ตอน1
'ไม่มีเพื่อนสนิท'
'ขาดคนรู้ใจ' น่าเศร้าจริงชีวิตคนโสดอย่างผม
มีเพียงความเหงาที่ยังคงเป็นเพื่อนมาจนถึงวันนี้
ความเหงาอ้างว้างกัดกิรผมมาเป็นเวลานาน สายลมหนาวหากจะพัดมาทางนี้ ช่วยพัดคนดีๆ สักคนให้ผมบ้างได้มั้ย อย่าให้สายลมพัดมาแล้วผ่านหายไปเหมือนเช่นเคย
ไม่อยากตกอยู่ในความเหงา ผมจึงต้องหาอะไรทำเพื่อเรียกกำลังใจในการค้นหาคนๆ นั้นต่อไป
ทุกปีผมจะจัดตกแต่งบ้านตัวเองต้อนรับวันคริสต์มาส แน่นอนว่าผมทำคนเดียว อยู่คนเดียวคงไม่มีใครที่ไหนมาช่วยหรอก ถึงผมจะจัดบ้านไว้ แต่ก็ไม่ได้เชิญใครมาร่วมงานหรือจัดฉลองกันใหญ่โตท่ามกลางผู้คนที่มีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ไม่มีคนแรกและคนสุดท้ายที่มาบ้านผม เป็นเรื่องที่น่าเศร้านะ จะว่าไปแล้ว เป็นเพราะผมเองนั้นแหละที่ไม่เปิดใจยอมรับใครเข้ามาสักคน ก็คนดีๆ อยู่ที่ไหนล่ะ บอกมาสิ ผมจะได้พิจารณา จะโทษฟ้าโทษโชคชะตาก็ไม่ได้ เดี๋ยวพวกเขาเกิดโกรธขึ้นมาแล้วส่งคนนิสัยแย่ๆ มาให้ ไม่เอาหรอกครับ อยู่คนเดียวยังดีซะกว่า
ช่วงนี้ผมต้องหาของเข้าบ้านก่อน บ้านหลังเล็ก มีไม่กี่ห้อง พอให้คนโสดคนเดียวในบ้านอยู่ได้สบาย บ้านที่เรียบๆไม่มีอะไร หากถึงวันเทศกาลอย่างเช่นวันคริสต์มาส ผมก็ตกแต่งเพียงนิดหน่อย จัดวางอาหารแค่เล็กน้อย เปิดเพลงคลอเบาๆ นั่งฉลองกับตัวเองคนเดียว
เป็นเพียงแค่ความสุขใจระยะหนึ่งเท่านั้น
ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาระยะสั้นๆ แต่ใช่ว่าผมจะฉลองแบบเอาผ่านพอเป็นพิธี วันคริสต์มาสมันอาจไม่ใช่เทศกาลของคนไทยตั้งแต่แรก แต่ผมก็อยากสนุกกับวันนี้ เพียงแค่ยังหาคนที่จะทำให้ผมรู้สึกสนุกและมีความสุขไปด้วยกันไม่ได้เท่านั้นเอง
คิดว่าจะหาเขาเจอมั้ยนะเหรอ
อืม... ไม่รู้เหมือนกัน
คงต้องรอลุ้นกันต่อไป
ตอนนี้ผมเข้ามาถึงข้างในห้างสรรพสินค้าแล้ว ซื้อของเพิ่มเติมไม่กี่อย่าง ของเดิมที่มีอยู่ผมก็เอามาใช้ต่อ ประหยัดดีครับ แต่บางอย่างที่พังหรือขาดไปบ้างผมเอาไปทิ้งหมดแล้ว รวยช่างมัน ฮะฮ่า ไม่ใช่ครับ เปลืองเหมือนกันแฮะ รู้อย่างนี้เก็บมาแปะกาวติดก็อตเทปก็ใช้ต่อได้ ผมเลยต้องเสียเงินซื้อพวกนั้นใหม่ แต่ก็ซื้อมากเกินไปไม่ได้ ผมคงไม่มีเงินจ่าย ใช้เงินมากขนาดนั้นเก็บไว้ใช้ยาวจำเป็นดีกว่า ผมก็แค่พอมีเงินสำหรับซื้อความสุขเล็กๆ ในเวลาหนึ่งเท่านั้น
“โฮ้ สุดยอดอ่ะ”
ทุ่มงบกันไปกี่ล้านเนี่ย
