It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) [21/7/59]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) [21/7/59]  (อ่าน 601925 ครั้ง)

ออฟไลน์ bpyt

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1340
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
ตอนนี้ต้องขอบอกว่า "ไม่ต้องไปเสม็ดก็เสร็จได้" 555

ออฟไลน์ gupalz

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4911
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +604/-20

kungfoopungpon

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณมาก ๆ ครับ สนุกมากครับ  :mew3:  :L2:

GGG24

  • บุคคลทั่วไป
สนุกมาก ๆ เลย

ขอบคุนนะค้ะ

 :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ ::UsslaJlwaJ::

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1012
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-4
น่ารักกกกกกกกกกกกกก กรี๊ดๆๆๆๆๆๆ ฟินเวอร์ จุ๊บบบบบ รอตอนพิเศษของพี่ภู จะเอาความลับอะไรมาบอกเราน้าาาา

ออฟไลน์ Lily teddy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-2
ขอบอกว่าสนุกมากๆคะ น่ารักตั้งแต่ต้นจนจบ เป็นเรื่องที่อ่านแล้วรู้สึกสบายใจจริงๆ ถึงจะมี :hao5: บ้าง จิ๊ดใจดีคะ
จะรอตอนพิเศษของพี่ชมพูต่อไปนะคะ  :L2: ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆที่อ่านแล้วรู้สึกดีๅแต่เช้าค่ะ :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-05-2013 00:50:41 โดย Lily teddy »

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7

ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3960
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
ตอนพิเศษน่ารักมากๆค่ะ อ่านแบบจุใจเลย อิอิ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
น้องยีนเสร็จพี่ภูจนได้ 555
เป็นไงไปเกาะช้าง ได้กินช้างพี่ภูเลย 555

ออฟไลน์ nutjung19

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 154
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
ในที่สุด น้องยีนก็เสร็จพี่ภู

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






bryden

  • บุคคลทั่วไป
นังเด็กน้องรหัสนี่สร้างความเดือดร้อนจริงๆ
แล้วอย่าบอกนะว่าจะมาชอบพี่ภูของน้องยีนส์อีก

ไม่ต้องเจอยินส์จัด อีนี่จะขอจัดก่อน
แต่ก่อนอื่น คันมืออยากตบอีร่านเมียไอ้ทิวมากกกกกก
ปากคอหน่าตบเป็นที่สุดอ่ะ

สุดท้าย น้องแซนเป็นสาววายยยย
น่าอิจฉาไปเลยอ่ะน้อง


น้องยีนต้องบอกรัก แค่คำสั้นๆ แต่หวานมากๆๆๆๆๆ
อย่างนี้แล้วพี่ภูจะอดใจไหวได้ยังไง

นี่ดีแค่ไหนที่พี่ภูเขาอดใจ..แค่รอบเดียว
เป็นพระเอกเรื่องอื่นนะ
อาบน้ำก้ไม่รอด
แต่นี่อาจเป็นเพราะ น้องยีนมีลูกถีบพิฆาต
พี่ภูเลยดูแมนขึ้นมาทันที 555

สนุกมากกกกก ไม่เอ็นซีก้มีคนติดตามได้

รอเรื่องของกราฟกะไนล์นะคะ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-04-2013 16:33:11 โดย bryden »

ออฟไลน์ bobie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-7
ไปเกาะช้างน้องยีนส์ก็เสร็จช้างพี่ภูจนได้ 55555
ยีนส์เขินได้น่ารักมากด้วย ชอบบบบบ

ออฟไลน์ punchnaja

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +383/-5

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
น่ะ ,,,พี่ภูมีความสุขมากล่ะสิ ชอบเวลาพี่ภูแทนตัวเองว่า "พี่" จริงๆ
ปล. อยากรู้ความลับของพี่ภูเร็วๆจังค่ะ

ออฟไลน์ iammz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2683
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-6
ชอบค่ะ ชอบเรื่องนี้มาก ๆ ค่ะ
พี่ภูน่ารักจัง อยากได้แบบพี่ภู 555555+ แลดูอบอุ่นดี >.<


ตามมาอ่านตอนพิเศษ


 :mew3:

ออฟไลน์ gumrai3

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-4
พี่ภูได้น้องยีนเป็นเมียเเล้วดูเเลดีๆละ :jul3:

 :L2:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ช่างกล้าเนอะยีน แต่ไอเดียโคตรเจ๋งเลยชอบมาก

ออฟไลน์ undersky

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-0
    • Undel2Sky's Facebook ♥
ตอนพิเศษ 3 : ภาพวาดสีเทา (Chomphoo’s Part)






















ทุกคนเคยมีความทรงจำในแต่ละช่วงวัยที่ต่างกัน และเมื่อเวลาผ่านไป ความทรงจำเล่านั้นก็ค่อยๆ ซีดจางลงเรื่อยๆ ภาพสีสดที่เคยมีแปรสภาพเป็นสีขาวดำ และสีของมันก็อ่อนลงตามฤดูกาลที่ผันผ่าน ผมเองก็เช่นกัน ช่วงเวลาหนึ่งผมเคยมีสิ่งเหล่านั้น


ภาพสีเทาที่เกิดจากการเสื่อมตามกาลเวลา




“มึงเตะให้แรงๆ กว่านี้หน่อยสิวะ มีแรงอยู่แค่นี้หรือไง”


หลังเลิกเรียนเป็นเวลาของกิจกรรมชมรม ผมซึ่งเป็นประธานชมรมฟุตบอลจึงมีหน้าที่ที่ต้องคอยเข้มงวดกับคนในชมรม เพื่อให้สมกับความไว้วางใจที่ทุกคนรวมทั้งอาจารย์ประจำชมรมยกให้ผมเป็นหัวหน้า เพราะฉะนั้นบางทีใครหลายๆ คนก็หาว่าผมโหด ทั้งที่จริงๆ แล้วผมโหดเฉพาะในเวลาชมรมเท่านั้น


“โหยพี่ ถ้าผมมีแรงเตะมากกว่านี้คงเตะไปแล้ว ห่า ให้ผมวิ่งรอบสนามยี่สิบรอบแล้วมาฝึกฟรีคิกอีก ผมไม่ได้จะไปโอลิมปิกนะเว้ย”


เสียงของไอ้เด็กมีปัญหาอันดับหนึ่งของชมรมที่อยู่ ชั้นม.4 โอดครวญ ไอ้เหี้ยนี่ชื่อ เค ครับ ถือว่ามันสนิทสนมกับผมพอควรด้วยความที่มันเป็นคนง่ายๆ ไม่ค่อยคิดเรื่องจุกจิก แล้วยังพูดมาก บ้าๆ บอๆ ก็เลยพูดคุย บ่นกับผมอยู่บ่อยๆ เรื่องเรียนบ้าง เรื่องสาวบ้าง ตามประสา


“งั้นมึงก็ออกจากชมรมไป”   


“โหยยยยยยยยยยย” มันร้องยาวกว่าเดิม ทำท่าว่าจะลงไปแดดิ้นกับพื้น เหมือนเด็กตัวเล็กๆ ที่น่าถีบ ทั้งที่มันก็สูงโย่งกว่าเด็กรุ่นเดียวกัน แต่ก็ยังไม่เท่าผม “ถ้าผมออกก็โดนซ่อมอ่วมดิครับบบบบ”


