44
กาแฟใส่นมสามแก้วตั้งอยู่บนโต๊ะกระจกในห้องนั่งเล่นนั้นเอง มีกาแฟดำอีกแก้วของภาสกรวางไว้ข้างกัน เจ้าของกาแฟดำกำลังเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อเย็นวันนั้นให้ดาริกา และนรัตถพลฟังเท่าที่จะจำได้ ขณะนั้นเกือบสี่ทุ่มครึ่งแล้วภาสกรก็เล่าไปได้ถึงตอนที่โจรขโมยกระเป๋าดิ้นหลุดออกจากภาสกรแล้ววิ่งหนีไปพร้อมกับพูดว่า “กูไม่เอาด้วยแล้ว” พอดี
ภาสกรเอ่ยคำที่ขโมยคนนั้นพูดทิ้งท้ายเอาไว้เป็นครั้งที่สองเพราะพอเล่าไปอย่างไม่ใส่ใจ ดาริกาก็ถามให้ช่วยพูดซ้ำอีกครั้ง
“ทำไมหรือ คุณหญิงสงสัยอะไรหรือเปล่าครับ”
“ค่ะ คุณชายไม่คิดว่ามันแปลกๆหรือคะ”
“นั่นสิครับ ตอนแรกผมก็ว่าอย่างนั้น แต่ไม่ทันได้จับผิดอะไร เรื่องมันเกิดเร็วมากผมเลยมัวแต่ระวังอันตรายนที ไม่ทันได้คิดว่ามันพูดด้วยน้ำเสียงอย่างไร”
“ให้เดาว่าเสียงกลัว กึ่งๆโกรธหรือเปล่าคะ”
ภาสกรจิบกาแฟดำ ขมวดคิ้วแน่นแล้วก็พยักหน้า
“ผมว่าใช่ เหมือนมันจะตะโกนแบบหงุดหงิดหน่อยน่ะครับ” ภาสกรพูดเสียงอ่อนๆไม่แน่ใจในความคิดของตัวเองนักใน เมื่อวันนั้นอะไรต่ออะไรมันเกิดขึ้นเร็วจนแทบจะตั้งสติไม่อยู่ “ผมไม่แน่ใจว่า ไม่เอาด้วยแล้วนี่หมายความว่ายังไงครับ ทำไมต้องใช้คำว่า “ด้วย” เหมือนมันไม่ได้เต็มใจจะฉกกระเป๋าแต่ต้องให้ความร่วมมือกับใครอย่างไม่เต็มใจอย่างนั้นล่ะครับ”
“พี่ว่า ก็คงเป็นคนทิ่วิ่งชนหม่อมนั่นละ” นรัตพลออกความเห็น “คงร่วมมือกันเป็นแก๊งค์ อาจจะไม่ได้ไม่เต็มใจหรอกคงคิดว่าแค่ฉกกระเป๋า ไม่น่าจะต้องมาเจ็บตัวละมั้ง ถึงได้บอกว่าไม่เอาด้วยแล้ว”
“หญิงเห็นด้วยค่ะ ฟังจากที่คุณชายเล่าหญิงว่าเพราะน้องฟ้าทิฆัมพรนั่นล่ะ เรียกคุณชายๆ เสียเสียงดังทีนี้มันคงรู้ว่าเป็นคนมีเงินเลยวางแผนกันให้คนหนึ่งชนหม่อมให้ล้ม กระเป๋าตก อีกคนก็คงเล็งไว้แล้ววิ่งมาฉกกระเป๋าไป กะให้เราลังเลว่าจะตามใครดี กว่าจะตัดสินใจได้ก็คงหายไปแล้ว”
“แล้วน้องน้ำไปได้แผลมาอย่างไรล่ะครับเนี่ย”
“ก็กำลังจะเล่าต่อไงครับว่า...” แล้วภาสกรก็เล่าเรื่องต่อจากนั้น ว่านทีตะโกนเรียกเขาอย่างไร กระโดดไปรวบกดเขาลงจากพื้นให้พ้นวิถีกระสุนอย่างไร ไปจนจบเรื่องราวทั้งหมดขึ้นรถกลับมา
“แล้วได้ไปแจ้งความหรือเปล่าล่ะครับ”
“เปล่าครับ ก็เห็นว่าไม่มีใครเป็นอะไรมาก แล้วเงินคุณแม่ก็ยังอยู่ครบด้วย อีกอย่าง ทิฆัมพรก็ไปด้วย เขาก็ไม่อยากขึ้นโรงพักก็เลยโวยวายจะกลับมาที่นี่ให้ได้”
นทีจำได้ดีว่าพอเขาแนะนำให้ภาสกรแจ้งความ หญิงสาวปากแดงแจ๋ก็โวยวายขึ้นมาแทบจะทันที ราวกับว่าไม่ต้องคิดหน้าคิดหลังอะไรเลย
“โอ๊ย จะไปแจ้งทำไมคะ ตำรวจไทยน่ะคดีเล็กๆอย่างไล่ตามหาคนฉกกระเป๋าอะไรเนี่ย เขาไม่ทำกันหรอกค่ะมันเสียเวลา เขาเอาเวลาไปปราบยาบ้า จับฆาตรกรโรคจิตอะไรกันหมดแล้วค่ะ แจ้งไปเราก็เสียชื่อเปล่าๆ เสียเวลาด้วย วันนี้วันเกิดคุณชายนะคะ กลับวังไปพักผ่อนดีกว่า... นะคะ น้าวิไลเชื่อฟ้าซีคะ คุณน้าก็อาการหนักด้วยเพิ่งฟื้นจากเป็นลม กลับวังไปนอนพักนะคะ ไปค่ะเชื่อฟ้า”
“แต่มันไม่ใช่แค่ฉกกระเป๋านะครับ มันมีการยิงกันด้วย อย่างนี้พยายามฆ่าเลยนะครับ” นทีจำได้ว่าภาสกรเถียงไปอย่างนี้ อีกฝ่ายก็เถียงเอาสีข้างเข้าถูจนภาสกรทนฟังเสียงหล่อนไม่ไหว ต้องกลับมาวังพัทยาจริงๆ
“ผมเห็นด้วยกับคุณชาย” เสียงของนรัตถพล ปลุกนทีขึ้นมาจากห้วงความคิด ผมดำยาวสลวยรวบขึ้นไปมัดไว้ที่หลังศีรษะทำให้เห็นดวงหน้านั้นชัดเจน คิ้วเข้มสวยขมวดเข้าหากันอย่างใช้ความคิด “ผมว่านี่มันไม่ธรรมดาแล้ว”
“ครับ ผมยังคุยกับนทีอยู่เลยว่าถ้าฉกกระเป๋ากันธรรมดาก็ไม่น่าจะถึงกับต้องมายิงกันจะฆ่าจะแกงกันอย่างนี้” ภาสกรตอบ
“เป็นไปได้ไหมคะ ว่าทุกอย่างมันเป็นกับดัก” ดาริกาตั้งข้อสันนิษฐาน ทุกคนในห้องพากันมองหล่อนอย่างประหลาดใจ รอฟังคำพูดต่อมาอย่างใจจดใจจ่อ “เป็นไปได้ไหมว่าพวกนั้นฉกกระเป๋าหม่อมไปเพื่อให้คุณชายตาม ไปเจอกับมือปืนนั่น เป้าหมายที่แท้จริงไม่ใช่เงินแต่เป็นชีวิตคุณชาย!”
เงียบกันไปชั่วขณะหนึ่ง ไม่ใช่เงียบเพราะไม่เชื่อหรืออย่างไร แต่เพราะต่างคนต่างก็พิจารณาอยู่ว่าข้อสันนิษฐานนี้มีน้ำหนักมากเหลือเกิน
“น้องน้ำเป็นคนเห็นมือปืนใช่ไหมครับ”
“ใช่ครับ” นทีตอบ “เขาอยู่บนมอเตอร์ไซค์ จอดอยู่ตรงแทบสุดซอยห่างจากพวกเราไปไม่ไกลนัก พอมองเห็นได้ครับ ผมเห็นมันถือปืนเล็งมาพอดีก็เลยช่วยไว้ได้ทัน”
“จอดอยู่หรือ ไม่ใช่ว่าขับผ่านมาใช่ไหม” นรัตถพล ก็ยังเล่นบทเชอร์ล็อกโฮลมส์ถามต่อไป
“ผมไม่แน่ใจ ความเคลื่อนไหวเดียวที่ผมจับได้คือ ไอ้คนนั้นมันล้วงปืนออกมาจากกระเป๋ากางเกง แล้วก็เล็งมาที่คุณชายเท่านั้นครับ”
“แปลกจริงๆนะคะ” มิสมาร์เปิ้ล ดาริกาว่า “น้องน้ำบอกว่าจอดอยู่ แล้วใส่หมวกกันน็อคด้วย ทุกคนก็รู้ว่านี่เมษาแล้ว อากาศร้อนอย่างกับอะไร ใส่หมวกเอาไว้ทั้งที่ไม่ได้ขับไปไหนมาไหน อย่างนี้ก็จงใจปิดบังใบหน้าชัดๆค่ะ”
“น้องนทีจำทะเบียนได้ไหมครับ”
“ไม่ได้ครับ มันเร็วมาก จำได้แต่มีตัว ท.ทหารเท่านั้นเอง”
“อย่างนี้เราก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้ซีนะครับว่าเรื่องยิงกันนี่มันบังเอิญ หรือว่าจงใจจะล่อคุณชายไปเก็บจริงๆ” นรัตถพลออกความเห็น “ถ้าเป็นอย่างหลังคุณชายก็ต้องระวังตัวไว้เสียมากๆเลย”
“แต่เราก็ไม่มีทางรู้อยู่ดีนี่ครับว่าความจริงมันเป็นอย่างไร” ภาสกรว่า
“มันก็มีทางนะคะ” ดาริกายิ้มอย่างตื่นเต้น เหมือนเด็กน้อยรู้ว่าพ่อแม่จะพาไปเที่ยว “เราคงต้องเริ่มสืบกันดูละค่ะ”
“ดีเหมือนกันครับ” ภาสกรว่า “ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญหรือมีคงจงใจจะฆ่าผมจริงๆ ถ้าเป็นอย่างหลัง นทีก็ไม่ปลอดภัย ครอบครัวผมเองก็ไม่ปลอดภัย เราก็คงต้องย้ายกลับกรุงเทพให้เร็วที่สุด”
คุณชายเอื้อมมือมากุมมือหนุ่มน้อยขณะที่พูดไปด้วย
“งั้นพรุ่งนี้ผมจะลองกลับไปที่ตลาด ลองถามพวกที่นั่นดูเผื่อจะมีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง” ภาสกรพูดอย่างตั้งใจจริงจนด้วงตาสะท้อนวาวเป็นประกาย
“ไม่ได้นะครับ” นรัตถพลแย้ง “ถ้าหากมือปืนมันตั้งใจจะเก็บคุณชายจริงๆละก็ มันอาจจะยังอยู่ใกล้ๆแถวนั้นก็ได้ ถึงช่วงนี้กระแสของคุณชายกับทิฆัมพรจะแผ่วๆไปแล้ว แต่ผมเชื่อว่าพวกชาวบ้านร้านตลาดคงจะจำคุณชายอยู่ได้บ้าง”
“เอาอย่างนี้ดีกว่าค่ะ เดี๋ยวหญิงกับพี่ชายรัตจะเป็นคนไปเอง รับรองว่ารู้เรื่องแน่” หล่อนว่า ยิ้มหวานให้เขาเหมือนเรื่องนี้เป็นเรื่องเล่นๆ
“ไม่ได้นะครับ ถ้าคุณหญิงเป็นอะไรไป...”
“จะเป็นอะไรไปได้ยังไงล่ะครับ มีผมทั้งคน” นรัตถพลว่า “แล้วเราก็ไม่ได้จะไปหาเรื่องใครก็แค่ไปสืบหาเรื่องนิดหน่อยรับรองเรื่องไม่แดงแน่ๆ ผมกับน้องหญิงก็ทำแบบนี้บ้างเวลาเราอยากรู้เรื่องอะไรของใคร คุณชายอยู่ดูแลน้องนทีดีๆแล้วกันนะครับ อ้อ! อย่าให้หม่อมรู้เด็ดขาดว่าเราจะสืบเรื่องนี้กัน เรื่องไปถึงกรรณท่านเรืองเดชขึ้นมาพวกเราจะโดนกริ้วแค่ไหนก็ไม่รู้”
ภาสกรไม่ได้สังเกตเลยว่า ตอนที่เขาเข้ามาทำแผลให้นทีนั้น มันมีของบางอย่างวางอยู่ใต้เตียง พอหม่อมราชวงศ์สองพี่น้องกลับบ้านไปเรียบร้อยแล้ว ภาสกรก็พานทีขึ้นห้อง ปิดประตูห้องไม่ทันจะได้พูดหรือทำอะไรกันนทีก็สั่งเสียงเข้มว่า “คุณชาย หลับตาแล้วหันหลังให้ผมเลยครับ”
“ทำไมล่ะ อยู่ดีๆให้หันหลังให้ผมคิดมากนะ”
“นี่! คุณชาย” นทีส่งฆ้อนวงใหญ่มาให้ “จะทำหรือไม่ทำครับ ไม่ต้องทำตามที่ผมบอกก็ได้นะผมไม่ง้อแล้ว”
“อ้าว ซะอย่างนั้น โอเคๆ ทำก็ทำครับผมไว้ใจนทีนะ คงไม่ได้คิดจะทำร้ายผมหรอกถูกไหม” พูดจบก็หัวเราะแล้วก็ยืนหันหลังให้กับนทีตามที่หนุ่มน้อยสั่ง ได้ยินเสียงกุกกักด้านหลังจนเงียบไปสักพักก็ถามว่า “ผมหันกลับไปได้หรือยัง”
“หันมาครับ”
เพียงภาสกรหมุนตัวกับมามองก็พบว่าในมือของนที เป็นกรอบรูปขนาดใหญ่ บังครึ่งตัวของนทีไปได้หมด ข้างในเป็นรูปของเขาและนทีกระจายอยู่เต็มไปหมด ใหญ่บ้างเล็กบ้างแต่เรียงประดับไว้จนเต็มพื้นที่ ตรงกลางของกรอบรูปนั้นเป็นคำอวยพรจากคุณหญิงดาริกา และคุณชายนรัตถพลให้สุขภาพแข็งแรง เจริญก้าวหน้าทั้งการงาน การเงิน และความรัก
โดยเฉพาะข้อหลังเห็นแล้วก็เหลือบขึ้นมามองหน้านที เห็นรอยยิ้มของหนุ่มน้อยก็แย่งกรอบรูปเอาไปวางไว้เสียบนเตียงแล้วรวบตัวภาสกรไปกอด
“ขอบใจมากนะนที”
“ขอบใจผมทำไมครับ ขอบคุณคุณหญิงกับคุณชายบ้านโน้นเถอะ เขาช่วยกันทำทั้งวัน ส่วนผมน่ะไม่อยากบอกเดี๋ยวจะหาว่าอวด ว่าเป็นคนทำเค้กที่คุณชายกินไปแล้วเมื่อกี้นี้ให้เองด้วยมือ ผมไม่มีเงินซื้ออะไรให้ไม่ได้ แต่ก็ตั้งใจทำให้อย่างสุดความสามารถแล้วนะ”
“แค่นี้ก็ดีแล้ว นที... มัน เป็นเค้กที่อร่อยมากเลยนะ จริงๆนะผมคิดว่าเป็นของเจ๊เก๋ทำจากร้าน มารู้ว่าคุณทำเองก็อึ้งเลย มันอร่อยมาก” คุณชายหนุ่มยิ้มกว้าง “อีกอย่างของขวัญของคุณหญิง และคุณชายก็จะไม่มีความหมายอะไรเท่าไหร่เลย หากในกรอบรูปไม่มีรูปคุณ”
หนุ่มน้อยยิ้มกว้าง มองรูปถ่ายระหว่างเขาและคุณชายตั้งแต่ไปเที่ยวนครนายกด้วยกัน และอีกหลายๆครั้งที่พัทยาที่นทีเป็นคนถ่ายบ้าง ให้ปุยฝ้ายถ่ายบ้าง แล้วเอาไปล้างส่งให้คุณหญิงดาริกาด้วยตัวเอง
“ขอบคุณนะครับ ที่อยู่ข้างผมมาตลอด” หนุ่มน้อยซบหน้าลงกับอกของภาสกร ได้ยินเสียงหัวใจของอีกฝ่ายมาดังก้องในหูแล้ว ให้ความอบอุ่นอย่างพิเศษเหลือเกิน ขาดคำของภาสกรคุณชายหนุ่มก็เชยคางนทีขึ้นจุมพิตแผ่วเบา
“คุณชายเดี๋ยวท่านชายเรืองเดชก็ทรงทราบหรอกครับ ผมต้องลงไปนอนข้างล่างด้วย” นทีว่าทันทีที่ถอนปากออกมาจากปากของภาสกรได้
“ไม่หรอกน่า ปิดประตูสนิทแบบนี้ พรุ่งนี้เราก็ตื่นกันให้ก่อนท่านพ่อตื่นบรรทมซีครับ แล้วเดี๋ยวไปเดินเล่นกัน” เขาว่า “กลับมาเรื่องของขวัญ เนี่ยผมทานเค้กไปหมดแล้ว... อีกอย่างเค้กก็แบ่งให้คนอื่นทานด้วย แต่ผมอยากได้ของขวัญอีกสักชิ้นหนึ่งได้ไหม”
นทีเอียงหน้าหนี เขินจนหูแดงเพราะภาสกรค่อยๆเลิกเสื้อของเขาขึ้น ลูบไล้เนินเนื้อนุ่ม เนียนละเอียดข้างใน
“ขอของขวัญที่ดีที่สุดในชีวิตผมเถอะครับ” คุณชายกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหูขาวบางของหนุ่มน้อย “คราวนี้ผมทานได้คนเดียว ไม่แบ่งใครเด็ดขาด”
เช้านี้ หม่อมราชวงศ์ภาสกร รชตานันท์ยังคงไม่ตื่น แต่นทีตื่นแล้วก็เลยลงไปเดินเล่นที่ชายหาดแต่เช้า ในวังมีนมอุ่น และเด็กสองสามคนที่ตื่นนอนแล้วกำลังทำอาหารเช้าอยู่ จึงไม่มีใครรู้ว่ามีรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งแล่นเข้ามาจอดที่หน้าวัง วางห่อของอันหนึ่งไว้แล้วก็กดออดเรียกสาวใช้ในบ้าน
ไม่ทันที่ใครจะออกมารับของ รถมอเตอร์ไซค์คันนั้นก็ขับออกไปเสียแล้ว เด็กจิ๋มสาวใช้คนหนึ่งก็เดินออกมาพอดี ทันจะได้เห็นห่อของแต่ไม่เห็นคนให้ หล่อนชะเง้อซ้าย ขวาไม่เห็นว่ามีใครมาก็เลยหยิบเข้ามาในบ้านเสียเลย
“ใครมารึแม่จิ๋ม” นมอุ่นถามเสียงเข้มอย่างน่ายำเกรง
“ไม่มีใครค่ะ มีคนส่งของมาให้คุณชาย” หล่อนตอบ ยื่นห่อนั้นให้นมอุ่นดู ปรากฏว่าเขียนเอาไว้ว่า
สุขสันต์วันเกิด คุณชายภาสกร
“คุณชายของนม” นมอุ่นยิ้มที่มุมปาก “ดูซิมีเพื่อนส่งของมาให้ น่ารักเสียจริงเชียว นี่ขนาดโตแล้วยังมีคนส่งของขวัญมาให้ เมื่อวานนี้ก็หลายห่อ นี่ก็ส่งมาอีกสงสัยจะของดีนะนังจิ๋ม”
“ของดีอะไรหรือจ๊ะ นม” ภาสกรเดินลงบันไดมาได้ยินบทสนทนาพอดีก็ถามขึ้น “ไหนใครส่งอะไรมาให้ผม”
“ไม่ทราบค่ะ เขียนว่าสุขสันต์วันเกิดด้วยลองเปิดดูซีคะ” ภาสกรทำตามที่ว่า แกะห่อออกมาก็พบว่าข้างในเป็นนมสดบรรจุขวดที่ฉลากเขียนบ่งบอกยี่ห้อว่าเป็นนมคุณภาพจากนิวซีแลนด์ ภาสกรรู้ว่านทีชอบดื่มนมพอๆกับตนก็ยิ้มออก บอกแม่นมของตนว่าของในมือคืออะไรก่อนจะ มองซ้ายมองขวาพอเห็นว่าไม่เจอคนรักก็เอ่ยถามนมอุ่นว่า
“นทีอยู่ไหนจ๊ะนม”
“ลงไปเดินเล่นมังคะ นมตื่นมาก็ไม่เจอแล้ว แต่ประตูที่นอกชานเปิดเอาไว้ก็คงลงไปเดินเล่นที่ชายหาดจริงๆละมังคะ”
“งั้นนมช่วยรินนี่ใส่แก้วให้ผมทีนะ 2 แก้ว แก้วหนึ่งมากหน่อยนทีเขาชอบดื่มนม เดี๋ยวผมมาไปตามนทีก่อน” ภาสกรว่า แล้วก็เดินทอดน่องออกไปตามนทีจากชายหาด พบว่าหนุ่มน้อยเดินไปไกลแล้วก็เลยเดินไปตาม ไม่อยากตะโกนเสียงดังเดี๋ยวหม่อมแม่ และท่านพ่อจะตื่นเอา
ที่ในครัว
นมอุ่นรินนมใส่แก้วสองใบ แล้วก็ใช้เด็กจิ๋มยกออกไปเสิร์ฟข้างนอก ตนจะทำอาหารเช้าต่อเสิร์ฟแล้วก็ให้รีบกลับมาช่วยทำงาน ไม่ได้ตามคุมไปด้วยเพราะคิดว่างานง่ายๆไม่น่าจะมีอะไรผิดพลาด เพราะห้องครัวกับนอกชานก็ไม่ไกลหันนัก
เด็กจิ๋มเดินออกมาวางนมลงกับโต๊ะแล้วก็มองหาคุณชาย เห็นว่ายังเดินออกไปตามนทีที่อยู๋ไกลเหลือเกิน ก็มองไปรอบๆตัว เห็นว่าไม่มีใครอยู่ก็เอ่ยขึ้นกับตัวเองเบาๆ
“ไหนว้า นมจากประเทศนอกมันจะต่างจากนมไทยตรงไหนเชียว”
ขาดคำจิ๋มก็ยกแก้วของนทีที่มีนมเยอะกว่าแก้วของคุณชายอยู่แล้วขึ้นจ่อริมฝีปากดื่มไปอึกหนึ่ง ก็ประหลาดใจว่ามันหอมเหลือเกินมีกลิ่นคล้ายๆถั่ว
อัลมอนด์จางๆรสหวานอ่อนๆ อร่อยติดใจจนต้องยกขึ้นดื่มอีกอึกใหญ่
จิ๋มกำลังจะเดินกลับเข้าไปในบ้าน เท่านั้นเองหล่อนก็รู้สึกวิงเวียนอึดอัดเหมือนจะหายใจไม่ออก หายใจติดขัดอยู่พักหนึ่งก็ล้มลงมือปัดแก้วนมตกลงมาแตกกระจาย ชักตาตั้งอยู่ที่พื้นราวกลับปลาถูกทุบ!
“เสียงอะไรยะแม่จิ๋ม” นมอุ่นได้ยินเสียงแก้วแตกและเสียงแข้งขาของเด็กจิ๋มปัดป่ายไปทั่วจนเสียดังครึกโครมก็วิ่งออกมาตาม “ใช้ให้เสิร์ฟนมแค่นี้แกก็ต้องบกพร่อง... ว้าย”
นมอุ่นกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อเห็นสภาพของเด็กจิ๋มดิ้นไปมาอย่างน่ากลัวอยู่ที่พื้น ก็ตะโกนเรียนภาสกร
“คุณชาย... คุณชายขา นังจิ๋มชักค่ะเป็นอะไรไม่ทราบ!”
ภาสกรได้ยินเสียงโวยวายก็รีบวิ่งกลับมาที่ตัวตำหนัก มีนทีวิ่งกระหืดกระหอบตามมา เห็นสภาพของจิ๋มนทีก็ยกมือขึ้นปิดปาก ภาสกรไม่รอช้าตรงเข้าไปอุ้มสาวใช้ขึ้นมา โดยไม่เสียเวลาถามว่าเป็นอะไรไปเพราะเห็นชัดแน่อยู่แล้ว
จิ๋มถูกวางยา ยาพิษอยู่ในนมขวดนั้น!