มีเด็กๆ หลายคนที่เข้ามาร่วมร้องประสานเสียงกับผมด้วย ผมไม่ได้ร้องเพลงนะ แต่ร้องด้วยความตื่นตาตื่ใจกับภาพที่ปีหนึ่งจะมีครั้งเดียว
“แม่ค่ะ ดูนั่นสิ ต้นคริสต์มาสหย่ายใหญ่”
“หนูอยากกินขนมโต๊ะนั้น”
“แม่ฮะ เขาแจกขนมด้วย ไปเร็วฮะ” เด็กชายตัวเล็กกึ่งลากกึ่งจูงคุณแม่ให้รีบเดินไปเอาขนมแจกฟรีสำหรับลูกค้าที่มาเดินเที่ยวห้างในช่วงเทศกาลนี้
เด็กๆ ทุกคนดูสนุกและตื่นเต้นกันมาก จนพ่อแม่ต้องจับมือลูกตัวเองไว้ให้แน่น เพราะอาจเกิดพลัดหลงได้ เสียงร้องไห้งอแงทำให้พ่อแม่ต้องวิ่งหากันจ้าละหวั่น
ภายในห้างประดับตกแต่งของสวยๆ เต็มไปหมด ต้นสนแทนคริสต์มาสขนาดใหญ่ใจกลางห้างดูโดดเด่น บนยอดติดดาวสีทองห้าแฉก รอบๆ ต้นห้อยของตกแต่งหลายอย่าง ทั้งลูกทรงกลมหลายสี เหลืองทองบ้าง ฟ้าบ้าง หรือจะเป็นสีน้ำเงินสะท้อนเงา กล่องของขวัญชิ้นเล็กห้อยติด ยังมีลูกกวาดไม้เท้าสีหวานน่ากิน และนางฟ้ามีปีกเกาะต้นไม้หลายตัว ตามเสาห้อยป้ายและพู่หลากสีดูงดงาม หลอดไฟทั้งดวงเล็กดวงใหญ่ห้อยเป็นสายไฟระโยงระยางกึ่งกลางลานจัดงาน ตามมุมเสาติดไฟฝนดาวตก วิ่งไล่ลงด้านล่างเหมือนของจริง ลูกบอลกระจกข้างโต๊ะทำกิจกรรมส่องแสงวิบวับเรียกคนเข้างาน
หลายชิ้นหลายอย่างเต็มแทบทุกพื้นที่จนผมเกือบตาลาย
‘ก็สวยนะ แต่มึน’
โดยเฉพาะลูกบอลกระจกเล่นเอาผมเบลอไปเลย มันควรจะเป็นเช่นนั้น เพราะผมเงยหน้ามองตามลูกทรงกลมที่หมุนไปมายามโดนลม หรือเส้นเชือกเกิดกระตุกลูกบอลก็จะขยับตาม
แล้วเราจะมองมันทำไม
ผมมองทั่วบริเวณ ซึบซัมภาพงดงามเอาไว้พลางอมยิ้มอย่างมีความสุข สอดส่องหาร้านขายของสำหรับวันคริสต์มาสในราคาย่อมเยา เห็นร้านหนึ่งเยื้องๆ กับบันไดเลื่อน เป็นร้านใหญ่พอควร ผมเดินเข้าไปร้านนั้น ทั้งกระจกและตามฝาผนังแปะโน้นติดนี่เต็มทุกพื้นที่
จะแข่งกับห้างหรือไง
ส่วนที่เป็นกระจกพ่นสีสเปรย์เป้นข้อความกับรูปภาพ ผมเดินไปดูใกล้ๆ เผื่ออ่านข้อความนั้นให้ชัด
Merry Christmas
Sale 10%
ลดราคาตั้งสิบเปอร์เซ็น ผมจึงลองเดินดูของรอบๆ
พอได้เห็นราคาเต็มที่แปะข้างถุง
‘นี่ลดแล้วเหรอ’
ทำมาจากขนสัตว์หรือไง แพงมาก ตุ๊กตานี่ก็อีก ใช้เส้นอะไรทักทอถึงได้แพงเวอร์ขนาดนี้ มันก็ยัดปุยนุ่นเหมือนกันนั่นแหละ ลายผ้าก็ดูธรรมดา จะคิดแพงทำไม กระดิ่งกรุ๊งกริ๊ง ผมเขย่าฟัง ไม่เห็นจะแตกต่างจากกระดิ่งสร้อยข้อมือถูกๆ ตรงไหน ของแต่ละอย่าง ไม่นำวัสดุชั้นดีมาผลิตก็กดราคาหลอกลูกค้าที่จำนวนเงินในกระเป๋าตรงข้ามกับสมอง
