยหน้าก็ปะทะเข้ากับดวงตาสีดำที่เคยระยิบระยับ  ตาของเราสบกัน  หากเบือนหน้าหลบก็กลัวจะเฉียดโดนส่วนหนึ่งส่วนใดบนใบหน้า  ลมหายใจเราถ่ายเมแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน  ผมไม่เคยอยู่ใกล้ชิดใครมากถึงมากที่สุดเท่าเขาคนนี้  ตาสีดำเข้มเฉกเช่นเดียวกับสีผมของคอซจ้องลึกลงในดวงตาอีกฝ่าย  จ้องลึกแน่วแน่จนผมไม่อาจละสายตาได้  ใบหน้าของเราห่างกันเพียงฝ่ามือกัน

             ถือเป็นความโชคดีที่ยังไม่มีการขยับตัวทั้งสองคนทั้งแปดขา  ตัวขยับไม่ได้  แต่ปาก...

              “โฮ๋ง โฮ๋ง”

             อุ๊บ

             ปากผมประกบปากคอซแนบแน่นไม่เหลือพื้นที่ว่างให้อากาศลอกฝ่าน  สีหน้าผมตกตะลึงไม่ต่างจากเขา  ตกอยู่ในอาการอึ้งลืมแม้กระทั่งถอนจูบ

             เราจูบกัน!

             ผมจะทำยังไงดี  ทำอะไรไม่ถูก  ขณะที่ปากเรายังติดกันหลายวินาที  ผมควรทำสิ่งไหนก่อน

             จูบแนบแน่นกว่าเดิม... บ้าเหรอ  ใครจะกล้า

             เอียงองศาหน่อยมั้ย... จะจูบต่อหรือไง

             สอดลิ้นดีกว่า... เร็วไปมั้ง

             งั้นผมก็ควรจะ...

              “กรี๊ดดด”

             อย่าบอกนะว่ามีคนเห็นสิ่งที่พวกเราทำอยู่ตอนนี้  เป็นการกระทำน่าอับอายมากที่สุดในชีวิตแล้ว  ผมยืนจูบกับผู้ชายต่อหน้าผู้หญิงเป็นกลุ่ม

              ‘ไม่ใช่คนเดียวซะด้วย’ มุดดินหนีจะทันมั้ย

             คุณผู้หญิงครับอย่าเพิ่งตกใจกันได้มั้ย  ช่วยพวกเราก่อนเถอะ  ก่อนที่ผมจะอายจนอยากมุดอกแกร่งของคอซ (ถ้าทำได้)  ราวกับว่าสาวๆ จะได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือในใจผม  พวกเธอรีบเข้ามาช่วยพวกเราให้แยกจากกัน  โดยให้คนหนึ่งหลอกล่อหมาสองตัวด้วยขนมของพวกเธอนั่นแหละ  ล่อให้มันวิ่งสวนทางกับที่มันเคยวิ่ง  เหมือนกับการทวนเข้มนาฬิกานั่นแหละครับ

             ในที่สุดพวกเราก็เป็นอิสระ  ผมกับคอซกระเด้งตัวออกจากกันแทบจะทันทีแล้วกล่าวขอบคุณสาวๆ ที่ให้ความช่วยเหลือ

             ผ่านไปได้ด้วยดี

             ผ่านความอับอายไปได้ด้วยดี (เหรอ)

             อายอ่ะ

             กลุ่มผู้หญิงไปกันหมดแล้ว  เหลือแต่เรายังนิ่งเงียบไม่พูดคุยอะไรกันเลย  เหมือนว่าถ้าหากพูดออกไปจะต้องแก้ตัวได้แย่มากแน่

             เก็บความอายไว้ในส่วนลึก

             เก็บเขาไว้ในหัวใจ

             บรรทัดบนใครต่อมิทราบครับ  ผมยังไม่รู้ใจตัวเองดีพอ  ผมควรทำแบบนั้นหรือ

             ผมตกอยู่ในความคิดตัวเองจนคอซเอ่ยขึ้นขัดความคิดที่สับสน

              “กลับบ้านกันดีกว่ามั้ย” ผมเห็นด้วย  ถ้าอยู่ต่ออาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันอีก  หากมันเกิดขึ้นอีกครั้ง  ใจผมคงเต้นทะลุกระแทกกับใจเขาก็ได้


             **********
             ท้ายๆ ตอน  นึกอยากหยิบถังขยะมาแทนตุ๊กตา
             เกิดท้องปั่นป่วน  อาหารตีขึ้นออกทางปาก
             อาจได้กอดตุ๊กตาถังขยะก็ได้
             เป็นประโยคที่เน่าวุ้ย T^T ~
             
             เมื่อกี้นี้เสียงใคร  รายงานตัวมา
             ใครไปยืนกรี๊ดที่สวนบ้าง

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-05-2012 22:54:32 โดย Lemon_Tea »

ออฟไลน์ Lemon_Tea

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
Re: [เรื่องสั้น]The man in Christmas Day ตอน3 (24-12-11)
«ตอบ #12 เมื่อ25-12-2011 12:14:41 »

รอตอน4 สักครู่
แก้ไขอะไรนิดหน่อย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-12-2011 12:23:13 โดย Lemon_Tea »

ออฟไลน์ oiruop

  • เ รื่ อ ง โ ง่ โ ง่ นี่ ฉ ล า ด นั ก ⊙﹏⊙∥
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 470
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
    • https://www.facebook.com/book.yaoi?fref=ts
Re: [เรื่องสั้น]The man in Christmas Day ตอน3 (24-12-11)
«ตอบ #13 เมื่อ25-12-2011 12:22:13 »