เป็นกฎเหล็กตายตัวที่รุ่นพี่ตั้งเอาไว้ว่าหากเข้าชมรมแล้วจะไม่มีสิทธิ์ออกกลางเทอมโดยเด็ดขาด นอกเสียจากจะเจ็บป่วยรุนแรง เพื่อให้ทุกคนที่เข้ามาชมรมมีวินัย รู้จักรักษาระเบียบ หากใครจะออกจากชมรมช่วงกลางเทอม หรือคิดโดดร่มจะโดนลงโทษหรือที่เรียกกันว่า ‘ซ่อม’ ยิ่งกว่าซ้อมบอลประจำวันหลายเท่า


กรณีนี้เคยมีคนลองดีมาแล้ว สุดท้ายก็ต้องคลานเป็นหมาอ้อนวอนขอเข้าชมรมเหมือนเดิม จนหมดเทอมจึงได้ลาออกไป ทำให้ชมรมฟุตบอลยิ่งขึ้นชื่อเรื่องโหดมากขึ้น คนในชมรมก็น้อยตามไปด้วย แต่ก็ถือว่าเป็นชมรมที่มีประสิทธิภาพและสร้างชื่อเสียงให้โรงเรียนอย่างมาก


“เออ ถ้าไม่อยากมึงก็อย่าพูดมาก”


“ก็ได้ๆ แต่ซ้อมเสร็จแล้วพี่เลี้ยงน้ำผมด้วย”


“เออ มึงก็อย่างนี้ทุกที บ้านก็รวยยังให้กูเลี้ยงอีก”


ผมบ่นมัน ไม่ได้จริงจังอะไร เพราะมีหลายครั้งที่ผมต้องเลี้ยงน้ำเลี้ยงขนมมันบ่อยๆ ทำไงได้ล่ะครับ ผมเป็นรุ่นพี่แสนดี แล้วบางทีก็ไม่ได้เลี้ยงมันคนเดียว เพราะมีรุ่นน้องในชมรมคนอื่นๆ ด้วย แต่นานๆ ทีครับ อย่างที่รู้ว่ามันกลัวผมกัน เพราะฉะนั้นหลักๆ นอกจากไอ้เคจึงกลายเป็นเพื่อนในกลุ่มมันที่ไม่ได้อยู่ชมรมฟุตบอลแทน ทำให้ผมรู้จัก แล้วก็สนิทกับเพื่อนในกลุ่มมันด้วย


ในกลุ่มของมันมีกันอยู่สี่คน แต่ที่ผมเจอบ่อยๆ มีแค่สามคน นับรวมไอ้เคด้วย ส่วนอีกคน รู้มาว่าชื่อ ไฮยีน ผมยังไม่เคยเจอมันเลยสักครั้งตั้งแต่รู้จักกับไอ้เค เห็นมันบอกว่าเพื่อนมันชอบไปกับสาว ไม่ได้เข้าชมรมอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเหมือนไอ้กัสกับไอ้กราฟที่อยู่ชมรมดนตรีด้วยกัน ถึงมารอไอ้เคตอนเลิกชมรมบ่อยๆ ได้ เพราะบ้านมันอยู่ทางเดียวกันทั้งนั้น


ดังนั้นความคิดแรกของผมเกี่ยวกับรุ่นน้องที่ชื่อ ‘ไฮยีน’ จึงเป็น ...เด็กเกเรที่ไม่เคยเห็นหน้า






















นอกจากเป็นประธานชมรมฟุตบอลแล้ว ผมยังพ่วงตำแหน่งประธานนักเรียนอีกด้วย ไม่รู้ว่าเลือกจากขนาดตัวหรือยังไง เพราะผมก็ไม่ได้ถึงขนาดว่าฉลาดล้ำได้ที่หนึ่งของโรงเรียน แค่เรียนอยู่ในระดับที่พอใช้ แต่ตัวใหญ่กว่านักเรียนคนอื่นๆ สักหน่อย


ผมสูง 183 เซนติเมตร ตั้งแต่ตอน ม. 6 และมาสูงขึ้นอีกสามเซนติเมตรตอนเข้ามหา’ลัย แล้วก็ค่อนข้างมีกล้ามเนื้อเพราะการฝึกและการเล่นฟุตบอล เลยทำให้ผมดูโหดจนนักเรียนกลัวเกรง เป็นที่มาของตำแหน่งประธานที่ใครๆ ก็อยากยกให้


แต่หน้าที่ของผมไม่ได้มีอะไรมาก มีเวรที่ต้องออกมาพูดหน้าเสาธงวันจันทร์ พุธ ศุกร์ ส่วนอังคารกับพฤหัสผมก็ตรวจตรานักเรียนที่มาสายที่หน้าประตู จริงๆ ไม่ต้องทำก็ได้ เพราะมีคนดูแลเรื่องนี้แล้ว แต่ไหนๆ ก็มีสิทธิ์จะอู้ ไม่ต้องไปยืนตากแดดกลางสนามแล้ว ผมก็ควรจะเลือกหน้าประตูมากกว่าใช่มั้ยครับ


นักเรียนที่มาสายก็มีตั้งแต่ชั้น ม.1 จนถึง ม.6 จำนวนเกือบยี่สิบคน เป็นแบบนี้ทุกวัน บางวันก็เยอะหน่อย บางคนก็มาสายประจำ บางคนวิ่งเข้าประตูทันเลยรอดไป แต่ดูว่ามีคนหนึ่งที่พยายามจะเอาตัวรอดทั้งที่ประตูโรงเรียนปิดไปแล้ว ผมจึงเดินไปหาคนที่กำลังปีนกำแพงโรงเรียนและค้างเติ่งอยู่ตรงด้านที่เป็นมุมอับ


โชคร้ายหน่อยที่ผมดันเห็นเข้าพอดี


“นี่น้อง ลงมาเร็วๆ”


ผมเรียกคนที่ดูยังไงก็เป็นรุ่นน้อง จากที่กะๆ คงสูงไม่ถึงคางของผมด้วยซ้ำ ตัวมันเล็กมากถ้าเทียบกับผม แล้วก็ผอมบาง ผิวขาวจนเหมือนคนไม่เคยโดนแดดมาก่อนในชีวิต แต่ปากกลับแดงจนเด่นสะดุดตา มันเบิกตามองผมหน่อยๆ เหมือนไม่คิดว่าจะถูกผมจับได้


แต่แทนที่ผมเรียกให้ลงมาแล้วจะมันจะทำตามนะครับ ไอ้ตัวเล็กนั่นดันหย่อนตัวไปทางด้านหลังที่มันเพิ่งปีนขึ้นมา เหมือนจะหนี ผมเลยต้องกระโดดคว้าแขนมันเอาไว้ก่อนที่มันจะหนีไปได้ ซึ่งนั่นก็ทำให้ไอ้ตัวเล็กแทบจะหัวทิ่มข้ามกำแพงลงมาฝั่งโรงเรียน ดีว่าผมรองตัวมันเอาไว้อยู่ ไม่อย่างนั้นผมอาจจะต้องรีบทำลูกคืนพ่อแม่ของมันก็ได้


ผมผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ ที่ทั้งผมและมันต่างอยู่รอดปลอดภัย แต่มันกลับไม่อยู่เฉย พยายามขยุกขยิกเพื่อให้หลุดจากมือผมที่ยังจับมันเอาไว้แน่น ตัวมันทั้งตัวหล่นอยู่บนตัวผมเหมือนผมกลายเป็นเบาะรองนอนให้มัน


“ปล่อยดิวะ สัด”


อ้าว ปากหมานี่หว่า


ผมขึงตามองคนที่พูดจาหมาไม่แดกกับรุ่นพี่ มันเองก็ขึงตากลับเหมือนกัน แววตาสู้คนที่จ้องผมมาบอกให้รู้ว่ามันไม่ยอมผมง่ายๆ แน่ แต่ผมเองก็ไม่ยอมเหมือนกัน