ผมไม่ได้ว่าเขาค่อนข้างออกไปทางคนดง่นะ
เอาเถอะ คนมีเงิน ของจะถูกจะแพง หรือถูกหลอก ก็มีเงินจ่ายได้สบายอยู่แล้ว ส่วนผมก็วางทุกสิ่งลงที่เดิมแล้วออกจากร้านไปเข้าร้านอื่นดีกว่า
เดินดูเล่นเฉยๆ พนักงานคงไม่ส่งสายตาเขม่นใส่ผมหรอก (มั้ง)
ผมออกจากร้านแรกก็มองเห้นร้านที่อยู่ตรงข้ามกับสายตาผมพอดี ร้านนี้เล็กกว่าร้านที่ผมเพิ่งออกไปเสียอีก ในร้านไม่ตกแต่งอะไรมากนัก ลูกค้าเดินกันประปราย มีพนักงานเพียงแค่สี่ห้าคนคอยบริการ ทุกคนใส่เสื้อยืดสีแดง แปะสกรีนข้อความ ’Merry Christmas‘ บนหัวสวมหมวกสีเดียวกับเสื้อ ใบหน้ายิ้มแย้มต้อนรับลูกค้าอย่างอบอุ่น ต่างจากร้านแรกที่ทำท่าจ้องเขม่นแกมดูถูกคนที่แต่งตัวธรรมดาอย่างเช่นผมเป็นต้น
ไร้มารยาทสิ้นดี
ทำสายตาน่ารังเกียจ
‘ไม่ได้มาขโมยของซะหน่อย’
ทำแบบนี้ กิจการเจ๋งแน่ ไม่ได้แช่งนะ แต่ไม่ต้องเดาก็รู้อนาคตแน่นอนได้จากพฤติกรรม
ผมเลือกเดินในโซนตุ๊กตาเซรามิกเด้งได้ สงสัยใช่มั้ยล่ะครับว่ามันเป็นยังไง ผมก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน ฮ่าฮ่า อย่าเพิ่งทำหน้าบึ้งกันครับ อืม... เซรามิกที่ว่านี้ เคาะๆ ดีดๆ ดู (จะแตกมั้ย) มันก็คล้ายกับแก้ว แต่ว่ามันไม่โปร่งใส เพราะเล่นคอมมิชชั่น ฮา
เงียบกันหมด
ก็ได้ครับ ผมจะอธิบายดีๆ แล้ว ตุ๊กตาตัวเท่าฝ่ามือทำจากเซรามิกที่มีความแข็งคล้ายแก้วอย่างที่บอกไว้ตอนแรก แต่สีของเซรามิกจะเป็นสีที่พ่นลงไปตามแบบที่วางไว้ ซึ้งต่างจากแก้วที่มันโปร่งใส ตุ๊กตาเซรามิกที่ผมถืออยู่เป็นสีขาวเสียส่วนใหญ่ แบบของมันเป้นรูปนางฟ้าสวมชุดคลุมสีขาว แถมปีกสีขาวขนาดพอดีกับตัวอยู่ด้านหลัง ทั้งตัวนางฟ้าวางลอยอยู่บนฐานแข็งแรง โดยมีสปริงยืดไว้ให้มันโยกได้
ผมไม่ได้ตั้งใจจะซื้อตุ๊กตานี้จึงวางลงที่เก่า แต่ก็ตัดใจหันกลับมามองมันอีกครั้งไม่ได้ ชั่งใจสักครู่จะเอายังไงดี อารมณ์นึกสนุกอยากลองเล่นมีมากกว่า ผมจึงเอานิ้วจิ้มตัวมันเบาๆ มันหงายหลังแล้วเด้งกลับมายืนท่าเดิม ผมก็จิ้มอีกมันก็เด้งกลับมา ใช้นิ้วจิ้มหัวมันหลายทีจนกลายเป็นว่าผมใช้ทั้งมือผลักหัวตุ๊กตาแทน
‘หึหึ’
ยิ่งผลักก็ยิ่งสนุก จนตุ๊กตาโยกไปข้างหลังมากขึ้นและเด้งมาข้างหน้าด้วยแรงเหวี่ยงมากกว่าเดิม ผมยืนผลักตุ๊กตาโดยไม่รู้ว่ามีคนมองเขาอยู่ด้านหลัง
“ตบหัวคนจริงๆ ดีกว่ามั้ยค่ะคุณน้อง”
เฮือก
มาไม่ให้สุ่มให้เสียง ตกใจหมด
ผมหันไปปะทะหน้าเจ้าของเสียง
“เออ”
“ผม...”