รอ รอ รอ

 :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ Lemon_Tea

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
Re: [เรื่องสั้น]The man in Christmas Day ตอน4 (25-12-11)
«ตอบ #14 เมื่อ25-12-2011 12:54:48 »

ตอน4


             เงาสลับซับซ้อนไปซ้ายทีขวาทีดูสับสนว่ามันคืออะไรก่อนจะเห็นร่างของหมาสองตัวไล่งับกันไม่หยุด  ทำให้คนจูงต้องกระตุกเชือกให้มันหยุดเล่นสักที  มันคงยังวิ่งเล่นไม่หน่ำใจตอนอยู่ในสวนสาธารณะถึงได้วิ่งไล่กันจนถึงบ้านของคนเลี้ยงพวกมัน

             วันหลังนายพาหมาออกมาเดินเล่นบ้างก็ดีนะคอซ  พวกมันทำเหมือนมันไม่เคยได้แตะพื้นถนนและพื้นหญ้า  พอเท้าได้สัมผัสพื้นก็เริงร่าไม่มีใครสามารถต้านมันได้

             หรือมีอีกเหตุผลหนึ่งที่มันอยู่ไม่สุขเพราะมันเป็น ‘หมาไฮเปอร์’

             มีมั้ยไม่รู้  บัญญัติโดยกระผมนาย...

             จำชื่อผมได้มั้ย  ผมชื่ออะไร

             ลืมเหรอ  ง่ะ... งอนแล้ว

             หันไปเห็นคอซยืนรออยู่  ผมจึงบอกลาเพื่อนบ้านข้างเคียงแล้วเดินแยกเข้าบ้านของตัวเอง

             มื้อเย็นวันนี้ผมเข้าครัวทำอาหารเอง  เปิดตู้เย็นหยิบอาหารที่ซื้อมาและของเดิมมาดัดแปลงทำเป็นเมนูน่าทานเข้ากับวันคริสต์มาส

             ไม่มีอะไรมากหรอกครับ

             แค่อาหารง่ายๆ  ก็มี...

              ‘ไก่อบ’ แทนไก่งวงไปก่อน

              ‘เมนูปลา’

            ‘ขนมปังกรอบ’ ใช้เครื่องปิ้งขนมปังก็ได้แล้ว

             และอีกหลายเมนูที่ผมทำขึ้นมา  ทำเยอะแยะก็ไม่รู้จะกินหมดหรือเปล่า

             หรือผมจะชวนใครสักคนมานั่งกินด้วยดี

             นอกจากอาหารยังมีขนมหลายอย่างที่เห็นแล้วอยากกระโดเข้าไปกวาดเข้าท้องแทนอาหารเย็น  ขนมที่ผมทำจะมีอยู่แค่อย่างเดียวคือ ‘พุดดิ้ง’  ที่เหลือผมซื้อมาจากห้างนั่นแหละ  อยากรู้ใช่มั้ยล่ะว่ามีอะไร  ก็อย่างเช่น  ขนมพายหลายไส้  ทั้งไส้ลูกตาล  ไส้ข้าวโพด  และไส้มะพร้าว  ยังมีคุกกี้หนึ่งถุง  ช็อกโกแลต A&B  และยังผมยังซื้อเครื่องดื่มมาเพิ่มด้วย  ซึ่งก็คือน้ำองุ่นและบลูเบอร์รี่ดื่มแทนเอ๊กน็อก (Egg-Nog) ซึ่งเป็นเครื่องดื่มแก้หนาว  แต่ผมใช้น้ำผลไม้เรียกความสดชื่น

             อึก

             เสียงกลืนน้ำลายกระทบหู

             เริ่มหิวแล้วล่ะสิ

             ยืนให้ถึงมือ

              ‘กินช็อกโกแลตไปก่อนนะ’

             กว่าจะจัดเตรียมอาหารและบรรดาขนมทั้งหลายเสร็จเล่นเอาผมเหนื่อยไม่น้อย  ผมขอตัวไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน

             ผมตรงเข้าห้องน้ำชำระเหงื่อไคล้จากการทำงาน  สมองพลันครุ่นคิดเกี่ยวกับเขา ‘คอซ’

             ยิ่งใกล้ชิดยิ่งโหยหา  ความอบอุ่นที่แผ่ออกมาจากตัวเขา  แขนที่โอบกอดนั้นยังคิดถึง  อยากอยู่ใกล้ชิดกว่านี้  เก็บรอยยิ้มที่ยังติดตา  รับรู้ถึงความรู้สึกข้างใน... 

             ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน

             ผมเป็นอะไรไป

             เสื้อที่สวมกางเกงที่ใส่ไม่ทำให้รู้สึกอุ่นกาย  เหมือนต้องการใครสักคนให้ความอบอุ่นแก่เขา

              ‘แล้วใครล่ะ’

             ผมออกมาด้วยชุดนอนลายตุ๊กตาหมีสีส้มลายพร้อมไปทั่วทั้งเสื้อและกางเกง  ผมแต่งตัวน่ารักเป็นนะ  แม้จะไม่เข้ากับอายุก็ตามที 

             อีกอย่างผมไม่รู้จะแต่งไปให้ใครดู



             ติ๊งต่อง

             ใครมา

             ผมออกไปหาคนที่มาทักทายยามเย็น  เห็นเป็นคอซก็ตกใจเกือบปิดประตูใส่หน้า  ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ปิดใส่หน้าจริงๆ  แต่ก็ถือเป็นการหลบเลี่ยงเชาชัดๆ

              “ใจคอจะไม่เชิญผมเข้าบ้านหน่อยเหรอ” นายลืมไปแล้วเหรอว่าเคยเกิดเหตุการณ์อะไรเมื่อตอนบ่าย  แล้วฉันจะกล้าเจอหน้านายตรงๆ ได้ยังไง

              “เฮ้ คุณ!”