“พูดจาให้มันดีๆ หน่อย กูเป็นรุ่นพี่ แล้วนี่ถ้ากูไม่รับมึงไว้ มึงคงตกลงมาหน้าแหก ยังไม่สมนึก”


“ก็มึงไม่ใช่เหรอที่ดึงกูลงมา”


ผมกูมึงใส่ มันก็กูมึงกลับ ยังจ้องผมเหมือนเดิม แต่ก็พยายามดิ้นขลุกขลักไม่ยอมอยู่นิ่งๆ ผมเลยดึงมือมันไว้แน่นกว่าเดิม เอาดิ ถ้ามึงไม่ขอโทษกูก่อน กูก็ไม่ปล่อยมึง นอนเล่นกันอยู่แบบนี้แหละวะ เพราะยังไงผมก็มีตำแหน่งไว้อ้าง ส่วนมันก็แค่เด็กที่มาสายแล้วยังปีนรั้วเข้าโรงเรียน


แต่ทั้งที่ผมคิดเอาไว้แบบนั้น กลับเกิดเหตุที่ผมไม่ทันคำนวณเอาไว้ นั่นก็คือไอ้เด็กเหี้ยนี่มันกัดผม กัดลงมาที่มือผมเต็มเขี้ยว จนเลือดซิบเลยครับ ผมเผลอปล่อยมือมันให้หลุดออกทั้งที่ไม่ตั้งใจ มันจึงรีบกระเด้งตัวขึ้นยืน แถมยังชูนิ้วกลางให้ ก่อนจะเผ่นแน่บไป


ตอนนั้นผมแค้นฝังใจเลย จะต้องรู้ให้ได้ว่าไอ้เด็กเวรนี่เป็นใคร ถึงไม่รู้ว่าผมเป็นประธานนักเรียนแล้วยังกล้ากัดมือผมจนเลือดไหลอีก





















ทั้งที่ตั้งใจไว้แบบนั้นแล้ว และคิดว่ามันคงง่าย แต่กลับไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะผมหาไอ้เด็กนั่นไม่เจอ คนที่กัดมือผมจนได้แผล ใช้เวลารักษาอยู่อาทิตย์ถึงจะหายดี กลายเป็นที่สงสัยของใครต่อใครที่เห็นผมพันผ้าพันแผลที่มือว่าไปโดนอะไรมา แต่มีตัวเสือกอยู่ตัวนึงที่มันรู้


“มือหายแล้วเหรอพี่”


ไอ้เคทักผม วันนี้มันมากินข้าวกลางวันกับผมด้วย รวมทั้งไอ้กัสไอ้กราฟ เพราะวันนี้ห้องมันเลิกช้า เลยหาโต๊ะไม่ได้ ทั้งที่จริงๆ มันจะไปขอนั่งกับโต๊ะไหนก็ได้ โดยเฉพาะสาวๆ เพราะพวกมันก็หล่อๆ กันทั้งนั้น แถมยังคารมดี


“เออ มึงไม่เห็นผ้าพันแผล ก็น่าจะรู้ ถามโง่ๆ ว่ะ”


“เอ้า ก็ถามด้วยความเป็นห่วง”


“พี่เป็นอะไรเหรอครับ”


เสียงไอ้กราฟถาม ผมว่ามันสุภาพกับผมที่สุดในกลุ่มแล้ว อาจเพราะว่าผมสนิทกับมันน้อยที่สุด อ้อ ไม่สิ มีอีกคนที่ผมยังไม่เห็นหัวมันเลย เจ้าของชื่อ ไฮยีน ที่หาตัวยากฉิบหาย พอๆ กับไอ้เด็กเตี้ยนั่น


“อ้อ พี่ภูเจอเด็กเหี้ยที่ไหนไม่รู้วะ กัดมือตอนจับได้ว่ามันปีนรั้วเข้าโรงเรียน”


“กัดมือเลยเหรอ เล่นแรงว่ะ กล้าทำพี่ภู ประธานนักเรียนนี่แม่งไม่เจียม”


ไอ้กัสเสริม ผมเองก็เห็นด้วยกับมัน เพียงแต่ไอ้เตี้ยนั่นคงไม่รู้ว่าผมเป็นประธานนักเรียน ถึงได้กล้าทำ หรือถ้าไม่เป็นแบบนั้น ก็แสดงว่ามันเป็นคนที่ระห่ำมาก


“ว่าแต่เพื่อนมึงอีกคน ไฮยีนนั่นน่ะ ไม่มาด้วยเหรอวะ กูยังไม่เคยเห็นหน้าสักที”


ผมเปลี่ยนเรื่องคุยบ้าง ตักข้าวเข้าปาก ถามตามมารยาทนั่นแหละครับ เพราะไม่ได้อยากรู้อะไรนักหนา เพียงแต่แปลกใจที่ผมไม่เคยเห็นเพื่อนมันคนนี้สักที ทั้งที่ก็ดูว่าพวกมันสี่คนสนิทกัน


“อ๋อ ไอ้ยีนเหรอ มันโดดเรียนพี่”


“เออ ดีเนอะ เพื่อนมึงโดดเรียนถี่ฉิบหาย แต่กูเป็นประธานนักเรียน ยังไม่เคยเห็นหัวมันเลย”


“จะว่าไปก็จริง”


ไอ้กราฟผงกหัวอย่างเห็นด้วย เพราะมันออกจะประหลาดๆ สักหน่อย ทั้งที่อยู่ใกล้ตัวแค่นี้ กลับไม่เคยแม้แต่จะเห็นหน้ากันสักแวบ


“กูว่าสักวันกูได้จับเพื่อนมึงเข้าห้องปกครองแน่”


“โหพี่ คนใกล้ตัวน่า อย่าทำเลย”


ไอ้เคขอแทนเพื่อนมัน แสดงให้รู้ว่าพวกมันรักกันจริง แม้แต่เรื่องแบบนี้ก็ออกรับแทนกัน


“แต่ถ้ากูปล่อยเพื่อนมึง ใครรู้คงเสื่อมศรัทธากันหมด”


ผมพูดหยอกๆ ไอ้พวกนี้เลยทำหน้าปุเลี่ยนกันหมด ก่อนจะหัวเราะออกมาแล้วปิดท้ายด้วยไอ้กัสที่พูดคล้ายท้าทายผมกลายๆ


“ถ้าพี่เจอตัวมัน จะลงโทษมันบ้าง ก็พอไหวนะ แต่พี่จะเจอตัวมันหรือเปล่านั่นแหละ”


กลายเป็นว่าผมต้องหาคนสองคนในเวลาเดียวกัน เพื่อลบคำสบประมาททั้งของไอ้กัสและไอ้เตี้ยนั่น




 
















เหมือนผมจะเห็นไอ้เตี้ยแวบๆ เมื่อกี้ ไม่รู้ว่าตาฝาดไปเองหรือเปล่า แต่ผมเจอตัวมันแล้ว ไม่รอช้า ผมรีบวิ่งไปดักหน้ามันทันที มันก็ผงะเหมือนตกใจที่อยู่ๆ มีอะไรพุ่งมาหยุดตรงหน้า หน้าขาวนั่นเชยขึ้นมองผมที่สูงกว่า ปากของมันยังแดงเหมือนเดิม


“อะไร”


