วันนี้งานไม่เข้า โพสได้ยาวๆ ส่วนตัวของผู้เขียน ชอบตอนนี้มากเลย ---------------------------------------------------------
...วันนี้ ทั้งวัน ส้มชวนผมคุยแล้วก็ถ่ายรูปผมไปซะหลายรูป ยังชวนผมไปกินข้าวด้วย แต่ผมก็อยากจะรู้จักเพื่อนคนอื่นในห้องบ้างนะครับ ไม่ใช่รู้จักแต่ส้มเพียงคนเดียว ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเด็กเก่าจาก ม.ต้นกัน มีเด็กใหม่ไม่ถึงครึ่ง กลุ่มเพื่อนจึงเป็นกลุ่มๆ เห็นได้ชัด ยกเว้นผมนี่แหละ
“นายชื่อไรอ่ะ ผู้หญิงหรือผู้ชายกันเนี่ย” ผมเงยหน้ามองผู้ชายที่ยืนค้ำหัวผมอยู่ ผิวคล้ำ จมูกโด่งๆ ตาคมๆ คิ้วเข้มๆ มองผมแบบต้องการคำตอบ ผมอ่านจากหน้าอกเสื้อ “ปกรณ์ สินวัฒนา” ผมเอ่ยขึ้นเบาๆ แต่ก็ไม่ได้ตอบคำถามอะไรเค้าหรอกนะครับ
“ว่าไงเนี่ย ชื่ออะไร ผู้หญิงหรือผู้ชาย” ยังครับ ยังถามผมไม่เลิก แล้วยังจะทำหน้ากวนส้นอีก
“แต่งตัวแบบนี้ต้องบอกด้วยเหรอว่าผู้ชายหรือผู้หญิง ไม่มีตาหรือไง” ถามกวนมา ผมก็ตอบกวนไปล่ะครับ
“ดุด้วยเว้ย..ฮ่าๆ เราชื่อ สปา และโน่นกลุ่มเพื่อนเรา” มันหันหน้าไปทางกลุ่มเพื่อนที่จับคุยกันอยู่ 4-5 คน และกำลังหันมาทางผมพอดี
“แล้วยังไงอ่ะ” ผมก็ตอบมันไปแบบไม่เข้าใจ มันจะมาชวนผมคุย หรือต้องการบอกว่านี่ถิ่นมัน งั้นเหรอ
“ก็ไม่ยังไง เพื่อนเราอ่ะ เค้าชอบนาย เค้าบอกนายน่ารักดี”
“ชอบเราทำไม เราเป็นผู้ชาย”
“ก็เพื่อนเรามันชอบผู้ชายนี่ แต่เราไม่เกี่ยวนะ เราเลยมาถามชื่อนายให้มันอ่ะ มันชื่อ ไอ้หมู ไอ้คนอ้วนๆ อ่ะ” มันชี้มือไปที่กลุ่มเพื่อนมัน คนที่ตัวอ้วนที่สุดในกลุ่ม แล้วตอนนี้ก็กำลังจ้องผมเขม็ง เมื่อมันเรียกให้คนที่ชื่อหมูเดินมาใกล้ๆ โต๊ะผม มันก็หันไปพูดกับเพื่อนมัน
“กูเกริ่นให้แล้วนะไอ้หมู ที่เหลือมึงจีบเอาเอง” แล้วมันก็เดินกลับไปที่กลุ่มของมัน
“นายชื่อหมูเหรอ” ผมเงยหน้ามองและพูดกับผู้ชายตัวอ้วนๆ ที่ยืนอยู่ใกล้โตะผมก่อน
“เปล่าๆ เราชื่อหนู ไอ้พวกนี้มันชอบเรียกเราว่าหมู เราไม่ได้คิดอะไรกับนายหรอกนะ เราแค่คุยเล่นๆ ว่านายน่ารักดี แต่อยู่ๆ ไอ้ปามันก็ลุกขึ้นมาหานายเฉยเลย เราขอโทษแทนเพื่อนเราด้วยนะ แต่เราก็อยากรู้จักนายนะ นายชื่อไรอ่ะ “
“เราชื่อดิน ดิน พสุธา” เอาอีกแล้ว บอกชื่อจริงไปอีกแล้ว ทำไมผมต้องบอกชื่อจริงด้วยล่ะเนี่ย
“ชื่อนายเพราะดีนะ เราชื่อหนู คนเมื่อกี้ชื่อสปา ส่วนอีก 3 คนที่เหลือนั่นก็มี หนึ่ง ฝน แล้วก็จั้มพ์”
“อืม ยินดีที่รู้จัก”
นั่นเป็นบทสนทนาแรกระหว่างผมกับเพื่อนใหม่ในห้อง ในชั่วโมงเรียนวันนี้ผมรุ้สึกเหมือนโดนจ้องมองเกือบตลอดเวลา ไม่ใช่จากส้มจิ๊ดที่นั่งอยู่ข้างๆ ผม ไม่ใช่จากเพื่อนใหม่ชื่อหนูหรือหมูที่บอกว่าชอบผม แต่ผมว่าสายตาที่มองผมมันมาจาก ไอ้สปา....
ตอนนี้ผมอยู่ที่ศาลาที่เดิมที่นัดกับพี่ไม้ไว้ครับ ผมนั่งคอยอีกแล้ว ผมก็หวังว่าวันนี้จะไม่ต้องรอนานเหมือนเมื่อวาน
“ป่ะ กินไหนกันดี” เฮ้ย อยู่ๆ ก็มาด้านหลัง(อีกแล้วฉ ตกใจนะครับพี่ ชอบมาให้ตกใจอยู่เรื่อย พี่เค้าหายตัวได้หรือไง
“กินอะไรก็ได้ครับ ได้หมด” ของฟรี ผมไม่เลือก ผมกินง่ายอยู่แล้ว แต่ไม่ใจง่ายนะครับ
“ร้านอร่อยไปไกลนะ ไปได้ป่าว ต้องโทรบอกแม่อีกมั๊ย”
“อ้อ ผมบอกแม่ไว้เรียบร้อยแล้วครับ”
“ป่ะ งั้นไปกันเลย ไปรถพี่” เหมือนรู้สึกจะไปเดทเลยนะครับ ผมตื่นเต้น ใจเต้น พี่ไม้จะรู้มั๊ยว่าผมดีใจและตื่นเต้นแค่ไหนอ่ะแต่พี่เค้าบอกว่า ไปรถพี่เค้าเหรอ
“หือ รถ?”
“ใช่ รถพี่เอง จอดอยู่ใกล้โรงเรียนนี่แหละ ป่ะ” รถไรหว่า ผมเดินตามหลังพี่ไม้มาถึงที่จอดรถข้างๆ โรงเรียน พี่ไม้กดรีโมทเปิดประตูรถเก๋ง สีดำ แนวสปอร์ต สวยมากครับ แต่พี่เค้ามีใบขับขี่แล้วเหรอ แล้ว....
“ทำไมไม่ขึ้นรถอ่ะ หรือว่าให้พี่เปิดประตูให้”
“ปะ ป่าว ครับ พี่เอารถมาโรงเรียนทุกวันเลยเหรอครับ”
“บางวันน่ะ วันไหนจะใช้ก็เอามา ส่วนใหญ่พ่อมาส่ง ก็บ้านพี่อยู่ไกลจากโรงเรียนมากนี่นา จะให้นั่งรถหลายต่อ ก็คงไม่ไหว”
“ว่าแต่พี่ขับมานานหรือยัง ?” สีหน้าผมคงแสดงออกว่าผมกังวลนิดหน่อยน่ะครับ เท่าที่ผมรู้เนี่ย ขับรถยนต์มันต้องมีใบขับขี่ แล้วก็ต้องมีอายุ 18 ปี ไม่ใช่เหรอ
“ทำไม กลัวเหรอ แล้วนี่จะไม่ขึ้นรถใช่ป่ะ”
“อ้อ ไปครับไป”
เข้า มานั่งข้างๆ คนขับแบบนี้ รู้สึกดีนะครับ เหมือนเป็นตุ๊กตา(เสียกบาล)หน้ารถเลย ในรถก็แต่งแบบเรียบๆ มีตุ๊กตาตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งห้อยอยู่ที่กระจกมองหลัง น่ารักมากครับ เป็นตุ๊กตากระต่ายสีชมพู (แอบหวานไปหรือเปล่า ดูเหมือนรถผู้หญิงไงไม่รู้) ผมก็นั่งตัวเกร็งตลอดทางอ่ะครับ แอบคิดเสียดายในใจ น่าจะโทรไปหาไอ้เกมส์ ถามเรื่องพี่ไม้ก่อน ว่ารู้ข่าวเรื่องที่พี่ไม้มาเรียนที่โรงเรียนผมได้ยังไง แล้วอีกอย่าง ทำไมต้องมาเรียนโรงเรียนที่ไกลบ้านขนาดนี้ โรงเรียนอื่นก็มีตั้งเยอะแยะ แล้วทำไม...
“นี่ เป็นไร” เสียงเรียกพี่ไม้ ทำเอาผมหลุดออกจากภวังค์
“พี่เห็นเรานั่งเงียบมาตั้งนานแล้วนะ เป็นไรหรือเปล่า มีอะไรถามพี่มาตรงๆ ก็ได้นะ”
“ถามอะไรเหรอครับ”
“แล้วเราอยากรู้เรื่องอะไรล่ะ อยากรู้อะไร ก็ถามสิ”
“ผมว่า พี่คงพอจะรู้ว่าผมอยากรู้เรื่องอะไร เว้นซะแต่ว่าพี่จะบอกผมหรือเปล่า” ผมคิดแบบนี้จริงๆ นะครับ ผมว่าพี่เค้าน่าจะเดาได้ว่าผมสงสัยเรื่องพี่เค้าที่ย้ายโรงเรียนมา
“ดินนี่แปลกดีนะ”
“แปลกเหรอครับ ยังไง”
“ไม่รู้สิ แต่พี่ว่าไม่เหมือนคนอื่นน่ะ” พี่ไม้หันมาพูดกับผม ยิ้มมุมปาก แล้วก็หันไปขับรถต่อ โดยไม่พูดอะไรกับผมอีก
ตัวผมเองก็ไม่รู้จะเริ่มถามพี่ไม้ยังไง เอาเข้าจริงมันก็ไม่ค่อยจะกล้าถามอะไรพี่เค้าหรอกนะครับ แค่สบตาพี่ไม้ ผมก็หวั่นๆแล้ว เอาเป็นว่า ถึงร้านอาหารค่อยกินไป ถามไปละกัน
“ถึงแล้วครับ ร้านโปรดพี่ ป่ะ”
“ร้านสวยดีนะครับ” ผมกำลังจะเปิดประตูก้าวออกจากรถ พี่ไม้ก็เรียกซะก่อน
“ ดิน! พี่ขอเปลี่ยนเสื้อแป๊บนึง ดินเดินเข้าร้านไปก่อนนะ บอกชื่อพี่ได้เลย พี่จองไว้แล้ว หรือจะไปพร้อมพี่ก็ได้ แต่ขอพี่เปลี่ยนเสื้อก่อนนะ ”
“งั้น ผมรอข้างนอกรถนะครับ”
“ฮ่าๆ รอในรถพี่ก็ไม่ว่าอะไรนะ” ผมยังไม่ทันจะออกจากรถเลย พี่เค้าก็ถอดเสื้อนักเรียนออก แล้วก็คว้าถุงกระดาษที่เบาะหลัง หยิบเสื้อยืดสีเทามาสวมทันที ผมเผลอมองแผงอกและหน้าท้องของพี่ไม้ด้วย ผมรู้สึกเหมือนโดนยาชา มันอึ้ง กระดิกตัวไม่ได้ทั้งตัว ไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นของผู้ชายนะครับ ผมเองก็ผู้ชาย ของไอ้เกมส์ก็เห็นบ่อย แต่ไม่เห็นจะตื่นเต้นแบบนี้นี่นา
“ดิน ไม่ลงหรือไง”
“อ้อ ครับๆ ลงครับ” ผมอายแทบจะแทรกแผ่นดินหนี ก็เล่นจ้องพี่ไม้จนพี่เค้าต้องเรียกถึงจะรู้สึกตัว
ลงจากรถพี่ไม้ก็ปรี่เข้าไปที่โต๊ะเกือบในสุด ท่าทางเหมือนมาบ่อย รู้จักกับพนักงานแทบทุกคน ป็น ร้านอาหารที่ตกแต่งได้เรียบๆ แต่ดูเก๋มาก มีภาพวาดประดับไว้เต็มไปหมด แต่ละภาพที่ผมสังเกตก็น่าจะเป็นผีมือคนๆ เดียวกัน เป็นภาพวิวบ้าง ภาพคนบ้าง บรรยากาศในร้านก็ดีมาก มีไฟดวงเล็กๆ ติดตรงผนังตามโต๊ะที่นั่ง ทุกโต๊ะก็จะมีเทียนหอมตั้งอยู่ที่กลางโต๊ะด้วย กลิ่มหอมดีจริงๆ ผมฝันไปหรือเปล่าเนี่ย ลูกค้าในร้านส่วนใหญ่ก็จะมาเป็นคู่ๆ ชายหญิง ผมแอบยิ้มนิดๆ ที่พี่ไม้พามาร้านแบบนี้
“ให้พี่สั่งให้มั๊ย”
“อืม ได้ครับ ผมกินได้หมด”
“ขอเหมือนเดิม 2 นะ น้ำล่ะ” พี่ไม้หันไปบอกพนักงาน และก็หันมาถามผม
“น้ำเปล่าก็ได้ครับ”
“โกโก้เย็น 2” อ้าว แล้วพี่จะถามผมทำไมหรือครับ ผมก็ได้แต่ยิ้มล่ะครับ พยักหน้ารับทราบนิดหน่อย พี่ไม้ก็เป็นพวกใช้อำนาจนิดๆ เหมือนกันแฮะ
“ท่าทางพี่ไม้จะมาบ่อยนะครับ”
“อืม บ่อย ถ้าไม่รู้จะไปกินที่ไหน ก็มาที่นี่ทุกที บรรยากาศดีน่ะ พี่ชอบ”
“มากับสาวๆ ล่ะสิครับ” ไม่รู้อะไรดลใจ ผมปากไวไปจริงๆ ก็ไม่รู้จะถามอะไรนี่นา
“....”
“……” บรรยากาศเงียบแบบนี้ ถึงผมจะรู้สึกว่าผมมาเดทกับพี่เค้า แต่มันรู้สึกอึดอัดชอบกล ผมก็ไม่ใช่คนคุยเก่ง แล้วพี่ไม้ก็ดูเงียบๆ ผมจะถามตรงๆไปเลยดีหรือเปล่านะ
“ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ ทีมคงไม่แพ้หรอก” อยู่ๆ พี่ไม้ก็พูดขึ้นมา ผมมองหน้าพี่ไม้ และกำลังจะถามในสิ่งที่อยากรู้
“พี่น่าจะเชื่อโค้ช น่าจะฟังโค้ช ไม่น่ามั่นใจเกินไป ไม่น่าฝืนตัวเอง ไม่น่าทำอะไรที่ไม่สมควรจะทำ” เสียงพี่ไม้ฟังดูเศร้าลง พูดเหมือนปรับทุกข์กับผม แต่สายตากลับมองออกไปนอกร้าน เหมือนกำลังคิดถึงเรื่องในอดีตที่ตัวเองกำลังพูดถึง ผมเพิ่งเห็นสีหน้าเวลาที่พี่ไม้รู้สึกกังวัล
“ถ้าพี่ย้อนเวลากลับไปได้ พี่คงไม่ดึงดัน ยอมฟังคนอื่นบ้าง”
“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ เล่าให้ผมฟังได้มั๊ย” พี่ไม้ถอนหายใจแล้วก็พูดเสียงเรียบๆ กับผม
“.....ก่อนแข่งรอบชิงอ่ะ พี่ปวดข้อเท้ามาก หมอสนามบอกว่าเอ็นข้อเท้าอาจจะฉีก ให้หยุดเล่น แต่พี่ก็ไม่ฟัง พี่บอกโค้ชว่าพี่ไหว พี่ทะเลาะกับโค้ช และบอกโค้ชให้เปลี่ยนแผนการเล่น พี่อยากชนะ ตอนนั้นพี่อยากได้ชัยนะ มากกว่าสิ่งอื่นใด ทั้งที่พี่เองอาการไม่ดี พี่คิดว่าถ้าฉีดสเปรย์ระงับปวดแล้วคงไม่เป็นไรมาก หมอสนามอาจจะวินิจฉัยผิด พี่บอกตัวเองว่าพี่ไหว พี่ยังไหว แต่อาการก็แย่ลง พี่ล้มลงในสนาม เจ็บข้อเท้ามาก....พี่ว่าที่ทีมแพ้ เพราะความดื้อดึงของพี่”
“.......” ผมอึ้งนิดหน่อยครับ เท่าที่ผมจำได้เนี่ย พี่ไม้เล่นบอลเก่งมาก และโดยนิสัย ก็ไม่ใช่คนที่อยากเอาชนะ(ขนาดนี้)
“สุดท้าย ทีมโรงเรียนแพ้ พี่ต้องเข้ารับการผ่าตัด และพักฟื้นอยู่ 2 เดือน หมอบอกว่าพี่คงเล่นบอลไม่ได้อีกแล้ว......... พี่คงไม่มีหน้าจะอยู่ที่โรงเรียนต่อไป พี่ก็เลยลาออกจากโรงเรียน แล้วก็มาเรียนที่นี่แหละ” ถึงตอนนี้ พี่ไม้หันหน้ากลับมาพูดต่อหน้าผม และยิ้มยกมุมปากเหมือนทุกที
“แล้วทำไมถึง...”
“ทำไมถึงเลือกที่จะมาเรียนที่นี่อ่ะเหรอ” ถูกต้องครับพี่ บอกมาซะทีสิครับ
“ครับ มันคนละทางกับบ้านพี่เลยนี่นา แล้วผมก็ไม่เห็นว่าจะมีเหตุผลอะไรที่พี่จะเลือกที่นี่เลย ”
“...........คือ” บริกรยกอาหารและเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ (มาตอนนี้ทำไมครับ) เหมือนเป็นการตัดบทการสนทนาระหว่างผมกับพี่ไม้ มันจะพอดีอะไรอย่างนี้
“น่ากินหรือเปล่า กินเลยๆ กินเยอะๆ”
“ครับ” ผมไม่ได้สนใจจานสปาเก็ตตี้ตรงหน้าสักเท่าไหร่ สิ่งที่ผมอยากรู้และสนใจคือคำตอบจากพี่ไม้มากกว่า แต่ในระหว่างทานอาหาร พี่ไม้ก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องที่ยังค้างคาคำตอบ กลับพูดถึงการเปิดเทอมวันแรกที่โรงเรียนใหม่มากกว่า ผมเองก็ไม่อยากจะกลับไปถามคำถามนั้นอีก ผมเชื่อว่าสักวัน พี่ไม้จะต้องบอกผมแน่ๆ
“ดิน ตอนปิดเทอมไปเที่ยวไหนมาเหรอ เล่าให้ฟังบ้างสิ”
“ไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลยครับ ไปอยู่ป่า เพิ่งกลับมาก่อนเปิดเทอมวันเดียวเองครับ หะหะ”
“เหรอ ถึงว่าสิ”
“ถึงว่าอะไรครับ”
‘ชอบก็จีบเลย ชอบก็จีบเลยเช่ ชูวับ ชูวับ’ ให้ตายเหอะ เสียงนี้มาขัดจังหวะผมอีกแล้ว นี่ก็เป็นกรณีตัวอย่างนึงครับที่ผมไม่เคยคิดว่ามันเป็นข้อดีของการมีโทรศัพท์มือถือเลย
“ครับ ออกมาแล้วครับ ครับ ประมาณครึ่งชั่วโมงครับ ได้ครับ สวัสดีครับ”
“ดิน พอดีพี่ต้องกลับบ้านด่วน เอาไงดี”
“ผมกลับเองได้ครับ ไม่ต้องห่วง”
“พี่ว่าพี่ไปส่งดินก่อนดีกว่านะ”
“ไม่เป็นไรจริงๆครับพี่ ผมนั่งรถกลับได้ครับ ไม่ไกลเท่าไหร่เลย”
“เอางั้นนะ ไว้พี่จะโทรหาแล้วกัน” ห๊า พี่จะโทรหาผมได้ยังไง เบอร์บ้านผม ผมยังไม่ได้ให้พี่เลยนะครับ
“พี่ไปก่อนนะ” พี่ไม้รีบควักเงินมาวางแล้วก็รีบร้อนออกไป ผมยังนั่งงงอยู่ที่โต๊ะ แล้วก็นั่งทวนคำพูดของพี่ไม้อีกครั้ง โทรหางั้นเหรอ ....
หลังจากดินเนอร์(ผมคิดเอาเอง) หมาดๆ ผมเดินเข้าซอยด้วยคำถามในใจมาตลอดทาง ไม่ลืมแวะซื้อหมูปิ้งให้น้องสาวตัวดีของผม
“แม่ครับ ผมกลับมาแล้ว”
“ดิน กินข้าวมาแล้วใช่มั๊ยลูก” ห่วงเรื่องปากท้องอย่างเดียวล่ะครับ แม่ผม น่ารักที่สุด
“ครับแม่ น้องล่ะครับ ”
“เข้าห้องไปแล้ว เห็นบ่นๆ ว่าหิว อยากกินหมูปิ้งเต็มแก่ หึหึ .... ออ....เกมส์เค้ามาคอยตั้งแต่เย็นเล้ว อยู่ในห้องลูกแน่ะ ” หือ ไอ้เกมส์มา ผมรีบวิ่งขึ้นไปชั้นบน เคาะประตูห้องทราย และแขวนหมูปิ้งไว้ที่ลูกปิดประตู และรีบเปิดประตูห้องนอนตัวเอง เปิด ประตูเข้าไป หลับครับ นี่มันคอยผมจนหลับเลยเหรอนี่ เออ เปรมปรี ศรีสุขจริงนะมึง ทั้งขนมนมเนย กินไม่ยั้ง ยังมาหลับคาห้องกูอีก เขี่ยมันหน่อยครับ ไม่เจอกันนาน
“เฮ้ย ตื่นๆ ไอ้เกมส์ ไอ้เชี่ยเกมส์ ตื่นเว้ย” เขี่ยมันกับเท้าสิครับ ไอ้นี่มุขนี้ตลอด มาบ้านผมทีไร กินไม่ยั้ง นอนไม่หยุด ทั้งขนม นมเนย นี่มันกะจะกินให้ร้านผมเจ๊งเลยเหรอเนี่ย แม่ผมใจดี ขนของมาให้มันกินอีกสิท่า
“ฮ๊าววววว มาแล้วเหรอมึง กว่าจะมาได้” หาวและบิดขี้เกียจได้อุบาทว์มากนะไอ้เกมส์
“ไงมึง ไม่เจอกันนาน คิดถึงกูล่ะสิ มาหาถึงบ้านเลยเนี่ย”
“ก็กูไม่รู้จะติดต่อมึงยังไงนี่ ผ่านมาแถวนี้พอดี ก็เลยแวะมาหา ไม่ได้โทรเข้ามาก่อนหรอก พอดีแม่ชวนกินข้าว เลยฟาดข้าวกับขนมแล้วก็นมอีกนิดหน่อย แล้วก็...”
“พอเลย แล้วมึงก็มาหลับอยู่ห้องกู เออ เจริญ มึงมีอะไรหรือเปล่า”
“กูคิดถึงมึงนี่นา แล้วมึงไปไหนมา แม่บอกมีนัดกินข้าวกับเพื่อน โห ไรวะ ไปเรียนไม่กี่วัน มีสาวกินข้าวด้วยแล้วเหรอ”
“ไม่ใช่สาวเว้ย”
“เฮย อย่าบอกนะว่า”
“ว่าอะไร”
“มึงไปกับผู้ชายยยยยย”
“เออ ไปกับเพื่อนเว้ย ไม่ได้มีอะไร”
“กูก็ยังไม่ได้ว่าอะไร ร้อนตัวแบบนี้ น่าสงสัยว่ะ แล้วมึงเจอพี่ต้นไม้ของมึงยัง” ยิ้มเจ้าเล่ห์นัก ไอ้เกมส์
“เค้าไม่ใช่ของกูซักหน่อย”
“เออ นั่นแหละ เจอกันยัง ได้ข่าวว่ามาเรียนที่เดียวกะมึง แล้วเจอกันยังวะ”
“อือ เจอ” ผมพูดกับมันไปก็เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเตรียมจะอาบน้ำแหละครับ มันก็เดินตามผมต้อยๆ ผมหยุดมันก็หยุด ผมเดิน มันก็เดิน
“ห๊ะ จริงดิ เจอกันแล้วเหรอ กูว่าแล้วเชียว”
“เป็นไรของมึงเนี่ย แม่งเดินตามกูอยู่ได้ นั่งก็ได้ กูไม่ว่า ”
“เปล๊า กูแค่ตื่นเต้น ว่าจะมาบอกข่าวพี่ไม้มึงนี่แหละ แต่ถ้าได้เจอกันแล้ว งั้นกูคงไม่ต้องบอกแระ”
“มึงมีไรก็พูดมาดิ กูเจอพี่เค้าแล้วไง ไม่ได้คุยไรกันเลย” โกหกเนียนๆ ไปไอ้ดิน อย่าให้ไอ้เกมส์จับได้เด็ดขาด ว่าเพิ่งไปดินเนอร์แบบสองต่อสองกับพี่ไม้มา ไอ้เกมส์มันยิ่งเชี่ยวๆ เรื่องการจับผิดอยู่
“แล้ววันนี้มึงไปกินข้าวกับใคร คนอย่างมึง ไม่ไปกินข้าวเย็นกับเพื่อนที่เพิ่งรู้จักกันวันสองวันแน่… ใช่มั๊ยวะ” มันพูดพลางกับเอามือมาชี้หน้าผมอย่างคาดคั้น ให้ตายเหอะ จะโกหกไอ้นี่ได้ซักเรื่องมั๊ยเนี่ย
“อะไรของมึงเนี่ย มาถามคาดคั้นกูทำไม”
“ถ้ามึงไม่บอก งั้นกูก็จะไม่เล่า ว่าพี่ไม้มึงน่ะ ...”
“พี่ไม้ทำไม” ไอ้นี่ จับทางถูกตลอด ชอบมาพูดแบบนี้ทุกที
“มึงก็เล่ากูมาก่อน ว่าไปกับพี่ไม้มาหรือเปล่า”
“แล้วถ้ากูไม่บอกล่ะ”
“กูก็ไม่เล่าไง”
“มึงจะเล่าอะไร จะบอกอะไรก็บอกมา ไม่บอกกูก็ไม่อยากรู้แระ” ผมอยากรู้แต่พูดไปเพื่อไม่ให้ ไอ้เชี่ยเกมส์มันจับพิรุธได้ มันต้องรู้อะไรแน่ๆ
“เฮ้ย ได้ไงวะ อะไรวะ ไม่หนุกเลย ตามใจ งั้นกูกลับบ้านล่ะ” เฮ้ย เอาจริงเหรอวะเนี่ย มันกำลังจะเดินออกจากห้องผมไปแล้ว
“ตกลงมึงจะไม่บอกกู ใช่มั๊ย” ผมถามมันเสียงเข้ม หน้าดุ มันบอกว่าไม่ชอบให้ผมทำหน้าดุ เพราะนอกจากจะไม่ดุแล้ว ยังดูตลกอีกต่างหาก
“ฮ่าๆๆๆ เออๆ บอกก็ได้วะ” ไอ้เกมส์มึงบอกมา เร็วๆ เลย
“กูกลับก่อนนะ ฮ่าๆๆๆ” มันวิ่งแจ้นไปเลยครับ เปิดประตูแล้วก็เผ่นไปเลย ผมวิ่งตามไล่หลังมันไป แต่ไม่ทันแล้วครับ
“ไอ้เชี่ยเกมส์ ฝากไว้ก่อนนะมึง”
“กูรู้ ว่ามึงอยากรู้ ฮะฮ๊า กูจะให้มึงอกแตกตาย เอาไว้จะมาเล่าให้ฟังนะเพื่อน ไปล่ะ บ๊าย บาย”
“ไอ้เวรเอ๊ย กูเลยไม่รู้เลยเนี่ย” ทำไมมันวิ่งใส่เกียร์หมาอย่างนี้ล่ะเนี่ย ตามไปก็ไม่ทันวิ่งออกไปเกือบถึงหน้าปากซอยแล้ว ไอ้เพื่อนเลว จำไว้เลย
กริ๊ง......กริ๊ง......กริ๊ง... โทรศัพท์บ้านผมครับ ดังได้พอดีสิน่า
‘สวัสดีครับ ร้านสามพี่น้องครับ’
‘….’
‘ฮัลโหล ๆ ได้ยินมั๊ยครับ’
‘…’
‘ไอ้เกมส์ มึงใช่ม่ะ ไอ้นี่เล่นไม่เลิกนะ’
‘ทำไมถึงทำเสียงดุนักล่ะ...’

----------------------------------------
ให้ทายว่าใครโทรมา 1. ส้มจิ๊ด 2. ต้นไม้ 3. สปา 4. เกมส์ 5.หนู 
ทายถูกให้
