@@@ แจ้งข่าว....ดี!!!!รวมเล่มไตรภาคย์งานเขียนเรื่อง
ตะเกียงพิเศษ จอมใจนักเลง เหยี่ยวหัวใจ เป็นบล๊อคเซ็ทรวมไตรภาคย์ทั้งหมดสามเรื่อง เปิดจองได้แล้วค่ะ
แต่!..ยังไม่เปิดโอน จะเปิดโอน มีเลื่อนเป็นกลางเดือนมกรา ปีหน้า ที่แจ้งให้จองก่อน เพราะท่านที่ลงชื่อจอง
150 คนแรก ตอนเปิดโอนท่านยังยืนยันการโอนสั่งซื้อท่านจะได้รับหนังสือแถมเรื่อง
'เทพพิทักษ์ขุนทัพ' ฟรี!..อีกหนึ่งเรื่อง โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสำหรับเรื่องนี้สนใจส่งเมลล์ มาจองได้ที่
luxilove_19690 แอท hotmail ดอท Com ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปส่วนท่านที่สนใจเฉพาะเรื่องไม่เอาเป็นไตรภาคย์ ไม่ต้องถามนะคะว่าแยกซื้อได้ไหม ได้อยู่แล้วคะ
ตอนนี้แค่เปิดจอง ให้นักอ่านที่ต้องการเก็บหนังสือไตรภาคย์นี้ไว้ ได้ลงชื่อจองเข้ามา
ปล.ทุกเรื่องจะมีตอนพิเศษ แถมในเล่มเรื่องละ 2 ตอน ซึ่งไม่โพสฯลงในกระทู้นิยายเก็บตังค์หยอดกระปุกได้เลย จะนำรูปเล่มและข้อมูลที่เหลือมาแจ้งให้ทราบเป็นระยะ คอยติดตามด้วยนะคะ
ปล. 2 สำหรับคนจองแล้วไม่โอน ถือว่าสละสิทธิ์ เราจะเลื่อนสิทธิ์การโอนตามลำดับของคนจอง
หากใครเข้าข่ายอยู่ใน 1 ถึง 150 คนแรก ก็จะได้รับสิทธิ์พิเศษไปแทนนะคะ
ปล3. เปิดรับจองรับโอนไม่จำกัดนะคะ แก้ไขความเข้าใจผิดเสียใหม่แต่จะได้รับแถมพิเศษเฉพาะคนจองคนโอน 150 คนแรกเท่านั้นค่ะ นอกนั้นไม่ได้ของแถม
Luk.
เหยี่ยวหัวใจ
Part 10
เมื่อพรตสงสารอาจารย์!.
.
.
.
.
“เฮ้! รันทางนี้เพื่อน” ไอ้หยกมันตะโกนเรียก มียกมือขึ้นโบกตั้งแต่เห็นผมร้อยเมตรกันเลย ทำเอานักศึกษาที่เดิน
ผ่านไปมามองกันเป็นพรวน เพื่อไม่ให้เป็นจุดสนใจเกินไป ผมรีบโบกมือตอบพร้อมจ้ำพรวดๆไปหาพวกมันซึ่งนั่งสุ่มหัวกันอยู่
ตรงโต๊ะใต้ตึกคณะทันที
หลังจากคืนสุดท้ายที่รับน้องวันเสาร์ เหตุการณ์ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี แม้ว่าไอ้รั่วมันพยายามเว้น
ระยะกับไอ้พี่แซคขึ้นมาบ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับมึนตึงไม่พูดไม่คุยด้วยแบบนั้น เข้าใจมันเหมือนกันเพื่อนที่ต้องทำกิจกรรมร่วมกัน
จะทำเป็นแล้งน้ำใจใส่ไม่ได้ ที่เหลือขึ้นอยู่กับพฤติกรรมไอ้พี่แซคว่าจะล้ำเส้นมันหรือเปล่า
หลังจากเลิกวงเหล้าเราก็เข้านอนปกติ มันมานอนตรงข้างฝาติดกับผม โดยไม่มีใครตั้งข้อสังเกต
หรือสงสัยอะไรสักนิด ผลพวงคงเนื่องมาจากวงเหล้าที่สร้างความเฮฮาสนุกสนานจนคุ้นเคยกันไปเลย ทำให้ไม่มีใครมาคอย
ตั้งแง่จับผิดที่จู่ๆมันย้ายมานอนข้างผม แถมกลุ่มเพื่อนผมก็หัวเราะเฮฮาไปกับมุกรั่วกระหน่ำตีต่อมขำของไอ้รั่วมันอย่าง
ถูกอกถูกใจไปตามๆกัน ต่างเปิดใจยอมรับมันอย่างไม่เหลือช่องว่างกันเลย พอเช้าขึ้นมาหลังทานมื้อเช้าพวกพี่สต๊าฟ
ก็ต้อนน้องๆ เก็บสัมภาระเดินทางกลับ ได้หยุดพักผ่อนวันอาทิตย์หนึ่งวัน จนเปิดเรียนมาวันจันทร์นี่แหละ
คาบแรกเป็นวิชาเลือกเสรี ผมเพิ่งรู้มาว่ากลุ่มไอ้รั่วมันก็เข้าเรียนด้วย เท่าที่ทราบเทอมที่ผ่านมา
ทางมหาลัยไม่เปิดให้ลงทะเบียนรายวิชานี้ พวกมันจึงพากันลงมาตามเก็บเอาเทอมนี้ กลายเป็นว่ารุ่นน้องรุ่นพี่ได้เรียนร่วมกัน
ที่ผมรู้ว่ามันเรียนคลาสเดียวกับผมเพราะตารางเรียนของผมของมันเราต่างให้กันไว้คนละชุดพอเอามาเทียบกันแล้ว ถึงได้รู้ว่า
ผมกับมันดันเรียนด้วยกันซะงั้น ทั้งที่เค้าเปิดสามห้องเพื่อให้นักศึกษาเทอมที่ผ่านมาได้เก็บตกรายวิชานี้ด้วย เป็นครั้งแรก
เลยก็ว่าได้ที่ผมจะได้เรียนห้องเดียวกับมัน
“ไงมาถึงกันแต่เช้าเลยนะ” ผมทักทายเพื่อนๆ ซึ่งตอนนี้มีแต่กลุ่มผู้ชาย เพราะพวกผู้หญิงไม่ลงวิชานี้
กันเลย อยากรู้หรือครับว่ามันคือวิชาอะไร มันคือวิชาวิทยาศาสตร์การกีฬา จึงมีแต่ผู้ชายเลือกเสียส่วนใหญ่ ดังนั้นแต่ละคน
ต้องเอาชุดวอร์มเตรียมมาเปลี่ยนด้วยเพราะเรียนในโรงยิม
“พวกกูตั้งใจมาแดกข้าวรองท้องก่อน สองคาบติดกันกลัวหิววะ ว่ากันว่าอาจารย์แม่งเคี้ยวด้วย
เราดันมาเจออาจารย์นภดลเฮี้ยบตัวพ่อเข้าให้ ห้องอื่นเค้าได้อาจารย์อรุณขานั้นใจดีไม่กดเกรด ข้อมูลล่าสุดที่สายข่าวแจ้ง
พวกกูมาเลยล่ะ” ไอ้อั้มสาธยายถึงเหตุผลที่พวกมันแหกขี้ตากันมาแต่เช้า เพราะผมมาถึงแปดโมงจะครึ่งแล้ว มีเรียนเก้าโมง
แต่พวกมันดันมาถึงก่อนก็แสดงว่าตั้งลำเตรียมตัวกันมาอย่างดี
“ไปยิมเปลี่ยนชุดรอกันเลยเหอะ” ไอ้ขุนมันชวนเลยพากันยกขบวนตรงไปยังโรงยิมที่ใช้เรียนทันที
พอมาถึงรีบตรงไปยังห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าซึ่งมีล๊อกเกอร์สำหรับไว้เก็บของส่วนตัว ก่อนพากันเปลี่ยนเสื้อผ้าเอาของส่วนตัวเก็บ
เรียบร้อยล้วค่อยออกมานั่งบนอัฒจันท์รออาจารย์ไปพลางๆ เก้าโมงตรงอาจารย์นภดลแกเดินเข้ามา นักศึกษาต่างพากันลุก
ลงไปยืนรวมตัวกลางสนามรอฟังแก่อธิบายบทเรียน
“เชิญพวกคุณเข้าแถวให้เรียบร้อยตรงนี้ ให้ผมเช็คชื่อก่อนจะได้รู้จักหน้าตากันเอาไว้” พูดจบพวกผมก็
จัดการเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย มองหาจนทั่วยังไม่เห็นกลุ่มไอ้รั่วโผล่หัวมากันเลย ไม่รู้มันทำอะไรอยู่เพราะผมกับมัน
แยกกันตอนลงรถ เห็นมันบอกต้องรีบไปประชุมกรรมการที่ห้องกิจกรรมก่อน พอถึงชั่วโมงเรียนมันก็น่าจะมาได้แล้วนี่นา
เท่าที่ประมาณจำนวนคนตามสายตาตอนนี้ เป็นนักศึกษาปีหนึ่งทั้งนั้นร่วมสามสิบกว่าคน
“เอาละพวกคุณนั่งขัดสมาธิตรงพื้นนี่แหละผมจะขานชื่อทีละคน เรียงตามลำดับเริ่มที่นายมรกต
นายนพขุน นายอภิชาต นายอรัญ บลาๆๆ” อาจารย์แกก็ขานชื่อไล่จากกลุ่มผมกันเลย ตั้งแต่ไอ้หยก ไอ้ขุน ไอ้อั้มและผม
ตามด้วยคนอื่นๆ ซึ่งพวกผมก็ยกมือขานรับตามระเบียบ กระทั่งมาถึงชื่อนี้
“นายวรพรต” เงียบครับไม่มีคนขาน อาจารย์แกยืนค้ำหัวพวกผมอยู่เงยหน้าจากแฟ้มรายชื่อ
กวาดมองไปทั่วก่อนจะขานเรียกเสียงดังอีกครั้ง
“นายวรพรต” สิ้นเสียงรอบที่สอง
“มาครับ!” มันตะโกนรับตั้งแต่หน้าประตูโรงยิมก่อนวิ่งนำขบวนเพื่อนมันทั้งกลุ่มเข้ามามีไอ้พี่แซค
ไอ้พี่หิน ไอ้พี่กล้า รวมมันสี่คนยังไม่มีใครเปลี่ยนชุดเลย
“นี่พวกคุณไม่รู้เวลากันหรือไงว่าวิชาผมต้องเข้าเรียนกี่โมง” อาจารย์แกใช้น้ำเสียงตำหนิกลับไป
พวกมันก็ยืนหอบแฮกๆ ข้างแถวพวกผมที่นั่งกันอยู่ ในมือแต่ละคนมีหนังสือกระเป๋าเสื้อผ้าที่ใส่ชุดมาเปลี่ยนพะรุงพะรัง
ไม่มีใครตอบแกสักคนคงรู้ว่าผิดที่มาสาย
“เอาเถอะ วันแรกผมอนุโลมให้ วิชาของผมหากขาดเกินสามครั้งหมดสิทธิ์สอบ ต่อให้คุณทำคะแนนได้ดี
แค่ไหนก็ไม่สน ผมตัดเกรด A ที่ 90 ส่วน D ปัดที่ 55 ได้หรือตกขึ้นอยู่กับพวกคุณเอง” อาจารย์แกบ่นแกมไม่พอใจนิดๆ
คงกำลังหงุดหงิดพวกมันอยู่แถมรหัสนักศึกษาดันเป็นรุ่นพี่อีกด้วย กลับไม่เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับรุ่นน้อง มันก็ตีหน้ามึนในขณะที่
พวกเพื่อนมันต่างยืนนิ่งไม่มีโต้แย้งกันเลยสักคน
“เอาละผมจะเช็คชื่อต่อ พวกคุณไปนั่งในแถวรอเช็คชื่อเสร็จค่อยไปเปลี่ยนชุดจะมัวยืนเป็นคนโง่อยู่ทำไม?” แกยังไม่หายหงุดหงิดมีบ่นทิ้งท้ายอีกต่างหาก พวกเพื่อนมันพากันนั่งลงไม่อิดออด ยกเว้นมันคนเดียวยังคงยืนเฉยไม่ยอมขยับ
ทำเอาทุกคนต้องหันไปมองคงกำลังงงอยู่ทำไมไอ้รั่วมันถึงไม่นั่ง ผมเองใช้สมองคิดวุ่นไปหมด กังวลกลัวมันโกรธที่โดน
อาจารย์ฉีกหน้าตั้งแต่คาบแรกแล้วนอยด์ไม่ยอมเรียนขึ้นมาซะงั้น
“อ้าว! ทำไมเธอยังไม่นั่งอีก” อาจารย์มองหน้ามันแล้วถามย้ำ
“ผมไม่กล้านั่งครับ” มันตอบแกไป เล่นเอาทุกคนงงเข้าไปใหญ่ ผมพลอยลุ้นระทึกว่ามันจะเล่นอะไร
ของมัน ไอ้รั่วมักมีมุมที่ทำให้คิดไม่ถึงอยู่เป็นประจำ
“งั้นผมถามอีกครั้ง ใครคิดว่าตัวเองโง่ให้ยืนขึ้น?” อาจารย์แกแรงแล้วครับ เหมือนเจตนาจะว่าแดกมันเลย
หลายคนเริ่มหน้าเสียไอ้พี่แซคพยักหน้าเรียกให้มันนั่งลง ไอ้รั่วก็ยังยืนนิ่งไม่หือไม่อือหน้ามึนมาก กระทั่งอาจารย์แกเหลืออด
ตะคอกเสียงดังว่า
“ที่คุณยังคงยืน ยอมรับว่าตัวเองโง่งั้นสิ?” อาจารย์พูดจบ เรียกเสียงหัวเราะขึ้นมาทันที พอมีคนหัวเราะ
อาจารย์แกเริ่มมีสีหน้าดีขึ้นที่เห็นไอ้รั่วมันโดนเพื่อนในคลาสหัวเราะเยาะกลายเป็นตัวตลกไปแล้ว ทุกคนต่างคิดว่ามันยอมรับว่า
ตัวเองโง่หรือไง ถึงได้ยืนไม่ยอมนั่งลงสักที กระทั่งมันเอ่ยปากขึ้นมาว่า
“เปล่าครับผมไม่ได้โง่ แต่ที่ผมไม่นั่งลงเพราะผมไม่อยากให้อาจารย์ยืนคนเดียวต่างหาก ผมกลัวว่าอาจารย์
ไม่มีเพื่อนครับ” คราวนี้เสียงหัวเราะดังสนั่นลั่นโรงยิม เพราะไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะกล้าตอบออกมาได้หน้ามึนอย่างนั้น
ตอนนี้อาจารย์แกหูแดงหน้าแดงไปแล้วได้แต่อ้าปากอึ้งค้างไม่รู้จะพูดอะไรดี คงคิดไม่ถึงว่าคำพูดของตนจะย้อนกลับมา
เล่นงานเข้าให้ เอากับมันสินี่แหละเหยี่ยวรั่วของจริง อย่าประมาทว่ามันไร้สมองเป็นอันขาด ปัญญามันลึกล้ำจนล้น
จนกลายเป็นรั่วอย่างที่เห็น หลังจากนั้นอาจารย์ก็ไม่กล้าแม้แต่จะอ้าปากกัดมันสักคำ แกคงกลัวโดนย้อนศรหงายตึง
ไม่ทันรู้ตัวเข้าอีกมั้ง วีรกรรมในคลาสที่ผมเรียนร่วมกับมันครั้งแรก กลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ไปทันทีทั้งรุ่นน้องรุ่นพี่
เพราะสายข่าวไปเร็วกว่าอะไรเสียอีก ใครบ้างจะไม่ตื่นเต้นกับการที่เห็นอาจารย์สุดเฮี้ยบปะทะคารมกับพี่พรตสุดหล่อของน้องๆ
แล้วแพ้ราบคาบ ความรั่วกลายเป็นฮีโร่ในคณะดังข้ามต่างคณะไปโดยปริยาย วัดเอาได้จากเหตุการณ์นี้
“แหมพี่พรต ผมยกนิ้วเลยครับพี่แถมคารวะช่วยรับผมเป็นศิษย์ด้วยนะ ฮากระจายเลยพี่” ไอ้อั้มมันยกยอ
ไอ้รั่วใหญ่ เพราะตอนนี้พวกเรากลุ่มใหญ่หลังเลิกคลาสปาเข้าไปสิบเอ็ดโมงกว่า จึงรวมตัวกันมาหาอะไรกินที่โรงอาหาร
ของคณะ ต่างแยกย้ายซื้อข้าวมานั่งกินกันทั้งแปดคน เรื่องที่คุยก็ไม่พ้นวีรกรรมที่ไอ้รั่วมันสร้างนั่นแหละ
“มึงจะมาคารวะอะไรกูวะ กูก็พูดไปตามจริง พวกมึงก็ได้ยินนี่หว่าแกบอกคนที่ยืนเป็นคนโง่ กูเห็นใจแกถึง
ไม่กล้านั่ง ปล่อยแกยืนลำพังคนเดียวก็เป็นคนโง่ให้พวกเรามองสิ ที่สำคัญเอาคนโง่มาเป็นอาจารย์ แล้วพวกมึงไม่เป็นควาย
หรือไงที่ยอมให้คนโง่สอนมึงน่ะ เพราะงั้นกูถึงช่วยเตือนสติแกก็เท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาอย่างอื่นเลยจริงๆ” มันก็ยังคงเป็นมัน
ผมเชื่อว่ามันคิดแบบนั้นจริงๆ เพราะบางครั้งดูเหมือนมันจะคิดซับซ้อนแต่ไม่เลยมันไม่ใช่คนที่คิดอะไรซับซ้อน มันแค่เป็นคน
คิดเร็วหัวดีคิดตรงๆทื่อๆ มันถึงแสดงความคิดผ่านการกระทำอย่างไม่ปรุงแต่ง จนแลดูรั่วได้ทุกสถานการณ์อย่างที่เห็นนั่นแหละ
แต่สำหรับผมแล้วมันคือคนกล้าที่น่ารักในสายตาผมเสมอ
“ขอโทษค่ะ พี่พรตกรุณารับนี่ไว้ได้ไหมค่ะ?” สาวสวยระดับดาวมหาลัยก็ว่าได้ เข้ามายืนข้างหลังมัน
ก่อนจะยื่นกล่องของขวัญผูกโบว์อย่างสวยให้มันรับไว้ มันก็หันไปมองทำหน้างง ในขณะที่ปากกำลังเคี้ยวข้าวตุ่ยๆ ใช้การสื่อสาร
โดยการชี้นิ้วเข้าหาตัวยืนยันอีกครั้งว่าให้มันจริงหรือ คนสวยก็พยักหน้ายิ้มให้อย่างอายๆ กลายเป็นเขินจนแก้มขึ้นสีไปแล้ว
“ฮิ้ววว!! สุดยอดพี่เราเสน่ห์ร้ายกาจ” เสียงแซวในโต๊ะก็ดังรับทันที มันก็ยังเคี้ยวข้าวตีหน้ามึนก่อนจะยื่น
มือไปรับเอามาไว้ กลืนข้าวที่เคี้ยวเสร็จก็ตอบกลับไปว่า
“ขอบใจนะที่เอามาให้ คราวหลังไม่ต้องลำบากนะครับ ยากรู้จักก็เข้ามาทักทายได้” มีแนะนำกลับไปอีก
มันคงรู้ว่าเป็นรุ่นน้อง ก่อนคนสวยจะตอบกลับมาว่า
“ค่ะ ขอบคุณพี่พรตมากที่รับของขวัญมิ้งค์” เธอชื่อมิ้งค์ ไอ้รั่วมันก็พยักหน้ายิ้มหล่อให้อีกต่างหาก
เล่นเอาคนสวยเขินหนักเข้าไปอีกก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับพวกเพื่อนที่หัวเราะกระซิบแซวเพื่อนตัวเอง
“โห! อิจฉาวะแม่งสวยระดับดารา ทรวดทรงองเอวโดนสุดๆ หน้าอกนี่ไม่ต้องพูดเลยบะเร่อหึ่มขนาดนั้น
อยากเจอแบบพี่ว่ะ?” ไอ้อั้มออกอาการกระดี๊กระด๊าใหญ่ ผมอดขำไม่ได้กับท่าทางสปอยที่มันทำใส่ไอ้รั่ว สงสัยจะยกไอ้รั่วเป็น
ไอดอลจริงๆแล้วมั้ง จะรู้ไหมนั่นว่าคนที่มึงปลื้มอย่างออกนอกหน้าเมียกูเอง
“ไม่จำเป็นต้องอิจฉากูหรอก มึงรู้หรือเปล่าคนนมใหญ่ใช่ว่าเค้าจะมีความสุข เพราะเค้ากำลังหนักอกหนักใจ
เดินไม่ดีหน้าทิ่มดินเข้าให้ ต้องระวังเรื่องการทรงตัวและศูนย์ถ่วงกว่าคนปกติเลยนะมึง” จบข่าว คราวนี้ขำกันกระจายไปกับ
ความคิดรั่วๆ ของมันอีกจนได้ เห็นหรือยังว่าไอ้รั่วมันมีมุมคิดที่ชาวบ้านเค้านึกไม่ถึงหรอก นี่แหละเสน่ห์ของมันเลยล่ะ
“รันเลิกแล้วรอกูที่ใต้ตึก ตกลงตามนี้” ไอ้รั่วมันกำชับผมก่อนเราจะแยกไปเรียนในคาบบ่าย ที่มันย้ำเพราะ
มันต้องพาผมไปซ้อมกิจกรรมประกวดในงานเฟรชชี่เย็นวันศุกร์ที่จะถึงนั่นแหละ ผมจึงพยักหน้าให้ จากนั้นต่างคนต่างตามกลุ่ม
เพื่อนขึ้นเรียนปกติ
บ่ายสามผมลงมานั่งรอมันตามที่นัดไว้ ในโต๊ะมีพวกผมครบเซท สาวๆเค้าขอตามไปดูผมซ้อมด้วยจึง
กลายเป็นยกโขยงกันไปหมดทั้งกลุ่ม
“รันพี่พรตโครตฮ็อทเลยอ่า ยิ่งวีรกรรมตอนเช้าทำเอาสาวๆพูดถึงแต่พี่พรตกันใหญ่ เราจะพอมีหวังไหมเนี่ย?” สาวนิ่มถามขึ้นมา เธอไม่อายครับยอมรับตรงๆว่าชอบไอ้รั่วมัน แถมยังหมายหมั่นปั้นมือจะจีบไอ้รั่วเป็นแฟนให้ได้เสียด้วย
“นิ่มเราว่าหมดสิทธิวะ ตอนเที่ยงสาวสวยนมโตจากคณะมนุษย์ถึงกับให้ของขวัญพี่เค้าเลยนะ เค้ารุกเร็วกว่า
นิ่มเยอะจะเอาอะไรไปสู้วะ” ไอ้ขุนมันบอกนิ่ม เล่นเอาสาวนิ่มตาโตอึ้งค้างไปทันที
“เฮ้ย! ของอย่างนี้ก็ไม่แน่หรอก ตราบใดยังไม่เห็นพี่เค้าเปิดตัวแฟนแกยังมีสิทธิอยู่ไอ้นิ่ม ลุยเลยเพื่อนอย่า
ได้หวั่นสวยหรือจะสู้น่ารักวะจริงไหม?” สาวแตนจอมก๋ากั๋นแนะนำพร้อมให้กำลังใจเพื่อนไปด้วย
“แล้วรันละ มีใครหรือยัง?” จู่ๆสาวพรที่นั่งตรงข้ามผมดันวกถามผมขึ้นมาไม่มีปี่มีขลุ่ย เล่นเอาทั้งโต๊ะเงียบ
ไปทันที แถมทำเนียนเฉมองนั่นนี้โน้นกันไปทั่ว แต่หูเตรียมกระดิกรอฟังว่าผมจะตอบสาวพรยังไง
“ครับ เรามีแฟนแล้วคบกันมาสี่ปีแล้วล่ะ” ผมบอกไปตามจริง
“เหรอ..ไม่คิดจะพามาเปิดตัวให้เพื่อนรู้จักบ้างหรือไง?” สาวพรยังคงยิ้มเจื่อนๆ ถามกลับมาด้วยสายตา
เศร้าๆ เพื่อนแต่ละคนที่มองเธออยู่ต่างแสดงความเห็นใจคงไม่มีใครดูไม่ออกหรอกมั้งว่าเธอคิดกับผมยังไง
“อยากเจอเหรอ ไว้ถึงเวลาที่เหมาะสมเราพามาแนะนำให้รู้จักแน่นอน” ผมยืนยันกลับไป เธอก็ยิ้มตอบหน้า
ยังคงเศร้าเหมือนเดิม ผมทำเฉยไม่อยากไปสะกิดหรือทำเป็นสนใจความรู้สึกของเธอ ไม่งั้นอาจทำให้เข้าใจผิดและสร้าง
ความหวังขึ้นมาได้ สู้ให้ตัดใจดีที่สุด
จากนั้นเราก็คุยเรื่องสัพเพเหระ ทั้งเรื่องรับน้องที่ผ่านมา เรื่องความรั่วน่ารักของไอ้เหยี่ยวมัน ออกจะเป็นวีรกรรมที่
ติดตรึงใจของพวกเพื่อนผมซะทุกเหตุการณ์คุยไม่รู้จบ คุยกันไปหัวเราะกันไป กระทั่งเห็นมันและกลุ่มเพื่อนมัน
พากันเดินตรงเข้ามา
“รันพร้อมแล้วไปกันเลยจะได้เลิกเร็วกลับไว” มันมาถึงไม่พูดพร่ำทำเพลง เรียกผมตามไปทันที
“เดี๋ยว เพื่อนผมขอตามไปดูด้วยสะดวกหรือเปล่า?” ผมถามมันไป
“ไม่มีปัญหา ไอ้สองตัวนี่มันก็ตามไปเหมือนกันทั้งที่ไม่มีหน้าที่ห่าไร” มันหันไปพยักเพยิดใส่พี่หินกับพี่กล้า
ยกเว้นไอ้พี่แซคมันคงมีหน้าที่ละมั้ง
“ห่าพรต กูไปให้กำลังใจน้องฝนเค้าโว้ย ใครบอกไม่มีหน้าที่ กำลังใจจากพวกกูนี่แหละจะทำให้น้องเค้าคว้า
ชัยชนะได้อย่างไม่ยากเย็น” พี่กล้าก็เถียงไอ้รั่วกลับอย่างไว
“สัด..นึกว่ากูไม่รู้จักพวกมึง” มันตอกหน้าเพื่อนมันกลับอย่างเร็ว
“มึงก็ใครจะมีหน้าตาเป็นอาวุธเหมือนมึงวะ อยู่เฉยๆก็มีผู้หญิงสวยๆ วิ่งเข้าหา อย่างพวกกูมันต้องไล่ล่าไม่งั้น
แห้วแดก แล้วน่ารักๆ อย่างน้องฝนถ้าไม่เนียนตีซี้จะมีหวังหรือวะ” พี่หินออกตัวบ้าง ผมชำเลืองมองหน้าไอ้หยก เห็นมันหน้า
เจื่อนไปเหมือนกันเพราะมันก็กำลังเร่งทำคะแนนจีบฝนอยู่ด้วย
“อ๋อนั่นคือเหตุผลของพวกมึงสินะ กูนึกว่ารสนิยมเกี่ยวกับผู้หญิงของพวกมึงต้องน่ารักทุกวันจันทร์
น่าฝันถึงทุกวันพุธ น่าฉุดทุกวันเสาร์ น่าเอาทุกวันเลย ฮ่าๆๆ!!” เรียบร้อยตามเคย แต่ละคนยืนหัวเราะน้ำตาเล็ดไปตามๆกัน
กว่าจะได้ฤกษ์เดินไปยังห้องกิจกรรมที่ใช้ซ้อมประกวดดาวเดือนมหาลัย ก็ล่อเอาหัวเราะกันไปตลอดทางด้วยมุกรั่วฮากระจาย
ของมัน ไม่มีใครจะไม่ขำเลยสักคน บรรยากาศรอบๆตัวมันช่างสดใสสนุกสนานมีแต่เสียงหัวเราะและรอยยิ้ม ที่สำคัญมัน
เหมือนเป็นจุดศูนย์กลางของคนไปโดยไม่รู้ตัว ผมจึงต้องคอยระมัดระวังป้องกันเหลือบไรที่จ้องจะเข้ามาเกาะแกะมันไปด้วย
หากไม่อะไรมากผมก็ปล่อยผ่านแต่ถ้าล้ำเส้นผมถึงจะออกโรง ใช่ว่าจะหึงไม่มีเหตุผลนั่นไม่ใช่นิสัยของผม เราคุยกันทุกครั้งไม่
ว่าจะผมหรือมันปัญหาเรื่องคนเข้ามาสนใจเป็นเรื่องที่ยากหลีกเลี่ยงจริงๆ เพียงแต่ต้องรักษาจุดยืนไว้ให้มั่นซื่อตรงต่อความรู้สึก
ของตัวเอง และให้เกียรติคนที่เรายกฐานะให้เป็นแฟนและคนรักตลอดเวลาไม่ว่าต่อหน้าหรือลับหลัง เราสองคนไม่เคยให้คำ
สัญญาต่อกันแต่เราพูดคุยกันว่า ‘สิ่งที่มีค่ามากกว่าคำสัญญา คือ คำพูดธรรมดาแต่ว่าลงมือทำ’ นั่นแหละคือข้อตกลงระหว่างเรา
ที่มีให้กันตลอดมา และผมกับมันจะร่วมกันรักษาเอาไว้ตลอดไป...??
พาพี่พรตกับน้องรันมาแล้วนะคะ
ตอนหน้าพบกับงานเฟรชชี่ไนท์ ตามลุ้นตามเชียร์
น้องรันและความน่ารักของพี่พรตกับต่อ
รักและคิดถึงคนอ่านทุกคนค่ะ
ขอให้มีความสุขเนื่องในเทศกาลส่งท้ายปีเก่า
ต้อนรับปีใหม่ เที่ยวยังไงก็อย่าลืมดูแลสุขภาพและ
ความปลอดภัยของตัวเองรวมถึงคนข้างกายด้วยนะคะ
Luk.