ต่อจากข้างบน
v
v
ผ่านมื้อเย็นไปแบบโคตรอิ่มแปล้แล้วก็เสียเวลาค่อนข้างมาก เพราะมาทะเล ไอ้พี่ชมพูเลยสั่งแต่ของทะเลมาหมด แล้วก็ไม่ใช่พวกที่ต้มยำทำแกงพร้อมเข้าปากแล้ว แต่เป็นกุ้งย่าง ปูนึ่ง หอยลวก หมึกปื้ง พร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ด ให้มานั่งแกะเองที่หน้าบ้านพัก เอาท์ดอร์กันสุดๆ
ยอมรับล่ะครับว่าอร่อยที่ได้กินของสด แต่มันลำบากต้องมานั่งแกะนั่นแหละ พอผมจะสั่งอย่างอื่นมันก็ไม่ยอม บอกว่าของแบบนั้นหากินที่กรุงเทพก็ได้ มาไกลถึงตราด จะมานั่งกินของแบบนั้นทำไม จนผมต้องเถียงไปว่าอยู่กรุงเทพก็กินแบบนี้ได้เหมือนกัน แต่ใช่ว่าคำค้านของผมจะเป็นผล มันแกะกุ้งแล้วจับยัดใส่ปากผมเป็นการปิดประเด็น
เพราะงั้นกว่าจะกินเสร็จก็เสียเวลาไปสองชั่วโมงได้ แกะกันจนมือนี่แทบจะเหี่ยวเลยก็ว่าได้ แต่ก็ยังดีที่ไอ้พี่ชมพูมันแกะไว ผมเลยแย่งของที่มันแกะใส่จานไว้มากิน ตามหน้าที่แฟนที่ดีของมัน
หลังจากกินข้าวเสร็จ ก็มาถึงกิจกรรมยามดึกของพวกเรา เป็นกิจกรรมที่ค่อนข้างบริหารกล้ามเนื้อ... กล้ามเนื้อสมองน่ะครับ ไม่รู้ว่าไอ้พี่ชมพูมันเอาอุปกรณ์มาจากไหน แต่คาดว่ามันน่าจะพกมาเอง วงไพ่เริ่มมา สุราก็วางเรียงราย ถึงจะอยู่กันสองคน แต่มันก็สามารถพาผมตั้งวงไพ่ได้ แล้วก็ไม่ใช่แค่เล่นไพ่ แต่มันยังกินเงินจริงๆ ด้วย
“เลิกๆ ผมไม่เล่นแล้ว”
ผมโวยหลังจากโยนไพ่ทิ้ง เพราะเล่นมาเกินยี่สิบตาได้แล้วผมก็ยังแพ้เจ้ามือแบบมันอยู่ดี เทพเจ้าแห่งโชคลาภคงจะเข้าข้างมันวันนี้ ผมถึงชนะมันไม่ถึงห้าครั้ง และพอผมร้องแบบนั้น มันก็หัวเราะหึหึ กอบโกยแบงก์จากกระเป๋าเงินของผมไปอย่างสบายอุรา เห็นแล้วน่าถีบฉิบหาย
แก้วเหล้าที่ถูกผสมเอาไว้จางๆ เลยถูกผมซัดเข้าไปเต็มอึกก่อนผมจะเดินออกจากห้องไป ส่วนไอ้พี่ชมพูเก็บไพ่แล้วก็เก็บเงินให้เรียบร้อยก่อนจะเดินตามออกมา ผมมานั่งอยู่หน้าห้องพักเพราะมีเก้าอี้หวายตั้งอยู่ด้วย เหยียดขาออกไปวางพาดกับโต๊ะที่ทำจากหวายเหมือนกันเพื่อให้สบายตัว หลังเอนพิงเบาะที่รองเอาไว้
“มานั่งข้างนอกไม่กลัวโดนยุงหามหรือไง”
“ผมตัวหนัก คงหามไหวหรอก”
ตอบมันแล้วผมก็เอนหัวพิงกับพนักด้านบน มองท้องฟ้าสีค่อนข้างดำ เห็นดาวอยู่ประปรายบ้าง ท้องฟ้าที่นี่ไม่เหมือนกรุงเทพครับ ไม่ค่อยมีแสงสีทำลายบรรยากาศ เห็นแล้วก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ โดยไม่มีเหตุผล ก่อนจะรู้สึกถึงไออุ่นจากอีกคนที่มานั่งตรงพนักเก้าอี้
“ตรงนู้นก็ว่าง มานั่งเบียดทำไม”
“โกรธที่กูกินตังค์มึงเยอะหรือไง”
“ก็เสียไปหลายร้อยพอดู”
ขนาดเล่นตาละห้าสิบบาทนะครับ ผมยังเสียไปเกือบพัน โชคไม่เข้าข้างชัดๆ
“มึงคิดว่ากูจะเอาเงินมึงหรือไง ขนาดทุกวันนี้มึงจะกินจะซื้ออะไร กูยังจ่ายให้หมดเลย”
“เหอะ เหมือนผมเป็นอีหนูของเสี่ยเลยเนอะ”
พอคิดตามที่มันบอกแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นแบบนั้นจริงๆ ทั้งที่บางทีผมก็อยากจะออกเงินเองบ้าง เพราะมันก็ใช่ว่าจะทำงานหาเงินเองได้แล้ว แต่ไอ้พี่ชมพูก็ไม่ยอมทุกครั้ง แล้วมันก็ทำให้ผมอดรู้สึกในบางคราวไม่ได้ว่าผมเหมือนเกาะมันกิน แต่มันคงจับอารมณ์ของผมได้ว่าไม่พอใจ เลยจับมือของผมเอาไว้ ยกขึ้นมาอย่างเบามือแล้วแตะปากลงกับหลังมือของผม
“ไม่ต้องเป็นอีหนูของเสี่ยที่ไหน แค่เป็นเกงยีนตัวแสบของกูก็พอแล้ว”
“น้ำเน่าว่ะ”
ผมผลักหัวมันเบาๆ รู้สึกร้อนวูบๆ บนหน้ายังไงชอบกล เลยต้องรีบหันหนีไปอีกทาง ทำไมผมรู้สึกว่าผมแพ้มันอีกแล้ว และท่าทีแบบนั้นของผมล่ะมั้งที่ทำให้มันหัวเราะออกมาหน่อยๆ
“มึงไม่ต้องคิดมากหรอก มึงเป็นแฟนกู กูก็อยากดูแล อยากทำอะไรเพื่อมึงเท่าที่กูทำได้ แค่มึงมีความสุข กูก็ดีใจมากแล้ว ขออย่างเดียว... ให้มึงรักกู อย่าไปรักคนอื่น”
มันพูดซึ้งนะครับ เป็นสิ่งที่มันไม่ได้พูดบ่อยๆ ผมเลยเอนตัวพิงต้นแขนของมัน แขนอุ่นๆ นั่นทำให้ผมรู้สึกดีได้จริงๆ มือที่มันจับผมเอาไว้เปลี่ยนเป็นผมที่พลิกกลับไปจับมันแทน สิ่งที่ไม่ได้ออกจากปากผมบ่อยๆ หลุดออกมาท่ามกลางความเงียบด้วยเหมือนกัน
“ไม่ไปรักคนอื่นหรอก ...แค่พี่คนเดียวก็วุ่นวายพอแล้ว”ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันกำลังยิ้ม ทั้งที่ผมมองไม่เห็น แค่พิงหัวไว้กับแขนของมัน แต่ผมกลับรู้สึกว่าเป็นอย่างนั้น โคตรจะน่าประหลาดใจเลย แต่มันก็ทำให้ผมระบายยิ้มออกมานิดๆ ได้เหมือนกัน
“อืม... มึงคนเดียวก็ทำให้กูมีความสุขมากพอแล้ว”
เลียนแบบผมเลย แต่ว่าคำที่ใช้ต่างกันมาก มันก็เป็นแบบนี้ ชอบพูดอะไรหวานๆ เลี่ยนๆ แล้วก็ทำให้ผมทำตัวไม่ถูกได้ตลอด แต่ผมก็ยอมรับว่าผมก็ไม่ต่างจากมัน
มันมีความสุข ผมมีความสุข เราทั้งคู่มีความสุข
“พี่...” ผมครางเสียงออกมาเบาๆ เรียกมันให้ก้มลงมามองผม ทั้งที่ผมไม่ได้ขยับตัวเลยสักนิด “เรื่องสัญญานั่นน่ะ นานแค่ไหนแล้ว”
“แปดเดือน”
“จำแม่นดีนะ”
ผมหัวเราะออกมาเบาๆ หลังจากได้ยินคำตอบของมันที่ใช้เวลาไม่นานก็ตอบออกมาได้ ก่อนจะบอกถึงการตัดสินใจที่ผมคิดมาตลอดว่าสักวันผมจะต้องพูดถึงมัน แล้วผมก็ตัดสินใจให้เป็นวันนี้ ตัดสินใจก่อนจะมาที่นี่ว่าผมจะยุติการเอาเรื่องนั้นมาข่มขู่มันสักที บอกแล้ว... มันทำให้ผมใจอ่อน
“ก็กำลังรอดูอยู่ว่ามึงจะให้กูรักษาสัญญาถึงปีหนึ่งเลยหรือเปล่า”
“แล้วถ้าผมให้ทำสองปีล่ะ”
ดึงตัวกลับมานั่งตามปกติเหมือนเดิมแล้ว ผมก็แกล้งบอกมันแบบนั้น เลยเห็นว่ามันหันขวับกลับมามองผมตาโตแบบตกใจโคตรๆ ที่ผมบอกแบบนั้น แถมยังถามผมกลับมาด้วยเสียงแห้งเหี่ยวสุดๆ
“มึงจะใจร้ายกับกูถึงขนาดนั้นเลยเหรอ”
“พี่คิดว่าผมเป็นคนใจร้ายกับแฟนตัวเองขนาดนั้นหรือไง”
“มึงนั่นแหละ ใจร้ายมากกกก”
ดูมันครวญคราง ถ้าผมให้เป็นแบบนั้นแล้วมันยอมรับได้นี่มันคงได้เป็นกามตายด้านแน่ๆ เชื่อผมเหอะ
“เออ มึงอะ สุดๆ แล้ว”
ไอ้หน้าหล่อๆ นั้นทำอินซะเต็มที่ ผมเลยตะปบแก้มทั้งสองข้างของมันไว้ ตรึงให้มองหน้าผมที่ยิ้มหวานแบบสุดๆ
“ถ้างั้นก็อดทนไปอีกสักปีสองปีแล้วกันนะ ผมไม่ต้องรีบยกเลิก”
“เฮ้ย ได้ไง”
เป็นอย่างที่คิด มันรีบโวยขึ้นมาทันที ผมเลยยักไหล่แบบไม่แคร์ มันจึงตีหน้าเศร้าอีกรอบ เหมือนคนใกล้ตายได้เนียนสุดๆ มึงจะเป็นผู้กำกับนะ ไม่ใช่พระเอก ไม่ต้องอินเนอร์มาเต็มขนาดนั้นก็ได้ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ใจอ่อนกับมันอยู่ดี แค่คนเดียวเลยจริงๆ
“เออๆ ก็ได้ๆ ไม่ต้องสองปี แค่สองนาทีนี่ก็พอ”
“ฮะ?”
ดูมันงงครับ จ้องผมตาเขม็งเหมือนไม่อยากเชื่อที่ผมพูด เหมือนระบบประมวลผลของมันจะถูกไวรัสเจาะเข้าทำลายหรืออะไรก็ตามที่ทำให้สมองมันเออเรอร์ชั่วคราว
“แค่สองนาที ตอนนี้อาจจะเหลือหนึ่งนาทีแล้ว”
“พูดจริง”
“กำลังโกหกอยู่มั้ง”
“มึงพูดจริงๆ เหรอ”
ถึงผมจะบอกมันไปตรงๆ แล้ว แต่ก็เหมือนไอ้ตัวใหญ่นี่จะไม่เชื่อสักที ผมเลยจิ้มหน้าผากมันไปทีหนึงแล้วดันตัวมันออก ให้หลบทางผม เพราะผมจะเข้าไปข้างในแล้ว อยู่นานๆ ยุงชักจะมาหามเหมือนอย่างที่มันบอกเอาไว้
“ไม่เชื่อก็เรื่องของพี่แล้วกัน”
แต่หลังจากบอกมันแบบนั้น ผมก็ไม่ได้เดินเข้าไปในบ้านอย่างที่คิดเอาไว้หรอกครับ เพราะแค่ลุกขึ้นผมก็ถูกมันกระชากให้ลงไปนั่งที่เดิมแล้ว และไม่ทันได้อ้าปากโวย ก็ถูกปิดปากเอาเสียดื้อๆ แม้ว่าผมจะพยายามดันมันออกแล้วแต่มันก็ไม่ปล่อยผม
ผมรู้สึกว่าไม่ได้คิดไปเองว่ามีอะไรแข็งๆ ที่เหมือนจะเป็นเข่าของมันมาดันหว่างขาของผมให้ตัวยิ่งแนบไปกับพนักเก้าอี้ หน้าผมของเชยขึ้นรับริมฝีปากของมันที่เพิ่มความเผ็ดร้อนมากขึ้น ปากอิ่มนั่นขบเม้มปากของผมอย่างเมามันจนผมเริ่มมึนงงแล้วก็ตั้งรับไม่ทัน ได้แต่คล้อยตามจังหวะที่ถูกป้อนมาและเผยอปากรับลิ้นร้อนที่ถูกสอดเข้ามาอย่างรวดเร็ว
โพรงปากของผมถูกกวาดต้อนไปทั่ว ขณะที่ริมฝีปากก็ยังถูกดูดดึงไม่หยุด คนตรงหน้านี่กำลังสูบอากาศออกจากปอดของผมอย่างรวดเร็วจนผมรู้สึกหายใจไม่ทัน มันเป็นจูบที่ร้อนแรงและดุเดือดกว่าครั้งไหนจนผมรู้สึกว่าปากของตัวเองกำลังเจ่อ
ผมทุบบ่ามันไปแรงๆ หนึ่งทีเพื่อให้มันปล่อยผมเป็นอิสระแล้วสูดอากาศเข้าปอดก่อนจะขาดอากาศตาย ซึ่งมันก็ได้สติแล้วละริมฝีปากออกช้าๆ
“ขอโทษ... กูดีใจมากไปหน่อย เจ็บหรือเปล่า”
มันเอานิ้วแตะๆ ที่ปากของผมแบบระวัง เหมือนกลัวว่าผมจะเจ็บ แต่เอาจริงๆ ก็ไม่ได้เจ็บอย่างที่มันคิดหรอกครับ
“ไม่เจ็บ แต่หายใจไม่ทัน ช้าๆ หน่อยดิ”
คำตอบของผมทำให้มันหัวเราะออกมาเบาๆ พลางเกลี่ยนิ้วบนแก้มผม ก่อนจะเลื่อนมันไปที่กกหู นวดคลึงช้าๆ แล้วดันหน้าผมให้เชยขึ้นมองมันและรับริมฝีปากอุ่นที่ประทับลงมาแผ่วเบา
“จะทำช้าๆ”
ไม่รู้ว่าผมอุปทานไปเองหรือเปล่า แต่ผมรู้สึกเหมือนคำพูดของมันจะไม่ได้หมายถึงแค่จูบ
==================
จริงๆ ชื่อตอนไม่ค่อยเกี่ยวเท่าไหร่ เพราะไม่ได้ไปเสม็ด
แต่ก็อย่างที่เคลมพูดล่ะเนอะ เลยให้คำนี้เป็นตัวแทน
คิดไม่ออกแล้วด้วย 
สรุปแล้วน้องยีนจะเป็นยังไง ติดตามต่อพาร์ทหน้านะคะ
Undel2Sky