              “อากาศเย็นแล้วนะ ขอเข้าบ้านหน่อยนะ” อย่างกับแฟนทำบางอย่างผิดไปอ้อนวอนขอเข้าบ้านด้วยท่าทางน่าสงสาร  ยืนกอดอกตัวสั่นระริกเกินเหตุ  ไม่ต้องทำท่ามากเกินไปก็ได้นะคอซ  บ้านตัวเองก็มีจะเข้าบ้านคนอื่นทำไม  ผมคิดแบบนั้น

              “รอเดี๋ยวนะ ผมไปเอากุญแจมาก่อน” แต่ผมก็อนุญาตให้เขาเข้ามาจนได้  คอซยิ้มหน้าบานดีใจเมื่อแฟน (ตั้งแต่เมื่อไหร่) ใจอ่อนบอมให้เขาเข้าบ้าน

              “หึหึ”

              “หัวเราะอะไร”

              “เปล่า!” ทำเสียงสูงไม่มีอะไรได้เหรอ  ผมเหลือบตามองไม่เชื่อ

              “ขำชุดนอนคุณ” ผมหน้าแดงทันที  ที่พูดนี่หมายความว่าอะไร  คิดว่าฉันทำตัวเหมือนเด็กหรือไง  หรือหมายถึงลายเสื้อผ้า  ฉันก็ชอบของฉัน  นายจะทำไม

              “อ้าว กระดาษเหรอ” ไม่ชี้แจงเรื่องชุดแล้วยังจะเปลี่ยนเรื่องอีก

             เฮ้ย  นี่มันเทวดากระดาษที่ผมวาดไว้  ผมรีบพุ่งไปดึงออกมาจากมือเขา

             ก็ฉันอายนี่

             คอซทำหน้างงๆ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรเพียงยิ้มกับท่าทางของผม

              “คุณวาดเองเหรอ” คอซมองผมกอดเทวดาตัวเล็กไม่ยอมให้เขาเห็นฝีมือการวาดแบบเด็กๆ

             นายเองก็ทำนิสัยไม่ต่างจากเด็กเหมือนกันล่ะนา

              “อืม ผะ ผมวาดเอง ทำไมมีอะไร”

              “แค่สงสัย เห็นไม่มีตุ๊กตานางฟ้าก็เลยคิดว่าคุณคงจะวาดแล้วเอามาติดไว้” เขาสังเกตเห็นเหมือนกันสินะ

              “ติดไว้แบบเดิมดีแล้ว” พูดแล้วคอซก็หยิบตุ๊กตากระดาษจากมือผมไปติดบนต้นคริสต์มาสตามเดิม

              “อยู่ตัวคนเดียวคงจะเหงา คุณมีกระดาษอีกหรือเปล่า”

              “จะทำอะไร”

              “ผมจะวาดด้วย” ผมจึงเอากระดาษกับสีไม้มาให้เด็กตัวโตวาดตามต้องการ  พอทำเสร็จก็ถือมาอวด  ท่าทางตื่นเต้นอย่างกับโชว์ผลงานชิ้นเอกให้ดู

              “น่ารักมั้ย”

             มันก็... ไม่ต่างจากผมสักเท่าไหร่  แปลว่าฝีมือผมกับคอซเข้าขั้นเด็กอนุบาลเลยสินะ

              “อือ”

              “ไม่น่ารักเหรอออ” เด็ดตัวโตเชิดหน้างอน  ตัวก็โตยังทำตัวเป็นเด็กแล้วยังขี้งอนด้วยเหรอเนี่ย  ผมอมยิ้มในใจ

              “น่ารักสิ” รูปที่วาดน่ะ... ไม่  แต่นายใช่เลย  ผมต้องเอาใจเขาหน่อย  แต่เจ้าตัวเหมือนไม่เชื่อทำปากงอนๆ แล้วลุกขึ้นหมายจะทิ้งเทวดากระดาษที่เขาอยากวาดเหมือนผมลงถังขยะ  ผมรีบคว้ามือเขาก่อนจะหยิบมันมาแปะเทปแล้วติดไว้ข้างเทวดาตัวเล็กของผม

              “จะได้ไม่เหงา” เด็กตัวโตอมยิ้มพอใจที่ผมเอาผลงานเขาไปติดด้วย



             ติ๊ง

             เสียงร้องเตือนอบจนได้ที่  ผมลุกไปดูใกล้ๆ ว่ามันสุกพอหรือยัง  คอซเดินตามผมมาดูด้วย  เขาทำท่าจะเปิดฝาแต่ผมจับมือเขาไว้  มันยังร้อนอยู่ต้องปล่อยสักพัก  ผมหันตัวมาชวนเขาทานอาหารเย็นด้วยกัน  แม้ว่าจะถามช้าไปหน่อยก็ตาม

              “เข้าบ้านแล้วเพิ่งคิดได้ว่าต้องชวนเหรอ” ดูพูดเข้า  ไล่ออกจากบ้านซะเลยดีมั้ย

              “ฮ่าฮ่า ขำๆ นา อย่าเครียด”

              “วันนี้เป็นวันคริสต์มาส  เราต้องมีความสุข” ผมพยักหน้าเห็นด้วย  ถูกต้อง  วันนี้ผมต้องมีความสุข  ผมจะเครียดไม่ได้

             เอ้า!  ยิ้มกันนะ

              “นายช่วยเตรียมจานกับช้อนส้อมให้หน่อย”

