ตอนพิเศษ (หนังสือเก่า...เล่มใหม่) 18 เมษา 58ยืดอกแห้งๆ ประดับด้วยจิวสีเงินยอมรับกันอย่างตรงไปตรงมาเลยแล้วกัน ว่าคอสมันกลัวผี เรื่องนี้ใครๆ ก็รู้สินะ
แล้วใครๆ ก็รู้กันอยู่ในใจว่าร้านนายรักอ่านน่ะมีผี
ึคือรู้ในใจ อย่าพูดเสียงดังไป เดี๋ยวลูกค้าหนีหายไปหมด
อย่างไรก็ตามเหนือฟ้าย่อมมีฟ้า เหนือกว่าความกลัวผีก็คือ คอสกลัวนายรักอ่านรุ่นที่ 3
อันนี้จริงนะ แล้วอย่าบอกใครไปนะ ว่าคอสน่ะกลัวพี่บาลีขนาดนั๊กเจ้า ทำเป็นตลกกลบเกลื่อน ทำเป็นแบ๊ว ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แต่ที่จริงแล้วกลัวเขาขนาดนั๊ก!
ก็ที่ว่ากลัวผี ไม่กล้าขึ้นไปที่ชั้นลอยเพื่อทำความสะอาดส่วนหนังสือเก่า แต่ถ้านึกถึงสีหน้าของเขาเวลาที่เราป๊อด ไม่อยากไปทำความสะอาดทีไร คอสก็ต้องข่มความกลัวผี แล้วถือไม้กวาด ไม้ถูพื้นเดินขึ้นไปทำความสะอาดอยู่ทุกที
เออ แล้วถ้าพี่บาลีเขากำลังซ่อมหนังสือเก่าอยู่ที่ชั้นลอยแล้วเรียกให้เอาน้ำดื่มขึ้นไปให้ล่ะจะเอาไปให้ไหม
ก็เอาไปให้สิ เรื่องง่ายๆ ทำไมต้องคิด ท่องคาถาที่เพื่อนพี่บาลีบอกไว้ ว่ามีพี่บาลีอยู่ไม่ต้องกลัว
แต่เชื่อเหอะว่า..ไอ้คอสมันก็ยังกลัว
อยู่ไปอยู่มา ไม่รู้แล้วว่า กลัวอะไรมากกว่ากัน
แต่เดี๋ยวนะ กลัวนี่มันก็เรื่องหนึ่งนะ แต่ที่รักมากนี่มันก็อีกเรื่องหนึ่งนะ ไอ้คอสไม่ได้รักพี่บาลีน้อยไปกว่าที่รู้อยู่แก่ใจว่าพี่บาลีก็รักไอ้คอสมากมายมหาศาลเหมือนกันนะฮะ
บ่ายวันนี้กลับมาจากโรงเรียนฝึกวิชาชีพ ที่คอสไปรับสอนพิเศษเพื่อหารายได้เสริมจากงานเฝ้าร้านหนังสือ ก็เห็นว่าพี่บาลีกำลังซ่อมหนังสืออยู่
ที่มาของหนังสือเล่มนี้ ต้องเริ่มเล่าย้อนกลับไปตั้งแต่เมื่อคืน ตอนที่คอสกำลังละลายกลายเป็นของหวานแสนอร่อยของพี่บาลี ที่ห้องนอนชั้น 3 จู่ๆ พี่บาลีก็หยุดชะงัก แล้วก็มีสีหน้าอยากกินขนมต่อ แต่ก็กังวลกับอะไรบางอย่าง
“คอส...”
“ฮะ”
“พี่ต้องไปเอาหนังสือ”
“ห๊ะ” คอสทำตาโตเท่าส้มธนาธร “ตอนนี้น่ะนะ”
เออ...หรือควรจะถามว่า พี่จะไปเอาหนังสือทั้งที่ตอนนี้พี่กำลัง xxx อยู่กับผมเนี่ยนะ!
“คอส...” พี่บาลีหลับตา หันหน้าไปอีกทาง ทั้งที่ส่วนลำตัวยังคร่อมอีกคนหนึ่งอยู่ จากนั้นก็ถอนหายใจหนักๆ “ขอโทษนะคอส”
แล้วพี่บาลีก็ลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว แต่ยังไม่ลืมหันกลับมาจูบแก้มคนที่ลุกมาส่ง “นอนเถอะ ไม่ต้องไปส่งหรอก พี่ไปแค่อยุธยา เดี๋ยวก็กลับ”
....เหอะ เดี๋ยวก็กลับ! สุดท้ายไอ้คอสก็กลายเป็นขนมหวานค้างคืน ไอ้ที่มันละลายไปแล้วเมื่อตะกี้น่ะ มันเอากลับมามิกซ์ใหม่ไม่ได้นะฮะ ละลายแล้วก็ละลายไป ค่อยๆ แห้งเฉาและหมดความหมาย เช้าแล้วพี่ก็ยังไม่กลับมา
จิวอันใหม่ช่วยอะไรไม่ได้เลยละฮะ
อยุธยานี่อยู่ไกลมากเลยสินะ!
จนบ่ายจัดกลับมาจากโรงเรียนวิชาชีพ คอสเห็นรถของพี่จอดอยู่ที่โรงรถ แต่หน้าร้านปิด เดาได้ว่ากลับมาแล้ว และกำลังซ่อมหนังสืออยู่
เบาใจไปได้เปราะหนึ่งว่าพี่กลับมาแล้ว และก็เป็นหน้าที่ ที่จะต้องเปิดร้าน และขายหนังสือให้กับลูกค้าที่ส่วนใหญ่เป็นขาประจำ กับน้องนักเรียนที่มาเรียนพิเศษตอนเย็นที่สถาบันกวดวิชาฝั่งตรงข้าม
ร้านนี้อยู่ได้ด้วยลูกค้ากลุ่มนี้จริงๆ
เวลาผ่านไปทุ่มกว่าๆ พี่บาลีตะโกนเรียกมาจากชั้นลอยว่า ขอน้ำดื่มหน่อย
คือ...ช่วงเวลาการซ่อมหนังสือเก่าเนี่ย มันคือช่วงเวลาศักดิ์สิทธิ์ของคุณพี่เขานะฮะ คุณพี่เขามักจะไม่กิน ไม่ดื่ม ไม่ไปเข้าห้องน้ำ ไม่นอนจนกว่าจะซ่อมเสร็จ
คอสก็ไม่รู้เหมือนกันว่า เขาอยู่ได้อย่างไร แต่เท่าที่เห็นๆ เขามักจะเป็นอย่างนั้น
แต่คุณพี่เขาเคยแย้งนะฮะ ว่าเขาก็พักงานไว้แล้วมาทำต่อในวันหลังเหมือนกัน แต่ที่มักจะทำเสร็จรวดเดียว ก็เพราะคิดว่าอีกนิดเดียวก็เสร็จแล้ว รู้ตัวอีกทีก็คือเวลาผ่านไปข้ามวัน
แล้วตอนนี้เรียกขอน้ำดื่มซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้งนัก คอสก็รีบวิ่งไปรินน้ำเย็นใส่แก้วใส แล้วก็เหมือนเคยที่สุดท้ายต้องมาหยุดยืนอยู่ที่บันไดขั้นบนสุดแล้วชะโงกหน้ามอง
พี่บาลีก็เรียก “คอส เอาน้ำมานี่หยุดอยู่ตรงนั้นทำไม”
คุณครับ รู้ไหมว่าไอ้การที่เขาชอบ คิด ทำ และพูดเหมือนมีตาหลังแบบนี้แหละคือสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผมกลัวเขา หาใช่ดวงตาดุๆ คำที่เหมือนจะอ่านใจเราได้ ไม่ใช่คำพูดดุๆ ที่ช่างกระแทกตรงใจเสียเหลือเกิน และยิ่งไม่ใช่คำขู่ว่าจะหักเงินเดือน
“พี่มาเอาตรงนี้ไม่ได้เหรอ ดื่มแล้วผมก็เก็บแก้วลงไปเลยไง”
“คอส......”
การยกเท้านับจากนี้เพื่อเดินไปหาพี่บาลีมันช่างเป็นงานหนัก งานยาก งานลำบากสุดๆ เหอะ จำเป็นต้องใช้เสียงเข้าข่ม
“พี่ฮะ กลับมาตั้งแต่กี่โมง”
“ประมาณเที่ยง”
“แล้วกินข้าวก่อนไหม” อันนี้ถามด้วยความเป็นห่วงแต้ๆ นะเจ้า
“อีกนิดเดียวก็เสร็จแล้ว”
นึกแล้วเชียวว่าต้องตอบแบบนี้ คอสทำแก้มพอง ดวงตามองตามมือพี่ เพราะมันปลอดภัยกว่ามองหนังสือเก่าในตู้ หนังสือเก่าที่กำลังซ่อมอยู่บนโต๊ะ เพราะอาจทำให้ต้องมองเห็นสิ่งที่ไม่อยากเห็น และมองตาเขาในเวลานี้ก็ไม่ได้ด้วย เพราะไม่อยากให้เขารู้ว่ากลัว
เออ..ใช่ เขารู้อยู่แล้วแหละว่ากลัวน่ะ
แต่ก็ยังไม่อยากให้รู้ไง ไม่เข้าใจใช่ไหม งั้นผ่านไปแล้วกัน
พอพี่ดื่มน้ำหมดแก้ว คอสก็กลับสับสน ไอ้อยากกลับไปอยู่ที่หน้าร้านเหมือนเดิมก็อยากไป แต่ก็ห่วงที่พี่อยู่ตรงนี้มาตั้งแต่เที่ยง
“วันนี้พี่กินไรยัง”
พี่หัวเราะ เมื่อคอสใช้ภาษาแบบที่พี่เรียกว่าครึ่งคำ
คอสพูดแบบนี้มาตลอด พี่ก็ขำได้ตลอดสิน่า
“ยัง อยากทำให้เสร็จก่อนน่ะ คอสหิวก็ไปกินก่อนเถอะ”
คอสช้อนตามองตาพี่แวบเดียวก็กลับไปมองที่มือสวยเหมือนเดิม “ผมกินเช้าแล้ว สายแล้ว เที่ยงแล้ว ก่อนกลับก็กินแล้ว ไม่หิว แต่อยากกินข้าวกับพี่อะ”
มือใหญ่จะหยิกแก้มพองๆ แต่กับหยุดชะงักเพราะมือยังเลอะน้ำยาที่ใช้ในการซ่อมหนังสือเก่า ยังไม่ทันที่ดวงตาคมจะมองค้อนพี่อีกทีพี่ก็ก้มลงหอมแก้มเสียก่อน
“ลงไปรอได้เลย ขอ 5 นาที”
คอสยิ้มแป้นรีบวิ่งลงมาชั้นล่างเอาแก้วไปล้างแล้วก็เก็บไว้ที่ด้านหลัง แล้วกลับมานั่งถอนหายใจรออยู่ที่หน้าร้าน
5 นาทีของคุณพี่ ไม่ได้ต่างไปจากการที่สาวๆ บอกว่าให้รอ 5 นาทีเลยสักนิด คอสหยิบกระเป๋าเงินแล้วเดินออกไปข้างนอก
เสียงกระดิ่งหน้าร้าน แต่ไม่มีเสียงทักทายจากคอส ทำให้บาลีเงยหน้าขึ้นจากหนังสือเก่าที่กำลังซ่อมอยู่
“....ออกไปซื้อข้าวแล้ว....” ปู่บอก
“ผมไม่ได้ดูเวลาเลย” บาลีจะหันไปซ่อมหนังสือต่อ ปู่ก็เลยบอกต่อ “....ไปกินข้าว ไปเอนหลังสักหน่อยแล้วค่อยมาทำต่อก็ได้...ไปรับมาถึงที่นี่แล้วนี่....”
