43
นทีกำลังตักต้มยำกุ้งน้ำข้นใส่ถ้วยอยู่ ตอนที่ภาสกรตามเขาเข้าไปถึงในครัว หนุ่มน้อยได้ยินเสียงฝีเท้าก็หันหน้ามาพบกับคุณชายพอดี พอเห็นใบหน้าที่เรียบเฉย ออกจะอมยิ้มด้วยแล้วภาสกรก็อดประหลาดใจไม่ได้
“คุณชายหวังจะเห็นผมร้องไห้ขี้มูกโป่งเข้ามาหลบในนี้ใช่ไหมล่ะ” เขาถามอย่างไม่อ้อมค้อมน้ำเสียงขี้เล่นอย่างเด็กๆ ยิ่งตัดผมทรงนี้ ภาสกรรู้สึกไม่ต่างกับว่าเขาได้มายืนคุยอยู่กับเด็กน้อยชั้นมัธยมต้นเลย
“ก็ไม่รู้ซี ปกติคุณพูดถึงพ่อแม่ก็จะคิดถึงแล้วก็ร้องไห้ทุกทีนี่นา”
นทีมองหน้าภาสกรยิ้มๆ ก่อนจะบอกว่า
“ผมหนีเข้ามาก็เพราะขืนนั่งอยู่ต่อไป หม่อมแม่คุณซักหนักเข้าความจะแตกเอาสิว่าผมมานอนอยู่นี่”
“อ๋อ กลัวแม่รู้ว่ามานอนกอดลูกชายเขาทุกคืนซีนะ” ภาสกรพูดกระเซ้า แล้วก็เห็นว่านทีทำหน้าเง้าใส่ ก็เลยเดินเข้าไปใกล้อีกนิด “อีกหน่อยก็ต้องรู้ ทำให้พวกท่านรักคุณให้ได้มากๆก่อน ถึงเวลาผมบอกจะได้ไม่ค้านมาก”
“คุณชาย...” นทีเดินหนีออกมาเล็กน้อยไม่อยากให้ใครมาเห็นว่าชายหนุ่มมาอยู่ใกล้เขามากเกินไป “คนมันจะไม่ยอมรับ อย่างไรเสียก็ไม่ยอมรับ ถ้าท่านพ่อของคุณชายไม่พอหทัยขึ้นมา ทำอย่างไรเราจะไปฝืนหทัยท่านได้เล่าครับยิ่งทรงเป็นโรคหทัยยิ่งแย่เกิดรู้ความจริงแล้วทรงรับไม่ได้ ประชวรหนักขึ้นมาจะแย่”
เงียบกันไปพักหนึ่งนทีก็พูดอย่างร้อนใจว่า “ผมเห็นคุณหมอมิ่งเมือง เหลือบมองผมหลายครั้งแล้ว... สงสัยเขาจะจำผมได้นะคุณชาย”
“เอาน่า... เราอย่าเพิ่งคุยเรื่องนี้กันตอนนี้เลยนะ เข้ามานานกันเกินไปแล้วเดี๋ยวเขาจะผิดสังเกต” ภาสกรกระซิบ “เรื่องอาหมอ ผมว่าถ้าท่านพ่อไม่ระแคะระคายไม่ถาม เขาคงไม่พูดขึ้นมาเองหรอก เขาเป็นหมอเขารู้ว่าไม่ควรทำให้ท่านพ่อทรงเครียด ส่วนเรื่องท่านพ่อ ถ้าท่านไม่ทรงบังคับผมแต่งงาน เราก็ไม่จำเป็นต้องทูลความจริงท่านเร็วๆนี้เสียหน่อย”
“ผมมีลางอย่างไรชอบกลครับคุณชายว่าท่านจะรับสั่งเรื่องนี้เร็วๆนี้”
ขาดคำ นทีก็เดินนำภาสกรกลับไปยังโต๊ะอาหาร ชายหนุ่มนั่งลงแล้วมองอย่างหวาดๆไปที่ท่านชายเรืองเดช แต่ก็เห็นว่ายังคงเสวยกระยาหารอยู่เหมือนเดิมไม่ได้รับสั่งอะไรกับใครเป็นพิเศษจึงวางใจกินกุ้งเผาต่อไปโดยไม่ลืมที่จะตักโน่นตักนี่ให้ดาริกาบ้าง ให้นทีบ้าง เหลือบไปเห็นทิฆัมพรนั่งทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ตรงกลางระหว่างหม่อมแม่และนทีก็อดไม่ได้ที่จะพูดทักว่า
“ทิฆัมพร อาหารไม่อร่อยหรือนั่งหน้าบึ้งเชียว”
หล่อนหันมามองภาสกรอย่างตัดพ้อแล้วก็พูดว่า
“ฟ้าไม่ชอบทานอาหารทะเลค่ะ ไม่ชอบแกะเปลือกแกะกระดอง มันเหมือนเรากำลังชำแหละศพควักเนื้อเขามากิน” ตอนแรกก็แค่คิดอยู่ในหัวเพราะไม่พอใจที่เห็นภาสกรแกะกุ้งให้กับดาริกา แต่พอหลุดปากไปแล้วก็รู้ตัวว่าทำไม่ควรเสียแล้ว จะพูดแก้เก้อก็สายไปเลยนั่งเงียบเฉยๆอย่างเสียหน้า ท่านชายเรืองเดชทอดเนตรทรงจ้องทิฆัมพรอย่างตำหนิ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาหันมารับสั่งกับ
ดาริกาแทน
“คุณหญิงดาริกา ท่านเกรียงศักดิ์สบายดีหรือ”
“เพคะ” หล่อนตอบอย่างอ่อนหวาน “ยังรับสั่งกับหม่อมฉันอยู่บ่อยๆว่ามีพระประสงค์เสด็จเยี่ยมท่านชายเรืองเดชอยู่เพคะ แต่ไม่ค่อยสบายองค์ไม่ทราบว่าประชวรเป็นโรคอะไร”
“เอ แล้วไม่ไปโรงพยาบาลหรือ”
“ท่านพ่อไม่โปรดเสด็จไปโรงพยาบาลเพคะ เคยรับสั่งว่าถ้าไม่ประชวรหนักจริงๆก็จะไม่เสด็จเข้าโรงพยาบาลเด็ดขาด ถ้าประชวรเล็กๆน้อยๆแล้วเพียงเข้าไปตรวจพระองค์อย่างนั้น ท่านพ่อไม่โปรดเพคะ”
“ถ้าอย่างนั้น ส่งมิ่งเมืองไปตรวจอาการหน่อยไหมเล่า”
“ครับ ถ้าท่านชายเกรียงศักดิ์ไม่ชอบเสด็จไปโรงพยาบาลก็ให้ผมไปวินิจฉัยพระอาการถึงที่วังได้ครับ”
“จะดีหรือคะเกรงใจคุณหมอค่ะเห็นคุณชายเคยบอกว่างานเยอะ”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ เอาอย่างนี้ นี่นามบัตรของผมมีอะไรก็โทรศัพท์มาหาได้ครับ ถ้าจะให้ไปถึงวังของท่านชายเกรียงศักดิ์แล้วละก็นัดวันเวลาแล้วก็ให้ที่อยู่ผมได้เลยจะไปตรวจให้ถึงวังครับ”
“ขอบคุณค่ะ” ดาริกาไหว้อย่างอ่อนช้อย แล้วรบนามบัตรจากมือของมิ่งเมืองไป ท่าทางทุกอิริยาบถของคุณหญิงสาวอยู่ในสายเนตรของท่านชายเรืองเดชหมดแล้ว ท่านพยักพักตร์ด้วยความพอใจ หญิงสาวคนนี้เห็นทีจะเรียบร้อยอ่อนหวาน ชาติตระกูลก็สูงส่งเหมาะกับภาสกรกว่าแม่ดาราสาวนี่เป็นไหนๆ
งานเลี้ยงวันเกิดของภาสกรจบลงหลังจากนทีทำเซอร์ไพรส์ให้นมอุ่นยกเค้กออกมาให้ภาสกรเป่า แล้วตัดแบ่งไป ท่านชายเรืองเดช หม่อมวิไลวรรณ และมิ่งเมืองปฏิเสธไม่รับเค้กเพราะกลัวว่าคลอเรสเตอรอลจะขึ้น จึงกลายเป็นว่ากินเค้กกันอยู่สี่ห้าคนเท่านั้น นั่งคุยกันอยู่นาน นายแพทย์มิ่งเมืองก็ลากลับเป็นคนแรก ภาสกรเห็นสีหน้าของ อาหมอของเขาแล้วก็รู้ว่ามิ่งเมืองมีเรื่องจะคุยกับตนเป็นแน่ จึงเดินตามไปส่งถึงลานจอดรถหน้าบ้าน
ทันทีที่พ้นเขตบ้าน ปลอดหูปลอดตาใครจะมาได้ยินแล้วมิ่งเมืองก็เอ่ยว่า
“นายนทีนี่คนเดียวกันกับที่คุณชายขับรถชนแน่อาจำไม่ผิดหรอก” เขาว่าเสียงเรียบจนภาสกรเริ่มรู้สึกหนาวๆร้อนๆ “คุณชายยังติดต่อกับเขาอยู่อีกทำไม”
“ชาย... ชายถูกใจเขาครับอาหมอ” เขาตอบอย่างเป็นกลางที่สุด ไม่โกหกแต่ก็ไม่พูดความจริงทั้งหมด “พอไปเยี่ยม ไปดูแลที่โรงพยาบาลบ่อยเข้าก็ถูกอัธยาศัย นิสัยใจคอเขาดีมากเลยนะครับอา ไม่ได้คิดจะมาหลอกหรืออะไรผมอย่างที่ใครหลายๆคนคิดเลยนะครับ”
“เอาเถอะ อาไม่ห้ามหรอกคนเราจะคบกันก็เลือกที่นิสัยใจคอ ใช่เลือกยศฐาบรรดาศักดิ์ แล้วนี่เขาไม่มีญาติพี่น้องน่ะ เขาอยู่กับใครอยู่คนเดียวอย่างที่บอกแน่หรือ ชายส่งเสียเลี้ยงดูเขาหรือเปล่า”
ภาสกรอึ้ง ถึงกับน้ำท่วมปากพูดไม่ออกบอกไม่ถูกเพราะที่มิ่งเมืองถามมานั้น ไม่รู้จะตอบได้อย่างไรนอกจากจะยอมรับว่าจริงทั้งหมด!
“อาจะบอกให้นะชายภาส ถึงคุณชายจะเคยยอมรับกับอาแล้วทุกอย่างว่าเสียใจ รู้สึกผิดอย่างนั้นอย่างนี้ แต่มาวันนี้เขาหายดีแล้ว ก็น่าจะแยกกันไปได้แล้วไม่ควรจะคอยเลี้ยงดูปูเสื่อเขา ญาติเราก็ไม่ใช่”
“ชายบอกคุณอาแล้ว” ภาสกรเถียงขึ้น “ว่าเราสองคนเป็นเพื่อนกันครับ ชายไม่ได้ไปเลี้ยงดูปูเสื่ออะไรเขา แล้วเขาก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรจากชายด้วย”
“เขาไม่ได้เรียกร้องก็ดี” มิ่งเมืองว่า ทำท่าจะขึ้นรถไปในที่สุด “อาก็กลัวแต่ว่าชายภาสจะโดนเขาเอาเปรียบเท่านั้น ถ้าไม่มีอะไรก็ดีแล้วล่ะ”
มิ่งเมืองขึ้นรถ สตาร์ทเครื่องกำลังจะออกไปแล้วก็ไขกระจกลงพูดกับภาสกรเป็นประโยคสุดท้ายก่อนจะออกไปจากวังพัทยา “ท่านชายเรืองเดชมารับสั่งกับอา ว่าโปรดให้ชายแต่งงานได้แล้ว วันนี้ก็อายุครบสามสิบพอดีแล้วคิดเรื่องอนาคตบ้างนะคุณชาย แม่ทิฆัมพรนั่นอาว่าไม่ไหวก็จริง แต่ถ้าเป็นความต้องการของหม่อมวิไลวรรณคุณชายก็คงจะเลี่ยงไม่ได้ นอกเสียจากว่า...”
ภาสกรจำคำนั้นได้ขึ้นใจ
“...คุณชายจะเลือกใครที่ดีกว่า ซึ่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเลย”
หม่อมราชวงศ์ดาริกา สุวรรณฉาย ล่ะสิไม่ใช่ใคร คุณชายหนุ่มนึกในใจขณะหมุนตัวกลับมาเตรียมพร้อมจะขึ้นบ้านก็เห็นว่าทิฆัมพรกำลังเดินออกจากบ้านมาพอดี คุณชายหนุ่มเห็นว่าหล่อนไม่ได้พยายามเข้ามาคลอเคลียเหมือนก่อน เพราะกำลังไม่พอใจอะไรอยู่ก็เลยถือเป็นโชคดี เอ่ยขึ้นด้วยเสียงเป็นการเป็นงานว่า
“กลับแล้วหรือทิฆัมพร”
“ค่ะ” หล่อนตอบสั้นๆ แล้วก็เดินผ่านตัวคุณชายหนุ่มไป เหมือนจะตรงไปขึ้นรถแล้วกลับออกไปเดี๋ยวนั้น แต่แล้วหล่อนก็หันกลับมาเอ่ยถามขึ้นในความเงียบนั้น “คุณชายคะ ฟ้าถามจริงๆคุณชายเคยรักฟ้าบ้างไหมคะ”
ภาสกรถอนใจ
“เป็นอะไรอีกทิฆัมพร”
“ก็วันนี้พี่ชายพูดคุยปรนนิบัติทุกคนอย่างดี แม้แต่นายนทีนั่นพี่ชายก็คอยเอาใจสารพัด แต่พี่ชายกลับไม่พูดอะไรกับฟ้าสักคำ แล้วก็ยังไม่ดูแล ไม่สนใจฟ้าบ้างเลยด้วย” หล่อนพูดเสียงเบาอย่างกับว่าไม่ใช่เสียงหล่อน ปกติทิฆัมพรจะตวาดแว้ดใส่ภาสกรทุกครั้ง มีครั้งนี้เองที่หล่อนดูเหมือนจะเสียงใจเอาจริงๆ
“เธอก็รู้ว่าพี่ไม่ได้รักเธอนี่ ทิฆัมพร”
“พี่ชายรักยายคุณหญิงนั่นใช่ไหมคะ ฟ้ามันต้อยต่ำ ไม่ได้เป็นเจ้าเป็นนายสมกันกับคุณชายนี่ใช่ไหมคะ” หล่อนตัดพ้อ วันนี้เป็นวันที่หล่อนรู้สึกแพ้อย่างราบคาบจริงๆ ตั้งแต่ภาสกรกลับจากอังกฤษมา แล้วหล่อนก็พยายามเกาะแกะ เอาใจให้ได้แต่งงานกับเขา รู้ก็รู้ว่าเขาไม่เคยมีใจ จะพาไปส่งที่ไหน พาไปกินอะไรก็ทำเพราะจำใจ หาได้มีใจพิศวาสหล่อนไม่ แต่หล่อนก็ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองโดนเขี่ยทิ้งเท่าวันนี้เลย
แม้แต่ท่านชายเรืองเดช และหม่อมวิไลวรรณเองก็ไม่สนใจไยดีหล่อน ที่โต๊ะอาหารก็ชวนคุยกันแต่กับดาริกา ไม่มีใครคิดจะพูดคุยกับหล่อนเลยแม้แต่น้อย
“ทิฆัมพร พี่กับคุณหญิงเราเป็นเพื่อนกัน ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น เธอก็รู้ว่าพี่ไม่เคยคบกับใครที่ฐานันดรศักดิ์ หรือฐานะใดๆทางสังคมอยู่แล้ว พี่ถูกใจ พอใจใครพี่ก็คบคนนั้น เธอกับพี่แตกต่างกันเกิดไป พี่เข้ากับเธอไม่ได้เธอก็รู้ เราเคยอยู่ด้วยกันแล้วมีความสุขสักวันหรือทิฆัมพร ถ้าเธอไม่ชวนทะเลาะ เธอก็เอาแต่ใจคอยบังคับพี่ทุกอย่าง พี่ว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วนะว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พี่ก็ไม่แต่งงานกับเธอ ต่อให้เธอเป็นหม่อมเจ้า หม่อมราชวงศ์ หรือเป็นเจ้าหญิงจากดินแดนไหนถ้าพี่ไม่รัก พี่ก็ไม่แต่ง”
“ค่ะ” หล่อนรับ ไม่มีน้ำตาอย่างผู้หญิงคนอื่นๆ อาจเพราะความโกรธมันมากกว่าความเสียใจกระมัง หล่อนถึงไม่แม้แต่จะมีน้ำตาคอเบ้า “งั้นพี่ชายตอบคำถามฟ้าอีกคำเดียว พี่ชายกับนายนทีอะไรนั่นคบกันอยู่ใช่ไหม พี่ชายเป็นเกย์ใช่ไหมคะ!”
เงียบ ภาสกรไม่ตอบอะไรสักคำ
“อ้อ มิน่าเล่า มิน่าถึงเชียร์กันออกนอกหน้า ตอนที่ฟ้ากำจัดนายคนที่ถูกพี่ชายขับรถชนที่โรงพยาบาลนั่นก็ครั้งหนึ่งแล้ว สุดท้ายพี่ชายก็ไปตกเด็กหนุ่มๆมาอีกจนได้ ทำไมคะ เป็นผู้ชายดีๆไม่ชอบ ทำไมจะต้องมาทำตัววิปริต!”
“ทิฆัมพร ระวังคำพูดของเธอบ้าง” ภาสกรว่าเสียงเรียบ “ขอให้เธอรู้ไว้ด้วยนะว่า พี่ไม่ได้เป็นเกย์... แล้วใช่พี่คบกับนทีอยู่อันที่จริงเธอก็รู้ หม่อมแม่ก็รู้ ท่านพ่อก็ทรงทราบ พี่ก็บอกทุกคนแล้วว่าพี่คบอยู่กับนที เราเป็นเพื่อนกันทิฆัมพร เข้าใจไหม”
“ฟ้าไม่เชื่อ”
“ตามใจเธอ พี่มีหน้าที่ชี้แจงกับเธอ พี่ก็ทำแล้ว แต่จะให้พี่ไปบังคับให้เธอมาเชื่อพี่อีก พี่เห็นจะไม่จำเป็นต้องทำกระมัง”
ทิฆัมพรมองหน้าภาสกรอย่างเย็นชาที่สุด หล่อนไม่เชื่อสักคำว่าภาสกรกับนทีไม่มีอะไรกับ หล่อนรู้สึกระแวงตั้งแต่เห็นหน้านทีแล้วว่า ภาสกรกับนทีจะต้องเป็นคู่เกย์กันแน่ ยิ่งอีริคกิ๊กหล่อนเคยบอกด้วยว่าคุณชายเคยทำหวานเยิ้มกับไอ้เด็กที่ถูกรถชน หล่อนยิ่งฝังใจว่าภาสกรเป็นพวกรักร่วมเพศ
หล่อนเคยกำจัดไอ้เด็กนั่นไปแล้ว ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายภาสกรจะไปเร่หาเด็กหนุ่มๆ มาเลี้ยงอีก หล่อนอยากจะกรี๊ดใส่หน้าเขาเหลือเกินแต่ก็กลัวท่านชายเรืองเดชจะทรงทราบ เกิดมาเห็นเข้าหล่อนจะเป็นฝ่ายเสีย หล่อนจึงพูดทิ้งท้ายเอาไว้แต่ว่า
“ช่างเถอะค่ะ พี่ชายจะเป็นอะไรกับนายนั่นก็แล้วแต่ พี่ชายตักตวงความสุขไปเถอะ เพราะท่านชายเพิ่งคุยกับฟ้าเมื่อตอนเดินทางจากกรุงเทพมาพัทยานี่เองว่ายังไงท่านก็ต้องให้พี่ชายแต่งกับฟ้าก่อนท่านสิ้นชีพิตักษัยแน่ ทีนี้รักหรือไม่รัก พี่ชายก็ต้องแต่งงานกับฟ้าค่ะ”
ทิฆัมพรขับรถออกไปแล้ว เขาจึงถอนใจอีกครั้ง แล่วเดินใจลอยเปิดประตูกลับเข้ามาถึงด้านในก็รู้สึกไม่สบายใจเลย ถ้าท่านชายเรืองเดชคุยกับทิฆัมพรแล้วก็เท่ากับว่าท่านชายมั่นใจแล้วว่าอยากให้เขาแต่งงานจริงๆ ไม่ใช่แค่พูดไปอย่างนั้นตามประสาพ่อ คงคิดอยากให้เขาเริ่มสร้างครอบครัวของตัวเองเข้าแล้วจริงๆ
เขาเคยได้ยินมาตั้งแต่ไหนแต่ไรว่า ท่านพ่อและหม่อมแม่ของเขาหมายมั่นจะให้ทิฆัมพรมาเป็นภรรยาเขาให้ได้ แต่ไม่ได้คิดเป็นจริงเป็นจังว่าท่านพ่อและหม่อมแม่จะคิดบังคับจิตใจเขา
ถึงวันนี้ท่านพ่อจะยังไม่ได้รับสั่งออกมาตรงๆว่าเขาจะต้องแต่งกับทิหัมพรวันไหนก็เถอะ แต่ถ้าเริ่มเอาเรื่องไปพูดกับคนที่จะต้องเป็นเจ้าสาวแล้วก็แสดงว่าเริ่มมีความตั้งใจขึ้นมาบ้างแล้ว แล้วนี่เขาจะทำอย่างไรดี
ทันทีที่เดินกลับขึ้นมาในบริเวณบ้าน เขาก็เห็นนทีนั่งคุยอยู่กับดาริกา และ
นรัตพล ท่านพ่อและหม่อมแม่ของเขาหายไปแล้วก็คงจะขึ้นไปพักผ่อนที่ชั้นบนแล้วกระมัง ภาสกรเห็นนทียิ้มข้ามห้องมาก็รู้สึกสบายใจขึ้น หากท่านพ่อยังไม่รับสั่งเรื่องแต่งงานตอนนี้ เขาก็ยังไม่อยากตีตนไปก่อนไข้
ไว้เป็นไข้ขึ้นมาจริงๆค่อยหายากินคงพอจะหายได้อยู่บ้าง
“นที” เขาว่า นั่งลงข้างๆหนุ่มน้อยรวบเอามือมากุมไว้ “ท่านพ่อ กับหม่อมแม่ไปนอนแล้วหรือ”
“ครับ นี่ยังถามผมด้วยว่าจะกลับไปนอนที่ไหน ถ้าไม่อยากไปก็ให้ค้างเสียที่นี่” เขาเล่าให้ภาสกรฟัง สีหน้าดูมีสุขอย่างคนที่ภูมิใจในตัวเองว่ามีผู้ใหญ่รักใคร่
“ผมบอกคุณแล้ว น่ารักอย่างคุณ ยังไงเสียท่านพ่อกับหม่อมแม่ผมก็ต้องรักคุณด้วย แล้วผมพูดผิดไหมเล่า”
นรัตถพลและดาริกายิ้มให้ทั้งคู่
“ที่ผมช็อกก็คือ น้องนทีทำอาหารเก่งเหลือเกิน” หม่อมราชวงศ์คนพี่ว่า “ระวังนะครับคุณชายภาส ถ้ารักษาไว้ไม่ดีระวังผมแย่งนะ”
ทั้งสี่หัวเราะอย่างอารมณ์ดี แล้วดาริกาก็เอ่ยว่า
“หญิงมีของขวัญให้คุณชายด้วยนะคะ ให้น้องนทีไปแล้วสงสัยจะทำเซอร์ไพรส์คุณชายทีหลังมั้งคะ” หล่อนยิ้มกว้างอย่างใจดี ภาสกรก็หันไปทำหน้าขอคำตอบจากหนุ่มน้อย แต่อีกฝ่ายกลับยักใหล่เหมือนจะบอกว่าไม่มีอะไรอย่างนั้น
“เดี๋ยวเถอะคุณจะฮุบของขวัญผมไว้กับตัวคนเดียวหรือ”
“เอาไว้ก็เท่านั้นแหละครับคุณชาย” นรัตถพลหัวเราะ “ผมกับน้องหญิงช่วยกันทำทั้งวันเลย จริงๆให้คุณชายก็เหมือนให้นที ยังไงก็เหมือนกันอยู่แล้ว”
ภาสกรยิ่งงงหนักเข้าไปใหญ่ แต่พอดีนทีขยับตัวอย่างไรไม่รู้ ขากางเกงดันเลิกขึ้นทำให้ดาริกาสังเกตเห็นผ้ากอซแปะเอาไว้ ยังเห็นเลือดอยู่เป็นดวงแดงๆตรงกลางผ้าอยู่เลยจึงเอ่ยถามว่า “อุ๊ย เข่าน้องน้ำเป็นอะไรคะ ไปโดนอะไรมา”
ภาสกรกับนทีมองหน้ากันแล้วภาสกรก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน
“จริงๆผมคิดว่าจะหาเวลาไปคุยกับคุณชาย และคุณหญิงวันอื่น แต่ไหนๆก็ถามมาแล้วผมเล่าเลยก็แล้วกัน แต่เตือนว่าเรื่องนี้ค่อนข้างจะซีเรียสหน่อย ใครเอากาแฟไหมครับ” ถามเสร็จนทีก็เลยต้องเดินไปชงกาแฟมาถึงสี่แก้วทีเดียว