              “อยู่ไหนอ่ะ” ผมชี้ที่วางพวกจากับช้อนส้อมแล้วหันมาสนใจกับอาหารในหม้ออบ

             ผมทำไก้ทอดเป็นแบบใช้อบเอา  ไม่อยากกินน้ำมันเยอะ  นิดๆ หน่อยๆ ก็พอไหว  แต่ถ้าเยอะมากมันเลี่ยนครับ  ผมคีบไก่ลงบนจานแล้วเอามาเสิร์ฟเด็กตัวโตที่ตั้งท่าถือช้อนส้อมคนละข้างรอกิน

             พร้อมกินเชียว

             แต่ยังมีอาหารอีกหลายอย่างที่ผมทำไว้  ชักช้าไม่ได้  มีคนบ่นต้องเร่งมือแล้ว

              “เร็วๆ คุณภรรยา สามีหิ๊วหิว” ไอ้บ้า  ใครเป็นภรรยานายฮะ!  เดี๋ยวพ่อจิ้มตาซะนี่

              “นาย”

              “ฮาฮ่า ก็คุณทำอาหารเป็นก็ต้องเรียกภรรยา ส่วนผมเป็นสามีรอกินอยู่นี่ไง” เขายิ้มดีกอดีใจกับการอธิบายหลักการความน่าจะเป็น

             ฉันไม่ใช่ภรรยานาย  ไอ้เด็กโข่ง!

              “เราทำพิธีสาบานเป็นสามีภรรยากันแล้ว”

              “ตอนไหน”

              “อ้าว คุณลืมไปแล้วเหรอ ก็ตอนที่เราจูบสาบานกันไง” ยิ้มอย่างคนมีความสุขมาก

             นายจะพูดถึงเรื่องนี้อีกทำไม  นึกแล้วก็อายเป็นบ้า

              “มีคนยืนเป็นศักขีพยานรักเราด้วยล่ะ อ๋อ ใช่ๆ คนนั้นเป็นบาทหลวงที่อยู่ในโบสถ์ใกล้บ้านเรานี่แหละ” คุณพระช่วย  นอกจากบรรดาสาวๆ ยังมีคนอื่นด้วยเหรอเนี่ย  ผมขอเอาหน้ามุดต้นคริสต์มาสตอนนี้เลยได้มั้ย

              น่าอายจริงๆ นะเรา

               “เป็นเรื่องบังเอิญมากเลยใช่มั้ยล่ะ” บังเอิญเจอคนแปลๆ แบบนาย

               “อย่าทำหน้าเหมือนไม่อยากเจอกันสิ”

               “ผมว่านะ ซานต้าครอสต้องส่งคุณมาเป็นของขวัญแน่เลย” นายคิดได้ไง

               “คุณไม่คิดอย่างนั้นเหรอ ฉันก็เป็นของขวัญให้คุณ เราเป็นของขวัญให้กัน โอ้! ฟังดูดีนะ... คุณภรรยา” กำลังเคิ้มคล้อยตามคำพูดเขา

              แล้วเขาจะเรียกผมด้วยชื่อนั้นอีกทำไม

               ‘ฉันเชินนะ’

              เออ  ว่าแต่ผมจะเขินทำไม  หรือเราคิดจริงๆ ว่าเป็นภรรยาของเขา  โอ๊ย!  เพราะผมหิวแน่ๆ ถึงคิดเลอะเทอะไปใหญ่

               “นี่รีบๆ กินสิ เดี๋ยวหายร้อนแล้วจะไม่อร่อย”

              ต้องเรียกคุณสามี  เอ๊ย  คอซกลับสู่ความเป็นจริง




              ***
              ติดล่ะสิ  พอเขาเรียกภรรยาบ่อยเข้าหน่อย
              ก็เผลอเรียกเขาว่าคุณสามีซะแล้ว

              แต่งไปก็กลัวว่าเขาจะกวนหรือตลกมากไป
              แต่เด็กตัวโตก็น่ารักใช่มั้ยล่ะ (>o<) Y

             อ๋อ  แล้วก็  มีใครจำชื่อนายเอกได้บ้างเอ่ย
             ถึงจะโผล่ชื่อมาแค่ครั้งเดียว  แต่เดาง่ายมากเลยนะจำได้มั้ยเอ่ย

             และแล้วเราก็ลงตอนจบไม่ทัน
             ง่ะ  พรุ่งนี้ถ้าไม่ติดขัดใดๆ ก็จะลงให้นะ

             หิวกันยัง
             

             กินเยอะๆนะ
             

             ตอนนี้ก็ขอกล่าวว่า...

             Merry Christmas and Happy New Year 2012
             ขอให้ทุกคืนวันมีแต่ความสุข
             สุขสันต์วันคริสต์มาส และสวัสดีปีใหม่
             \\(^o^)//

             
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-05-2012 22:56:00 โดย Lemon_Tea »

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
Re: [เรื่องสั้น]The man in Christmas Day ตอน3 (24-12-11)
«ตอบ #15 เมื่อ25-12-2011 13:07:39 »

เลิฟเรนเดียร์ซะด้วยนะเสื้ออ่ะ  ตั้งใจรึเปล่าาาาา หุหุ
หมาน้อยฉลาดจริงๆ

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
Re: [เรื่องสั้น]The man in Christmas Day ตอน4 (25-12-11)
«ตอบ #16 เมื่อ25-12-2011 13:39:38 »

น่ารักจังเรนเดียร์กะคอซ คอซเนี้ยมาจากซานต้าคอสอะป่าว อิอิ

ออฟไลน์ Horizon

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1731
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-22
Re: [เรื่องสั้น]The man in Christmas Day ตอน4 (25-12-11)
«ตอบ #17 เมื่อ25-12-2011 13:48:44 »

