My life before I met youเสียงพูดคุยดังปนไปกับเสียงดนตรี หลายๆคนตะโกนใส่กันจนคอแห้งกว่าจะพูดกันรู้เรื่อง แสงไฟวาดผ่านร่างหลายๆคนที่ขยับตัวไปตามเสียงเพลง พนันได้เลยว่าไม่มีใครสนใจเพลงเหล่านั้นหรอก แต่ที่กำลังสนใจอยู่ น่าจะเป็นเอวคอดๆของสาวชุดแดงที่ยืนอยู่ตรงนั้นเสียมากกว่า
ริมฝีปากของเธอดูเย้ายวน ยามที่เธอเม้มปาก หลายๆคนแทบจะหยุดหายใจ
เธอดูดี ภายใต้แสงไฟที่ราวกับจงใจสะท้อนผิวขาวสะอาด อวดความงามที่สาวๆหลายคนต้องอิจฉา พื้นที่แห่งนี้ เพียงไม่นาน ก็กลายเป็นของเธอผู้เดียว
สายตาของเธอ ไม่ได้สนใจสิ่งที่อยู่รอบตัวแม้แต่น้อย แม้มือของเธอจะไล้ไปตามส่วนโค้งเว้าของร่างกายราวกับยั่วยวน ทว่าเธอไม่ได้ทำมันไปให้กับหนุ่มๆรอบกายเธอตอนนี้หรอก
ที่ปลายสายตาสวยดุนั่น เขา…นั่งอยู่ตรงนั้น
เป็นชายหนุ่มที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน ดูหยิ่งยะโสตั้งแต่แรกเห็น ตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาหลายๆคนก็เหมือนตกอยู่ใต้มนต์สะกดของความเย็นชานั่น เขาไม่ได้ปราดตามองใครเลยแม้แต่น้อย ทำเพียงมองตรงไปข้างหน้าแต่ไม่แวะหยุดที่ใคร
นั่งอยู่คนเดียวภายใต้แสงไฟสีนวล ในมุมที่ลึกเข้าไปจากความวุ่นวายตรงนี้
ผิวของเขาขาว แต่ไม่ได้ขาวจัดจนน่าเกลียด คิ้วเข้ม ดวงตาที่อยู่ใต้คิ้วนั่นดูจะเป็นสเน่ห์ดึงดูดมากที่สุดบนใบหน้า รูปร่างเขาสูงราวกับนายแบบ ตอนแรกก็อดคิดไม่ได้ว่าน่าจะเป็นดาราที่ไหน แต่มองอยู่นานไม่คุ้นตา เลยคิดว่าน่าจะเป็นลูกหลานไฮโซเสียมากกว่า
เขาใส่เพียงเสื้อคอกว้างที่เผยให้เห็นไหล่น่ามอง กับกางเกงขาเด็ปที่ทำให้ดูสมส่วนมากขึ้นไปอีก ผมไม่ได้จัดทรงมาเหมือนหลายๆคน แต่ดูเหมือนว่าพระเจ้าก็ไม่ยอมให้ภาพลักษณ์แย่ๆเกิดขึ้นกับเขาเลย เพราะกลับกัน มันยิ่งทำให้เขาดูมีสเน่ห์มากขึ้นไปอีก
เธอลองเดินผ่านเข้าใกล้ๆดูแล้ว สายตานั่นตวัดมามองเพียงชั่วครู่ก่อนจะตวัดกลับไป มันดูเย็นชา น่าท้าทาย..สำหรับเธอแล้วนี่เป็นเรื่องแปลก กลิ่นแห่งความเย้ายวนทำให้เธออยากจะลองเข้าไปหลอมละลายน้ำแข็งนั่นดูซักครั้ง ตอนนี้เธอกำลังรอจังหวะดีๆอยู่
ผ่านไปหลายเพลง เขาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะกระโดดเข้ามาร่วมสนุกด้วยเลย ทำเพียงมอง ไม่รู้ว่ามองอะไร แต่ก็ไม่ได้ดูเหมือนว่ารอใครอยู่
น่าจะถึงเวลาที่เดินเข้าไปได้แล้ว
ค่อนข้างจะมั่นใจว่าเขาต้องเห็นเธอแล้วแน่ อย่างน้อยก็ต้องสะกิดใจในสเน่ห์ที่เปี่ยมล้นของเธอบ้าง
“ขอนั่งด้วยคนได้ไหมคะ?”