เงาร่างโปรงใส ด้านข้างของปู่ยังวูบไหว ไม่เห็นรูปร่างที่ชัดเจน แต่ยังพอมองออกว่าเป็นชายในผ้าโจงสีเข้ม
หนังสือโบราณเล่มนี้ อยู่ในสภาพชำรุดเสียหายมากด้วยผ่านทั้งกาลเวลาและการถูกทิ้งขว้างไม่ดูแลรักษา เนื้อกระดาษจึงเปื่อยยุ่ย สันปกเย็บด้วยมือสามารถรื้อออกมาทั้งเล่ม เพื่อซ่อมทีละหน้า ทีละแผ่น อาบน้ำยาแล้วก็ต้องเย็บเล่มกลับเข้าไปใหม่
“....ตอนที่ปู่ยังเป็นนายรักอ่าน ยังไม่รู้จักไอ้น้ำยา ไม่รู้จักเครื่องมือพวกนี้....” นิ้วมือยาวชี้ไปที่อุปกรณ์ที่วางเรียงอย่างเป็นระเบียบบนโต๊ะ “...วิทยาการนี่มันก้าวไปเรื่อยๆ อีกไม่นานคงมีวิธีที่ทำให้หนังสือเก่าดูเหมือนหนังสือใหม่ที่เพิ่งออกมาจากโรงพิมพ์....แต่แบบนั้นเสน่ห์ของหนังสือเก่าก็คงหมดไป....” ปู่พูดอยู่คนเดียวขณะที่บาลีหันไปล้างมือ “...จะไปกินข้าวหรือ...”
“ครับ คอสรออยู่”
เมื่อบาลีลงมา คอสก็กลับเขามาพร้อมกับข้าวผัด ต้มยำ และเบียร์หลายกระป๋อง หนุ่มหน้าใสยิ้มทั้งใบหน้าเมื่อเห็นพี่
“จะกินข้าวที่นี่ หรือกินข้าวที่ห้องข้างบนฮะ”
“ไปข้างบนก็ได้ กินเสร็จจะได้อาบน้ำแล้วลงมาทำงานต่อ”
คอสทำท่าจะหันกลับออกไป แต่ก็เปลี่ยนใจเดินไปปิดไฟหน้าร้าน
“ขึ้นไปพร้อมกันนะฮะ”
มือใหญ่จับศีรษะเล็กๆ “กลัวพี่ไปทำงานต่อละสิ”
“เปล่า” คอสยิ้มแป้น “กลัวพี่ไม่กินข้าวต่างหาก”
เงาร่างวูบไหวจากชั้นลอยเคลื่อนตามลงมาแล้วหยุดอยู่ที่หน้าประตูร้าน ปู่ตามมายืนอยู่ข้างๆ ขณะที่เงาร่างโปร่งใสอีกหลายร่าง ทั้งหญิงและชายปรากฏขึ้นในร้าน
“....ไม่ต้องใจร้อนไป เดี๋ยวก็กลับลงมาซ่อมหนังสือต่อ บาลีมันไม่เคยผิดคำพูดใคร....”
ความตั้งใจของบาลีเป็นอย่างนั้น คือกินข้าวเสร็จ ก็จะไปอาบน้ำ แล้วกลับมาซ่อมหนังสือต่อ แต่บทสนทนาในระหว่างมื้ออาหารกลับเตือนความจำ ว่าเมื่อคืนทิ้งคอสไว้กลางทาง
วันนี้ไม่โดนงอน โดนทิ้งให้อดตายต้องนับว่าโชคดีที่สุดแล้ว
“อาบน้ำพร้อมกันไหม”
“ไม่อะ” คอสทำหน้างอ “ผมรู้นะว่าพี่คิดอะไรอยู่ แต่พี่ไปซ่อมหนังสือให้เสร็จเหอะ”
บาลีได้แต่ส่ายหน้า คว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป กลับออกมาเห็นคอสกำลังวาดภาพอยู่ก็เลยเดินไปหอมแก้มอีกที
คอสเงยหน้าขึ้นมอง “พี่ฮะ”
“อืม”
“เวลาที่พี่ได้ยินเสียงเรียก พี่ต้องไปทันทีเลยหรือฮะ ที่ผ่านมาเวลาที่พี่ได้ยิน พี่ยังรอให้เช้าก่อนหรือเคลียร์งานอะไรก่อนได้ แต่ทำไมเล่มนี้ต้องไปทันที มีอะไรฉุกเฉินขนาดนั้นเลยหรือฮะ”
บาลีตัดคำบรรบายเรื่องความน่ากลัวของเสียงเรียกที่ได้ยินออกไป แล้วบอกว่า “เขากำลังจะรื้อตึกนี้ พี่ต้องแอบเข้าไปเอาหนังสือออกมา”
“แล้วพี่รู้ได้ไง ว่าหนังสืออยู้ในตึกที่กำลังจะรื้อ แล้วทำไมต้องแอบเข้าไป”
“เสียงที่ได้ยิน บอกกับพี่แบบนั้น และที่ต้องแอบเข้าไปก็เพราะมีคนงานอยู่น่ะสิ ก่อนจะรื้อตึกเขาต้องขนของข้างในออกมาทิ้งก่อนใช่ไหม ถ้ารอให้รื้อออกมากอง หรือใส่ถุงดำ เราก็ยิ่งหายากกว่าเดิม”
คอสยังมีคำถาม แต่เพราะคำว่าเราที่อยู่ในประโยคสุดท้าย ทำให้คอสยิ้มได้
เป็นยิ้มสดใสที่บาลีหลงใหลไม่อยากให้จางหายไป
“เหนื่อยหน่อยนะ”
“ผมไม่ได้เหนื่อยอะไร แต่อยากให้พี่พักกินน้ำ กินข้าวบ้าง ซ่อมหนังสือติดต่อกันหลายชั่วโมงแบบนี้.... ไม่ใช่หนุ่มน้อยแล้วนะนายรักอ่าน”
บาลีก้มลงจูบคนยิ้มสดใส จากที่คิดว่าจะเป็นจูบก่อนไปทำงานต่อ แต่กลายเป็นว่าจูบนั้นค่อยเพิ่มความร้อนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ มือใหญ่แทรกผ่านขอบกางเกงยีนแล้วถอดออก
ดวงตากลมที่มองมามีคำถาม ว่าพี่บอกว่า อาบน้ำแล้วจะไปทำงานต่อแล้วทำไมถึงได้......
บาลีจูบที่ไหล่บางเป็นคำตอบ คอสถอนหายใจแผ่วเบา แล้วแปรเปลี่ยนเป็นเสียงครางหวานขยับร่างกายไปตามแต่พี่จะพาไป แผ่นหลังเปลือยสัมผัสที่นอนเมื่อไหร่รู้ รู้แต่ร่างกาย และลมหายใจที่ถูกหลอมละลาย สองแขนเรียวกอดไหล่กว้างไว้แน่น ยามเมื่อพี่สอดแทรกร่างกายเข้าหาแล้วเปลี่ยนเป็นโถมความต้องการเข้าหากันและกัน
คอสหลับไปแล้วแต่บาลีกลับลงมาซ่อมหนังสือต่อ เงาร่างวูบไหวไม่ชัดเจนยังอยู่ใกล้ปู่ คนรูปร่างสูงใหญ่ไม่ได้ทักทาย เพียงแค่เปิดไฟตรงส่วนชั้นลอยที่ซ่อมหนังสือแล้วทำงานต่อ
เช้ามืด รถส่งหนังสือพิมพ์มาส่งของ บาลีถึงได้ละจากงานเพื่อไปส่งหนังสือพิมพ์ตามบ้านก่อน จากนั้นก็กลับมาซ่อมหนังสือต่อ เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งก็เมื่อคอสตะโกนเรียกให้ลงไปกินอาหารเช้า
ใช่ ไอ้คอสตะโกนเรียกพี่บาลี....
ใครจะเดินขึ้นไปตามถึงข้างบนนั่น
กินเสร็จเขาก็กลับไปทำงานต่อ.....
นายรักอ่านไม่ได้ยุ่งหรอก แต่เวลาของเขาหยุดยิ่งอยู่กับที่ และหมุนเดินต่อไปก็ต่อเมื่อคอสเข้ามาหมุนให้มันเดินหน้าต่อ
“เล่มนี้พี่ซ่อมนานจัง” คอสถามขณะที่เทก๋วยเตี๋ยวไก่มื้อเที่ยงวันนี้ให้พี่
“หนังสือเสียหายมาก ต้องค่อยๆ ซ่อมทีละหน้าทีละแผ่น”
“โห....”
หนุ่มน้อยมีสีหน้าอยากรู้เต็มที่ แต่จะเล่าอย่างไรไม่ให้กลัว ต้องเล่าแบบวิทยศาสตร์ ตัดเรื่องอื่นๆ ออกไปให้หมด คอสพยักหน้าหงึกหงักฟังพี่เล่าเรื่องตั้งแต่การเดินทางเพื่อไปเอาหนังสือ จนกระทั่งกลับมา และมาถึงวิธีการซ่อม จนแทบไม่ได้กินก๋วยเตี๋ยวของตนเอง
“ลองหัดซ่อมดูไหม”
สีหน้าของคอสบอกชัดเจนว่า นี่เป็นประโยคสุดท้ายที่ผิดพลาด
“คอส” บาลีดึงมืออีกคนให้เข้ามานั่งตัก “เราต้องหัดซ่อมหนังสือนะ เวลาที่พี่ไม่อยู่...”
คอสหันมากอดเอวหนาไว้ ซุกหน้าลงกับไหล่ “พี่ไม่อยู่ ผมก็ไม่อยู่เหมือนกัน เรื่องอะไรจะทิ้งผมไว้คนเดียวล่ะ”
บาลีก้มลงจูบหน้าผากสวย แต่จากหางตาเห็นเงาร่างวูบไหวที่เริ่มชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิม
จมูกคมก้มลงหาหน้าผากสวยอีกที “พี่ไปซ่อมหนังสือก่อนนะ”
แต่พอกลับขึ้นไปซ่อมหนังสือได้ไม่นานนักคอสก็มาบอกว่า จะออกไปหาเพื่อนแต่จะซื้ออาหารเย็นกลับมาด้วย
“ให้ปิดร้านไหมฮะ”
“ปิดเลยก็ได้”
คอสดูลังเลเมื่อจะออกไปจากร้านแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
คอสไม่ได้ไปไหนไกล เพราะสิ่งที่ต้องทำในวันนี้คือไปซื้อของกับคีย์ มนุษย์ตาโปนลูกน้องของเฮียซาโต้ หนุ่มคนดีทุกอย่าง เว้นแต่ถ้าเจอปัญหาคีย์จะวิ่งหนี แทนที่จะวิ่งสู้ฟัดกับมันสักตั้ง
หลังการเดินห้างจนขาแทบลากเพื่อที่จะหาซื้อเสื้อสักตัวเป็นของขวัญวันเกิดให้เฮีย คอสก็ลากคีย์เดินเข้าร้านกาแฟ
“พี่มีหนังสือเก่ากลับมาซ่อมอยู่ตลอด แต่เล่มนี้กูรู้สึกพิกลว่ะ” คอสบอก
คีย์พยักหน้า รอให้คอสเล่าต่อ
“ก่อนนี้เขาก็จะทำงานรวดแล้วพัก แต่มาคราวนี้เขาทำเหมือนอยากซ่อมให้เสร็จเร็วๆ ดูแปลกๆ”
“แปลกยังไง” อีกคนรบเร้าให้เล่าต่อ
“ไม่รู้ กูบรรยายไม่ถูก” คอสสารภาพ เลยถูกอีกคนผลักหน้าผากจนหน้าหงาย
“สัด ไปหาคำบรรยายมาก่อน แล้วค่อยมาเล่าให้กูฟัง”
“คือปกติเวลาที่ขึ้นไปชั้นลอย กูมักรู้สึกว่ากำลังถูกคนหลายๆ คนมองอยู่ เหมือนเวลาที่เรายืนอยู่หน้าชั้นเรียนแล้วเพื่อนทุกคนมองมาน่ะ แต่คราวนี้มันมากกว่าแค่มอง”
“อ่า..........” คีย์กัดหลอดกาแฟเย็น รู้สึกกลัวตามไปด้วย “อยู่หน้าร้านอย่างเดิม เชื่อกู”
“อ๋อ..เรื่องนี้กูเชื่อมึงแน่นอน แต่เวลาที่กูกลัวมากๆ ทีไร พี่ก็จะไม่สบายใจไปด้วยทุกที เพราะนี่คืองานของเขา”
“นี่ก็งานของมึงเหมือนกัน”
“งานอะไร”
“ทำให้เขามีความสุขไง”
คอสทำหน้าตาพิกล “อย่าบอกนะ.....”
“บอกสิ” คีย์ยิ้มแป้น “เฮียบอกกับกูอย่างนี้แหละ ว่าหน้าที่เพียงอย่างเดียวของกู คือการทำให้เขามีความสุข”
...ไอ้คอสละเซ็งเฮียซาโต้กับคีย์น้อยของร้านหรูคู่นี้จริงๆ ฮะคุณผู้ชม...
คอสกลับมาแล้วก็เลยเปิดร้านในตอนเย็น ลูกค้าเดินตามเข้ามาถามไถ่ ว่าเห็นรถยังอยู่ แล้วทำไมปิดร้าน คอสก็บอกไปว่า นายรักอ่านกำลังซ่อมหนังสืออยู่ ส่วนคอสออกไปข้างนอกก็เลยต้องปิดร้าน
คุณน้าทนายความที่มีสำนักงานอยู่ใกล้กันทักว่า ที่ผ่านมาเวลาซ่อมหนังสือยังเห็นเปิดร้านตอนเที่ยง หรือเย็น แต่คราวนี้ ปิดร้านยาวเลย ท่าทางเจ้าของเขาจะเร่งงานให้เสร็จเร็วๆ
"งั้นมั๊งฮะ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน มีหน้าที่เรียกกินข้าวน่ะฮะ"
คอสหันไปมองที่ชั้นลอย ไม่เห็นพี่จะโผล่หน้าออกมา แต่คิดว่าน่าจะได้ยินบทสนทนาของบรรดาลูกค้าที่แวะเวียนเข้ามาทักทายยามเย็น
ทุ่มหนึ่งคอสก็เรียกพี่ลงมากินข้าว จากนั้นพี่ก็กลับไปทำงานต่อ
แต่ในตอนที่กำลังล้างจานชาม คอสรู้สึกถึงเงาเคลื่อนไหวที่ด้านหลัง
...ไม่ใช่พี่แน่นอน...
กลัวไหม
กลัวสิ
แต่ก็ไม่รู้ว่าอะไรเหมือนกันที่ทำให้พูดออกไป
“คุณอยู่ส่วนคุณ ผมอยู่ส่วนผม ผมไม่ได้อยากทำความรู้จักกับคุณ ต่างคนต่างทำหน้าที่โอเคนะ”
ยังมีเสียงหัวเราะแผ่วเบาจากทางด้านหลัง เสียงหัวเราะที่เคยได้ยินเป็นเสียงของชายชรา ที่พี่บาลีบอกว่าเป็นคูณปู่ นายรักอ่านคนที่หนึ่ง
แต่เสียงที่ได้ยินคราวนี้ต่างออกไป ทำให้คอสคอแข็งหลังตรงทันที
ยังกลัวอยู่นะ แต่ว่า...
“อย่ามายุ่งกับผม ไม่งั้นผมจะฟ้องพี่บาลี อยากรู้ว่าเขาโหดขนาดไหนไปถามปู่ ถามผู้เฒ่าคนอื่นๆได้เลย”
คอสเดินออกมาจากห้องพักด้านหลังของร้านด้วยความรู้สึกเหมือนเป็นผู้ชนะ เมื่อเงยหน้าขึ้นไปที่ชั้นลอย พี่กำลังมองลงมา
“ไง จะฟ้องอะไร”
เออ... ไอ้คำถามแบบนี้แหละที่น่ากลัว ก็เมื่อกี้ขู่ใครสักคนอยู่หลังร้าน พี่ไม่ได้ยินอยู่แล้ว
“ยังไม่ฟ้อง แต่ถ้ามากวนอีกจะฟ้อง”
“อ้อ.....” พี่แกล้งลากเสียงยาว ยิ้มกว้างของพี่ทำให้แทบอยากวิ่งขึ้นไปกอด
“รีบๆ ซ่อมหนังสือเลย วันนี้ไปช็อปกับคีย์ มีจิวใหม่มาด้วยแหละ
พี่ส่งสายตาลามกมาให้ทันที จนคอสชี้บอก “ห้าทุ่มนะฮะ”
“ก็มาเรียกสิ”
“เรียกๆๆๆ เรียกจนคอจะแตกอยู่ทุกวันเหอะ”
พี่หัวเราะร่วนอยู่ที่ชั้นลอย จนคอสต้องชี้บอกให้ไปทำงานต่อ
ห้าทุ่มตรง พี่ก็ก้าวลงมาจากบันได โดยที่คอสไม่ต้องไปเรียก
“ไรเนี่ย”
“ตรงเวลาก็บ่น”
“ไม่ได้บ่น แค่สงสัย” คอสทำปากยื่น
“เค้า.....เตือนน่ะ ว่าห้าทุ่มแล้ว เดี๋ยวมีเด็กโกรธ จะโดนฟ้อง”
คอสหัวเราะคิกคัก จูบที่ปลายคางพี่ แล้วหันไปมองที่ชั้นลอย
...ขอบคุณนะฮะ แบบนี้ค่อยอยู่ด้วยกันได้หน่อย....
..แต่ผมยังไม่อยากทำความรู้จักกับคุณนะฮะ...
....จบตอนพิเศษ...
เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวของเราที่ติดอันดับ มียอดรีพลายมากพอที่จะมีอวาตาร์สวยๆ ติดอยู่หน้าชื่อเรื่อง ทำให้มีเด็กมา "สั่ง" ให้ผมเขียนตอนพิเศษ เอาแบบป่วน และฮา ไม่เอ็ก ไม่เศร้า (ร้ายจริงๆ นะ) หลังจากที่สั่งมาหลายวัน ไม่มีความคืบหน้า เขาก็ขึ้นเรื่องมาให้ก่อนในช่วงแรก จากนั้นก็ส่งให้ผมเขียนต่อ ผมว่า ท่อนที่ ทีเขียนกับที่ผมเขียน จะเห็นชัดเจนมากในเรื่องนี้ แต่ เราเห็นว่าปล่อยให้เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
ขอบคุณมากครับที่คุณรักเรื่องนี้
ขอบคุณครับ
ไจฟ์กับที