“คิคิ ไม่เป็นไรค่ะ ยังไม่แตกก็ไม่มีปัญหาอะไรนี่เนอะ” เจ้าของเสียงที่แนะนำให้ผมตบหัวคนจริงๆ เธอเป็นผู้หญิงครับ ผมของเธอยาวเลยไหล่เล็กน้อย ผมคิดว่าเธอน่าจะย้อมสีผมนะ เวลาที่เธอเอียงคอ แสงไฟตกกระทบเห็นเป็นเงาสีแดง ก็ดูสวยดี ไม่รู้ว่าเธอจะทำให้ทั้งตัวมีสีแดงหรือยังไง โดยที่ผมไม่ต้องเหลือบมองเพราะความสูงเราพอๆ กัน ถึงได้เห็นกางเกงขายาวกับรองเท้าสีแดงแรงฤทธิ์
เจ้าแม่สีแดง ผมยกฉายาให้เลย
เธอหัวเราะคึกคักเหมือนเดาใจผมออกว่ากำลังประเมินเธอในแบบไหน เสียงแหลมเรียกผมให้สนใจเธออีกครั้ง
“คุณจะซื้ออะไรเหรอค่ะ บอกฉันได้นะ จะได้หาให้” พูดแล้วก็ยิ้มยินดีรับใช้
ถ้ายินดีรับใช้ ผมก็ขอใช้บริการแล้วกัน
“ผมอยากได้พวงมาลัยคริสต์มาส”
“ได้คะ ทางนี้คะ” เธอเปิดทางให้ผมเดินไปยังของที่ต้องการ
“มีหลายขนาด คุณต้องการแบบไหนค่ะ” เธอหยิบพวงมาลัยคริสต์มาสหลายขนาดโชว์ให้ผมดู มีทั้งขนาดเท่าหมอนอิงใบเล็ก ขนาดกลาง จนไปถึงขนาดใหญ่ ของประดับก็แตกต่างกัน บางชิ้นก็มีใบโฮลี่ บางชิ้นก็โล่งไม่มีอะไรตกแต่งเลย หรือมีทั้งใบโฮลี่และเสริมระฆังเล็กๆ ไว้ด้านบน ผมว่าแบบหลังใช้ได้นะ
ผมหยิบพวงมาลัยคริสต์มาสแบบมีระฆังขึ้นมาให้เธอดูว่าใช้ได้มั้ย “ แบบนี้ล่ะเป็นไง”
“เรียบๆ แต่ก็สวยดีนะค่ะ คุณชอบมั้ย”
“อืม” ผมลังเลก่อนจะตอบ
“ก็ชอบนะ งั้นเอาอันนี้แหละ”
เธอพยักหน้ารับคำก่อนจะโพล่งขึ้นมาเหมือนเพิ่งนึกบางอย่างออก “คุณรอเดี๋ยวนะ ฉันจะไปเอาตะกร้ามาให้”
เธอวิ่งไปหยิบตะกร้ามาให้ ผมถึงได้สังเกตุเห็นว่าตรงประตูมีที่วางตะกร้าสำหรับเลือกซื้อของในร้าน ผมคงเดินเข้าร้านโดยไม่มองล่ะมั้ง แต่ก็ขอบคุณเธอนะที่อุตสาหยิบมาให้ผม
“ขอบคุณครับ” ผมขอบคุณเธอแล้ววางพวงมาลัยคริสต์มาสลงในตะกร้าพลาสติกสีแดง
“ไม่เป็นไรคะ”
“แล้วคุณอยากได้อะไรอีกหรือเปล่า” เธอถามผม
“สายรุ้งกับสายไฟครับ”
“งั้นเชิญทางนี้คะ” เธอพาผมไปเลือกสายรุ้งก่อนแล้วค่อยตรงเข้าไปเลือกสายไฟอีกที
สายรุ้งมีทั้งเส้นเล็กๆ จนผมกลัวว่ามันจะหลุดร่วงเลยไม่เอา อีกเส้นก็ดูหนาและใหญ่เกินไป ผมอยากได้ขนาดที่มันพอเหมาะพอดี ไม่ใหญ่เกินไปแต่ก็ขอยาวๆ หน่อย อ่ะ เจอแล้ว ขนาดกำลังพอดีถูกใจผมเลย ผมหยิบมันมาวางในตะกร้าเป็นชิ้นที่สอง