พอพูดแบบนั้นไป เขาก็หันขึ้นมามอง เขานั่งหลังตรง บางครั้งเลยรู้สึกเหมือนเป็นคนที่อยู่ในระเบียบกฏเกณฑ์ สร้างความรู้สึกอึดอัดขึ้นมาชั่ววูบหนึ่ง
เขาไม่ตอบ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ทำเพียงเบนสายตาออกจากเธอ
…รู้สึกหน้าเสีย
แต่บุกมาถึงที่แล้วจะให้กลับก็กระไรอยู่ เธอจึงนั่งลงข้างๆ ได้กลิ่นน้ำหอมราคาแพงออกมาจากตัวเขา มันไม่ได้ฉุน แต่กลับให้ความรู้สึกเหมือนสัตว์ป่า ให้ภาพพจน์ของผู้ชายที่ดุดันแต่เปี่ยมล้นไปด้วยสเน่ห์ มันจึงกลายเป็นอีกสิ่งที่เธอประทับใจเขาแทบจะทันที
เขาเอื้อมแขนไปที่โต๊ะแก้วข้างหน้า รินเหล้าอีกแก้วนึงขึ้นมา ก่อนจะยกให้เธอ ทำให้หญิงสาวลอบถอนหายใจออกมา นึกว่าจะโดนเมินใส่เสียแล้ว ยังดีที่มีปฏิกริยาตอบกลับ
“มาเที่ยวที่นี่บ่อยไหมคะ?”
“นี่ครั้งแรก”
ดูเหมือนจะเป็นคนที่ไม่ค่อยพูดนัก ไม่สิ น่าจะรู้สึกแบบนั้นตั้งแต่แรกเห็นแล้ว เสียงของเขาทุ้มต่ำ ไม่แสดงออกซึ่งความรู้สึกได้ๆ ดูลึกลับ ในความลึกลับนั้นรู้สึกได้ถึงความรำคาญ ซึ่งนั้นเป็นสัญญาณที่ไม่ดีเลย
“ฉันชื่อเบลล์ แล้วคุณหล่ะคะ?”
“หมอก”
ใครกันนะที่ตั้งชื่อนี้ให้กับเขา
คำสั้นๆที่อธิบายตัวตนของเขาออกมาได้หมด
หมอก..
เลือนลาง ลึกลับ บางครั้งคนเราก็เห็นว่าทางข้างหน้ามีหมอกหนา มองไม่เห็นอะไรชัดเจน โดยที่ไม่รู้ว่าข้างหน้าเป็นหุบเขาหรือทางเดิน แต่ก็รู้สึกเหมือนมีบางอย่างดึงมือให้เดินเข้าไปในทางอันแสนหนาวเหน็บและอันตรายนั่น
การชวนคุยเป็นเรื่องลำบากสำหรับเธอ เพราะอีกฝ่ายนั้นถามคำตอบคำ บางครั้งก็ไม่ตอบ นิ่งเงียบไป ทำให้รู้สึกหงุดหงิด แต่ก็ต้องใจเย็น เวลายังเหลืออยู่
แต่กลับเป็นอีกฝ่าย ที่ลากเธอไปเอง
เขาไม่พูดอะไร ทำเพียงวางแก้ว พูดสั้นๆ “ตามมา” เขาหยิบแบงค์ออกมาจากกระเป๋าโดยไม่ได้นับด้วยซ้ำว่าหยิบออกมาเท่าไหร่แล้ววางลงบนเคาน์เตอร์ เดินออกมาจากผับท่ามกลางความงุนงง รู้สึกได้ว่าหัวใจเต้นแรง
แผ่นหลังของเขากว้าง มีกล้ามเนื้อที่เสริมให้ยิ่งน่าหลงใหล อยากจะเอื้อมมือไปจับ แต่คิดว่าอีกไม่นานก็ได้เห็นสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจกว่านี้แล้ว จะอดทนไม่สนอาหารเรียกน้ำย่อยแล้วไปกินมื้อหลักแทนเลยดีกว่า
รถบีเอ็มสีดำสนิทจอดรอเขาอยู่ที่ตรงนั้น…
ก้าวขาขึ้นรถนั่นไปโดยไม่ได้ลังเลใจ…..
