ต่อจากข้างบน
v
v
แม้แต่วันที่บอกว่าจะกลับ ยีนก็ยังไม่มองหน้าผม ที่โต๊ะกินข้าว หรือกระทั่งตอนที่พ่ออวยพรเสร็จแล้ว เพราะงั้นผมเลยต้องอาศัยจังหวะเดียวทีเหลืออยู่ ดึงมันเอาไว้ตอนที่กำลังจะออกจากบ้านไป และผมก็บอกทีแล้วไม่ต้องตามลงมา ไม่ต้องให้ใครไปส่งยีน เพราะมันจะไม่ได้กลับวันนี้ แต่ต้องกลับพรุ่งนี้พร้อมผม
ยีนทำไมหน้าไม่พอใจแบบโคตรมากตอนที่ถูกผมดึงกระเป๋าเสื้อผ้าของมันเอาไว้ แล้วก็ไม่ใช่แค่สีหน้าที่แสดงออกว่าไม่พอใจ เพราะมันพยายามยื้อตัวประกันไว้สุดแรง แต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะผมดึงตัวมันมากอดเอาไว้ก่อน ผมอยากให้มันรับฟังเหตุผลของผม ถึงจะเป็นเหตุผลงี่เง่าที่ไม่สมควรมีก็ตาม แต่ประโยคที่หลุดออกมาจากปากของมันทำให้ผมอึ้ง
“พี่จะให้ผมอยู่ที่นี่ต่อไปทำไมล่ะครับ หรือว่า... อยากให้ผมมาเป็นเขยของที่นี่ แม่ของพี่ยิ่งอยากได้ผมเป็นลูกเขยอยู่”ผมไม่รู้เลยว่าแม่พูดอะไรกับมันเอาไว้ แล้วยีนพูดจริงหรือเปล่า แต่มันก็ทำให้ผมใจหล่นวูบลงไปที่ก่อนแล้ว ผมรู้ได้เลยว่าตอนนี้สีหน้าของผมกำลังเป็นยังไง ผมสบตามันด้วยแววตาแบบไหน ผมเสียใจ ผมผิดเอง และผม... ไม่ต้องการเสียมันไปอีกแล้ว
“กูขอโทษ”
ไม่รู้ว่าเสียงของผมเป็นยังไงนอกจากความอู้อี้เพราะผมเอาหน้าซุกกับซอกคอมันเอาไว้ กระชับอ้อมกอดเอาไว้ให้ผมได้รับรู้การมีตัวตนของยีนมากขึ้น
ผมอยากอยู่อย่างนี้ อยากกอดยีนเอาไว้นานๆ
“มาขอโทษอะไรตอนนี้”
แต่สิ่งที่ตอบรับกลับมาตรงข้ามกับสิ่งที่ผมต้องการโดยสิ้นเชิง เพราะเสียงของมันแข็งกร้าว และยังพยายามจะดันตัวผมออก ผมเลยต้องออกแรงกอดมันให้มากกว่าเก่า
“มึงฟังกูก่อนได้มั้ย กูผิดไปแล้ว ฟังกูก่อนนะ”
“มีอะไรที่ผมต้องฟังด้วยเหรอครับ” มันเงยขึ้นมองผมด้วยแววตามหยามหยัน “ผมเข้าใจหมดทุกอย่างแล้ว”
“กูขอโทษ กูผิดที่ถอยห่างจากมึงมา แต่กูมีเหตุผล กู... กู”
“ไม่ต้องพูดหรอกครับ มันจบแล้ว ผมไม่อยากฟัง”
มันหันหน้าหนีผมไปอีกทางเพราะไม่สามารถหลุดออกจากอ้อมกอดของผมได้ แต่ผมประคองหน้าของมันให้หันกลับมา
“แต่มึงต้องฟัง กู... กูก็แค่เข้าใจผิดคิดว่ามึงกับทียังรักกันอยู่”