เมื่อผมได้สายรุ้งแล้ว ผู้หญิงคนเดิมก็พาผมไปเลือกสายไฟ มันมีไม่กี่แบบหรอกครับ ผมก็เลือกๆ มาแบบนึง พนักงานสาวใจดีให้ผมลองเสียบปลั๊กไฟทดลองก่อนได้ เผื่อไฟไม่ติดจะได้ไม่ต้องเสียเวลามาเปลี่ยน
ร้านนี้เขามีรับเปลี่ยนคืนได้ครับ ดีเนอะ
ผมทดสอบไฟก็เห็นว่าติดหมดก็ถอดปลั๊กเก็บสายไฟเข้ากล่อง สาวสวยคนเดิม ผมต้องชมเธอไว้ก่อน เธอช่วยผมเก็บสายไฟให้ด้วย เธอใจดีมากเลยครับ
“เจ๊!” ผมสะดุ้งเกือบปล่อยกล่องสายไฟหล่นพื้น
ขวัญผมยังไม่ทันกลับมางานฉลอง คราวนี้คงวิ่งไปไหนแล้วก็ไม่รู้
ดีไม่ดี อาจวิ่งไปถึงนิวยอร์กแล้วก็ได้
ขวัญเอ๊ยชวัญมา
“อะไรย่ะ! เรียกซะตกใจหมด” ผมก็ตกใจเหมือนกัน ลูบอกตัวเองให้ใจสงบก่อนจะวางกล่องสายไฟด้วยมือที่ยังสั่นๆ ชิ้นที่สามก็ไปนอนรวมกันแล้ว
“ผู้จัดการเขาให้เจ๊ไปช่วยเช็คสต็อคหน่อย ว่าของมันหมดหรือยัง” ผู้ชายที่ตะโกนเรียกเจ๊ของเขาตอบกลับ
“แค่นี้ก็ต้องตะโกน” นั่นสิ ตะโกนทำไม
“เออๆ เดี๋ยวไป”
“ขอตัวก่อนนะค่ะ ถ้ามีอะไร เรียกพนักงานในร้านได้นะค่ะ หรือถ้าจะเรียกคนหัวเขียวก็ใช้ให้หนักได้เลย” ท้ายประโยคพูดเสียงเบากับผม แต่หนักแน่นในน้ำเสียง คาดว่าเธอคงจะแค้นใจ สงสัยโดนทำเสียขวัญเหมือนผมล่ะมั้ง
เธอเดินเข้าไปในห้องหนึ่ง น่าจะเป้นห้องเก็บสต็อคของร้า แววๆ ได้ยินเสียงเธองืมง่ำเหมือนจะบ่นอะไรสักอย่างที่ผมได้ยินไม่ชัดเจน
“ไอ้หัวเขียวขัดจัวหวะจริง อุตสาได้เจอเด็ก จะแทะเล็มหน่อยก็ไม่ได้”
หากคนที่ไม่รู้ตัวว่าโดนแทะเล็มได้ยินเข้าอาจเกิดอาการสั่นๆ ก็ได้
เป็นเจ้าแม่สีแดงที่น่ากลัวซะจริงๆ
“เอ้า ป้าเร็วๆ”
“ไอ้เด็กบ้า แกเรียกฉันว่าป้าเหรอย่ะ” สีแดงทั้งตัวคงไม่พอ เธอจึงเพิ่มประกายไฟความโกรธเตรียมจะบีบคอเด็กปากเสีย แต่ก็ทำไม่ได้อย่างที่หวัง เสียงเรียกจากชายคนหนึ่งเร่งให้เธอไปจัดการเช็คสต็อคให้ไว เพราะผู้จัดการร้านเริ่มหน้าบูดหน้าบึ้งแล้ว
“เร่งจริง”
“แก่แล้ว ยังจะรีบอีก” เจ๊ไม่แก่เลยเนอะ เด็กหนุ่มหัวเขียวคิดในใจ อายุก็ไล่เลี่ยกับผู้จัดการร้าน ยังไม่ยอมรับตัวเองอีก