 :mc1: :mc1: Merry Christmas 
 :-[
+1
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-12-2011 14:08:15 โดย Horizon »

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
Re: [เรื่องสั้น]The man in Christmas Day ตอน4 (25-12-11)
«ตอบ #18 เมื่อ25-12-2011 14:37:18 »

MERRY  CHRISMAS !!!

kslave

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องสั้น]The man in Christmas Day ตอน4 (25-12-11)
«ตอบ #19 เมื่อ25-12-2011 15:24:03 »

น่ารักมากกกกกก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [เรื่องสั้น]The man in Christmas Day ตอน4 (25-12-11)
« ตอบ #19 เมื่อ: 25-12-2011 15:24:03 »





ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
Re: [เรื่องสั้น]The man in Christmas Day ตอน4 (25-12-11)
«ตอบ #20 เมื่อ25-12-2011 18:15:11 »

 :กอด1:

ออฟไลน์ kuichai

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: [เรื่องสั้น]The man in Christmas Day ตอน4 (25-12-11)
«ตอบ #21 เมื่อ25-12-2011 21:52:09 »

น่าร้ากกกกกกก

ออฟไลน์ Lemon_Tea

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
Re: [เรื่องสั้น]The man in Christmas Day ตอน4 (25-12-11)
«ตอบ #22 เมื่อ26-12-2011 12:32:34 »

เลิฟเรนเดียร์ซะด้วยนะเสื้ออ่ะ  ตั้งใจรึเปล่าาาาา หุหุ
หมาน้อยฉลาดจริงๆ
'เลิฟเรนเดียร์' อันนี้ไม่ตั้งใจ
ถ้าไม่ทัก ไม่ได้คิดตามเลยนะเนี่ย

หมาน้อยคงอยากจับคู่ให้เจ้านายมั้ง ^^


น่ารักจังเรนเดียร์กะคอซ คอซเนี้ยมาจากซานต้าคอสอะป่าว อิอิ
คู่นี้เขาน่าร้ากกกก
คอซอ่ะเหรอ ฮุฮุ ที่มาจากนั้นแหละ ^o^


:mc1: :mc1: Merry Christmas 
 :-[
+1
Merry Christmas   เช่นกันจ้า


MERRY  CHRISMAS !!!
Merry Christmas เช่นเดียวกัน (^^)


น่ารักมากกกกกก
เนอะๆ น่ารักๆ


Meery X'mas
น่ารักอ่าาาาา :impress2: :impress2: :-[ :o8:
Merry Christmas งับ^-^


:กอด1:
:จุ๊บๆ:


น่าร้ากกกกกกก
น่ารักสุดๆ เนอะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-12-2011 12:37:25 โดย Lemon_Tea »

ออฟไลน์ Lemon_Tea

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
Re: [เรื่องสั้น]The man in Christmas Day ตอน5 (27-12-11)
«ตอบ #23 เมื่อ27-12-2011 17:08:34 »

ตอน5


             พวกเรากินไปคุยไป  ถึงจะมีกฏมารยาทในการรับประทานอาหารว่าห้ามพูดขณะที่ข้าวเต็มปาก  แต่คนที่ผมร่วมโต๊ะด้วยไม่สนเรื่องมารยาทพวกนั้นหรอก  แถมยังสอดแทรกมุกฝืดที่ผมไม่ขำสักนิดเป็นบางช่วงระหว่างการสนทนา  แต่เศษข้าวที่กระเด็นใส่หน้าบ่อยครั้งจนคิ้วผมกระตุก  เขาถึงได้หยุดแล้วเคี้ยวอาหารในปากให้เรียบร้อย

              “คุณไม่ทำไก่งวงเหรอ” มีให้กินก็ดีแล้ว

              “ไม่ได้ทำ”

              “อยากลองกินดูอ่ะ” ยังจะเรื่องมากอีก  ผมเริ่มโกรธนิดๆ  มีไก่อบให้กินยังจะอยากได้อย่างอื่นด้วย  ผมเลยยกจานไก่มาไว้ฝั่งผม 

              ‘ไม่ให้คนเรื่องมากกินแล้ว’

              “ถามเฉยๆ เอง โกรธเหรอ” ก็ใช่น่ะสิ

             ชายหนุ่มเลือนจานกลับมาวางตรงกลาง “อย่าโกรธนะๆ เห็นมั้ย ไก่ที่คุณทำดูน่ากินมากเลยเนอะ ง่ำ อร่อยพอดีคำด้วย”

              “อ่ะ” เขายืนน่องไก่ที่กัดไปแล้วมาข้างหน้า

              “ลองกินสิ จะได้รู้ว่ามันอร่อยจริงๆ” ฉันกินหลายชิ้นแล้วก็รู้ว่ามันอร่อย

             แหม่  ชมฝีมือตัวเองหน่อยก็ไม่ได้

             เชอะ

             ผมชั่งใจจะกินดีหรือไม่ดี  สุดท้ายก็...