ในที่สุดผมก็พูดออกมาได้ แต่สิ่งที่ได้รับตอบกลับมากลายเป็นท่าทีไม่ยี่หระของคนที่ผมต้องการอธิบายความผิดพลาดให้ฟัง
“แล้วไงครับ ตอนนี้ผมกับทีก็รักกันดี”
“อย่ามาประชดกูเลย ทีบอกกูแล้วว่าระหว่างมึงกับทีไม่มีอะไร ทีไม่ได้รักมึงแล้ว แต่เป็นกูนี่ที่ยังรักมึงอยู่”
“รัก? อย่าพูดอะไรตลกๆ หน่อยเลยครับ”
“เกงยีน มึงเข้าใจกูนะ ทีเป็นน้องสาวกู กูคิดว่ามึงกับทียังรักกัน แล้วกูก็ทำให้น้องเจ็บปวดไม่ได้”
“เลยทำผมแทนว่างั้น”ท่าทีกร้าวร้าวแสดงออกมาให้ผมเป็นอย่างชัดเจน ตั้งแต่ที่รู้จักกันมาผมเพิ่งเคยเห็นมันในรูปแบบนี้เป็นครั้งแรก ในช่วงที่เราเพิ่งรู้จักกัน มันไม่ชอบผมก็จริง แต่ก็ไม่ได้เป็นถึงขนาดนี้ ไม่ได้ทำให้ผมสะอึกและหน้าชาอย่างตอนนี้
“กูไม่ได้หมายถึงอย่างนั้น กู... กูเป็นพี่ชาย มึงเข้าใจความรู้สึกกูมั้ย พี่ชายที่อยากปกป้องน้องสาว พี่ชายที่อยากให้น้องสาวมีความสุข แล้วกูก็... คิดว่ามึงกับทีมีอะไรกันแล้ว กูก็เลยไม่อยากให้น้องเสียตัวฟรี มึงเข้าใจกูมั้ย กูไม่อยากให้ผู้ชายมาเอาเปรียบน้องกูแล้วก็ทิ้งไป”
“พี่คิดว่าผมมีอะไรกับที?”
“ก็.. มึงก็น่าจะรู้ตัวว่ามึงเป็นยังไง แล้วจะไม่ให้กูคิดได้ยังไง ไม่ใช่ว่ากูอยากให้เป็นแบบนั้น แต่พอคิดว่ามึงกับทีเคยเป็นแฟนกัน กูก็ตัดความคิดนั้นไม่ได้ แต่ตอนนี้กูรู้แล้วว่ามึงกับทีไม่เคยมีอะไรกัน ทีบอกกูแล้ว แล้วก็บอกด้วยว่าทีไม่รักชอบอะไรมึงแล้ว”
“ทีบอกแล้วพี่ก็เชื่อ?”
“กู...”
“ไม่คิดว่าทีโกหกหรือไง พี่ก็รู้ดีนี่ว่าผมเป็นคนยังไง ผมจะพลาดเหรอ”
“กูเชื่อ มึงอย่ามาทำให้กูเขวเลย มึงให้อภัยกูเถอะนะ กูขอร้องมึงจริงๆ กูยอมรับผิดทุกอย่าง กูมันโง่เอาที่คิดไปเองคนเดียว กูยังรักมึง กูรักมึง เข้าใจหรือเปล่า”
ผมพยายามพูดเพื่อให้ยีนใจอ่อน แต่กลับไม่มีอะไรที่ทำให้ผมเชื่อมั่นได้เลยว่ามันจะยอมอ่อนให้ผม แววตาของมันยังสงบนิ่ง แฝงแววเชือดเฉือนผมเสียด้วยซ้ำ
“เข้าใจสิ เข้าใจว่าเพราะทีบอกอย่างนั้น พี่ก็เลยรีบมาขอโทษผม หน้าด้านจังนะครับ”“เกงยีน...” ผมเรียกมันเสียงอ่อน เพราะดูเหมือนมันจะไม่ยอมให้อภัยผมเลย “มึงบอกกูมา มึงจะให้กูทำอะไร กูจะยอมมึงเท่าที่กูทำได้ ขอแค่มึงยอมให้อภัยกู หายโกรธกู”
ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยยอมใครขนาดนี้มาก่อนในชีวิต นอกจากคนในครอบครัว แต่ตอนนี้ผมกำลังกลายเป็นไอ้ขี้แพ้ต่อหน้ามัน แต่ศักดิ์ศรีของผมไม่มีเหลือตั้งแต่ได้รู้จักกับมัน เพราะงั้นผมก็ไม่จำเป็นต้องแคร์ สิ่งที่ผมควรแคร์มากที่สุดก็คือยีน
“ถ้าผมสั่งพี่ให้ไปตายพี่คงไม่ทำ”
“เกงยีน มึงโกรธกูขนาดนั้นเลยเหรอ”
“หึ แล้วพี่คิดว่าความเสียใจของผมมีค่าเท่าไหนล่ะครับ”
“กูขอโทษ”
“แล้วความเจ็บปวดของผมมันไร้ค่าหรือไง”
น้ำเสียงของมันเยียบเย็นกว่าครั้งไหนๆ จนใจของผมสั่นไปหมด กลัวว่ามันจะไม่ให้อภัย ผมไม่มีอะไรไปต่อรองกับมันแล้ว
“กูทำผิดกับมึง กูสำนึกผิดแล้ว ยกโทษให้กูเถอะนะ”
“พี่คิดว่ามันง่ายขนาดนั้นเลย”
“ก็ทำให้มันง่ายหน่อยได้หรือเปล่า”
ผมต่อรองด้วยเสียงอ้อนๆ แล้วก็แทบกระโดดตัวลอยกับคำตอบของมัน
“ก็ได้ งั้นสาบานมา”
“สาบาน?”
“ใช่ ไม่ต้องถามมากแล้วพูดตามผม หรือทำไม่ได้”
“ทำได้ ทำได้ครับ”
“ดี งั้นยกมือขึ้น”
ถึงจะยังงงๆ อยู่ แต่ผมก็ยกมือขึ้นมาสูงระดับหน้าของตัวเอง ซึ่งยีนก็ไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่า เริ่มประโยคที่ผมต้องสาบาน
“ข้าพเจ้า นายชมภู บริวัตรสหการ ขอสาบานว่า ข้าพเจ้ารัก นายพชร วัฒนกิตติพงศ์ เพียงคนเดียว จะไม่นอกใจ และจะเอาใจ”
ผมเกือบยิ้มออกมากับประโยคแรก พลางคิดว่าถ้าให้สาบานแบบนี้ก็ดีสิ ไม่เห็นจะร้ายแรงตรงไหนเลย แต่ถึงอย่างนั้นก็ขอใส่ความรู้สึกของตัวเองเข้าไปหน่อย
“ข้าพเจ้า นายชมภู บริวัตรสหการ ขอสาบานว่า ข้าพเจ้ารัก นายพชร วัฒนกิตติพงศ์ เพียงคนเดียว จะไม่นอกใจ และจะเอาใจใส่”
แต่ดูเหมือนยีนจะไม่เห็นด้วยกับผมเท่าไหร่ ถึงได้ถลึงตาให้ ผมก็เลยยิ้มให้นิดๆ แสดงความจริงใจว่าผมจะทำอย่างนั้นจริงๆ
“ขอสาบานว่าจะไม่ทำให้ นายพชร วัฒนกิตติพงศ์ ผิดหวัง เสียใจ หรือเจ็บปวด จะทำตามที่ นายพชร วัฒนกิตติพงศ์ บอกโดยไม่คัดค้านหรือโต้แย้ง และจะไม่กระทำการเชี่ยๆ หมาๆ อย่างที่แล้วมาอีก”
คราวนี้ผมมองหน้ายีน รู้สึกไม่ค่อยอยากพูดเท่าไหร่เพราะช่วงค่อนๆ ท้ายประโยค ไอ้เรื่องไม่ทำให้เจ็บปวดหรือเสียใจ ผมน่าจะทำได้ เพราะมีบทเรียนจากครั้งนี้แล้ว แต่ไอ้ที่ว่าไม่คัดค้านโต้แย้ง ผมคงทำไม่ได้ชัวร์ๆ แล้วนี่ยังถูกด่าทางอ้อมว่าเป็นหมาอีก
แต่ใช่ว่าจะทำอย่างใจได้ เพราะยีนจ้องหน้าผมเขม็ง ใช้ตาคู่นั้นบีบบังคับให้ผมพูด ผมก็เลยต้องพูดออกไปอย่างช่วยไม่ได้ ถึงจะอึกอักสักหน่อยก็เถอะ และผมก็หวังว่ายีนจะเปลี่ยนใจทีหลัง ไม่โหดร้ายกับผมถึงขนาดนั้น
“หากข้าพเจ้าไม่สามารถทำตามคำสาบานของข้าพเจ้าได้ ขอให้ถูกกะเทยยักษ์เอาตูดร้อยที”ผมชะงักหลังได้ยิน เพราะไอ้ประโยคที่ยีนให้ผมสาบานเมื่อกี้มันโคตรน่ากลัว แล้วผมก็รู้อยู่แก่ใจว่าผมคงจะทำไม่ได้ แต่ยีนยังพูดต่อ
“ถูกกระทืบพันครั้ง”เหงื่อของผมเริ่มตกกับประโยคต่อมา ทั้งโดนกะเทยเอาตูด แล้วยังให้โดนกระทืบอีก แฟนใครว่ะ โคตรโหดเลย กลัวชักกลัวๆ มันแล้วว่ะ
“และจู๋ด้วนใช้การไม่ได้ตลอดชีวิต”มาถึงอันสุดท้ายผมพูดไม่ออกแล้ว มันยิ่งกว่าไอ้ข้อข้างบนๆ นั่นอีก แต่พอผมไม่พูด ยีนก็เขม็งตาใส่ บังคับให้ผมเลือกระหว่างพูดหรือไม่พูด ถ้าไม่พูดก็จบกัน แล้วผมจะทำยังไงได้ ก็ต้องแพ้อีกเหมือนดิม ผมค่อยๆ พูดออกมาอย่างยากลำบาก
“ข้าพเจ้าของสาบาน”
จบคำของผม ก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้น แต่มันไม่ได้ออกมาจากปากของผม และก็ไม่ได้ออกมาจากปากของยีน แล้วมันมาจากไหน
ผมหันไปมองรอบตัว มองอย่างละเอียดถี่ถ้วน และก็ได้เห็นว่ามีคนสามคนยืนอยู่ที่เฉลียง ทั้งสามคนต่างมองมาที่ผมกับยีน และไม่ต้องเดาว่าเสียงหัวเราะนั้นมาจากใคร ...เสียงจากคนในบ้านของผม
พอเห็นอย่างนั้นผมก็คว้ามือของยีนมาจับเอาไว้ทันที เราสองคนมองหน้ากัน หัวใจที่เต้นเป็นปกติเมื่อกี้ ตอนนี้กำลังเร่งจังหวะอย่างหวาดหวั่น และผมก็รับรู้ได้ว่ายีนคงไม่ต่างกัน เพราะตอนนี้คนทั้งบ้านคงรู้แล้วว่า... ผมกับยีน เป็นอะไรกัน
===================
กลับมาแล้วค่ะ แต่พร้อมหายตัวเสมอ 
เดือนที่แล้วหลายอย่างที่ต้องทำมันมาพร้อมๆ กัน เลยไม่ได้แต่ง
ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ให้รอเป็นเดือน
ขอบคุณคนที่ยังรออ่านอยู่จริงๆ ค่ะ
ตอนหน้าเป็นตอนจบแล้วนะคะ
Undel2sky