เสียงตวัดห้วนของเด็ก... ม.4 ผมก้มลงไปดูสัญลักษณ์ที่อกเสื้อของมันที่บอกให้รู้ว่าอยู่ระดับชั้นไหน พลางกวาดตามองชื่อของมันไปด้วย ‘พชร วัฒนกิตติพงศ์’ แล้วก็จำเอาไว้ให้แม่นๆ จะได้ไม่พลาด คลาดกับมันอีก ก่อนจะมองหน้าขาวจัดที่ทำสีหน้าไม่พอใจอยู่


“จำกูไม่ได้หรือไง”


“แล้วมึงเป็นใครที่กูต้องจำวะ”


เอาอีกแล้ว ปากแม่งหาเรื่องอีกแล้ว วอนตีนฉิบหายเลยไอ้ห่านี่ ไม่กลัวบ้างหรือไงว่าผมตัวใหญ่กว่ามันตั้งเยอะ ถ้าผมคิดจะอัดมัน แค่เหวี่ยงหมัดทีเดียวมันก็กระเด็นแล้ว


“รุ่นพี่มึง”


“แล้วไง”


มันไหวไหล่เหมือนเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องรับรู้ ใส่ใจ หรือถามต่อ เห็นแล้วผมนี่อยากจะเตะแม่งจริงๆ ให้ตายเหอะ เด็กห่าอะไรวะเนี่ย


“มึงกัดมือกู”


“กัดมือ?” มันถามย้อนเหมือนจำไม่ได้ ก่อนจะค่อยๆ พยักหน้าเบาๆ เหมือนเพิ่งนึกได้แล้วกดมุมปากยิ้มเยาะ “อ๋อ จำได้ละๆ ทำไม อยากโดนกูกัดอีกข้างหรือไง ยื่นมือมาดิ”


“มึงเห็นกูโง่หรือไง”


“ก็โง่พอจะวิ่งตามหาคนที่กัดมือตัวเองล่ะวะ”


ปรี๊ดเลยครับ ไอ้หอกนี่ ผมกัดฟันกรอด ห้ามตัวเองไม่ให้ทำร้ายร่างกายรุ่นน้อง ก่อนจะพูดเสียงลอดไรฟัน


“มึงแม่งกวนตีนฉิบหาย”


“แล้วไง” มันไหวไหล่กลับมาอีกครั้ง “ถ้าไม่มีอะไร ขอตัวก่อนนะครับ คุณรุ่นพี่ ผมต้องไปเรียนต่อ”


ว่าแบบนั้นแล้วมันก็เดินกระแทกตัวผ่านผมไป ทั้งที่เตี้ยกว่า ดูยังไงก็สู้ผมไม่ได้ แต่มันใจนักเลงมากจนผมไม่อยากเชื่อว่าจะมีคนที่ไม่กลัวผมแบบนี้อยู่ด้วย แล้วก็นับตั้งแต่วันนั้นล่ะมั้ง ที่ผมเริ่มเห็นหน้ามันบ่อยขึ้นเวลาที่อยู่ในโรงเรียน จนไอ้แมกซ์เพื่อนสนิทของผมถึงกับทัก


“มึงมองเด็กนั่นอีกแล้ว”


“อะไรของมึง”


ผมหันไปถามมันที่เลื่อนเก้าอี้มานั่งข้างๆ ผมที่ห้องสมุด ตอนนี้ผมเรียนเทอมสองแล้ว ต้องขยันเรียนหน่อย ถึงจะตัดสินใจว่าจะไม่สอบเข้ามหา’ลัยของรัฐ แต่ก็อยากจบด้วยเกรดสวยๆ ให้สมกับเป็นประธานนักเรียน เลยต้องมาเข้าห้องสมุดกับไอ้แมกซ์ที่จะสอบเข้ารัฐศาสตร์ของมหา’ลัยชื่อดัง


“ไอ้เด็กนั่นไง ชื่ออะไรวะ พะชอน อะไรสักอย่าง”


“กูว่ามันอ่าน พะชะระ ไม่ใช่พะชอน”


ผมค้านการเรียกชื่อแสนอุบาทว์ของมัน ไอ้แมกซ์ก็ทำเสียงจึกจักในคอที่ไปขัดคำมัน ก่อนมันจะตัดบทมาเข้าประเด็นเดิม


“เออ นั่นแหละวะ จะชื่ออะไรก็แล้วแต่ แต่มึงมองมันอีกแล้ว”


“กูก็มองทั่วๆ ไป เผื่อมันทำผิด กูจะได้ส่งมันเข้าห้องปกครอง”


ไม่รู้ว่าเป็นคำแก้ตัวหรือเปล่า แต่ผมรู้สึกเหมือนจะเป็นอย่างนั้น เพราะจะว่าไปผมก็รู้สึกตัวเหมือนกันว่าทุกครั้งที่เห็นมัน ผมมักจะมองตาม ยิ่งตอนนี้เห็นความเปลี่ยนแปลงของมันเยอะขึ้น


ตัวมันสูงขึ้นอีกนิดหน่อย ไม่เตี้ยเหมือนเดิม แต่ถ้าเทียบกับผมก็ถือว่าเตี้ยอยู่ดี เสียงที่ได้ยินไกลๆ ห้าวมากขึ้นดูเป็นหนุ่มเต็มตัว หน้าหล่อขึ้นอีกหน่อย ผมที่เคยสั้นเตียนยาวขึ้น เพราะโรงเรียนอนุญาตให้นักเรียนชายที่ขึ้นชั้นม.ปลายไว้ผมรองทรงได้ แต่ที่เหมือนเดิมคือมันยังปากแดงเหมือนเดิม คงเพราะมันไม่ดำขึ้นเลย


“แต่กูว่าสายตามึงไม่ใช่แบบนั้น มึงมองเหมือนมึงแอบชอบมัน”


“กูไม่ได้เป็นเกย์”


“กูรู้” ไอ้แมกซ์ตอบแบบไม่ต้องคิด “ถ้ามึงเป็นนี่กูต้องเสียวตูดกูไว้ก่อนเลย นอนกับมึงบ่อยฉิบหาย”


มันว่าแบบนั้นแล้วทำหน้าสยอง ผมเองก็สยองเหมือนกัน เพราะต่อให้ผมเป็นเกย์จริง ผมก็ไม่เอาแม่งหรอก ตัวไม่ได้ใหญ่ขนาดผม แต่ก็ไม่ได้หน้าตาน่ารักชวนพิศวาสสักนิด ออกเถื่อนหน่อยๆ มากกว่าด้วยซ้ำ


“เออ กูก็ไม่เอามึงเหมือนกันแหละวะ”


“แต่กูพูดจริงๆ นะเว้ย กูเห็นมึงมองเด็กนั่นมาเกือบเทอมนึงแล้ว ยังไงมันก็แปลก คนไม่คิดอะไรจะคอยมองเวลาเห็นเพื่ออะไรวะ แถมมึงก็ไม่เข้าไปคุยกับมันด้วย”


“ไม่รู้ดิ” ผมตอบจากความรู้สึกจริงๆ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ทั้งที่ตอนแรกก็โมโหมันอยู่ แต่พอผ่านไปนานเข้า ผมกลับไม่คิดที่จะลากคอมันมากระทืบให้หายแค้นที่หยามผมอีก “เพราะมันมีแรงดึงดูดบางอย่างให้กูรู้สึกว่าอยากมองมั้ง อาจจะเพราะบุคลิกของมัน เหมือนนิ่งๆ แต่กวนตีนฉิบหาย แถมยังกล้า ไม่กลัวใคร กูว่ามีเสน่ห์ดีว่ะ”


“มึงหลง”


ไอ้แมกซ์ตอบมาง่ายๆ ให้ผมรู้สึกขำอยู่ในใจ แล้วตอบมันกลับไป


“ถ้ากูหลง กูคงจะคลั่งไคล้มันมากกว่านี้”