ผมก็เข้าใจเธอนะ คำบางคนก็ไม่ควรพูดออกไป
โอะ! ผมยังไม่ได้ดูต้นคริสต์มาสเลย คิดได้ดังนั้นผมก็หันหลังหลับมาสนใจรายการสั่งซื้อของตัวเอง
ปึก
โอ๊ย เจ็บจมูกอ่ะ
ผมเกือบล้มก้นจ้ำเบ้า แต่มืออีกคนไวกว่าคว้าแขนผมแล้วกระตุกผมเข้าหาตัวเขา จากที่โดนชนครั้งแรกผมต้องมาชนอีกแล้ว เจ็บจมูกนะ
ฮือออ
ผมเงยหน้ามองคนทำจมูกเจ็บถึงสองครั้ง พอเจอหน้าก็เจอสายตาเป็นห่วงอย่างจริงใจไม่เสแสร้ง ผมหลบวูบ ไม่รู้เป็นอะไรถึงไม่สามารถสบตาเขาตรงๆ ได้เลย เหมือนว่าหัวใจผมจะเต้นแปลกๆ ด้วย
“ผมเดินไม่ระวัง ยังไงก็ขอโทษนะครับ”
ผมพยักหน้ารับ ที่จริงผมก็ต้องขอโทษเขาด้วย ผมเองก็ผิดที่ไม่ทันระวังเหมือนกัน
“ผมต้องขอโทษต่างหาก ผมก็ไม่ได้ระวังตัว”
“อืม งั้นก็... เจ๊ากันเนอะ” เขาฉีกยิ้มเหมือนคนไม่มีความทุกข์ใดๆ
“แล้วคุณหาอะไรอยุ่เหรอ” ผมเพิ่งสังเกตุ เขาใส่เสื้อสีแดงสกรีนเป็นคำว่า ‘Merry Christmas’ พร้อมกับหมวกสีแดงบนหัว เขาก็เป็นพนักงานที่นี่เหมือนกัน
แต่เป็นพนักงานที่ดูดีกว่าคนอื่นในร้านเลย
นี่ผมเผลอคิดอะไรเนี่ย เรามาซื้อของนะ ไม่ใช่มาส่องผู้ชาย
“ต้นคริสต์มาส ผมอยากได้ต้นคริสต์มาส”
“ได้ตามความต้องการครับ” ชายหนุ่มยิ้มเตรียมบริการเต้มที่
“มาครับ ผมถือให้” แล้วเขาก็คว้าตะกร้าผมไปถือทันที ไม่ทันที่ผมจะตอบรับหรือคิดจะปฏิเสธน้ำใจ
ผมไม่ปฏิเสธน้ำใจเขาหรอก ตอนนี้ผมกเมื่อยแล้ว มีคนช่วยถือก็ดีเหมือนกัน
“สีนี้มั้ย”
ชมพูพริ้งแสบตาอย่างจัง ใครจะกล้าซื้อ แต่ก็ยังมีคนกล้าทำมาขาย ผมปลงกับความคิดคนทำหน่อยๆ เขาคงคิดว่ามีคนชอบสีต้นคริสต์มาสแบบแตกต่างจากปกติล่ะมั้ง
ผมทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก เวลามองต้นสีชมพูอีกครั้ง สีหน้าผมแปลกหรือเปล่า คนที่แนะนำต้นนี้ถึงหัวเราะแทบไม่ไว้หน้า ขำอะไรนัก ก็คนมันไม่ชอบสีนี้นี่นา
“ฮ่าฮ่า คุณนี่ทำหน้าตลกจัง”
ตลกแค่นายคนเดียวน่ะสิ ไม่ขำด้วยหรอก ฉันเป็นลูกค้านะ มายืนหัวเราะใส่ ไม่คิดว่ามันเสียมารยาทแบบสุดๆ มั้งเหรอ ผมจึงออกจากร้านด้วยอารมณ์โกรธ
ชายหนุ่มรีบคว้ามือผมไว้แน่น “ผมขอโทษครับ ผมล้อเล่น”
