ต่อจากข้างบน
v
v
ถนนสายเดิมกับม้านั่งริมทาง ขณะที่ลมกำลังพัดเบาๆ ทำให้อากาศไม่ร้อนอบอ้าวจนเกินไป พระอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำลงเรื่อยๆ เสียงของเด็กนักเรียนชั้นม.ปลายกำลังซ้อมกีฬาตามชมรมยังคงชวนให้คิดถึงบรรยากาศที่ห่างหายไปสามปีเต็ม
“อ่านอะไรอยู่”
เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหูจนทำให้ผมสะดุ้ง รีบปิดสมุดที่เต็มไปด้วยลายมือของตัวเองทันที ส่อแววพิรุธจนคนตรงหน้าขมวดคิ้วเข้าหากัน หน้าหล่อแต่กลับน่ารักในความรู้สึกของผมปรากฏคำถามที่ผมตอบได้แค่...
“เปล่า”
“เปล่าอะไรวะ ก็เห็นอยู่ว่าเมื่อกี้อ่าน เอามาอ่านมั่งดิ”
คนตัวเล็กกว่าและยังผอมบางไม่ต่างจากเมื่อหลายปีก่อนร้องบอก แต่ผมก็เอาสมุดในมือหลบเอาไว้ไม่ให้มันฉวยไปได้
“คนเราก็ต้องมีความลับมั่งสิวะ”
ผมตอบมันก่อนจะเปลี่ยนมาถือสมุดด้วยมืออีกข้าง ส่วนมือข้างเดิมคว้ามือเรียวมากุมจับเอาไว้ เจ้าของมือเลยถลึงตาใส่ผมนิดหน่อยเหมือนกับทุกครั้งที่ผมจับมือมันในที่สาธารณะแล้วมันไม่ชอบ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ดึงมือกลับ คงจะชินแล้วมั้งว่าถึงทำไป ผมก็ไม่ปล่อยอยู่ดี
“งกว่ะ อะไรวะ แค่นี้ให้แฟนดูไม่ได้”
ผมยิ้ม ยิ้มทุกครั้งที่ได้ยินคำว่า ‘แฟน’ จากปากแดงๆ ของคนที่นั่งอยู่ข้างกัน เพราะไม่บ่อยนักหรอกที่มันจะพูดจาแสดงความรู้สึกว่ามันรักหรือเป็นคนรักของผม
“ก็อยากบอกอยู่ แต่มันยังไม่ถึงเวลา”
“เวลาอะไรเล่า”
ไฮยีนสะบัดเสียงไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ที่ผมยังปฏิเสธ ไม่ยอมให้มันรู้ในสิ่งที่มันอยากรู้ ผมเลยต้องยิ้มสู้ไว้ก่อน และตอบกลับด้วยคำตอบที่จะเป็นที่พอใจสำหรับมัน
“มึงรู้ว่ากูกำลังทำโปรเจกต์จบอยู่ใช่มั้ย”
“อ๋อ หรือเป็นบทหนังสั้น โปรเจกต์ของพี่เหรอ”
มันถาม ดูท่าจะเก็ตในสิ่งที่ผมอยากบอก ผมเลยพยักหน้าให้ มันถึงได้เลิกสนใจประเด็นนี้ไป แต่แค่แป๊บเดียว เสียงห้าวๆ ก็ถามอีกครั้ง
“แล้วพี่เขียนบทเป็นด้วยเหรอ เห็นคราวก่อนที่ทำหนังก็เป็นคนกำกับ ให้พี่เจ๋งเขียนบท ตอนปิดเทอมที่ไปฝึกงานก็ไปฝึกในกองถ่าย”
“มึงนี่ดูถูกกูจัง กูจะเขียนบทมั่งไม่ได้หรือไง”
“ก็แค่อยากรู้ เอามาอ่านมั่งดิ เรื่องเป็นยังไง”
แล้วก็วกกลับมาที่เดิมจนได้ ทั้งที่ผมยังไม่อยากให้มันรู้ เรื่องนี้เป็นโปรเจกต์ลับที่ผมไม่ได้บอกใครเลยนอกจากแอดไวเซอร์ ตอนไปเสนอบท แอดไวเซอร์ยังบอกว่าผมประหลาด ไม่คิดว่าจะทำหนังเกย์เป็นโปรเจกต์จบ
แต่พอผมบอกว่าผมอยากทำเพราะผมมีแรงบันดาลใจจากคนที่เป็นภาพวาดสีเทา แอดไวเซอร์ก็เลยอนุมัติแล้วบอกว่าหนังเรื่องนี้คงน่าสนใจไม่น้อย เพราะผมชอบทำหนังแนวอาร์ต สื่ออารมณ์มากกว่าการถ่ายทอดแบบตรงไปตรงมา และอาจารย์ก็เชื่อในการเลือกมุมมองที่จะนำเสนอของผม
“ไว้เสร็จแล้วมึงก็จะได้ดู”
“เปิดให้ผมดูคนแรกเลยนะเว้ย ห้ามเบี้ยว”
ยีนใช้นิ้วจากมืออีกข้างชี้หน้าผมเป็นเชิงออกคำสั่ง ผมก็พยักหน้ารับอย่างไม่อิดอดด เพราะตั้งใจไว้อย่างนั้นอยู่แล้ว แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันดูแล้วจะเข้าใจเรื่องราวจากการนำเสนอของผมหรือเปล่า
จะเข้าใจมั้ยว่า...คนที่ทำให้ตัวละครหลักเหมือนถูกดึงดูดได้ตลอดเวลาก็คือมัน
เป็นภาพวาดสีเทาที่กลับมามีสีอีกครั้งในชีวิตของผม โดยที่มันไม่ได้ทำอะไรเลย และผมก็ไม่เคยคิดสักครั้งนับจากวันแรกที่เจอกัน ว่าสุดท้ายแล้วผมจะได้กลับมาเจอมันอีก และรักมันมากขนาดนี้
“ถ้าทำเสร็จแล้วจะเรียกไปดูที่ห้องกูเลย”
“เออ ดี แต่คิดอะไรเปล่าเนี่ย สายตาหื่นว่ะ”
มันพูดกลั้วเสียงหัวเราะ เหมือนแกล้งปรักปรำผมมากกว่า ผมจึงอดไม่ได้ที่จะขยี้ผมของมันเบาๆ อย่างที่ทำบ่อยๆ จนตอนนี้ติดเป็นนิสัยไปแล้ว และแกล้งบอกกลับไป
“ทำก็ดี”
“กามฉิบหาย”
“อืม กูกามกับมึงโคตรๆ เห็นมึงแล้วอยากฟัดตลอด”
ไอ้ยีนพูดไม่ออกครับ โดนผมอัดเข้าใส่เต็มแรงขนาดนี้ แก้มของมันแดงขึ้นมานิดๆ ยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่ามันน่ารัก นี่ถ้าไม่ได้อยู่กลางที่สาธารณะผมจะจับมันฟัดจริงๆ
“ไปเดินเล่นดีกว่า ไม่ได้กลับมาโรงเรียนนานแล้วไม่ใช่หรือไง”
มันรีบหาข้ออ้างเอาตัวรอดไว้ก่อน ผมก็ไม่ใจร้ายหรอกครับ ปล่อยๆ มันไป ตามใจแฟนบ้าง มันจะได้ตามใจผมเหมือนกัน เพราะเวลาแม่งพยศ ผมเหนื่อยฉิบหาย ทั้งร้าย ทั้งกวนตีน ผมนี่จุกเพราะโดนต่อย โดนถีบมานักต่อนัก ทั้งที่ตัวก็บาง ไม่รู้เอาแรงมาจากไหน
อีกอย่าง ผมเป็นคนชวนมันมาเอง เพราะอยากเก็บบรรยากาศเก่าๆ ในตอนที่ผมกับมันเจอกัน เพื่อเป็นข้อมูลอ้างอิง และก็อยากกลับมาอยู่กับมันในสภาพแวดล้อมที่เหมือนกับตอนนั้นด้วยสถานะระหว่างเราที่ต่างออกไป
เราสองคนลุกจากม้านั่งที่นั่งอยู่ ก่อนจะเดินไปพร้อมกันบนถนนสายเดิมที่เคยย่ำเดินซ้ำไปซ้ำมาคนละหกปี แต่กลับไม่เคยเดินร่วมกันเลยสักครั้งกระทั่งวันนี้
หากให้เปรียบความรักของผมกับยีน คงไม่ต่างจากคนอื่นๆ ที่มีเวลาและโอกาสมากมายเพื่อสร้างความรัก แต่สุดท้ายกลับมีเพียงแค่วินาทีสั้นๆ ที่ทำให้ความรักเริ่มต้นขึ้น และใช้เวลาที่เหลือในการรักษาให้มันอยู่ยืนยาวที่สุด
================
จบบริบูรณ์แล้วค่ะ สำหรับเรื่องนี้
เป็นตอนพิเศษที่เหมือนเป็นตอนแรกและตอนสุดท้ายของเรื่องไปในตัว
ไม่รู้ว่าอ่านตอนนี้แล้วจะรู้สึกหรือคิดยังไงกันบ้างนะคะ
มันออกแนวสนใจ แต่ยังไม่ถึงเวลาที่จะรักกัน 
ในตอนสุดท้ายนี้ ต้องขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันมา ไม่ว่าจะอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่แรกหรือทยอยมากันเรื่อยๆ
ขอบคุณทุกคอมเมนต์ที่ทำให้มีกำลังใจในการพาพี่ภูกับน้องยีนมาถึงตอนสุดท้ายค่ะ
มีคอมเมนต์นึงบอกไว้ว่า มีคนเพื่อน (หรือพี่น้อง) แนะนำมาให้อ่านเรื่องนี้
เพราะอ่านๆ ไปแล้วจะรู้สึกว่าตกหลุมรัก ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาอ่านจบหรือยัง และรู้สึกแบบนั้นมั้ย
แล้วจะมีคนคิดแบบเดียวกันหรือเปล่า แต่หวังว่าหลายๆ คนจะรู้สึกว่าแบบนี้นะคะ
เพราะแรกๆ พี่ภูก็ก่อวีรกรรมไว้จนโดนคนอ่านหน่ายๆ กันไปเยอะ ก็เลยห่วงอยู่ว่าคนจะเลิกอ่าน 
ส่วนเรื่องของกราฟไนล์ อัพเดทแล้วค่ะ
ใครที่สนใจตามไปอ่านกันได้ที่ลิงค์นี้นะคะ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=38553.0
Undel2Sky