“หลงรักไงวะ ฮ่าๆๆ”


มันพูดติดตลกแล้วขำออกมา ลืมไปแล้วมั้งว่ากำลังอยู่ในห้องสมุด ผมเลยตบหัวมันไปทีนึงเพราะเราตกเป็นเป้าสายตา ก่อนจะหันไปยิ้มให้คนอื่นๆ เป็นการขอโทษที่ใช้ห้องสมุดผิดประเภทไปหน่อย ซึ่งก็ได้รับรอยยิ้มจากสาวๆ กลับมาแหละครับ เพราะผมก็ไม่ได้หน้าตาแย่ ออกจะดีด้วยซ้ำ เพียงแต่ผมไม่ค่อยได้เล่นสนุกกับผู้หญิงเท่าไหร่ ภาระหน้าที่มันค้ำคอ


“กูไม่ได้อยากได้มันเป็นแฟน”


“ก็จริงของมึง” เหมือนมันเพิ่งนึกได้ว่าผมไม่เคยมีลักษณะหรือแสดงท่าทีอะไรแบบนั้น ทฤษฎีที่มันวิเคราะห์จึงเป็นอันตกลงไป แต่ถึงอย่างนั้นไอ้แมกซ์ก็ยังพึมพำเบาๆ “แต่กูว่าเคสมึงนี่ประหลาดจริงๆ”


ผมเองก็รู้สึกเหมือนกัน ยังหาคำตอบที่ชัดเจนไม่ได้ว่าทำไมผมไม่เข้าไปคุยหรือหาเรื่องมันอีก แต่กลับเพียงแค่มองมันอย่างเดียวทุกครั้งที่มีโอกาสเห็น



   

















ถึงจะอยู่ ม.6 เทอมสองแล้ว แต่ผมก็ไม่ได้เลิกทำกิจกรรมชมรม เพราะความเคยชินด้วยล่ะมั้ง ผมเลยรู้สึกว่าถ้าไม่ได้เตะบอลหลังเลิกเรียนคงจะว่างน่าดู ซึ่งไอ้เคเองก็ไม่ได้ออกจากชมรมอย่างที่มันชอบบ่นๆ กับผม ขณะที่มีหลายคนออกไป และมีคนใหม่เข้ามาแทน


เรื่องของไฮยีนเพื่อนไอ้เค ผมยังไม่ลืมหรอกครับว่าทุกวันนี้ผมก็ยังไม่เห็น ไม่รู้ว่ามันไปแอบคบกันหรือเปล่า เด็กนั่นถึงได้เป็นตัวละครปริศนาจนถึงตอนนี้ แต่ถ้าให้พูดตามตรง ผมก็ไม่ได้ถึงขนาดตามล่าหาตัวมันอย่างจริงจังด้วยความอยากรู้ ถ้าคนมันจะเห็นก็คงได้เห็นเอง ซึ่งในวันนึง ความคิดนั้นของผมก็เป็นจริงขึ้นมาตอนที่ไอ้เคมันบอกกับผม


“พี่ยังไม่เคยเจอไอ้ยีนใช่ป่ะ”


“อืม เพื่อนมึงตัวละครลับโคตรๆ”


“จริงๆ ก็ไม่ได้ลับอะไรหรอก มันก็ลอยไปลอยมานี่แหละ พี่อาจจะเคยเจอมันแล้ว แต่ไม่รู้ก็ได้”


ก็อาจจะจริงอย่างที่มันว่า ผมพยักหน้าเออออไป ก่อนจะสะกิดใจที่อยู่ๆ มันก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมา


“แล้วมึงมีอะไร ถึงถามกู”


“อ๋อ ก็วันนี้ไอ้ยีนมันจะมาหาผมตอนเลิกชมรมไง หายากนะเว้ย ที่มันจะไม่ไปเดทกับไอ้กราฟหลังเลิกเรียน”


มันพูดกลั้วเสียงหัวเราะหน่อยๆ แต่ทำให้ผมงง เพราะจะว่าไป ช่วงหลังๆ มานี้ผมก็เจอไอ้กราฟน้อยมาก จนเรียกว่าแทบไม่เจอเลยด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าทำไม ทั้งที่ช่วงที่รู้จักกันแรกๆ ก็เจอพวกมันอยู่ด้วยกันสามคน แต่ตอนนี้เจอแบบแพ็คคู่ ไอ้เคกับไอ้กัสตลอด แต่ผมก็ไม่ได้ถามอะไร เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของพวกมัน


ว่าแต่ เมื่อกี้ไอ้เคมันว่าอะไรนะ เดท?? ไอ้กราฟกับไอ้ไฮยีนอะไรนั่นเป็นแฟนกันเหรอวะ?


ผมค่อนข้างงุนงงหน่อยๆ กับความคิดของตัวเองที่ผุดขึ้นมา เพราะดูท่าไอ้กราฟก็ไม่ได้มีวี่แววว่าจะเป็นเกย์ หรือเพราะเพื่อนมันที่ชื่อไฮยีนจะสวย น่ารัก เลยตกหลุมรัก?


ยิ่งคิดก็ยิ่งงง ผมเลยปัดมันทิ้งไป เพราะรู้ไปก็เท่านั้น ถ้าคนมันจะรักกันก็ต้องปล่อยให้เขารักไป แถมไอ้กราฟก็เป็นคนดี ดีกว่าพวกไอ้เคไอ้กัสเสียด้วยซ้ำ ก็หวังแต่ว่าไอ้เด็กเกเรไฮยีนนั่นจะไม่พาไอ้กราฟไปเสียคน


“สรุปว่าวันนี้กูจะได้เจอมันตอนเลิกชมรม”


“เยสเซอร์”


ไอ้เคตอบอย่างกระตือรือร้น ผมก็พยักหน้ารับมันไป พลางคิดว่าในที่สุดก็จะได้เห็นหน้าเพื่อนล่องหนของมันสักที แต่ทั้งที่โอกาสมาถึงแล้ว ผมกลับโดนอาจารย์เรียกไปคุยเรื่องชมรม เพราะจะมีการแข่งฟุตบอลกระชับมิตรระหว่างโรงเรียนที่เป็นธรรมเนียมกันมา


อาจารย์ให้ผมช่วยออกความคิดเห็นว่าจะส่งใครลงตำแหน่งอะไรบ้าง เพราะผมคงไม่ลงเอง กว่าจะเสร็จก็กินเวลาพอดู ไม่รู้ว่าป่านนี้พวกไอ้เคจะกลับกันไปแล้วหรือยัง แต่ถึงจะไม่แน่ใจ ผมก็เดินไปหาไอ้เคที่สนามฟุตบอลอยู่ดี เผื่อว่ามันยังอยู่รอ แต่ยังเดินไปไม่ทันถึง ก็มีคนคนนึงหยุดสายตาของผมได้เสียก่อน


คนที่คุ้นตา คนที่ทำให้ผมถูกไอ้แมกซ์กรอกหูว่าชอบเผลอมองตามอยู่เรื่อยกำลังเดินผ่านผมไป เราเดินสวนกัน แต่มันไม่ได้มองผมเลย เหมือนไม่รู้จักกัน แต่ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะผมไม่เคยเข้าไปทักทายมันเลยตั้งแต่วันนั้น มีแต่ผมที่ยังคงมองมันด้วยเหตุผลที่ไม่รู้ว่าคืออะไร


พชร วัฒนกิตติพงศ์ ยังคงเหมือนเดิม หล่อ ขาว และตอนนี้มันสูงเลยคางของผมขึ้นมาหน่อยนึงแล้ว มันดูนิ่งสงบ เหมือนคนที่ใจเย็น สุขุม แต่จริงๆ แล้วกลับเป็นคนที่ร้อนเหมือนเปลวไฟ ที่สำคัญมันยังดึงดูดสายตาของผมได้เสมอ


นี่คงเป็นอีกครั้งที่ผมได้เห็นมันใกล้ๆ ขนาดนี้ หลังจากที่เห็นมันจากระยะไกลมาครึ่งปี


ผมมองตามมันไปจนเห็นแต่แผ่นหลังแคบๆ นั่นกับเส้นผมที่ลู่ตามลมที่พัดผ่านมา และถึงจะเป็นแค่ภาพด้านหลัง ผมก็ยังรู้สึกว่าเด็กเวรนั่นน่ามองอยู่ดี


“พี่ภู!”