มันใช่เวลามาล้อเล่นหรือไง
“น่านะ อย่าโกรธผมเลย” เขายกมือผมที่ยังกุมแน่นพลางลูบเบาๆ อ้อนวอน
ลูบมาได้ ฉันก็เขินเป็นนะ
“นี่” ผมกระตุกมือให้เขารู้ตัว
“เอ๋ เออ แฮะๆ” เขาถึงได้ปล่อยมือผมแล้วลูบหัวตัวเองแก้เขิน ผมเห็นหูเขาแดงด้วย เวลาเขาเขิน อืม... ก็ดูน่ารักดีนะ
“มาเลือกต้นคริสต์มาสกันต่อดีกว่า” เขาพลิกสถานการณ์ไม่ให้เรามองหน้ากันไม่ติด จะคุยไม่ได้เพราะมือนายที่คอยแต่จะลูบมือฉันไม่หยุดนั่นแหละ
ชายหนุ่มมองผมสลับกับมองต้นคริสต์มาส สีหน้าครุ่นคิดก่อนจะอมยิ้ม แทบปิดอารมณ์นึกสนุกไว้ไม่อยู่
ยังไม่เลิกคิดอะไรแปลกๆ อีกเหรอ
“สูงเท่าไหร่”
“ฮะ หมายถึง”
“คุณน่ะ สูงเท่าไหร่” ถามผมแล้วก็ปิดปากแอบขำผมไม่มีเสียง
“...”
หาว่าฉันเตี๊ยงั้นเหรอ
ฮึม
“ขำๆ นา” ไม่ขำเลยสักนิด เรื่องความสูงเป็นอะไรที่ผมเคร่งเครียดมาก กินก็แล้ว (แต่ไม่เล่นกีฬา) นอนพักผ่อนก็แล้ว (แต่นอนดึก) ห้อยโหนบาร์ก็ทำ (แค่สองสามครั้งเลิก) ทำไมผมยังไม่สูงสักที
ช่วยกรุณาอ่านในวงเล็บแล้วปฏิบัติตามอาจสูงได้
ด้วยความปราถนาดีจาก... ใครก็ไม่รู้ (อ้าว)
“ผมถามความสูงของต้นคริสต์มาสที่คุณอยากได้” ถ้ายังล้อเลียนควมสูงฉันอีก จะเอาค้อนทุบหัวนายให้เตียตามฉันเลย คอยดู!
“ไม่รู้สิ เอาแบบไม่สูง ฉันจะวางบนโต๊ะ”
“อ๋อ ได้ครับ แล้วแบบนี้พอดีมั้ย” เขาเลื่อนต้นคริสต์มาสต้นหนึ่งมาข้างหน้า ใบของต้นเป็นสีเขียว สีนี้ผ่านครับ สีแบบคลาสสิคเป็นธรรมชาติดีที่สุด ทั้งต้นมีของปรับตกแต่งเป็นชิ้นเล็กๆ เขายังบอกอีกว่า ต้นนี้มีออฟชั่นเสริมคือ มีไฟพันรอบทั้งต้นด้วย ฟังเขาเสนอสินค้าก็พลินดี น้ำเสียงเขาตื่นเต้นอย่างกับขายสินค้าของตัวเอง แต่ว่าเขาเป็นพนักงานที่นี่ ของในร้านก็หมือนกับเป็นของเขานั้นแหละ
“ลองเสียบปลั๊กดูนะ” เขาดูตื่นเต้นกว่าผมอีก ผมเลยให้เขาทดสอบเองได้ตามใจ พอเห็นแสงไฟปรากฏ ตาเขาก็ลุกวาบเหมือนเจอของเล่นถูกใจ
“อยากได้อ่ะ”
ตกลงใครเป็นลูกค้ากันแน่
“เพิ่งออกใหม่ซะด้วย อยากได้ๆ” เดี๋ยวทำหน้าดีใจได้พักเดียวก็สลดลงเหมือนเสียดาย ผมก็สงสัยนะ เขาไม่ให้พนักงานซื้อเหรอ
“นายก็ซื้อสิ”
