ดูเลขตอนแล้วก็งงตัวเองเขียนไปได้ยาวขนาดนี้

สงสัยเขียนจบเค้าไล่ออกจากงานพอดี

ขอฟางไปทำงานด้วยคนนะจ๊ะแควนๆทั้งหลาย

+++++++++++++++++++++++++++++++++
ตอนที่ 64
กลับมาดูโอมอีกทีคราวนี้โอมนอนตัวงอเป็นกุ้งอีกแล้วครับคงจะหนาว ก็ผมถอดเสื้อน้องเค้าไปแล้วตอนนี้ก็นอนโชว์ความขาวยั่วใจผมอยู่ ผมจับตัวโอมให้นอนหงาย แล้วผมก็ค่อยๆเอาผ้าเช็ดหน้าโอมอย่างเบาๆจะได้นอนหลับสบายๆ ผมพิจารณาใบหน้าโอมอย่างละเอียดไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ถึงแม้จะคล้ำลงไปหน่อย แต่ก็ยังดูสดใสน่ามอง
บรรยากาศมันเงียบมากๆครับได้ยินเพียงเสียงลมหายใจของผมกับโอม ผมหยุดเช็ดหน้าโอมไปชั่วครู่ แล้วก็นั่งมองหน้าโอมอยู่อย่างนั้น ผมค่อยๆลูบแก้มโอมเหมือนกับจะลบรอยที่เคยโดนคุณก้อยมาสัมผัส ริมฝีปากของโอมเผยอเล็กน้อยเหมือนกับว่าจะเรียกผมให้ไปสัมผัสมัน และผมก็ทำตามเสียงเรียกนั้น จะว่าผมเข้าข้างตัวเองก็ยอม

โอมหลับตาพริ้มเมื่อผมค่อยๆก้มลงสัมผัสริมฝีปากของโอม มันยังคงอ่อนหวานน่าสัมผัสเหมือนเคย ผมไม่รู้ว่าโอมตื่นหรือยัง แต่โอมก็เปิดปากรับลิ้นของผมที่ค่อยๆรุกเร้าเข้าไปทีละนิด มือของโอมมาคล้องอยู่ที่คอผมตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ นิ้วมือของโอมสอดแทรกเข้าไปในผมของผม รู้สึกได้ถึงแรงกดจากนิ้วมือของโอมที่ตอบสนองเมื่อผมเริ่มขบริมฝีปากโอมเบาๆ
“อือ...อือ....”
โอมส่งเสียงครางเบาๆ เมื่อจูบของผมรุนแรงขึ้น ผมเพิ่งรู้ว่าที่ผ่านมาผมช่างมีความอดทนมหาศาล ผมโหยหารสสัมผัสจากโอมมาตลอดและเมื่อมาเจอกันอีกครั้ง มันเหมือนกับเราได้ชีวิตของเรากลับคืนมา ผมผละจากริมฝีปากเลื่อนมาที่แก้มสูดเอาความหอมหวานจากพวงแก้มที่ผมคิดถึง ไซร้ไปที่ซอกคอ ขบใบหูโอมเบาๆ
“อื๋อ...พี่ต่าย”
โอมตาปรือค่อยๆลืมตามองหน้าผม เราจ้องตากัน สายตาโอมที่มองมามันบอกผมชัดเจนว่าโอมรักผม โอมหลับตาลงน้ำตาไหลรินอาบแก้มอย่างช้าๆอีกครั้ง

ผมค่อยๆใช้นิ้วเกลี่ยน้ำตาที่แก้มโอมออกไป จูบประทับที่เปลือกตาของโอม
“มองพี่ซิโอม....มองให้เต็มตา”
โอมลืมตาขึ้นมองผม ผมมองใบหน้าของโอมด้วยความรัก โดยไม่ทันรู้ตัวโอมรั้งตัวผมเข้ามากอดแล้วสะอื้น ใช้กำปั้นทุบที่หลังผมเบาๆแล้วร้องไห้

“พี่ต่ายทำกับผมได้ยังไง.......พี่ทิ้งผมไปได้ยังไง....พี่ต่ายใจร้ายยย”

เสียงของโอมรวมทั้งแววตาที่ตัดพ้อของโอม ทำให้ผมสะเทือนใจ ผมรู้ว่าโอมเสียใจมากขนาดไหนเพราะสำหรับผมเองก็เสียใจไม่น้อยไปกว่าโอม ผมลูบหัวโอมเบาๆ โอบกอดโอมด้วยความรักจากใจของผม เรากอดกันแน่นขึ้นจนเหมือนกับว่าเราจะไม่แยกจากอ้อมกอดกันและกันแล้ว ตัวของโอมสั่นเทาไปตามแรงสะอื้น ผมแทบจะพูดไม่ออก
“พี่ขอโทษ...โอมอย่าร้องไห้นะพี่กระต่ายของโอมกลับมาหาโอมแล้ว พี่จะไม่ไปไหนอีกแล้วนะ” โอมยังคงร้องไห้เงียบๆอยู่ในอ้อมกอดผมจนเสื้อผมชุ่มไปด้วยน้ำตา
“ไม่ร้องนะคนดีของพี่ต่าย......พี่ยอมใ้ห้โอมทำโทษทุกอย่างเลย ขออย่างเดียวให้โอมยิ้มอย่างมีความสุข”
โอมค่อยๆหยุดร้องไห้แต่ยังสะอื้นอยู่ แล้วโอมก็ยกมือขึ้นมาลูบแก้มผม ผมประคองให้โอมลงนอนตอนนี้เรานอนมองหน้ากันโดยมีโอมอยู่ในอ้อมกอดผม แววตาของโอมสุกใสผมไม่รู้ว่ามันเปล่งประกายเพราะว่ามีน้ำตาหล่อเลี้ยงอยู่ หรือเพราะว่ามีผมอยู่ตรงหน้าโอม
น้ำตายังติดอยู่ตามขนตาของโอม ผมทำให้โอมต้องเสียน้ำตาจนได้ เราใช้เวลามองหน้ากันอยู่แบบนั้น นานจนเหมือนกับจะชดเชยที่เราไม่ได้เห็นหน้ากันเลยตลอดปีกว่าๆ ไม่มีคำพูดจากเราสองคนเราคงสื่อกันด้วยความรู้สึกมากกว่า เราสอดประสานนิ้วไว้ด้วยกัน หายใจจากลมหายใจเดียวกัน
โอมเอามือมาลูบที่ริมฝีปากผมแล้วหน้าก็เปลี่ยนเป็นสีชมพู

แอบซ่อนยิ้มในหน้าแล้วหลบตาผมอายๆ ผมจูบที่ปลายจมูกโอมเบาๆ
“โอมคิดอะไรบอกพี่มานะ” ผมถามโอมไปยิ้มๆ

เวลาที่คนยิ้มน่าดูน่ารักกว่าคนร้องไห้เป็นไหนๆ แต่คนที่ยิ้มทั้งๆที่มีน้ำตาอยู่ยิ่งน่ารักกว่าเดิมอีก
“ผมคิดว่า.......”แล้วโอมก็เงียบไปแต่หน้าแดงอีกครั้ง

“หืม....คิดว่าอะไรครับโอม”ผมจับผมโอมเขี่ยเบาๆ ผมโอมยาวขึ้นนิดหน่อยแต่ก็ทำให้ดูเป็นเด็กลงไปกว่าเดิมด้วยซ้ำ ผมจ้องตาโอมด้วยสายตาแห่งความรัก
“เอ่อ....ผมคิดว่า.....พี่ต่ายยย.....จูบผมอีกทีได้ไม๊” โอมพูดออกมาอย่างเขินอาย ผมปั่นป่วนใจอย่างที่เคยเป็นอีกครั้งเมื่อเจอโอมพูดแบบนี้
ผมไม่ตอบโอมครับแต่รีบทำในสิ่งที่โอมบอกผมทันที เปิดทางขนาดนี้ช้าไปแค่นาทีเดียวก็ไม่ดีแล้วครับ ผมค่อยๆกัดริมฝีปากโอมเบาๆอีกครั้ง โอมจูบผมตอบอย่างที่ไม่ค่อยจะได้ทำ เราจูบกันเหมือนคนกระหายน้ำดื่มที่เท่าไหร่ก็ไม่เคยพอ เราใช้เวลาแลกลิ้นหยอกล้อกันนานทีเดียว ผมใจแทบจะขาดมันร้อนไปทั้งตัว
เสื้อผ้าของเราสองคนถูกถอดออกไปจากตัวตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครถอดให้ใคร หรือต่างคนต่างถอดของตัวเองออกไปก็ไม่รู้ อากาศที่ผมรู้สึกว่าเย็น มันเปลี่ยนไปทันทีเมื่อเราต่างรับสัมผัสจากกายของกันและกัน
เมื่อร่างกายของเราต่างไม่มีอาภรณ์ใดๆมากั้นขวางอีก เราสองคนต่างเรียกร้องจะสำรวจแต่ละฝ่ายอย่างโหยหา ผมและโอมผ่านคืนแห่งความเร่าร้อน ตักตวงสิ่งที่ขาดหายไปแรมปีจากกันจนไม่รู้กี่ครั้งกี่ครา และมันก็มีทั้งช่วงเวลาที่นุ่มนวลอ่อนหวานและน่าจดจำ จนใกล้รุ่งสางเราถึงต่างหลับไปด้วยความอ่อนเพลียในอ้อมกอดของกันและกัน
ใบหน้าของโอมที่หลับไหลซุกอยู่ที่หน้าอกผมระบายด้วยรอยยิ้ม เม็ดเหงื่อเล็กๆซึมอยู่ตามไรผม มือของโอมกอดที่เอวของผม ผมจูบที่หน้าผากโอมด้วยความรักก่อนที่จะหลับตามไปอีกคน
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ปังๆๆๆๆ เสียงเคาะประตูดังๆทำให้ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมามองนาฬิกา 8 โมงกว่า แต่โอมยังขมวดคิ้วไม่ยอมลุก
“โอมๆ......ต่ายๆ....ตื่นยัง”เสียงอั้มนี่เองครับที่มาปลุกเรา ผมหยิบกางเกงมาใส่แล้วลุกไปเปิดประตูด้วยความเพลีย
“มีไรมรึงเรียกแต่เช้าเลย.....โหวววว....” :onion_asleep:ผมปิดปากหาวแล้วยกมือเกาหัวตัวเองไปด้วย สงสัยว่าจะมาเรียกทำไม อยากบอกว่ากรูเพลียจะตายยย ขอเอ็มร้อย ลิโพ เกรเตอเรด คาราบาวแดง หรือสปอนเซอร์ก็ได้มีอะไรก็ขอหมดถึงแม้ว่าเค้าจะบอกว่าห้ามดื่มเกินวันละสองขวดก็ตาม วันนี้ขอสามขวดหมดแรงครับ แฮะๆ
แต่อั้มมันทำหน้าแปลกๆครับ

อ้าปากค้างจ้องผมเหมือนเห็นสิ่งแปลกประหลาดในโลก อ้าปากเป็นวงกลมจนผมอยากจะหาอะไรมายัดให้มันหุบปาก น่าเกลียดจะตาย
“มรึงเป็นอะรายยย”ผมก็ต้องถามมันจนได้ก่อนที่ผมจะบร้าตายเพราะอาการของมัน ที่เจือกไม่พูดอะไรเลยด้วย กรูคนนะเว้ยไม่เคยเห็นรึไงกัน ผมเอามือจิ้มหน้าผากมัน มันยังยืนเง็งอยู่ไม่ยักด่าผม
“ต่าย....มรึงทำไรว่ะ ตัวมรึงแม่งแดงเป็นจ้ำๆไปหมดเลยว่ะ น้องกรูรุนแรงขนาดนี้เลยเหรอไอ้ห่า.....น่ากลัวชิบหาย”
อั้มมันพูดไปส่ายหัวไปยกไหล่ขึ้น ทำหน้าสยองครับ แล้วเหลือบมองผมด้วยสายตาหวาดกลัว ผมก้มลงมองที่หน้าอกตัวเองแล้วก็ต้องตกใจตาเหลือกเหมือนกันครับ มันเป็นรอยแดงๆไปหมด รีบเอามือมาปิดหน้าอกแทบไม่ทัน หึหึหึเมื่อคืนมันห้ามอะไรไม่ได้แล้วครับ ผมว่าโอมก็คงมีร่องรอยไม่น้อยไปกว่าผมหมือนกัน
“ตายอ่าแล้วน้องกรูเป็นไงบ้างว่ะ มันจะไปหาเพื่อนมันไหวไม๊นั่น”
ผมยังไม่ทันได้ห้ามแต่อั้มไม่พูดอย่างเดียวแต่เบียดตัวผม เดินเข้ามาในห้องเลยครับ ชะโงกมองโอมที่นอนหลับอยู่บนเตียงผ้าห่มคลุมแค่ที่เอว ข้างล่างก็ไม่ได้ใส่อะไรซะด้วย เห็นลำตัวท่อนบนอย่างชัดเจน รอยคิสมาร์คเต็มไปหมดครับ รอยแดงๆบนตัวขาวๆ
โอมก็นอนแสดงนิทรรศการโชว์เลยครับ มีบิดตัวเล็กน้อยทำให้เห็นชัดขึ้นไปอีก เวรจริงๆ ผมกลัวจะมีอะไรโผล่มาให้ดูนะซิ ทำไมยั่วใจกันได้ขนาดนี้น่ะ ผมเลยรีบเดินมาดึงผ้าห่มปิดตัวโอม เขินเหมือนกันครับ ต้องรีบผลักอั้มออกไปนอกห้อง แล้วปิดประตู
“มรึงออกไปเลยอั้ม กรูกะน้องมรึงไม่ใช่รายการเนชั่นแนลจีโอกราฟฟิคหรือรายการส่องโลกนะเว้ย จะได้มาดูพวกกรูหลังจากมีอะไรกันไอ้เวง” ผมทั้งอายทั้งเขินขนาดว่าเป็นเพื่อนกัน ของแบบนี้มันก็มาดูกันไม่ได้ครับ
อั้มมันหัวเราะกิ๊กเลยครับ :อิอิ1: แล้วผลักไหล่ผมเบาๆ “มรึงดีกันแล้วซิไอ้ห่า...เมื่อคืนกรูกลับมาเสียงแมร่งดังชิบหาย....ขนาดกูปิดห้องฮ่าๆๆๆยังได้ยินเสียงออกมาเลย” แล้วมันก็เริ่มสวมบทนักพากษ์ละครวิทยุ ทำดัดจริตเป็นสองเสียง

“โอมมม....ดีไม๊ ดีไม๊”

“พี่ต่ายๆๆ...ไม่ไหวแล้วววว”
มันพูดเสร็จแล้วก็กุมท้องหัวเราะใหญ่เลยครับ

พี่แฟนผมช่างเป็นคนดีมีศีลธรรม ไม่มุสาเลยได้ยินมายังไงบอกหมด ไอ้เพื่อนเวง อยากจะเตะมันจริงๆ แต่เท้าไปไวกว่าความคิดครับยันตูดมันไปเบาๆ มันก็ไม่โกรธวิ่งหนีผมซะงั้น
แต่คิดไปคิดมา ผมแทบอยากจะหนีไปเกิดใหม่ ไม่น่าเชื่อว่ามันได้ยินชัดขนาดนั้นเลยเลยครับ อายยยยโคตรร ผมว่าหน้าผมหูผมคงแดงเถือกแน่ๆ สงสัยบ้านใหม่ผมคงต้องติดผนังชานอ้อยแบบที่เค้าใช้ในห้องฟังเพลงกันเสียงสะท้อน หรือไม่ก็ต้องใช้ผนังหนาพิเศษแบบกันเสียงได้แล้วล่ะครับ ไม่งั้นผมต้องมาโดนมันล้อแบบนี้อีกมันอายยยยครับไม่ไหว

“มรึงไม่ต้องเลยไอ้บ้าอั้มเสือกมาแซวน้องตัวเอง หยุดหัวเราะได้แล้ว เดี๋ยวโอมได้ยินจะงอนน่ะเว้ย กรูไม่รู้ด้วยล่ะ แล้วนี่มรึงมาเรียกกรูทำไมแต่เช้า”
อั้มยังคงหัวเราะอยู่ครับไม่ยอมหยุด :laugh:ผมเลยเอาเท้าเตะตูดมันไปเบาๆอีกซักทีนะมรึง มันก็ไม่ว่าอะไรครับยังหัวเราะอยู่ จนเริ่มสงสัยว่ามานจะดีใจอะไรนักหนาที่รู้ว่าน้องชายเสียตัว มานน่ะบร้่าของจริงเลย
“กรูจะมาบอกว่ากรูจะไปรับน้องมรึงแล้วนะ กรูจะไปแล้ว”อั้มพูดไปยักคิ้วไป น่าทริบเปิ้ลถีบอีกจริงๆ
“เออแค่นี้ใช่ไม๊ แล้วดูแลน้องกรูด้วยล่ะ น้องกรูเป็นไรนะมรึงเจอดี” ผมชี้หน้าอั้ม

“เออห่วงจริงน้องตัวเอง ทีน้องกรูมรึงถนอมๆหน่อยนะเว้ยไอ้ต่าย ท่าทางน่วมเลยนะนั่น”
ผมต้องรีบดันหลังมันออกไปครับก่อนที่มันจะพูดมากไปกว่านี้ มันยังคงเดินไปหัวเราะไปเหมือนคนบร้าที่ไม่ได้ทานยา เวรกรรมของผมจริงๆเลยที่มันมานอนเป็นพยานรักอยู่ห้องข้างๆ แต่ก่อนอยู่กันสองคนก็ไม่เคยคิดถึงเรื่องเสียงอะไร ต่อไปคงต้องดูทิศทางให้ดีๆก่อน
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
:โหลๆ: ประกาศ ใกล้จบแล้ว
คนเขียนหมดมุกแล้ว ไม่มีเวลาแล้วด้วย หุหุ

วิ่งหนีไปอีกรอบ