เสียงตะโกนเรียกจากด้านหลังทำให้ผมต้องละสายตาจากภาพตรงหน้า พอเห็นว่าไอ้เคยืนอยู่ก็เดินเข้าไปหา และไม่ลืมถามถึงเพื่อนรักของมัน เพราะตอนนี้มันอยู่กับไอ้กัสแค่สองคน


“แล้วเพื่อนมึงล่ะ”


“ถ้าหมายถึงไอ้ยีนล่ะก็ นั่นไง ที่เดินสวนกับพี่เมื่อกี้ มันบอกว่ารอนาน ขี้เกียจรอพี่แล้ว ไม่เห็นมันเหรอ”


ที่เดินสวนไปเมื่อกี้? ผมทวนคำของไอ้เคอีกรอบ ก่อนจะหันไปทางด้านหลัง มองหาคนที่ผมเพิ่งเดินสวนมา ภาพด้านหลังแบบเดิมแต่ขนาดเล็กลงเพราะระยะห่างที่เพิ่มมากขึ้นทำให้ผมรู้สึกเหมือนหัวใจเต้นช้าลงนิดหน่อย ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่รู้สึกเหมือนภาพที่เห็นมันขยับช้าลง ผมอ้าปากถามไอ้เคเสียงเบาจนแทบไม่มีน้ำหนัก


“นั่น...เพื่อนมึง”


“ใช่ นั่นแหละ ไอ้เหี้ยยีน จอมก่อปัญหา แต่เป็นเพื่อนรักมากๆ ของพวกผม”


“พชร วัฒนกิตติพงศ์?”


ผมถามย้ำอีกครั้งเพื่อไม่ให้เข้าใจผิด ไอ้เคก็ตอบ ‘อืม ใช่พี่’ กลับมา แล้ววันนั้นผมก็ได้รู้ว่าโรงเรียนที่ดูกว้างใหญ่มันแคบแค่นิดเดียว แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังกว้างอยู่ดี





















ผมลืมเรื่องของคนคนนึงไปแล้ว เพราะว่ามันผ่านไปนาน สองปีเต็มที่ผมเรียนจบม.ปลาย สองปีที่ผมไม่ได้กลับไปที่โรงเรียนและรับรู้ถึงการมีอยู่ของใครบางคน ไม่ได้ติดต่อพวกรุ่นน้อง พวกมันเองก็ไม่ได้ติดต่อผมเหมือนกัน


กระทั่งวันนึงที่ทุกอย่างเหมือนหมุนกลับมาที่เดิม ผมบังเอิญเจอไอ้เคกับไอ้กัสที่โรงอาหารของคณะนิเทศที่ผมเรียนอยู่ เราทักทายกันเหมือนไม่มีช่วงเวลาสองปีที่ไร้การติดต่อ พูดคุยกันอย่างเป็นกันเองตามนิสัย โดยเฉพาะไอ้เค เป็นแบบไหนก็ยังคงเดิม เปลี่ยนแค่มันดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นทางกายภาพ ส่วนไอ้กัสยังมีมาดคุณชาย และก็ดูจะเสน่ห์แรงมากขึ้น


“แล้วไอ้กราฟเป็นยังไงบ้างวะ”


ผมถามถึงอีกคนที่เคยตัวติดกับพวกมัน แม้ว่าช่วงหลังๆ จะห่างหายไป ไอ้กัสก็ยินดีตอบให้ผมรู้ว่าพวกมันยังรักกันดี


“ตอนนี้มันเรียนอยู่นิเทศนี่แหละพี่ พวกเราเลยมากินข้าวกันที่นี่ไง ไอ้เคลมมันหวังว่าจะได้เจอสาวๆ สวยๆ ด้วย”


“โห่ มึงอะ หาว่ากูอยากเจอคนสวยๆ มึงเองก็เหมือนกัน”


ไม่วายยังมีค่อนแขวะเพื่อนตามประสา ให้ผมได้หลุดยิ้มนิดหน่อย เพราะพวกมันทำให้ผมนึกถึงบรรยากาศเก่าๆ จริงๆ แล้วพอรู้สึกอย่างนั้น ก็เหมือนเป็นการกระตุ้นให้ผมนึกถึงใครอีกคน


มันจะเป็นยังไงบ้างวะ?


“แล้ว... ไฮยีน”


“ไอ้ยีนเหรอพี่ อยู่นิเทศเหมือนไอ้กราฟนี่แหละ แต่พี่ต้องไปดูมันเองว่ะ”


ไม่พูดอย่างเดียว แต่ไอ้เคหลุดหัวเราะออกมาด้วย ทำให้ผมรู้สึกงุนงงหน่อยๆ แต่ก็ไม่ได้อะไร ไอ้เคกับกัสชวนผมให้นั่งกินข้าวด้วยกัน เพราะมันกำลังรอไฮยีนกับกราฟเลิกเรียนอยู่ เลยมาที่โรงอาหารก่อน แต่ผมนัดกับไอ้เจ๋งและจีจี้แล้วว่าจะไปกินข้าวด้วยกัน เพราะจีจี้อยากให้ผมช่วยเป็นแบบให้อีกแล้ว เลิกกับแฟนทีไร เดือดร้อนผมทุกที วันนั้นผมก็เลยไม่ได้เจอไฮยีน


แต่ใช่ว่าวันนั้นไม่เจอ ผมจะไม่มีโอกาสเจอเลย เพราะมันมาอยู่คณะเดียวกับผมแล้ว คงหาตัวไม่ยาก แถมยังมีไอ้กราฟอยู่ด้วย คงตัวติดกันเหมือนเดิม และกราฟก็คงจะไม่ได้เปลี่ยนไปสักเท่าไหร่ เพราะงั้นตอนที่รุ่นน้องปีสองมาขอให้ผมช่วยเสนอคนที่จะมาลงประกวดเดือนปีหนึ่ง ผมถึงได้เสนอชื่อไอ้กราฟไป พลอยให้มันต้องมาพบผมที่เป็นประธานปีสาม


ทว่ามันกลับไม่เป็นอย่างที่ผมคิด กราฟปฏิเสธที่จะลงสมัคร คนอื่นก็เลยได้เป็นเดือนแทน ซึ่งตามนิสัยของมันแล้วคำตอบแบบนี้คงไม่แปลกนัก แต่ที่แปลกคือมันไม่ได้พ่วงเพื่อนของมันมาด้วย ผมจึงยังไม่มีโอกาสได้เจอไฮยีน


กระทั่งวันนึงที่ผมสะดุดตากับคนบางคน ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงได้หยุดสายตาอยู่ที่คนคนนั้น ...รุ่นน้องปีหนึ่งที่แต่งตัวถูกระเบียบเป๊ะ หวีผมเรียบแปล้ แล้วยังใส่แว่นหนาเตอะ