“ไม่ได้หรอก พนักงานต้องรอล็อตหน้า ไม่รู้ว่ามันจะเหลือมาถึงมือผมหรือเปล่า”
เขาทำหน้าหงอย ผมมันก็พวกเห็นใจคนอื่นซะด้วย “ถ้าอย่างนั้น ฉันซื้อแทนนายแล้วกัน” ที่จริงผมเล็งไว้ตั้งนานแล้ว
“แต่ว่านะ ฉันจะเอาไว้ที่บ้านฉัน เพราะฉันเป็นคนซื้อ เข้าใจมั้ย” เหมือนเป็นการชวนเขาเข้าบ้านกลายๆ ผมเองพูดโดยไม่ทันคิดด้วยสิ หวังว่าเขาคงไม่คิดไปไกลเกินแล้วกัน เขาเพียงพยักหน้าตอบแล้วยิ้มดีใจ ประหนึ่งว่าบ้านผมก็เป็นบ้านเขาเหมือนกัน
“ขอบคุณ ไว้วันหลังผมจะไปคุณแล้วกัน” โอ้ ตอบแบบนี้จะไม่ให้ตกใจได้ยังไง เขาคงไม่คิดจะไปบ้านผมจริงๆ ใช่มั้ย เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ไม่ต้องมาก็ได้ ผมไม่ว่าหรอก และอีกอย่าง เขารู้เหรอว่าบ้านผมอยู่ที่ไหน
นอกจากนายจะเป็น ‘สตอล์กเกอร์’ ตามผมไปทุกที่
คิดแล้วก็ผวายังไงชอบกล
“คุณอยากได้อะไรอีกหรือเปล่า”
“แค่นี้แหละ จ่ายเคาน์เตอร์ตรงนั้นใช่มั้ย”
“ครับ” ผมจึงเดินตัวปลิวไปจ่ายเงิน ถูกต้องครับ เดินตัวปลิงสบายไม่ต้องถืออะไร มีหนุ่ม เอ๊ย มีคนช่วยถือของให้แล้ว
พอถึงจุดชำระเงินของทุกอย่างก็นำมาคิดเงินก่อนจะใส่ถุงให้เรียบร้อย ผมรับเงินทอนแล้วก็หิ้วของทั้งหมดออกจากร้าน ก่อนจะก้าวพ้นประตู ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมหันไปหาเขา ชายหนุ่มที่คอยบริการผมอย่างดี รอบตัวมีแต่สาวๆ ห้อมล้อม แต่ยังมีแก่ใจมาสนชายที่ยืนอยู่หน้าประตู
“แวะมาหาผมอีกนะครับ”
พูดผิดหรือเปล่า
มันต้อง... ‘แวะมาร้านเราอีกนะครับ’ ไม่ใช่เหรอ
แบร่
ผมแลบลิ้นใส่ เขาคิ้วขมวดหน้างงๆ ก่อนจะยิ้มเป็นการแสดงตอบกลับว่าไม่ถือสาผมที่ทำกริยาไม่งาม ผมเห็นเขายกมือขึ้นปิดปากแอบหัวเราะผมอีกแล้ว
คนอะไรขำอยู่ได้
อยากบอกไว้ตรงนี้ด้วยว่า
‘ใครจะอยากมาหานาย’
ฉันคนหนึ่งล่ะที่... ไม่!
**********
ไม่ปฏิเสธถ้าเขาจะมาหานายแทนอ่ะดิ
กว่าจะได้ 1 ตอน ต้องนอนพักเอาแรง ปวดหัวมาก
เกือบจะไม่แต่งแล้ว เพราะกลัวไม่ทันเดทไลน์ (ตัวเอง)
มาดูกันต่อไปว่า นายเอกจะยังโดเดี่ยวต่อไปอีกมั้ย
และมาดูกันว่า คนแต่งจะปวดหัวก่อนส่งเดทไลน์หรือเปล่า อ๊าก T^T P~