(ต่อ)
วันรุ่งขึ้นพวกเรารีบเก็บข้าวของออกจากบ้านหลังนั้นกันตั้งแต่เช้าตรู่.. อันที่จริงไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้เพราะถึงวันนี้จะเป็นวันจันทร์ แต่ก็เป็นวันจันทร์ที่เป็นวันหยุด(งงไหม? คือมันเป็นวันอะไรสักอย่างที่สำคัญทางศาสนาพุทธนี่แหล่ะ คือผมไม่ใช่ชาวพุทธน่ะ เลยไม่รู้ รู้แค่ว่ามันหยุด ฮา..) แต่ที่ต้องรีบกลับก็เพราะอีเมย์มันมีรายงานที่ยังทำไม่เสร็จ ต้องรีบกลับไปทำ ส่วนซินกับไอ้กายก็มีเทสต์ย่อยวันพรุ่งนี้ ยังไม่ได้อ่านหนังสือกันสักตัวเลย
เออ..เอี้ยฟ้าก็เห็นว่ามีเทสต์เหมือนกัน แต่มันบอกว่ามันไม่ต้องรีบกลับไปอ่านหรอก มันบอกว่ามันรู้อยู่แล้ว(ฟังละหมั่นไส้จริงๆ)
ก็อย่างที่ว่ามานั่นแหล่ะ วันนี้เราก็เลยต้องออกกันแต่เช้าหน่อย..
ขากลับผมนั่งลัมโบร์กินีของเอี้ยฟ้ามากับซิน คราวนี้ซินไม่พลาดที่จะลองบังคับเจ้ากระทิงดุสีขาวเหมือนตอนขามา มันลากผมลงจากเตียงตั้งแต่เช้ามืด ชูกุญแจรถในมือให้ดู(ไม่รู้มันไปเอามาตั้งแต่เมื่อไหร่) จากนั้นก็ผลักไสผมเข้าห้องน้ำ ทำธุระส่วนตัวเสร็จก็จับผมไปยัดใส่รถและรีบขับออกจากบ้านโดยไม่รอใครหน้าไหนทั้งนั้น
เหตุผลน่ะเหรอ? ..ก็เพื่อหลบหน้าไอ้กายไงล่ะ มันบอกวันนี้ยังไม่พร้อม พรุ่งนี้ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะพร้อม เดี๋ยวขอเวลาทำใจและคิดแผนการล่อลวงไอ้กายได้ก่อน ค่อยลงมือ ..มันพูดงี้จริงนะ ฮ่ะๆๆ
กลับมาถึงคอนโดผมกับซินก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นรถของแบรี่จอดรออยู่ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแบรี่มาทำอะไร เขาก็รู้นี่นาว่าพวกเราไม่อยู่
หรือว่าลืมของอะไรไว้? ..อาจเป็นไปได้
แบรี่มีกุญแจสำรองคอนโดผมอยู่ชุดหนึ่ง เขาเคยขอเอาไว้เผื่อว่ามีอะไรฉุกเฉินเกิดขึ้น พวกเราไว้ใจเขาอยู่แล้วก็เลยให้เอาไว้เพื่อความสะดวก แต่ที่ผ่านมาแบรี่ก็ไม่เคยเปิดเข้ามาเองตามอำเภอใจหรอกนะ ..ไม่เหมือนป๊ะป๋า รายนั้นชอบทำอะไรเซอร์ไพรส์พวกเราเสมอแหล่ะ
“เซอร์ไพรส์!!!!!”...แต่ไม่คิดว่าคราวนี้จะได้เซอร์ไพรส์จากแบรี่แฮะ สงสัยผมคงจะวางใจเขามากเกินหน่อยไป
ทันทีที่ผมเปิดประตูห้องเข้าไปเสียงร้องน่าแปลกใจก็ดังขึ้น มีผู้บุกรุก 1..2..3..4 คน เข้ามาอยู่ในห้องของพวกผมอย่างถือวิสาสะ ก่อนที่หนึ่งในนั้นจะพรุ่งตัวเข้ามาหาผมราวกับเป็นแม่เหล็กขั้วตรงข้าม
“ซันนนนนนน” เธอคนนั้นโอบแขนรอบคอผมพร้อมทั้งเบียดตัวเข้ามาชิดเสียจนรู้สึกได้ถึงอะไรต่อมิอะไรชัดเจนเชียว
“มิรันด้า?” ผมเรียกชื่อเธออย่างงุนงงสงสัย ..เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?
“ฉันคิดถึงคุณจัง~” มิรันด้าหอมแก้มผมทั้งซ้ายทั้งขวา พลางยิ้มกว้างอย่างคนดีใจ
“เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงน่ะ?” ซินร้องถามเป็นภาษาอังกฤษด้วยสีหน้างุนงงไม่แพ้ผม ก่อนหันไปไล่มองคนอื่นๆ รอบห้อง
“แล้วทำไมพวกคุณถึงมาอยู่ที่นี่กันล่ะ?”“เราก็มาเยี่ยมพวกเธอไงจ๊ะ ที่รัก” แม่ที่นั่งไขว่ห้างจิบไวน์อยู่บนโซฟาตอบพลางยักไหล่ “อย่าถามอะไรไม่เข้าท่าสิ”
“สวัสดีครับ ฝาแฝด” เออร์เนส ฟาร์ลี พีล ผู้ช่วยสารพัดนึกของป๊ะป๋าก็มากับเขาด้วย ตอนนี้เขากำลังช่วยแบรี่เก็บกวาดจานชามบนโต๊ะอาหารอยู่ ท่าทางว่าพวกนี้เพิ่งจะทานข้าวเช้ากันเสร็จแฮะ
“หวัดดี ..ไม่เจอกันนานนะ” ผมตอบ
“สบายดีเหรอ เออร์เนส?” ซินถามกลับไป
จากนั้นก็ตอบโต้ไปมากันอีกสองสามประโยค แต่ว่าไม่เจอกันตั้งนาน เขาก็ยังดูเหมือนเดิมเป๊ะเลยแฮะผู้ชายคนนี้ ดูสมาร์ทและออกแนวจริงจับกับชีวิตเกินไปน่ะ ฮ่ะๆๆ
“แฝดกินอะไรมารึยัง?” แบรี่ถามด้วยความหวังดี
ซินก็พยักหน้าและตอบว่า ‘เรียบร้อย’ ไป
“แล้วนี่เซ็นทรัลยังไม่มาอีกเหรอ?” แม่ถามถึงป๊ะป๋าบ้าง
“กำลังมาน่ะ พอดีพวกเราออกมาก่อน” ซินตอบแล้วเดินไปหอมแก้มแม่ทีนึง ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ
“ว่าแต่ทำไมเออร์เนสถึงมากับแม่ได้ล่ะ?” ผมพยักเพยิดไปทางคนที่ยังสาละวลอยู่ในครัวอย่างสงสัย ขณะเข้าไปกอดและหอมทักทายแม่บ้าง
“อ๋อ จู่ๆ เมื่อวันก่อนเอิร์นก็โผล่ไปที่ออฟฟิศแม่น่ะสิ เล่นเอาตกอกตกใจหมด บอกว่าตามหาเซ็นทรัลตัวแสบไม่เจอ แม่คิดว่าเค้าอาจจะมาหาแฝดก็ได้ พอโทรถามแบรี่ก็ใช่จริงๆ บวกกับช่วงนี้แม่อยากจะว่างอยู่พอดีก็เลยหาเรื่องหนีงานชวนกันมาที่นี่ซะเลย” แม่เล่าแล้วก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดี “..พอมิรันด้ารู้เรื่องก็ขอตามมาด้วยอีกคน”
“นี่ให้แบรี่ไปรับที่สนามบินเหรอ?” ซินถาม “มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?”
“หกโมงกว่าๆ” แม่ว่า
ผมพยักหน้ารับรู้ แล้วนั่งบ้าง แต่พอผมนั่งปุ๊บ มิรันด้าก็มานั่งทับตักผมปั๊บ ซบหัวสีใบเมเปื้ลของเธอไว้บนไหล่ผม แถมคลอเคลียไม่ยอมห่างอย่างกะแมว จนแม่ที่กำลังรินไวน์แก้วใหม่ให้ซินถึงกับต้องกระแอมไอออกมา
“ให้มันน้อยๆ หน่อย มิรันด้า เดี๋ยวลูกชายคนเล็กของฉันก็สึกหรอหมดราคาพอดี” แม่พูดแซวๆ มากกว่าจะจริงจัง
“แหม.. อย่างกไปหน่อยเลยค่ะ มาดาม” คนถูกทักหัวเราะคิกคักพลางตอบ
“คุณยังมีลูกชายเหลืออีกตั้งสองคนแน่ะ”พอพูดถึงลูกชายของแม่ ผมก็เลยนึกถึงพี่ชายอีกคนขึ้นมาได้ “แล้วซอลลี่ไม่มาด้วยเหรอ?”
ยังไม่ทันที่แม่จะตอบ ประตูห้องนอนของซินก็เปิดผางออก คนที่ผมเพิ่งจะถามถึงก็โผล่หน้ามุ่ยๆ กับหัวยุ่งๆ ออกมาให้เห็นพอดี
“มาแล้วเหรอ พวกตัวแสบ”
ช่างเป็นคำทักทายที่ชวนโบกกะโหลกเสียจริงๆ ว่ามะ?
แต่ช่างเหอะ นานๆ ถึงเจอกันที แค่นี้น้องไม่โกรธ ฮ่ะๆ แถมซอลลี่ยังอายุมากกว่าฝาแฝดตั้งสี่ปี ขืนลงไม้ลงมือกันไปเดี๋ยวจะหาว่าทำร้ายคนแก่อีก
อืม.. ถ้าจะให้บรรยายถึงหน้าตาของพี่ชายคนนี้ผมขอแนะนำให้หันไปดูที่หน้าแม่ผมเลย แม่ผมงามยังไง ซอลลี่ก็งามยังงั้นแหล่ะ ฮ่ะๆๆ ผิดแต่ว่าอยู่คนล่ะวัยเท่านั้นเอง แล้วผมของแม่ก็สีน้ำตาลแดงถูกดัดแต่งเป็นลอน ในขณะที่ซอลลี่ผมตรงและย้อมเป็นสีบลอนด์ทอง ..แค่นั้นเองที่ต่างกัน ..จริงๆ นะ
ส่วนเรื่องรูปร่างนี่.. อย่างที่เคยบอกไปว่าซอลลี่เป็นนายแบบ แน่นอนว่าเขาค่อนข้างจะสูงมาก(แต่มากกว่าผมแค่ไม่กี่เซ็นต์หรอก อาจจะประมานไอ้กายหรือเอี้ยฟ้ามั้ง) แต่ไม่มีกล้ามล่ำๆ หรือซิกแพ็คสวยๆ หรอกนะ จะมีก็แค่ขาเรียวๆ เอวค่อดๆ กับหน้าท้อง(รวมทั้งหน้าอก)ที่แบนราบเท่านั้นเอง
ในวงการแฟชั่น ซอลลี่เป็นที่รู้จักกันดีในชื่อของ ‘ออโรร่า’(Aurora)
ส่วนหนึ่งมาจากชื่อจริงของเขาคือ ‘แสงเหนือ เฮย์เดน’ และอีกส่วนหนึ่งก็มาจากความงามแบบผิดธรรมชาติของเขานั่นแหล่ะ ..แล้วทั้งช่างภาพทั้งดีไซเนอร์ ก็ชอบเหลือเกินที่จะจับเขาใส่ชุดผู้หญิง จนมีบางคนหลงคิดว่าเขาเป็นผู้หญิงจริงๆ ไปแล้วด้วยซ้ำ
หลายคนถึงขนาดบอกว่าซอลลี่เป็น ‘นายแบบที่เกิดมาเพื่อเป็นนางแบบ’ ..ซึ่งข้อสันนิษฐานนี้ผมก็เห็นด้วย(นิดหน่อย)แฮะ
“ห้องรกหยั่งกะรังหนู แถมแคบจนคุณแสงดาวคงต้องดิ้นตาย ..อยู่กันได้ยังไง?” แต่ปากเขาเนี่ย ไม่ได้น่าดูชมเหมือนกับหน้าตาเลยจริงๆ
แล้ว ‘คุณแสงดาว’ ที่ว่าน่ะ ก็คือแมวตัวโปรดของคุณแสงเหนือเขานั่นล่ะ เห็นชื่อแบบนั้นแต่มันเป็นแมวตัวผู้นะ(ตั้งได้กระแดะมาก..) แถมยังเป็นแมวนรกที่ผมนึกอยากจะจับโยนลงหม้อซุปหลายครั้งแล้วด้วย(..แต่ยังไม่มีโอกาส) อย่าให้ต้องพูดถึงมันเลย..
“ปากเสียน่ะซอลลี่ ถ้ามันแคบนักก็ไปนอนโรงแรมสิ จะมาที่นี่ทำไม?” ซินถลึงตาใส่แล้วถามหน้ายุ่ง “แล้วพี่เข้าไปทำอะไรในห้องของคนอื่นตามใจชอบน่ะ?”
“ก็พอมาถึงปุ๊บ ซอลลี่ก็เลือดกำเดาทะลักปั๊บเลยน่ะสิ สงสัยช่วงนี้จะทำงานหนักเกินไป แม่ก็เลยให้แบรี่อุ้มไปนอนพักในห้องนั้นน่ะ” แต่แม่เป็นคนตอบแทน
พี่ชายของผมคนนี้เป็นพวกที่เลือดกำเดาไหลง่ายมากๆ ขอบอก แค่พักผ่อนน้อยหรืออากาศร้อนหน่อยก็จะเห็นเลือดไหลออกจากรูจมูกแล้ว นอกจากนี้ถ้ารู้สึกตื่นเต้นมากๆ ก็ไหลเหมือนกันนะ แต่ที่แย่ที่สุดคือเขาเป็นพวกกลัวเลือดด้วยน่ะสิ เห็นเลือดกำเดาตัวเองทีไรต้องเป็นลมล้มพับไปทุกที พาลลำบากคนอื่นอยู่บ่อยๆ
“ห้องนายหรอกเหรอ?” ซอลลี่เลิกคิ้ว ทำสีหน้าเหมือนไม่ใส่ใจนัก “..ถึงว่าสิ กลิ่นแย่ชะมัด”
“เดี๋ยวเหอะ!” ซินแยกเขี้ยวพร้อมทั้งแจกนิ้วกลางให้พี่ชาย ก่อนจะเดินเบียดอีกฝ่ายเข้าไปสำรวจความเสียหายในห้องของตัวเอง “..คงไม่ได้ทำเลือดเลอะเทอะหรอกนะ? ไม่งั้นพี่ถูกเตะโด่งออกจากที่นี่แน่”
“ใครสนกัน..” ซอลลี่พึมพำแล้วเดินเกาหัวแกรกๆ มาหย่อนก้นนั่งแทนที่ซิน แล้วคว้าแก้วใบใหม่มาเทไวน์ให้ตัวเอง พูดคุยโต้ตอบกับแม่ได้สองสามประโยคก็เพิ่งจะสังเกตเห็นผมกับมิรันด้าอยู่ตรงนั้นด้วย
“..ห้องก็ออกจะกว้าง เธอไม่มีที่นั่งอื่นแล้วรึไง ยัยเด็กผมแดง? ลงไปจากตักน้องชายของผมได้แล้ว”นิสัยเสียอีกอย่างของซอลลี่ก็คือการไม่ชอบเรียกคนอื่นด้วยชื่อของเจ้าตัวนั่นล่ะ อ้อ..เว้นไว้ตัวที่ซอลลี่ชอบเรียกชื่อ ไอ้คุณแสงดาวไงล่ะ!
..ว่าแต่เมื่อกี๊พี่ยังบอกว่าห้องนี้มันคับแคบอยู่เลยไม่ใช่เหรอ?
“อิจฉามิรันด้าล่ะสิ ซอลฟาคนใจแคบ แบร้~!” มิรันด้าว่าแล้วก็แลบลิ้นใส่อีกฝ่ายอย่างกับเด็กเล็กๆ แถมยังไม่ยอมลงจากตักผมเหมือนเดิม แต่มันก็ไม่เป็นปัญหาเท่าไหร่หรอก เพราะตัวเธอก็ไม่ได้หนักอะไรมากมาย
ส่วน ‘ซอลฟา’ ที่เธอเรียกนั่นคือชื่อเล่นอย่างเป็นทางการของซอลลี่น่ะ(‘ซอลลี่’ ก็เหมือนกับ ‘ซันนี่’ ที่มีไว้เรียกกันในครอบครัวเท่านั้น)
“เฮอะ” ซอลลี่ร้องขึ้นจมูกก่อนจะกระดกไวน์จนหมดแก้วแล้วรินใหม่ให้ทั้งตัวเองและแม่
“มาแล้วจ้า~” เสียงป๊ะป๋าดังมาก่อนเจ้าตัวเหมือนทุกครั้ง แต่พอก้าวเท้าเข้ามาในห้องก็ต้องหน้าเหวอเมื่อเจอคนที่ไม่คิดว่าจะเจออยู่ในห้องเต็มไปหมด
ป๊ะป๋าไล่สายตามองทีละคน ก่อนจะร้องถามคนในครัวด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ
“เออร์นี่! ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ?”นั่นทำเอาแม่ถึงกับร้องแว้ดเสียงสูง “หนอยแน่! เจ้าบ้าเซ็น กล้าดียังไงถึงมองข้ามฉันที่นั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้ไปห๊ะ?!”
“แหมมม.. ใครจะกล้ามองข้ามสุดสวยอย่างริต้าไปได้ล่ะจ๊ะ” ป๊ะป๋ายิ้มประจบประแจง ก่อนถลาเข้ามานั่งแทรกระหว่างซอลลี่กับแม่ “ผมก็แค่แปลกใจที่เห็นเจ้านั่นมาอยู่ที่นี่เฉยๆ น่ะ ...ไง ซอลลี่ วันนี้เสียเลือดไปกี่ไพน์ล่ะ?”
ป๊ะป๋าหันไปทักซอลลี่นิด แบรี่หน่อย และมิรันด้าอีกเล็กน้อย แต่พอจะกลับมาคุยกับแม่ อีกฝ่ายก็ดันลุกพรวดพราดวิ่งถลาไปหากลุ่มคนที่ยืนเกาะกลุ่มกันอยู่ตรงประตูบ้านซะแล้ว
“โอ้ววว..” แม่ร้องออกมาอย่างถูกใจ พลางกอดหมับรวบตัวเอี้ยฟ้าด้วยความไวแสง จากนั้นก็จับไหล่ทั้งสองข้าง จับใต้จั๊กแร้ จับเอว จับสะโพก จับต้นขา และจบด้วยใช้หลังมือฟาดหน้าท้องจนดังเพี้ยะ ทุกอย่างเกิดขึ้นไวมากจนคนถูกกระทำได้แต่ยืนหน้ามึนไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่กับที่
แม่จับคางของเอี้ยฟ้าเชิดขึ้น เอี้ยงซ้ายเอี้ยงขวาหาองศาหล่อ หลังสำรวจจนพอใจในที่สุดก็พูดออกมาว่าเป็นภาษาอังกฤษด้วยความเคยชิน
“สอบผ่านแบบร้อยเปอร์เซ็นต์.. สนใจเซ็นสัญญาเป็นนายแบบในสังกัดฉันมั้ยจ๊ะ พ่อหนุ่ม?”“ไม่!” เอี้ยฟ้าตอบสวนกลับไปแบบไม่ต้องเสียเวลาคิด ก่อนจะเดินหน้านิ่งตรงดิ่งมานั่งแทนที่แม่ และจ้องผมกับมิรันด้าตาไม่กระพริบพร้อมกับแผ่รังสีกดดันแปลกๆ ออกจากตัว
เล่นเอาแม่ถึงกับใบ้รับประทาน สมองหยุดสั่งการชั่วคราว เพราะไม่คิดว่าจะมีคนปฏิเสธตัดเยื่อใยกันได้ชัดเจนขนาดนี้ คนอื่นๆ ก็ดูจะอึ้งไป(ที่จริงก็อึ้งกันตั้งแต่ตอนที่แม่พุ่งตัวไปทำพิธีกรรมบางอย่างกับเอี้ยฟ้าแล้ว) มีแค่ผมนี่แหล่ะที่จะมัวอึ้งนิ่งอยู่ไม่ได้ ถ้าผมไม่รีบทำอะไรสักอย่าง ก็ไม่รู้ว่าเอี้ยฟ้าจะเปลี่ยนอาการของคนในห้องนี้จากอึ้งเป็นช็อคตาตั้งไปเลยหรือเปล่า
ไม่ได้ๆ ไอ้หมอนี่มันยิ่งไว้ใจไม่ค่อยได้อยู่ ผมต้องปลอดภัยไว้ก่อน..
“มิรันด้า” ผมเรียกชื่อคนบนตักพลางจับเอวเธอเป็นเชิงบอกให้ลุกขึ้นแล้วไปนั่งบนที่เท้าแขนด้านข้างผมแทน
โชคดีที่อีกฝ่ายอยู่ในอาการมึนงงเพราะออร่าขมุกขมัวรอบตัวเอี้ยฟ้าก็เลยยอมย้ายที่นั่งอย่างว่าง่าย แต่ก็ยังไม่วายเกาะแขนผมแน่นราวกับกลัวว่าจะถูกไอ้หัวหงอกนี่จับถลกหนังเอา
เพี้ยะ! มีเสียงคนถูกฟาดดังมาจากหน้าประตูอีกครั้ง ดึงความสนใจให้ทุกคนหันไปมอง และเห็นไอ้กายยืนงอตัว เอามือลูบท้อง ทำหน้าแหยๆ
ส่วนแม่ก็ถามเหมือนเดิม แต่คราวนี้เป็นภาษาไทย “เก้าสิบเปอร์เซ็นต์สำหรับเธอ พ่อหนุ่ม ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก ..สนใจอยากเป็นนายแบบบ้างมั้ยล่ะ? รายได้ดีแถมยังมีชื่อเสียงด้วยนะ”
โฆษณาเชิญชวนกันเต็มที่เลยคราวนี้
“อ้ะ อย่าเพิ่ง.. ฉันให้เวลาคิดนะ ไม่ต้องรีบตอบเหมือนพ่อหนุ่มหัวเงินเมื่อกี๊ก็ได้ เพราะเธออาจจะพลาดโอกาสดีๆ ในชีวิตไป” แม่รีบดักทางเมื่อเห็นไอ้กายอ้าปากคล้ายอยากปฏิเสธ
“ฉันยังอยู่ที่นี่อีกหลายวัน ค่อยๆ คิดไปนะ” แม่ตบอกไอ้กายเบาๆ ทำท่าจะผละออกมาแต่ถูกอีเมย์เรียกร้องความสนใจไว้ซะก่อน
“แล้วอย่างเมย์นี่ผ่านมั้ยฮะ? พอจะเป็นนายแบบกับเค้าได้รึเปล่า?” เมย์บีรีบเอาตัวเองออกมาเสนอต่อหน้าแม่ ยืนหมุนซ้ายหมุนขวาให้สำรวจโดยไม่ต้องร้องขอ
แม่ปรายตาดูเพียงแว้บเดียวแล้วตอบทันที “ถ้าเธอจะสูงกว่านี้ซักสามสี่นิ้วล่ะก็นะ.. หนุ่มน้อย”
“โธ่..” อีเมย์ถึงกับคอตก
“ว่าแต่หนุ่มๆ พวกนี้เป็นใครเหรอ เซ็นทรัล?” แม่หันกลับมาถามป๊ะป๋าด้วยสีหน้าสงสัยเต็มเปี่ยม
เอ่อ.. เพิ่งจะมาสงสัยเอาป่านนี้เนี่ยนะ มาดามริต้า?
TBC.
ครอบครัวสุขสันต์มากันพร้อมหน้าแล้ว แต่ละคนใช้ได้เลยใช่มะ ครอบครัวเนี้ย~ ฮ่าๆๆ
ปล.ใครอยากเห็นหน้าซอลลี่ก็ตามไปดูกันได้ที่
hi~ Aurora นะจ๊ะ