……………………………………..
…………………………..
ตื่นขึ้นมาในคอนโดหรูกลางเมือง ราคาประเมินอย่างต่ำสองล้านน่าจะไม่พอ
มองไปข้างๆ เขาหายไปแล้ว ทั้งๆที่ผ่านค่ำคืนอันแสนร้อนแรงแบบนั้นมาด้วยกันแท้ๆ ช่างเป็นคนที่ใจร้ายจริงๆ ปกติแล้วมีแต่คนไม่ยอมปล่อยตัวเธอกลับบ้านไปด้วยซ้ำ แต่คนนี้ดูจะต่างออกไป
ลุกขึ้นคว้าเสื้อเชิ้ตของเขาที่แขวนไว้กับเก้าอี้ขึ้นมาใส่ มันยาวจนไม่ต้องใส่กางเกงอีกชั้น เดินมองไปรอบๆ ในห้องนี้ไม่มีอะไรที่บ่งบอกว่าเป็นที่อยู่ของเขาเลย ไม่มีกรอบรูป ประกาศณียบัตร หรืออะไรก็ตามที่แสดงออกถึงความคิดของเขา มีเพียงเฟอร์นิเจอร์เรียบๆที่ดูหรู เน้นการใช้สอยเสียมากกว่าตบแต่งให้ดูดี
เสียงน้ำในห้องน้ำเงียบลง เขาเดินออกมา คาดผ้าขนหนูไว้รอบเอว เธออดมองผิวกายของเขาที่ยังมีน้ำเกาะอยู่ประปรายไม่ได้
พอเขาเห็นเธอเท่านั้นแหละ ก็เหมือนเครื่องทำความเย็นเริ่มทำงานอีกครั้ง
“จะกลับเมื่อไหร่?”
“ไล่กันเลยหรอคะ?”
“เปล่า แค่ถาม”
เขาเดินตัดผ่านหน้าเธอเหมือนเธอเป็นเพียงแค่อากาศในห้อง เปลี่ยนเสื้อโดยไม่สนใจว่ายังมีอีกคนยืนมองอยู่ไม่กระพริบตา
“พี่อยากได้เบอร์ฉันไหม?”
“แล้วแต่”
พอเข้าไปกอดที่เอว เขาก็ยืนนิ่ง “เขยิบออกไปหน่อย จะใส่เสื้อ”
ตั้งแต่แรกที่เห็น ก็รู้ว่าถ้ามาเกี่ยวข้องด้วยก็คงเป็นได้แค่คืนๆเดียว
ทว่าในใจลึกๆ กลับอยากได้มากกว่านั้น ไม่รู้ว่าทำไมชายหนุ่มคนนี้ถึงมีเสน่ห์มากเสียจนแม้แต่เธอยังรับมือไม่ได้ รู้สึกได้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ส่วนหนึ่งของใจเธอ มีเขาอยู่ในนั้นแล้วเรียบร้อยโดยไม่รู้ตัว
ไม่ใช่เพียงรูปร่างหน้าตา…
แต่ทั้งหมดนั้น มันเหมือนพระเจ้ามอบความรักให้แก่เขาทั้งหมด ไม่ได้สร้างข้อเสียให้กับเขามาเลย
“บ้านอยู่ไหน ต้องให้ไปส่งไหม?”
พอบอกที่อยู่เขาไป เขาก็เดินออกไปนอกระเบียง โทรศัพท์ ซักพักก็เดินกลับเข้ามา
“อีกสิบนาทีจะมีรถมารอรับอยู่ข้างล่าง รีบๆอาบน้ำซะ”
“พี่ไม่ได้จะไปส่งฉันหรอ”
เขามองหน้าเธอ ไม่ได้ตอบอะไร
“เย็นชาจังนะ”
มีเพียงความเงียบที่ตอบกลับมา
เขาใส่เสื้อนักศึกษา มหาลัยชื่อดัง เรียนเก่งด้วยหรือ? อะไรจะครบสูตรขนาดนั้น ยิ่งเห็นก็ยิ่งหาข้ออ้างมาให้กับตัวเองไม่ได้สักที ว่าอะไรกันที่จะทำให้รักเขาไม่ลง
“ฉันจะทิ้งเบอร์ไว้ พี่ก็อย่าลืมโทรกลับมาหาหล่ะ?”
“ถ้าจะโทรก็โทรมาเอง…ไม่โทรไปหาหรอกนะ”
เหมือนฉีกหน้ากันตรงๆ
แม้แต่เบอร์ยังไม่อยากได้
ไม่สิ แม้แต่ชื่อ เขายังไม่ถามด้วยซ้ำ
ได้แต่หยิบมือถือของเขาขึ้นมา เมมเบอร์ตัวเองลงไปพร้อมชื่อที่เขาไม่รู้ มองดูรายชื่อในมือถือเขาแล้ว รู้สึกได้ว่าหลายคนเคยทำแบบนี้มาก่อน นั่งที่เดียวกันนี้ เมมชื่อและเบอร์ของตัวเองลงไป โดยที่รู้ว่า เขาจะไม่โทรกลับ
ฟังดูโหดร้าย แต่นี่แหละ..ชีวิต
มันไม่มีรักจริงที่จะพบเจอกันได้ง่ายๆอย่างนั้นหรอก ที่ท่องเที่ยวยามค่ำคืนแบบนั้น ทุกคนก็รู้จุดประสงค์ดีอยู่แล้วว่าจะไปรวมตัวกันเพื่ออะไร
ทว่าก็ยังหวัง…
หวังว่าเขาจะหันกลับมามองบ้าง อย่างน้อย แค่จ้องมองชื่อในมือถือแล้วนึกหน้าเธอออกแค่นั้น ก็เป็นเรื่องที่สุดจะบรรยายแล้ว
แต่เขาก็ไม่ได้หันกลับมามอง
จวบจนกระทั่งประตูถูกปิดลง เขาก็ยังนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวนั้น ไม่มีแม้แต่คำบอกลา
หรือว่าเขาจะไร้หัวใจ...อดที่จะคิดไม่ได้ระหว่างยืนรอรถมารับ เฝ้าแต่รอว่าเมื่อไหร่เขาจะโทรมาหา ไม่สิ ต้องบอกว่าเฝ้ารอว่าเมื่อไหร่ เธอจะมีความกล้ามากพอที่จะโทรหาเขา เพื่อจะกลับมาเจอเรื่องน่าเจ็บปวดแบบนี้อีก….
…………………………………….
……………………………..
[My life before I met you]
[20.12.54]
ต้องขอโทษด้วยที่เข็นตอนเต็มๆมาให้ไม่ได้ ยังต้องอ่านหนังสืออีกซะบึ่มระฮึ่มเลยคัฟ เข็นตอนสั้นๆมาให้อ่านกัน
แต่ป๋มไม่ได้เครียดน๊า สอบๆชิวๆ ผลลัพธ์ค่อยว่ากันอีกที แต่ก็ทำให้ดีที่สุด

ยิปปี้
ซียูซูนนนนน...