แต่ที่รู้คือผมรู้สึกขัดตามากจนเผลอทำอะไรที่ไม่คิดว่าจะทำลงไป มือของผมตบลงบนหัวของไอ้เด็กคนนั้นจนมันหันมามอง และเมื่อสบตากันผ่านเลนส์แว่น ผมก็รู้สึกถึงบางอย่าง... ยิ่งคนตรงหน้าถูกกราฟ เรียก ‘ไอ้ยีน’ ลมหายใจของผมก็ชะงัก


ความรู้สึกในวันที่ผมได้รู้ว่าคนที่ชื่อพชร วัฒนกิตติพงศ์ กับ ไฮยีน เป็นคนเดียวกันย้อนคืนมาอีกครั้ง เช่นเดียวกับความรู้สึกของผมตอนมองไอ้เด็กเวรนั่นไกลๆ ที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เหมือนภาพสีเทาเก่าๆ ที่ร่วงตกลงไปในจานสี ทำให้สีที่ขาดหายไปค่อยๆ ปรากฏเป็นภาพใหม่ที่ไม่ต่างจากของเดิม


ภาพเด็กปีหนึ่งหน้าตาเฉิ่มเชยเพราะกรอบแว่นหนา ซ้อนทับกับเด็กหน้าหล่อ ม.4 ที่ดูตัวเล็กกว่านี้นิดหน่อย แต่แววตากลับเหมือนที่ผมเคยเห็นและรู้สึกว่ามันมีแรงดึงดูดบางอย่าง ทำให้ผมมั่นใจว่าไม่ผิดคน...


คนตรงหน้าผม คือ พชร วัฒนกิตติพงศ์








อ่านต่อด้านล่าง


v



v
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-04-2013 23:33:32 โดย undersky »

ออฟไลน์ undersky

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-0
    • Undel2Sky's Facebook ♥
ต่อจากข้างบน



v



v







ถนนสายเดิมกับม้านั่งริมทาง ขณะที่ลมกำลังพัดเบาๆ ทำให้อากาศไม่ร้อนอบอ้าวจนเกินไป พระอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำลงเรื่อยๆ เสียงของเด็กนักเรียนชั้นม.ปลายกำลังซ้อมกีฬาตามชมรมยังคงชวนให้คิดถึงบรรยากาศที่ห่างหายไปสามปีเต็ม


“อ่านอะไรอยู่”


เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหูจนทำให้ผมสะดุ้ง รีบปิดสมุดที่เต็มไปด้วยลายมือของตัวเองทันที ส่อแววพิรุธจนคนตรงหน้าขมวดคิ้วเข้าหากัน หน้าหล่อแต่กลับน่ารักในความรู้สึกของผมปรากฏคำถามที่ผมตอบได้แค่...


“เปล่า”


“เปล่าอะไรวะ ก็เห็นอยู่ว่าเมื่อกี้อ่าน เอามาอ่านมั่งดิ”


คนตัวเล็กกว่าและยังผอมบางไม่ต่างจากเมื่อหลายปีก่อนร้องบอก แต่ผมก็เอาสมุดในมือหลบเอาไว้ไม่ให้มันฉวยไปได้


“คนเราก็ต้องมีความลับมั่งสิวะ”


ผมตอบมันก่อนจะเปลี่ยนมาถือสมุดด้วยมืออีกข้าง ส่วนมือข้างเดิมคว้ามือเรียวมากุมจับเอาไว้ เจ้าของมือเลยถลึงตาใส่ผมนิดหน่อยเหมือนกับทุกครั้งที่ผมจับมือมันในที่สาธารณะแล้วมันไม่ชอบ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ดึงมือกลับ คงจะชินแล้วมั้งว่าถึงทำไป ผมก็ไม่ปล่อยอยู่ดี


“งกว่ะ อะไรวะ แค่นี้ให้แฟนดูไม่ได้”


ผมยิ้ม ยิ้มทุกครั้งที่ได้ยินคำว่า ‘แฟน’ จากปากแดงๆ ของคนที่นั่งอยู่ข้างกัน เพราะไม่บ่อยนักหรอกที่มันจะพูดจาแสดงความรู้สึกว่ามันรักหรือเป็นคนรักของผม


“ก็อยากบอกอยู่ แต่มันยังไม่ถึงเวลา”


“เวลาอะไรเล่า”


ไฮยีนสะบัดเสียงไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ที่ผมยังปฏิเสธ ไม่ยอมให้มันรู้ในสิ่งที่มันอยากรู้ ผมเลยต้องยิ้มสู้ไว้ก่อน และตอบกลับด้วยคำตอบที่จะเป็นที่พอใจสำหรับมัน


“มึงรู้ว่ากูกำลังทำโปรเจกต์จบอยู่ใช่มั้ย”


“อ๋อ หรือเป็นบทหนังสั้น โปรเจกต์ของพี่เหรอ”


มันถาม ดูท่าจะเก็ตในสิ่งที่ผมอยากบอก ผมเลยพยักหน้าให้ มันถึงได้เลิกสนใจประเด็นนี้ไป แต่แค่แป๊บเดียว เสียงห้าวๆ ก็ถามอีกครั้ง


“แล้วพี่เขียนบทเป็นด้วยเหรอ เห็นคราวก่อนที่ทำหนังก็เป็นคนกำกับ ให้พี่เจ๋งเขียนบท ตอนปิดเทอมที่ไปฝึกงานก็ไปฝึกในกองถ่าย”


“มึงนี่ดูถูกกูจัง กูจะเขียนบทมั่งไม่ได้หรือไง”


“ก็แค่อยากรู้ เอามาอ่านมั่งดิ เรื่องเป็นยังไง”


แล้วก็วกกลับมาที่เดิมจนได้ ทั้งที่ผมยังไม่อยากให้มันรู้ เรื่องนี้เป็นโปรเจกต์ลับที่ผมไม่ได้บอกใครเลยนอกจากแอดไวเซอร์ ตอนไปเสนอบท แอดไวเซอร์ยังบอกว่าผมประหลาด ไม่คิดว่าจะทำหนังเกย์เป็นโปรเจกต์จบ


แต่พอผมบอกว่าผมอยากทำเพราะผมมีแรงบันดาลใจจากคนที่เป็นภาพวาดสีเทา แอดไวเซอร์ก็เลยอนุมัติแล้วบอกว่าหนังเรื่องนี้คงน่าสนใจไม่น้อย เพราะผมชอบทำหนังแนวอาร์ต สื่ออารมณ์มากกว่าการถ่ายทอดแบบตรงไปตรงมา และอาจารย์ก็เชื่อในการเลือกมุมมองที่จะนำเสนอของผม


“ไว้เสร็จแล้วมึงก็จะได้ดู”


“เปิดให้ผมดูคนแรกเลยนะเว้ย ห้ามเบี้ยว”


ยีนใช้นิ้วจากมืออีกข้างชี้หน้าผมเป็นเชิงออกคำสั่ง ผมก็พยักหน้ารับอย่างไม่อิดอดด เพราะตั้งใจไว้อย่างนั้นอยู่แล้ว แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันดูแล้วจะเข้าใจเรื่องราวจากการนำเสนอของผมหรือเปล่า


จะเข้าใจมั้ยว่า...คนที่ทำให้ตัวละครหลักเหมือนถูกดึงดูดได้ตลอดเวลาก็คือมัน


เป็นภาพวาดสีเทาที่กลับมามีสีอีกครั้งในชีวิตของผม โดยที่มันไม่ได้ทำอะไรเลย และผมก็ไม่เคยคิดสักครั้งนับจากวันแรกที่เจอกัน ว่าสุดท้ายแล้วผมจะได้กลับมาเจอมันอีก และรักมันมากขนาดนี้