             ง่ำ

             กินจนได้

             เหมือนผมเพิ่งนึกขึ้นได้  เขากินไปแล้วนี่  ผมเองก็กินชิ้นเดียวกับเขา  มันเหมือนกับว่าผมจูบเขาทางอ้อมเลย  ว้ากกก  จะคายดีมั้ย  ถ้าคายคอซต้องเห็นแล้วรู้สึกเสียใจแน่เลยทั้งที่เขาอุตสาป้อนให้  ผมจึงตัดสินใจเคี้ยวให้ละเอียดก่อนจะกลืนลงคอ

              “คุณหน้าแดงนี่” ก็เพราะไก่นายนั่นแหละ

             ผมเอามือลูบหน้าเผื่อจะหายแดง  แต่ถึงจะกลบความอายยังไงก็ต้องเผยสีหน้าแบบนี้อีก  ก็เขาชอบทำให้ผมเขินอยู่เรื่อยเลย  หน้าฉันจะกลับเป็นปกติไม่ได้แล้วนะ

             คอซที่เห็นผมหน้าขึ้นสีก็ลุกจากเก้าอี้มาช่วยลูบหลัง  เขาคิดว่าผมอาจจะติดคอก็เลยจะช่วยให้มันลงไปง่ายๆ  แต่ขอโทษนะ  เนื้อไก่น่ะลงไปแล้ว  แต่ที่มันจะขึ้นคือ ‘เลือดฉัน’

             มือที่ลูบเบาๆ กับน้ำเสียงเป็นห่วงใกล้ๆ หู  มันรู้สึกจั๊กกะจี๊แต่ก็เสียบวาบจนขนลุกซู่

             หยุดมือเถอะ  หน้าฉันแดงจนไม่รู้จะแดงยังไงแล้วนะ

             คอซรินน้ำลงแก้วก่อนจะยื่นให้ผมรับไปดื่ม

              “ขอบคุณ” ตอบตามมารยาททั้งที่ไม่ได้ติดคอสักนิดเดียว

             “ดีขึ้นแล้วใช่มั้ย” ผมพยักหน้าเขาถึงได้ทำหน้าโล่งใจ

              “กินกันต่อเถอะ” มื่อเห็นผมอาการดีขึ้นแล้ว  คอซก็กลับสนใจกับอาหารตรงหน้าต่อก่อนที่จะยื่นไก่ให้ผมอีก

             กินเองได้  ไม่ต้องป้อนก็ได้มั้ง  ผมส่ายหน้าปฏิเสธเขา

              “กินนะๆ” พูดอ้อนเอาแต่ใจหน่อย  โบกไก่ไปมาจะป้อนผมให้ได้  แล้วจะให้ทำยังไงล่ะ  แต่กลัวเด็กตัวโตงอนผมอีกจึงยอมอ้าปากกัดไก่หนึ่งคำ  พอเห็นผมยอมกินคอซก็ทำหน้าดีใจสุดๆ  จากนั้นเขาก็กินไก่ชิ้นเดียวกับที่ผมเพิ่งกัดไปเมื่อกี้นี้

             ฉันคิดว่านายจูบทางอ้อมได้มั้ยนะ

             ถ้าทำแบบนี้

             จูบกันตรงๆ เลยดีกว่าคอซ

             หากผมพูดออกไป  เขาอาจทำตามคำร้องผมเดี๋ยวนั้นเลยก็ได้  ยิ่งเราจูบโดยไม่ตั้งใจคราวนั้น  คอซก็ทำท่าเสียดายเหมือนไม่อยากถอนจูบจากปากผมเลย

             และถ้ามันเกิดขึ้นจริง  ผมต้องรีบกระเด้งตัวออกให้ไว  มิฉะนั้นเขาจะไม่หยุดเพียงแค่ริมฝีปาก  แต่อาจจะเลยเถิดถึงขั้นที่ผมคงไม่สามารถต่อต้านเขาได้

              “อยากกินอันเนี่ยอ่ะ” คอซชี้ไปยังอาหารที่เขาต้องการ

              “ก็กินสิ”

              “ไม่เอา” ตกลงจะเอายังไงแน่

              “ป้อน”

             ห้า!

              “ป้อนผมหน่อย” พูดแล้วก็อ้าปากรอคุณแม่ของลูก (?) ป้อน

             ทำตัวอย่างกับเด็ก  งอแงจะเอานู้นเอานี้  คุณภรรยาเหนื่อยใจนะครับ

             ผมไม่ตามใจเขาหรอก  เดี๋ยวจะเสียเด็ก (ตัวโต)

             ตักอาหารทางซ้ายมือตัวเองแล้วยื่นช้อนไปตรงหน้า “อ้าปาก”

              “อาอ่อยอี่อูอเอยยย (อร่อยที่สุดเลยยย)” คอซพูดทั้งที่ข้าวเต็มปาก  สีหน้าแลดูมีความสุขมาก

             เคี้ยวก่อนพูดก็ได้นะ

             ข้าวมันกระเด็นใส่หน้าฉันแล้ว

              “อ่ะ” เขายื่นช้อนมาข้างหน้า  ผมก็... อ้าอากกินมันเข้าไป  เราผลัดกันกินด้วยตัวเองและผลัดกันป้อนจนในจานเริ่มพร่อง  พวกเราเริ่มท้องตึงๆ หน่อยแล้วถึงได้วางมือ

             ผมลุกไปหยิบเยลลี่แช่เย็นเป็นของหวานปิดท้าย  คอซทำหน้าดีใจสุดๆ รีบคว้าช้อนจากมือผมไปกินโดยไม่รอ  ขนมที่ซื้อมาจากห้างผมก็เอามาวางตรงหน้าคอซ  เจ้าตัวตาโตแทบถนนออกนอกเบ้าก่อนจะทำการกวาดทั้งหมดไว้ในอ้อมแขนตัวเองขณะที่ปากยังคาบช้อนเยลลี่

              ‘โลภมาก’

             มักลาภหาย

             ผมไม่ได้ว่าอะไรเขาหรอกครับ  จะกินทั้งหมดก็เชิญ  ผมขอกินเยลลี่บ้างดีกว่า



             ตอนนี้พวกเรานั่งพักท้องที่โซฟายาว  ผมทิ้งระยะห่างระหว่างเขาไม่มากเพื่อไม่ให้ดูน่าเกลียด  และจะได้ไม่คิดว่าผมรังเกียจไม่อยากอยู่ใกล้  ส่วนคอซแหงนหน้ามองไฟประดับถายในบ้านผม  เขาไล่มองจากไฟผ่านสายรุ้งจนถึงพวงมาลัยคริสต์มาสพลางครุ่นคิด

              “คุณทำเองหมดเลย”

              “ใช่”

              “คุณขึ้นไปติดได้ไงเนี่ย” เขาตกใจที่ผมสามารถติดของประดับบ้านบนผนังสูงๆ ได้

              “ทำไม”

              “ตัวคุณก็เตี๊ย ไม่น่าติดถึง” คอซหัวเราะในลำคอ

             นายว่าฉันเตี๊ยเหรอ!!!

              “ใช้เก้าอี้บ้างเหอะ”

              “คุณระวังหน่อย เดี๋ยวล้มลงมา ไม่มีใครช่วยคุณนะ” เขาเอ่ยเป็นห่วง

              “ทำไงได้ ผมอยู่คนเดียวก็ต้องทำเอง” หน้าเศร้าแต่พยายามฝืนยิ้มให้เขารู้ว่าผมไม่เป็นอะไร  ทำใจมานานแล้วกับการอยู่ตัวคนเดียวมาหลายปี  แต่บางครั้งก็แอบคิด... ผมอยู่คนเดียวตลอดไปจริงเหรอ  จะมีใครเข้ามาในชีวิตและเติมเต็มสิ่งที่ขาดหาย  แต่หลังจากได้เจอกับเขา ‘คอซ’ ชายหนุ่มมากรอยยิ้ม  ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไป  ก้อนเนื้อด้านซ้ายเริ่มสั่นไหว  ผมควรเปิดใจให้เขาเข้ามาได้แล้วใช่มั้ย

              “ปีหน้า อืม ไม่สิ ทุกปี เรามาจัดคริสตืมาสด้วยกันมั้ย” คำเอ่ยชอนอย่างจริงใจผมเกือบตอบตกลงเสียเดี๋ยวนั้น  แต่เรารู้จักกันไม่นานนี้เอง (แต่ให้เข้าย้านแล้ว) นายทำเหมือนสนิทกับฉันมากอย่างนั้นแหละ  เพิ่งเข้าบ้านฉันวันนี้เป้นครั้งแรกอย่างกับตัวเองเข้าออกบ้านนี้ประจำ

              “ดีหรือเปล่า”

              “ฮะ! อะ เออ”

              “เอาน่า คนบ้านใกล้เรือนเคียงก็ต้องช่วยกันจริงมั้ยล่ะ” แค่เพื่อนบ้านเท่านั้นเหรอ

             เอะ  นี่ฉันหวังอะไรอยู่เนี่ย  ผมยกมือลูบหน้าปัดความวิตกกังวงกับความคิดบ้าๆ ออกไป

              “คุณเป็นอะไรหรือเปล่า” คอซเขยิบเข้ามานั่งใกล้ๆ แล้วจับมือผมออกเพื่อดูอาการ

              “อะ เออ ปะ เปล่า ฉันไม่ได้เป็นอะไร” ผมเสหน้าไปทางอื่น  มือของเขายังจับมือผมไม่ปล่อย  น้ำเสียงทุ้มความห่วงใย
              “หรือว่าคุณหนาวมือ เดี๋ยวผมช่วยทำให้อุ่นเอง” เขาถูมือตัวเองก่อนจะขนาบข้างมือผมแล้วถูไม่แรงอยู่นานจนผมรู้สึกอุ่น  ความอบอุ่นจากมือคู่นี้  ทำให้ผมไม่อยากให้เขาปล่อยมือเลย

             แต่คงได้แค่หวัง

             คอซปล่อยมือผมก่อนจะถูมือตัวเองอีกครั้งแล้วแนบเข้ากับแก้มของผมแทน

              ‘นี่เขาจะทำอะไรน่ะ’

             ความร้อนจากฝ่ามือทำเอาผมหน้าแดง  ไม่รู้ว่ามันแดงเพราะได้รับความร้อนหรือเป้นเพราะเขินจนห้ามตนเองหน้าแดงไม่ได้

              “อุ่นขึ้นมั้ย”

              “อึก อืม... ก็อุ่นดี” ผมดึงมือเขาออกจากใบหน้าผมก่อนที่แก้มผมจะขึ้นเลือดฝาดไปมากกว่านี้

              “ก็อุ่น งั้นแปลว่ายังไม่หายอุ่นนะสิ” เขาทำการถูมือตัวเองแบบเร่งสปีดก่อนจะแนบแก้มผมให้ร้อนระอุ  เขาใช้นิ้วมือเกลี่ยแก้มผมเบาๆ  นิ้วมือไล่เคลื่อนไปตามความนิ่มของพวงแก้มที่ขึ้นสีก่อนจะย้านมายังริมฝีปากอวบอิ่มที่เจ้าตัวเผยอน้อยๆ ยามเขาเคลื่อนผ่าน  ใบหน้าคอซใกล้ชิดมากขึ้นโดยที่ผมไม่รู้ตัว

             เราใกล้กันจนสัมผัสได้ถึงความอุ่นร้อนบริเวณริมฝีปาก

             คอซ  จะ...จูบผม!!!

             ผมผลักอกเขาแทบจะทันทีเพราะความตกใจแต่มือหนารั้งไว้ด้วยมือข้างเดียว

             เขากดจูบแนบแน่นจนผมหายใจไม่ถนัด  คอซถอนจูบออกห่างเพียงนิดเดียวโดยที่ปากเรายังแตะกันอยู่  ก่อนจะครอบปากผมพลางดูดึงเป็นเสียงจุ๊บดังข้างหู  ลิ้นร้อนไล่เลียตามแนวริมฝีปากอย่างจงใจแกล้งให้ใจระส่ำเล่น  สอดลิ้นที่ไม่เชี่ยวชาญไล่เลียอย่างใจเย็นจนเจ้าของริมฝีปากเผยอตอบรับลิ้นร้อนเข้ามา

              “อึก”

             สำรวจโพรงปากถ้วนทั่วราวกับชิมความหวานแปลกใหม่  ลิ้นเล็กไม่ประสีประสาของผมตวัดหยอกล้อกับลิ้นซุกซนโดยไม่รู้ตัว  สองลิ้นเกี้ยวตวัดดั่งงูกอดรัดอย่างไม่มีฝ่ายใดยอมแพ้  สลับจากลิ้นบดเบียดจูบอย่างรุนแรงประหนึ่งเจอของหวานแล้วกระโจนไล่กัดกินอย่างห้ามใจไว้ไม่อยู่

              “อืม”

             มือผมเป็นอิสระตั้งแต่เมือ่ไหร่ไม่รู้เอื้อมมือรั้งคอร่างหนาราวกับต้องการให้เขาจูบแนบแน่นกว่านี้  เหมือนเขาจะรับรู้ความรู้สึกในใจ  คอซเลื่อนมือมายังท้ายทอย  กดจูบให้ล้ำลึกยิ่งกว่าเคย  ร่างที่แนบอกคล้ายกับไม่มีแรงโต้ตอบราวกับจะขาดอากาศหายใจ  เขาจึงยอมผละออกจากริมฝีปากอย่างอ้อยอิง

              “แฮก แฮก”

             เราสบตาแนวแน่ดั่งจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่ายเหมือนหาบางอย่างในตาสีดำคู่นี้

              ‘ราวกับโหยหา’

             เขาต้องการสิ่งใด

             ดวงตาที่เคยขี้เล่นแปรเปลี่ยนเป็นดวงตาคมกริบแฝงเว้าวอน  หากในใจอีกคนเเฝ้าร่ำร้องบางสิ่ง

             คอซดันไหล่ผมลงโซฟาอย่างเบามือ  เป็นผมเองที่ยอมให้เขาทำแบบนั้น  เอนตัวนอนราบกับโซฟายาว  ลอบมองร่างกายที่พยายามสะกดกั้น

             ผมรู้ว่าเขาต้องการอะไร

             มันเป็นความรู้สึกที่ไม่ต่างจากผม

             เอื้อมแขนคล้องคอร่างหนาเป้นสัญญาณตอบรับความพร้อมใจให้เราไปสู่สิ่งที่หวังด้วยกัน  คอซโน้มใบหน้าลงมาจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่พวยพุ่ง

             จูบของเราเริ่มต้นอีกครั้ง

             ความอบอุ่นแผ่ไปทั่วร่าง

             ร่างกายร้อนผ่าว

             ไฟโหมลุกคืนนี้จะยาวไกล

             ท่ามกลางเสียงหัวเราะสนุกสนานนอกบ้าน  และเสียงหัวใจตีร้องว่า...

              ‘คริสต์มาสทุกปี จะมีเขาอยู่เคียงข้าง  ปัดเป่าความเหงา  และความอบอุ่นที่ไม่มีวันหายไป’


ของขวัญชิ้นเดียวที่ไม่ขอมากไป...

...เพียงเขาคนเดียวก็พอแล้ว

...ซานต้าครอสของผม...



~ End ~

             **********

              ‘คืนนี้ยังอีกยาวไกล’
             ของหวานชิ้นใหญ่กำลังถูกกินในไม่ช้า
             นอกจากกินข้าวบ้านเขาแล้วยังจะกินเจ้าของบ้านอีก >o<

             บทจูจุ๊บมันแบบว่า... ได้นิดๆ หน่อยๆ
             เบลอบ้างมึนมั้ง ก็ขออภัย

             จบแล้วๆ เรื่องสั้นเรื่องแรก (ปาดเหงื่อ T^T)
             แต่งเรื่องยาวยังไม่ไปไหน  โดดมาหาซานต้าซะแล้ว
             ยังไงก็เป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วยนะ
   
             

ออฟไลน์ Horizon

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1731
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-22
Re: [เรื่องสั้น]The man in Christmas Day ตอน5 (27-12-11)
«ตอบ #24 เมื่อ27-12-2011 17:57:44 »

 :-[ :-[
ขอตอนพิเศษด้วยนะ
+1

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
Re: [เรื่องสั้น]The man in Christmas Day ตอน5 (27-12-11)
«ตอบ #25 เมื่อ28-12-2011 00:03:17 »

แปะแปะ ปรบมือให้คร๊าบ

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
Re: [เรื่องสั้น]The man in Christmas Day ตอน5 (27-12-11)
«ตอบ #26 เมื่อ28-12-2011 02:41:27 »

หวานละลายเลยตอนนี้ กิน(ข้าว)ฟรีตลอดตัว เอิ้กๆ

ออฟไลน์ Lemon_Tea

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
เพิ่งมาเห็นว่าเรื่องนี้จบแล้ว แต่ลืมบอกให้ย้าย
เลยกลายเป็นว่าเรื่องนี้จบ แต่เหมือนไม่จบ

เอาเป็นว่า ช่วยย้ายให้ด้วยฮับ  :pig4:

ออฟไลน์ harumi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +156/-33

ออฟไลน์ Lemon_Tea

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
@harumi
เอ๋ จิ้มไมอ่ะ ^^
 :z13:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด