:m23:เพิ่งรู้ว่าตอนสุดท้ายมันเขียนยากจริงๆ เหอๆๆๆ
ทั้งดีใจและเสียใจในเวลาเดียวกันที่จบแล้ว

อ่านก่อนเนอะเด๋วมาคุยใหม่

+++++++++++++++++++++++++++++++++
ตอนที่ 66
ทานข้าวเสร็จพี่ผมก็ส่งคุณก้อยกลับบ้านเลยครับ เดินไปส่งถึงรถโบกมือลาด้วย

จนผมชักสงสารคุณก้อย ก็พี่ผมน่ะกวนประสาทใช่ย่อยเลย พอรถคุณก้อยลับตาไป พี่อั้มก็หันมามองหน้าผมทำตาหรี่ๆมองผมเหมือนจะจับผิดผม แล้วถามผมด้วยเสียงแมวขู่ฟ่อๆเลยครับ
“ทำไมมาอยู่นี่ล่ะ ไม่กลับบ้าน”

ผมแกล้งมารยาทำหน้าจ๋อย พี่อั้มเลยเสียงอ่อนลง
“พอดีเค้าเพิ่งกลับมาจากเขาใหญ่นะเนี่ย ผ่านหน้าร้านเห็นตัวเองนั่งอยู่น่ะเค้าเลยแวะเข้ามา”
เคยมีคนบอกว่าคนจะทำอะไรไม่ดีนี่ยังไงก็ปิดไม่มิดเห็นท่าจะจริงแฮะ

ผมคงจะโชคไม่ดีเอาซะงั้นวันนี้ พี่อั้มตาดีจริงๆหูตาเป็นสับปะรด ขับรถผ่านแว๊บเดียวยังเห็นได้
“มันเพลียๆนะพี่อั้มเค้าเลยกะค้างอีกคืนแล้วค่อยกลับพรุ่งนี้เช้า พอดีคุณก้อยลูกค้าเค้าชวนทานข้าวก็เลยโอเคกำลังเบื่อๆพอดี”

ต้องพยายามทำเสียงเหนื่อยๆเพลียๆเข้าไว้จะได้น่าสงสาร เอาตุ๊กตาทองมาให้ผมด้วยตัวนึงน่ะ อิอิ ตอแหลไม่เบา

“แล้วรถเราล่ะไปไหนโอม”พี่อั้มถามผมเมื่อผมเดินตามพี่อั้มมาที่รถ
“จอดที่บ้าน คุณก้อยไปรับที่บ้านไง” ก็ร้านอาหารมันใกล้บ้านเลยไม่รู้จะเอารถมาทำไมเยอะแยะ ผมก็เลยให้คุณก้อยไปรับ ก็เท่านั้นเองครับไม่มีอะไรเป็นพิเศษ นอกจากว่า.......ตอนรัดเข็มขัดนิรภัย คุณก้อยเป็นคนคาดให้ผมอีกแล้วว แก้มแทบจะชนแก้มเลยครับ หุหุหุ แต่ก็แค่นั้นจริงๆครับไม่มีอะไรกุ๊กกิ๊กกันเลย

พี่อั้มเลิกสงสัยเรื่องรถผม แต่พอผมเข้าไปนั่งในรถเรียบร้อย พี่อั้มก็หันมาจ้องหน้าผมเปลี่ยนสีหน้าทำจริงจัง “โอมจะเอายังไงกันแน่เรื่องต่าย เมื่อวานก็คืนดีกันแล้วไม่ใช่เหรอ” ทำไมอยู่ดีๆก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมา

ผมค่อยๆเหลือมมองหน้าพี่อั้มที่มองกลับมาแต่พี่อั้มยิ้มแปลกๆอ่า

เริ่มรู้สึกอายหน้าแดง ได้ยินอะไรไปบ้างก็ไม่รู้ ทำไมผมจะไม่รู้ว่าเมื่อคืนเราปล่อยใจปล่อยเสียงปล่อยนู่นนี่นั่นกันไปถึงไหนๆ ไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างเล้ย

ผมเลยตอบพี่อั้มไม่ถูกเลยแกล้งเบือนหน้าออกไปมองนอกหน้าต่าง อืม...เด็กขายพวงมาลัยนี่ก็หน้าตาดีนะ หุหุหุ
“อ้าว....ทำไม่ไม่ตอบ แล้วเนี่ยออกมากับคนอื่นแบบนี้ ถ้าต่ายรู้เข้าจะทำยังไงกัน”
สะดุ้งเลยครับกำลังคิดอะไรเพลินๆ ผมชักอารมณ์เสีย พี่อั้มทำไมต้องมาดุผมด้วยในเมื่อมันก็แค่การกินข้าวเท่านั้นเอง แล้วถึงแม้เค้าจะจีบผมจริง ผมก็ไม่ได้ไปตกลงอะไรกับเค้าด้วยนี่ ผมเริ่มหงุดหงิดมากขึ้น ผมทำอะไรก็ผิดหมด

พี่ต่ายทำอะไรก็ถูกหมดมีแต่คนเข้าข้าง ใครเป็นน้องเป็นลูกตัวเองกันแน่เนี่ย คนบ้านผมเข้าใจอะไรผิดไปรึเปล่า

“ช่าง....ไม่สนใจ.... รู้ก็รู้....ไม่แคร์”

ผมก็เลยตอบประชดไปเลย ทำท่ายกไหล่ประกอบ สะใจไม๊ล่ะ อยากจะมาเข้าข้างกันดีนัก พี่อั้มส่ายหัวแล้วก็มาเขกหัวผมทีนึง ผมจะเอามือป้องกันก็ไม่ทัน
“มาเขกหัวเค้าทำไมเล่า...เจ็บนะ”ผมขมวดคิ้วหน้างอ

พี่อั้มส่ายหัวแล้วก็เริ่มบ่น
“ตอนนั้นก็ทำหน้าเศร้าเป็นหมาป่วย พอเค้ากลับมาก็ยังมาทำลีลา ทำเป็นท่ามากอีก เอาไงกันแน่ฮึเราน่ะ โตเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ เจ้าแง่แสนงอนไม่เข้าเรื่อง ไม่ได้เล่นมิวสิควีดีโอนะ นี่มันชีวิตจริง”
บลาๆๆๆๆ บ่นไปตลอดทางครับจนมาถึงบ้าน ผมมาถึงบ้านเหมือนมีเสียงหึ่งๆของพี่อั้มแว่วๆอยู่ในหู บ่นจนผมคิดว่าเค้าสวดมนต์ไล่ผีหรือเปล่า แน่จริงก็เอาน้ำมนต์มาสาดกันให้เปียกโชกไปเลยให้หมดเรื่องดิ เค้าไม่ได้ถูกผีสิงซักหน่อยน่ะ
รถยังไม่ทันเข้าจอดดี ผมก็ชะโงกมองหารถพี่ต่ายว่ามีจอดแถวๆบ้านไม๊ก็ไม่มี ไหนว่าจะรอแล้วนี่ หายไปไหน ไม่มีจอดอยู่เลยครับทั้งหน้าบ้านในบ้าน

เซ็งจริงๆเลยหมดอารมณ์ต่อล้อต่อเถียงกับพี่อั้ม เดินกระแทกเท้าขึ้นบ้านไปอาบน้ำ ก่อนไปอาบน้ำผมเอาโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็ไม่มีมิสคอลหรือข้อความใดๆฝากไว้เลย แค่นี้ก็ถอดใจแล้วรึไง มิน่าแข่งกับเต่ายังแพ้ได้ ไอ้พี่ต่ายบร้าาาาา

ไม่ง้อก็อย่าง้อว่ะ ไม่อยากจะสนใจแล้ว อาบน้ำไปดูสภาพตัวเองแล้วก็อายอีก รอบตัวเป็นจ้ำไปหมด ฝีมือไอ้พี่ต่ายคนเดียวเลย วันนี้อากาศก็ร้อนต้องทำเป็นไฮโซใส่เสื้อแขนยาวคอปิด เพื่อนถามก็ต้องบอกว่าไม่ค่อยสบาย ผมล่ะสมเพชตัวเองจริงๆเลย
อาบน้ำเสร็จผมก็เพลียมากเข้านอนเลย กะว่าพรุ่งนี้จะออกไปแต่เช้ากะว่าให้ถึงบ้านไม่เกิน 8.30 น. เพราะมีนัดกับลูกค้าไว้ แต่นอนไปก็ินอนไม่หลับคิดถึงแต่พี่ต่าย ว่าทำไมบอกว่าจะรอแต่ก็ไม่มา หรือว่าพี่ต่ายเบื่อที่จะง้อผมแล้ว เลยลุกมานั่งที่โต๊ะอยากเขียนระบายอะไรออกมาก็เขียนไม่ออก ความคิดมันฟุ้งซ่านกระจัดกระเจิง ผมเลยเดินลงมาข้างล่าง เอามาม่ามาต้มกินเพราะกินข้าวไม่อิ่มเลย เจอพี่อั้มแย่งกินหมด
ระหว่างนั่งรอมาม่าบวม ผมก็นั่งรอคิดไปเรื่อยเปื่อยคิดแล้วก็ขำตัวเอง คนที่กำลังมีความรักกลายเป็นคนไร้สาระได้ตลอด เพราะเราจะมีแต่เรื่องของเค้าอยู่ในหัวตลอดเวลา ไม่ว่าเราจะกำลังทำอะไรอยู่ เข้าส้วม แปรงฟัน กินข้าว ขับรถ ก่อนนอน ก่อนอาหาร หลังอาหาร ระหว่างอาหาร
ความรักมันตามติดคนเราได้ขนาดนั้นเลยเหรอ มิน่าเค้าถึงเรียกกันว่ามหัศจรรย์แห่งรัก ถ้าเรามาจดทำสถิติเล่นๆดูช่วงที่รักกันสถิติความคิดถึงคงพุ่งสูงปรี๊ด พอรักไปซักพักสถิติคงลดไปเรื่อยๆ แล้วมันจะมีวันหมดไม๊นะ วันที่เราจะหยุดคิดถึงเค้าหลังจากรักกันไปนานๆ ผมก็ยังสงสัยคงต้องใช้เวลาทั้งชีวิตถึงจะตอบได้มั๊ง
พอมาม่าบวมได้ที่ผมก็ไปเปิดทีวีดูกินไปดูไป ก็ไม่รู้จะดูอะไรดีมีแต่ละครน่าเบื่อ กรี๊ดกันได้ทุกเรื่อง ระหว่างคิดอะไรเพลินๆเหมือนได้ยินเสียงแกรกๆๆๆ ผมเลิ่กลั่กหันซ้ายหันขวามันมืดมากเลยครับเพราะผมประหยัดไฟ มองไปทางไหนก็มีแต่เงาตะคุ่มๆ ได้ยินเสียงหมาหอนรับส่งกันไกลๆ

ผมมีนิสัยอย่างนึงที่มักโดนบ่นเสมอๆ ก็เวลาเดินลงมาข้างล่างผมไม่ชอบเปิดไฟครับ ใช้วิธียืนให้สายตาชินความมืดพักนึงสายตาเราจะปรับให้พอมองเห็นทางได้ลางๆ ก่อนที่จะเริ่มคลำทางเอา แบบว่าแอบงกนิดส์นึงช่วยลดภาวะโลกร้อนด้วยไงครับ ส่วนไฟผมก็เปิดเฉพาะตรงครัว ตอนดูทีวีก็เปิดแต่ทีวีไม่ได้เปิดไฟ ช่วยชาติน้ำมันมันก็แพงขึ้นทุกวันๆ ก็นะปิดไปดวงนึงหนึ่งนาทีก็ช่วยชาติได้แล้ว
ผมเห็นท่าไม่ดีบรรยากาศชักส่อไปในทางหนังผีครับ ผมว่ารีบๆกินรีบๆไปดีกว่า รีบจนสำลักพริกแสบคอจนน้ำตาไหล ต้องวิ่งไปกินน้ำ นึกในใจทำไมวันนี้มันเงียบขนาดนี้น่ะ แล้วก็ได้ยินเสียงกุกๆกักๆแว่วๆมาอีก ผมรีบลุกขึ้นทันที “ผีป่าวว่ะ”

อากาศยิ่งเย็นๆด้วยขนลุกจนต้องกอดตัวเองไว้ รีบเดินขึ้นบนบ้านแปรงฟันเสร็จก็วิ่งเข้าห้องนอนกระโดดขึ้นเตียงเลย แล้วก็มีเสียงดัง “โอ๊ย” ขึ้นมาครับจากบนเตียง
“เฮ้ยยยย”

ผมสะดุ้งโหยงร้องแล้วกระเด้งตัวเองออกมาจากเตียงออกมายืนสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ
คนที่อยู่ในผ้าห่มค่อยๆเปิดผ้าออกมาครับ

ทำหน้าตาให้น่าสงสารเอามือกุมท้องสงสัยเมื่อกี้ตอนผมกระโดดลงไปที่เตียง ผมเอาข้อศอกลงไปด้วย สมน้ำหน้าอยากมาซ่อนทำไม ดีไม่กระโดดกระแทกเตียงแบบนักมวยปล้ำกระแทกพุงคู่ต่อสู้
พี่ต่ายชอบทำตัวเป็นกระต่ายผีน่ะครับ แล้วชอบมาโผล่แบบนี้หลายครั้งแล้วด้วย คราวนี้
ก็มาทำให้ผมกลัวผีด้วย ผมยืนหน้างออยู่....เงียบ พี่ต่ายก็ไม่พูดอะไรแต่ค่อยๆยื่นนิ้วก้อย
ให้ผมทำตากระพริบถี่ๆ ปริบๆหน้าตาน่าเอ็นดู :give2:ตอนที่พี่ต่ายไม่ใส่แว่นหน้าใสปิ๊งครับ
ผมขำจะตายที่พี่ต่ายมามุกเด็กๆขอคืนดี อยากจะหัวเราะแต่ต้องลงยันต์หน้าเหี้ยม
ไว้ก่อนอยากดูลีลาพี่ต่ายต่อไป ผมเดินเข้าไปหาพี่ต่ายเอามือไปจับไอ้มือที่ยื่นนิ้วก้อย
แหล่ะครับ แต่ไม่ได้ไปเกี่ยวก้อยนะ เกมเด็กๆผมไม่เล่น หุหุ เล่นแต่เกมผู้ใหญ่

ผมไปดึงพี่ต่ายลงมาจากเตียง
“บ้านมีไม่ไปนอนมาอยู่ที่นี่ได้ไงกัน” :angry2:โคตรดุเลยผม ดุไปป่าวหว่า เดี๋ยวเค้าพาไปฉีดยากันหมาบ้าทำไง
พี่ต่ายตัวหนักมากครับลากไม่ค่อยไหว ผมต้องเอาสองมือทั้งดึงทั้งลากลงมา แล้วก็นะพี่ต่ายก็ดื้อดึง “พี่ขอโทษษษษโอม.....” :sad2:ทำเสียงอ้อนๆทำหน้าเศร้าๆครับ น่าสงสารมากเลยครับ แต่เทียบกันแล้วน่าหมั่นไส้มากกว่า เจ้าแผนการดีนัก แถมผู้ช่วยก็เยอะเหลือเกิน ไม่รู้เอาอะไรไปซื้อใจเค้ามาได้
“ลงมาดีๆเลยพี่ต่ายผมเหนื่อยแล้วนะ เล่นอะไรเป็นเด็กๆ”ผมบ่นไปลากไปเริ่มเหงื่อตก

จะหมดแรงมาม่าแล้วนะ พี่ต่ายทำไมเล่นด้วยยังงี้ล่ะ เข้าใจเลยวันก่อนที่
พี่ต่ายลากผมมามันลำบากขนาดไหน หึหึหึที่จริงคืนนั้นผมรู้ตัวหน่อยๆ แต่แกล้งครับคืน
นั้นไม่อยากเดินมันง่วง แต่วันนั้นผมไม่ได้ดิ้นไปดิ้นมาแบบนี้นี่นา
ทุลักทุเลน่าดูแต่พี่ต่ายก็โดนผมลากออกมานอกห้องจนได้ครับ พอผมจะปล่อยมือพี่ต่าย
พี่ต่ายกลับไม่ยอมปล่อยผม มือพี่ต่ายก็จับมือผมไว้อย่างนั้น พี่ต่ายเงยหน้ามองผมตาละห้อยเหมือนอีเย็นที่มันอ้อนวอนกับท่านเจ้าคุณในเรื่องนางทาส

ที่ผมเคยดูตอนเด็กๆ ฮ่าๆๆๆๆ ผมจะตะบะแตกแล้ว ไม่คิดมาก่อนว่าพี่ต่ายจะใช้ไม้นี้
“โอมครับพี่นอนด้วยคนนะ...นะ...นะโอม” เสียงพี่ต่ายออดอ้อนมากเลยครับ
ผมจะงอนก็งอนไม่ออก จะหัวเราะก็ไม่ได้ จะร้องไห้ก็ไม่เข้ากันกับสถานการณ์ จะเอาไงดีผมเลยค่อยๆแกะนิ้วทีละนิ้วของพี่ต่ายออกจากมือ ต้องทำใจแข็งเข้าไว้ แล้วก็พูดเสียงเข้มไป
“ไม่ได้....พี่กลับบ้านพี่ไป ไม่งั้นก็ลงไปนอนโซฟาข้างล่างนู่น มาทำไมดึกๆดื่นๆบ้านคนอื่นเค้า ไม่เกรงใจกันบ้างเลย”

พูดไปแล้วก็นะชักอินเว้ย แต่ไม่รู้ว่ามันส์เกินไปรึเปล่าเพราะพี่ต่ายหน้าสลด ไม่พูดอะไรต่อเลย เดินคอตกลงบันไดไปไฟไม่เปิด เพราะผมเคยอบรมให้ช่วยประหยัดพลังงานกันไปแล้วสมัยอยู่ด้วยกัน แป๊ปเดียวครับผมกำลังจะกลับเข้าห้องตัวเอง ได้ยินเสียงดังตุ๊บๆๆๆ โครมมมม มาพร้อมกับเสียง “โอ๊ยยย....”
อ้าวซวยแล้วซิเสียงดังแบบนี้ โง่ๆแบบผมก็รู้ได้โดยสัญชาติญาณ พี่ต่ายตกบันไดแน่เลย เป็นไงบ้างก็ไม่รู้ ผมเลยต้องเปิดไฟดูก็เป็นจริงอย่างที่คาดครับ พอมองลงไปพี่ต่ายนอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้น ผมแทบจะกระโดดลงไปดูแต่ติดว่าผมยังพอมีสติว่ากรูไม่ใช่ซุปเปอร์แมน ก็เลยแค่รีบวิ่งลงไปดูอย่างเดียว
“พี่ต่ายเป็นไงบ้างพี่ เป็นไรมากไม๊”ผมทรุดตัวลงไปดูที่ขาของพี่ต่าย มันแดงๆน่ะครับ ไม่รู้ว่าตกลงมากี่ขั้นกันซิ แข้งขาหักไปรึเปล่านะ โตแล้วทำไมซุ่มซ่ามได้นะ
“โอ๊ยๆๆ พี่เจ็บขาน่ะโอม”พี่ต่ายร้องเบาๆ ทำหน้าตาบูดเบี้ยวคงจะเจ็บจริงๆน่ะครับ
“พี่ต่ายไปนั่งที่โซฟาก่อนนะเดี๋ยวผมหายามาทาให้” ผมนึกในใจลำบากผมอีกละต้องเป็นบุรุษพยาบาลจำเป็น คนจะหลับจะนอนก็ไม่ได้นอน
ผมต้องไปช่วยประคองพี่ต่ายให้ลุกขึ้นพี่เค้าเจ็บแบบนี้จะไปตั้งแง่อะไรกันครับ ผมสอดแขนเข้าไปโอบที่เอวพี่ต่าย พี่ต่ายเองก็โอบไหล่ผมผมเลยจับมือที่โอบไหล่ไว้ด้วย พี่่ต่ายค่อยๆเอาขาอีกข้างยันตัวเองให้ลุกขึ้น
แต่อาจจะเป็นเพราะพี่ต่ายตัวใหญ่น้ำหนักทั้งหมดต้องรับไว้ที่ขาข้างเดียว แล้วขาข้างที่เจ็บก็ช่วยอะไรไม่ได้เลย ผมก็ประคองไม่ค่อยเป็นเก้ๆกังๆ แล้วมันเสียหลักยังไงไม่รู้ กลายเป็นว่าพี่ต่ายรั้งตัวผมล้มลงไป ผมร้องได้แค่ “โอ๊ะ...” เท่านั้นเองครับ
แล้วไอ้ผมก็แข้งขาไม่มีแรงสงสัยเป็นเพราะเมื่อคืนรึเปล่าก็ไม่รู้ที่ทำให้ยังเข่าอ่อนอยู่ หึหึหึ คราวนี้เลยล้มลงไปนอนไปทั้งคู่ครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆสาบานได้ แต่พี่ต่ายผมไม่รู้ว่าแกล้งรึเปล่าซิ ดูไม่เห็นตกใจอะไรเลยที่ล้มลงไป คิดว่าซ้อมล้มตอนเล่นยูโดรึไงไม่รู้
สภาพเราตอนนี้เหมือนเปลี่ยนกิจกรรมมาจัดนอกสถานที่น่ะครับจากห้องนอนมาเป็นหน้า
บันได น่าอับอายเป็นที่สุด

ผมนอนอยู่บนอกพี่ต่ายที่โอบผมอยู่ น้องชายเราก็จะเอ๋กันพอดี คงจะสวัสดีกันไปเรียบร้อยแล้วล่ะ
ผมเงยหน้ามองพี่ต่ายว่าเป็นอะไรรึเปล่า แต่คนเจ็บยิ้มกริ่มทั้งปากทั้งตาเลยครับ

หึหึหึ เอาอีกแล้วครับเจอแผนอีกแล้วมั๊งเนี่ย พี่ต่ายนะพี่ต่ายยยย....ไอ้คนเจ้าเล่ห์.... ผมเลยจะลุกขึ้นแต่อ้อมแขนที่รัดผมหลวมๆมันแ่น่นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ครับ กว่าจะรู้ตัวก็โดนกอดเป็นงูรัดไปแล้วก็แก้ไม่ทัน ผมเอามือพยายามดันตัวพี่ต่ายออกจะลุกขึ้น
“พี่ต่ายปล่อยนะ....ให้ผมนอนทับอยู่แบบนี้ไม่เจ็บหรือไงกันนะ” พี่ต่ายส่ายหัวยิ้มเจ้าเล่ห์

“ให้โอมทับตลอดชีวิตก็ไม่หนัก” แล้วทำตากรุ้มกริ่มใส่ผม

“ ตอนพี่นอนทับโอมๆยังไม่เคยบ่นเลย แล้วพี่จะไปบ่นโอมได้ไงกัน”
เจอมุกนี้เข้าไปหน้าด้านๆแบบผมก็อายสุดๆครับ หน้าแดงร้อนผ่าวไปหมด

ไปต่อไม่ถูกเลย ได้แต่นอนนิ่งๆอยู่ให้พี่ต่ายกอด ฟังเสียงหัวใจของพี่ต่ายที่เต้นแรงเหมือนกัน
ความเงียบเข้าครอบคลุมบรรยากาศในห้องนั้นไปชั่วขณะ เสียงพี่ต่ายพูดมาเบาๆเหมือนเสียงเพลงที่กำลังค่อยๆซึมซาบเข้าไปในใจผม
“พี่รู้ว่าพี่ทำผิดต่อโอมที่ทิ้งโอมไปโดยไม่ได้บอกเหตุผล แต่พี่รู้ว่าถึงแม้พี่ไม่อยู่โอมก็จะถูกโอบอุ้มด้วยคนที่รักโอม.....พี่เลยวางใจ”พี่ต่ายลูบหัวผมเบาๆ มือที่โอบผมอยู่ก็ลูบแขนผมเบาๆ
“พี่คงเป็นคนเห็นแก่ตัวที่ไม่มาลาโอมตรงๆ เพราะพี่ทนความเจ็บปวดที่ต้องทิ้งคนที่พี่รักไปไม่ได้ พี่ต้องขอโทษโอมนะ”
ผมน้ำตาไหลอีกครั้งเมื่อย้อนคิดไปถึงตอนที่เราจากกัน

พี่ต่ายยังคงพูดต่อไปเรื่อยๆ
“ต่อไปเราจะไม่จากกันแล้วนะโอม เราจะอยู่ด้วยกัน เราไม่ต้องตอบคำถามใครๆอีกแล้วว่าเรารักกันจริงหรือเปล่า”ผมได้แต่ถอนหายใจเมื่อได้ฟัง
“พี่รู้แล้วก็มั่นใจ ว่าโอมก็รักพี่.....ใช่ไม๊ ตอบให้พี่ชื่นใจอีกที”
ผมค่อยๆพยักหน้าหงึกๆ ไม่อยากพูดเพราะพูดไม่ออก

ความตั้งใจที่จะงอนมันหายไปแล้ว ตอนนี้มันเข้าโหมดซึ้งครับ
พี่ต่ายคงเริ่มรู้สึกว่าผมร้องไห้เพราะเสื้อพี่ต่ายเริ่มชุ่มไปด้วยน้ำตาของผม พี่ต่ายก้มหน้าลงมามองหน้าผม พี่ต่ายกอดผมแน่นขึ้นจนผมเจ็บไปหมด
“โอมร้องไห้ทำไมครับ ต่อไปนี้ไม่ร้องแล้วนะ พี่ขอให้เป็นครั้งสุดท้ายที่โอมจะร้องไห้เรื่องพี่ ถึงพี่ตายก็ไม่ต้องร้อง” ผมเลยหน้ามองพี่ต่ายบ้าง สีหน้าพี่ต่ายดูจริงจัง แต่ผมไม่ชอบเลย
“พี่พูดอย่างนี้ทำไม ผมไม่ชอบนะ พี่ห้ามพูดแบบนี้อีก”ผมขมวดคิ้ว แล้วก็ทุบอกพี่ต่ายเบาๆ พี่ต่ายคว้ากำมือของผมไปแล้วจูบที่มือผม
“พี่คงทนไม่ได้ถ้าโอมจะเสียใจอีก”พี่ต่ายมองหน้าผมยิ้มๆ
“พี่จะไม่พูดแบบนั้นแล้ว แต่โอมก็ต้องหยุดร้องด้วยนะครับ” ผมทำหน้างอกัดปากพูดไปก็ทั้งรักทั้งแค้น
“ก็พี่ชอบวางแผน ชอบแกล้งผม เนี่ยลงทุนนะแกล้งทำเป็นตกบันไดอีก มันน่าไม๊เนี่ย”

ผมไม่พูดอย่างเดียวครับ วันนี้ผมมาแนวโหดครับ ผมเอาส้นเท้ากระแทกไปที่ข้อเท้าที่พี่ต่ายแกล้งเจ็บ กะว่าให้เจ็บตัวซะบ้างพ่อคนแผนสูง แต่ว่า...พี่ต่ายร้องเสียงหลงเลยครับ
“โอ๊ย.....พี่ไม่ได้แกล้งนะโอม....ตกจริงๆ ดูซิมันบวมแล้วเห็นไม๊”
อ้าวตายอ่า ผมชะโงกดูก็จริงตามที่พี่ต่ายว่าครับ ตอนนี้มันบวมๆกว่าเดิมแล้วด้วย ซวยเลย....เล่นซะจนเกินไปไม่ได้ดูตามาตาเรือ ใครจะไปรู้ว่าจะซุ่มซ่ามตกลงมาจริงๆ เห็นปรกติก็ระมัดระวังตัวดีออก เห็นบวมขนาดนั้นผมชักเป็นห่วง
“พี่ไปหาหมอดีกว่าเนอะลุกเหอะ”
ผมจะลุกขึ้นแต่พี่ต่ายก็ยังรั้งตัวผมไว้อยู่ครับ แต่คลายอ้อมกอดนิดหน่อยแล้วค่อยๆจับประคองตัวผมให้มาอยู่ด้านบนตัวพี่ต่ายตอนนี้หน้าเราตรงกัน ตัวผมนอนทับพี่ต่ายทั้งตัวแล้วครับ
พี่ต่ายมองหน้าผมด้วยสายตาอ่อนหวานแล้วจูบปากผมเบาๆ ผมมองปากพี่ต่ายมันเผยอเย้ายวนใจผมมากครับ คราวนี้เป็นผมที่ทนไม่ไหวจูบปากพี่ต่ายแทน ผมเริ่มกลายเป็นฝ่ายรุกไปแล้ว ผมดูดปากพี่ต่าย เอาลิ้นไปแตะลิ้นยั่วเย้า จนพี่ต่ายต้องเป็นฝ่ายจัดการผมแทน มือของพี่ต่ายเริ่มลูบไล้ไปข้างในเสื้อผม อีกมือนึงก็สอดเข้าไปในกางเกงผมบีบก้นผมเบาๆ
น้องชายของเราเสียดสีกันไปมาจนเริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว ผมเองโดนพี่ต่ายจูบที่ซอกคอ ไล่ไปที่ติ่งหู ปากพี่ต่ายแตะไปตรงไหนก็ร้อนไปหมด พี่ต่ายจูบที่คอผมแล้วทำท่าจะถอดเสื้อผมออก กางเกงผมมันไปครึ่งก้นแล้วครับ อย่างที่รู้ว่ายางยืดมันเสื่อม เหมาะด้วยประการทั้งปวงสำหรับกิจกรรมเยี่ยงนี้ หึหึหึ

“อื้อพี่...ไม่อาวววว...ไม่แล้ว...ลุกเหอะพี่ พี่ไม่เจ็บขาเหรออออ...”
ผมพูดแทบไม่เป็นภาษาใจมันสั่นปากมันสั่นไปหมด ก็พี่ต่ายอยู่ไม่สุขเลยครับทำอะไรกับตัวผมไม่รู้ ผมทำอะไรไม่ถนัดได้แต่ดิ้นขลุกขลักอยู่บนตัวพี่ต่าย พี่ต่ายดึงกางเกงผมจะหลุดแล้วครับ ผมเองก็ทานพี่ต่ายไม่ไหวแล้วววว.....
“มันเจ็บก็แค่ข้อเท้า ห่างไกลกันเยอะน่าโอมมมม......อือออ....ส่วนอื่นๆไม่มีปัญหา”
ดูพี่ต่ายของผมครับหื่นเกินห้ามใจจริงๆ พี่ต่ายพูดไปแต่มือไม่หยุดครับพยายามถอดตลอด
“อาาาา....อืมมมม”พี่ต่ายเองก็ครางเบาๆ แล้วก็มีเสียงครางอีกเสียงแทรกเข้ามาครับ

“อื๋ออ๋าอื๋ออ๋าแอร๊ยยย.......ไอ้ต่าย....ห้องมีนะมรึงประเจิดประเจ้อ....เข้าห้องไป กรูไม่อยากซื้อตั่วมาดูรอบUncut นะมรึง ไปเล่นกันในห้องไป กูฟังซาวน์แทรคอย่างเดียวพอ ไม่อยากเป็นตากุ้งยิงเว้ย.....ไอ้ห่ากรูได้เสียงอะไรครางๆนึกว่าขโมยเข้าบ้าน อุตส่าห์ตื่นมาดูกลายเป็นหนังกลางแปลงไปซะได้” แล้วพี่อั้มก็เดินบ่นบลาๆๆๆๆเข้าห้องไปครับ
แต่ผมน่ะอายม๊ากกกก :-[เหมือนกับตัวเองแอบดูหนังโป๊แล้วแม่จับได้ตอนมัธยม แต่คราวนี้ดันมาเล่นเป็นตัวเอกซะงั้น หันมามองหน้าพี่ต่ายก็หน้าแดงเหมือนกัน แล้วเราก็หัวเราะให้กันเสียงดังเลยครับผมลงไปนอนข้างๆพี่ต่ายแล้วก็หัวเราะกันสองคน

:laugh:เสียงพี่อั้มตะโกนมาอีก ผมก็งงไหนว่าเข้าห้องไปแล้วไงทำไมได้ยินอีกล่ะ
“ไอ้สองคนนั้นน่ะ ทำอะไรกันแน่ว่ะบร้ารึเปล่า ขำเข้าไปได้ตอนทำอย่างว่า...กรูเพิ่งเคยได้ยิน........”

แต่ผมสองคนไม่สนใจพี่อั้มแล้วครับ เสียงหัวเราะของเราเบาลงเรื่อยๆ เราหยุดหัวเราะกันแล้ว ค่อยๆหันหน้ามาสบตากันอย่างซึ้งๆ ผมไม่รู้ว่าหน้าของเราเลื่อนเข้าไปหากันตอนไหน เรากลับมาจูบกันอีกรอบแล้วครับ ต่อภาคพิเศษหลังจากคั่นโฆษณาโดยพี่อั้ม
ตอนนี้ผมแค่คิดว่า ไม่ให้หัวเราะก็ได้
ไม่ให้ทำอะไรกันตรงนี้ก็ได้
ไม่ให้ครางกันตอนนี้ก็ได้
ไม่แก้ตรงนี้ด้วย ทั้งที่แก้ไปเกือบหมดแล้ว หุหุหุ
เดี๋ยวเราค่อยไปต่อภาค 2 แบบเต็มๆกันข้างบนก็ได้ เพราะต่อๆไปเรายังมีเวลาได้ทำอะไรแบบนี้อีกเยอะ เพราะเราต้องใช้ชีวิตด้วยกันไปอีกนานครับ เราต้องมีช่วงเวลาแบบนั้นอีกหลายครั้งหลายหน จนเราไม่ต้องกังวลอะไรอีกแล้ว
ก็เราได้พิสูจน์ใจของเราไปแล้วนี่ครับว่าเรารักกันจริง........................ใช่ไม๊ครับ......เอ๊ยยยย................

+
+
+
+
“พี่ต่ายยยยย...........ไปต่อข้างบนเถอะพี่นะ.........ผมไม่ไหวแล้วววววว”
“อีกนิดนะโอม.......อีกนิดดดด......”
++++++++++++++++++++++++++++++++++
จบแล้วนะ อิอิ ที่เหลือแล้วแต่จินตนาการเองนะจ๊ะ บ๊ายบาย

ยาวจริงๆเลยนะ
กำลังมีโครงการรวมเล่มหนังสือขายค่ะ ถ้าใครสนใจให้PMมาแจ้งชื่อและเมลล์ติดต่อกลับ แล้วถ้ามีข่าวยังไงจะแจ้งให้ทราบค่ะ 
อ่านจบแล้วไปอ่านตอนพิเศษและ ภาค เล่าสู่กันฟังกันต่อนะคะ ตามนี้ค่ะ จิ้มเลย
ตอนพิเศษ "บ้านเรา"ตอนพิเศษ "บ้านเรา"(ต่อ)ตอนพิเศษ "บ้านเรา"(จบ)ภาคเล่าสู่กันฟัง ตอน "แฟนเก่า"ภาคเล่าสู่กันฟัง ตอน "ไปเที่ยวเชียงใหม่กัน"