“ถ้าทำเสร็จแล้วจะเรียกไปดูที่ห้องกูเลย”


“เออ ดี แต่คิดอะไรเปล่าเนี่ย สายตาหื่นว่ะ”


มันพูดกลั้วเสียงหัวเราะ เหมือนแกล้งปรักปรำผมมากกว่า ผมจึงอดไม่ได้ที่จะขยี้ผมของมันเบาๆ อย่างที่ทำบ่อยๆ จนตอนนี้ติดเป็นนิสัยไปแล้ว และแกล้งบอกกลับไป


“ทำก็ดี”


“กามฉิบหาย”


“อืม กูกามกับมึงโคตรๆ เห็นมึงแล้วอยากฟัดตลอด”


ไอ้ยีนพูดไม่ออกครับ โดนผมอัดเข้าใส่เต็มแรงขนาดนี้ แก้มของมันแดงขึ้นมานิดๆ ยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่ามันน่ารัก นี่ถ้าไม่ได้อยู่กลางที่สาธารณะผมจะจับมันฟัดจริงๆ


“ไปเดินเล่นดีกว่า ไม่ได้กลับมาโรงเรียนนานแล้วไม่ใช่หรือไง”


มันรีบหาข้ออ้างเอาตัวรอดไว้ก่อน ผมก็ไม่ใจร้ายหรอกครับ ปล่อยๆ มันไป ตามใจแฟนบ้าง มันจะได้ตามใจผมเหมือนกัน เพราะเวลาแม่งพยศ ผมเหนื่อยฉิบหาย ทั้งร้าย ทั้งกวนตีน ผมนี่จุกเพราะโดนต่อย โดนถีบมานักต่อนัก ทั้งที่ตัวก็บาง ไม่รู้เอาแรงมาจากไหน


อีกอย่าง ผมเป็นคนชวนมันมาเอง เพราะอยากเก็บบรรยากาศเก่าๆ ในตอนที่ผมกับมันเจอกัน เพื่อเป็นข้อมูลอ้างอิง และก็อยากกลับมาอยู่กับมันในสภาพแวดล้อมที่เหมือนกับตอนนั้นด้วยสถานะระหว่างเราที่ต่างออกไป


เราสองคนลุกจากม้านั่งที่นั่งอยู่ ก่อนจะเดินไปพร้อมกันบนถนนสายเดิมที่เคยย่ำเดินซ้ำไปซ้ำมาคนละหกปี แต่กลับไม่เคยเดินร่วมกันเลยสักครั้งกระทั่งวันนี้


หากให้เปรียบความรักของผมกับยีน คงไม่ต่างจากคนอื่นๆ ที่มีเวลาและโอกาสมากมายเพื่อสร้างความรัก แต่สุดท้ายกลับมีเพียงแค่วินาทีสั้นๆ ที่ทำให้ความรักเริ่มต้นขึ้น และใช้เวลาที่เหลือในการรักษาให้มันอยู่ยืนยาวที่สุด








================
จบบริบูรณ์แล้วค่ะ สำหรับเรื่องนี้
เป็นตอนพิเศษที่เหมือนเป็นตอนแรกและตอนสุดท้ายของเรื่องไปในตัว
ไม่รู้ว่าอ่านตอนนี้แล้วจะรู้สึกหรือคิดยังไงกันบ้างนะคะ
มันออกแนวสนใจ แต่ยังไม่ถึงเวลาที่จะรักกัน  :katai5:

ในตอนสุดท้ายนี้ ต้องขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันมา ไม่ว่าจะอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่แรกหรือทยอยมากันเรื่อยๆ
ขอบคุณทุกคอมเมนต์ที่ทำให้มีกำลังใจในการพาพี่ภูกับน้องยีนมาถึงตอนสุดท้ายค่ะ

มีคอมเมนต์นึงบอกไว้ว่า มีคนเพื่อน (หรือพี่น้อง) แนะนำมาให้อ่านเรื่องนี้
เพราะอ่านๆ ไปแล้วจะรู้สึกว่าตกหลุมรัก ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาอ่านจบหรือยัง และรู้สึกแบบนั้นมั้ย
แล้วจะมีคนคิดแบบเดียวกันหรือเปล่า แต่หวังว่าหลายๆ คนจะรู้สึกว่าแบบนี้นะคะ
เพราะแรกๆ พี่ภูก็ก่อวีรกรรมไว้จนโดนคนอ่านหน่ายๆ กันไปเยอะ ก็เลยห่วงอยู่ว่าคนจะเลิกอ่าน  :mew5:

ส่วนเรื่องของกราฟไนล์ อัพเดทแล้วค่ะ
ใครที่สนใจตามไปอ่านกันได้ที่ลิงค์นี้นะคะ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=38553.0


Undel2Sky



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-11-2013 00:07:46 โดย undersky »

ออฟไลน์ พลอยสวย

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-5
 :hao7:  อยากได้อีกตอนอ่าค่ะ ..แบบอยากรู้ตอนยีนได้เห็นหนังสั้นอ่า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
โรแมนติก
ฟินไปไกลแว้ววววววววว
พี่ภูหลงรักเลยป่าวววว  :m1: :m1:

ออฟไลน์ nunnuns

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1972
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
สั่งจองหนังสือไปแล้ว ไม่พลาดค่ะเรื่องนี้

อะไรกันน พึ่งรู้ว่าพี่ภูแบบสนใจไฮยีนมาก่อนหน้านี้ แล้วรู้มาก่อนหน้านี้อีก มันน่าจริงๆเลยนะพี่ภู

เห็นว่าตอนพิเศษที่เหลือมีอยู่ในเล่มใช่ไหมคะ อยากให้พี่ภูหึงบ้างจัง เพราะเห็นมีตอนน้องยีนหึงด้วยใช่ม้า รีเควสค่ะๆ555

ปล.ไม่กล้าอ่านเรื่องไนล์เลย เพราะรู้สึกอคติกับตัวละครไนล์ค่อนข้างมากอยู่ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่อยากติดตามทุกเรื่องของนักเขียน ขอเราทำใจแปบนึงนะคะ555

GGG24

  • บุคคลทั่วไป
อยากอ่านตอนยีนเล่นหนังสั้นอ่ะ :mew2:

น่ารักมากๆเลย

 :L2: :L2:

ออฟไลน์ raviiib❁

  • คนเขียนนิยาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
อ่านเรื่องนี้แล้วตกหลุ่มรักจริงๆ ยิ่งหลังๆนี่พี่ภูความอดทนสูงมาก
จะรอเรื่องของกราฟไนล์นะค่ะ :o8:

ออฟไลน์ ao16

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +253/-4

ออฟไลน์ toshika

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 819
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-4
 :o8: :o8:

เรื่องนี้น่ารัก กวนๆ ชอบมากกกกกกกกกก ทั้งชมพูและน้องเกงยีน  :mew1:

ออฟไลน์ loveaaa_somsak

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-3

ออฟไลน์ Lily teddy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-2
น่ารักจังค่ะ อ่านตอนพิเศษจบแล้วต้องย้อนไปอ่านตอน 1 ใหม่  :L2:
จะรอติดตามเรื่องของกราฟต่อไปนะคะ :pig4:

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11

ออฟไลน์ Orangewitch

  • หนวด รั่ว โก๊ะ 3 in 1
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เนื้อเรื่องน่ารักอ่ะ ชอบๆ มีผลงานออกมาอีกนะ ติดตามค่ะ :mew3:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด