Part II
ไม่รู้ว่าผมนั่งร้องไห้อยู่หน้าประตูมานานเท่าไหร่แล้ว แต่สิ่งแรกที่ผมคิดได้เมื่อหยุดร้องไห้คือผมต้องออกไปจากที่นี่!! มันอาจจะดูว่าผมบ้า...แต่ผมก็น้อมรับ....เมื่อฟ้าสว่างผมก็ออกไปจากคอนโด...ใช่...ผมหาที่อยู่ใหม่....มันเป็นอพาร์ทเมนต์ขนาดกลางที่อยู่ใกล้ๆกับมหาลัย ผมใช้เงินส่วนตัวที่เก็บไว้มัดจำห้องก่อนจะจ้างให้คนไปขนของทุกอย่างของผมออกมาให้หมด...แล้วผมก็ปิดตายห้องที่นั้นไปอย่างที่ไม่คิดจะกลับไปอีกแม้แต่ครั้งเดียว.....
เพื่อนๆของผมต่างก็ต้องตั้งข้อสงสัยเมื่อผมเล่นเปลี่ยนทุกอย่าง ที่อยู่ เบอร์โทรผมรู้ว่าพวกมันรู้ว่าผมกำลังมีปัญหา...แต่เมื่อผมไม่คิดจะเปิดปากเล่า....พวกมันก็จะไม่เอ่ยปากถาม....นี่ล่ะข้อดีของพวกมัน ผมพยายามแข็งใจทำทุกอย่างให้เป็นปกติที่สุด...ทั้งๆที่รู้ว่าผมรู้สึกเหมือนอยากจะตายได้ทุกเวลา...ไปเรียน...ไปซ้อมวอลเล่ย์.....ลงแข่ง....ไปช่วยเพื่อนๆที่หอประชุม.....ผมทำทุกอย่างไปพร้อมๆกับหลบหน้าคนบางคนไป....ผมรู้ว่ามันมาหาผม...มาทุกวัน....แต่ผมก็เลี่ยงที่จะไม่เจอได้...ผมไม่อยากฟังคำอธิบายอะไรทั้งนั้น....
จนกระทั่งถึงวันสปอตเดย์.....วันที่คนนอกสามารถเข้ามาได้ง่ายที่สุด..วันที่ผมลดระดับการระมัดระวังตัวเอง..ผมถูกฉุดไปยังมุมลับตาคนตอนที่กำลังเร่งฝีเท้าไปที่โรงยิม เนื่องจากใกล้เวลาที่นัดกันไว้แล้ว...
“มึงหลบหน้ากูทำไม” ผมหัวเราะขื่นให้กับคำพูดของมัน...หึ...ถูกจับได้เลยไม่ต้องพยายามปิดบังสันดานอีกแล้วใช่ไหม...มันกลับมาพูดมึงๆกูๆกับผมอย่างที่เคยได้ยินมานานแล้ว
“หลบอะไร กูไม่ได้หลบใครทั้งนั้น” ผมเงยหน้าสบตาอย่างไม่ยอมแพ้ เอาสิ! มึงกูมาผมก็มึงกูกลับ!!
“แล้วไอ้ที่ทำอยู่นี่เรียกว่าอะไร!!” มันตะคอกแล้วบีบแขนจนผมต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ
“กูไม่ได้หลบ แต่กูไม่อยากเห็นหน้าคนอย่างมึง!!!” ผมตวาดพลางสะบัดตัวอย่างแรงจนหลุดออกมา ผมยืนประชันหน้ากับไอ้คนที่ทรยศผมอย่างไม่กลัวเกรง
ผมจะไม่ยอมกลับไปเจ็บอีกแล้ว!!!
“มึงฟังกูก่อนสิวะ! กูไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้นนะ!!” หึ! ไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้ตั้งใจงั้นหรือ....ตลกสิ้นดี!!
“มึงคิดว่ากูโง่มากหรือ!!! คิดว่ากูจะดูไม่ออกใช่ไหมว่ามึงตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิด!! มึงคิดว่ากูไม่รู้เหรอว่ามึงมีคนอื่นน่ะ! มึงรู้ไหม!! กูรู้! กูรู้มาตลอด!! เพียงแต่ที่กูไม่รู้ก็คือมันเกิดขึ้นมานานแค่ไหนแล้ว!! มึงหักหลังกู...เอากูไปเปรียบเทียบกับคนอื่นมานานแค่ไหนแล้วต่างหาก!!! ”
ใช่...ผมรู้....ผมต้องยอมรับกับตัวเองเสียทีว่าผมรู้มาตลอด.....คนที่ไม่เคยคิดจะดูแลความสะอาดให้ตัวมันเองอย่างมัน....กลับมาก็โยนเสื้อผ้าใส่ตะกร้าให้ผมซัก....กลิ่นน้ำหอมบ้างล่ะ....รอยลิปสติกบ้างล่ะ....และผม....ไม่เคยคิดที่จะสร้างรอยความเป็นเจ้าของไว้บนตัวของมัน.....ผมไม่ชอบทำพอๆกับที่ไม่ชอบให้มันทำรอยบนตัวผม....นานมาแล้วที่ผมเห็นรอยแดงๆทั่วทั้งตัวมัน...บางครั้งก็มีแถวซอกคอ.....ผมรู้....แต่ผมก็แกล้งทำเป็นไม่รู้....แกล้งทำเป็นไม่เห็น...แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินเมื่อได้ยินกับหูว่ามันกำลังป้อนคำหวานใส่ใครสักคนเมื่อผมเผลอ......
ผมยอมหลอกตัวเอง....เพราะผมยังไม่เจอจังๆ.....
แต่ในเมื่อผมเห็นผมตาได้ยินกับหูแล้ว.....
ผมก็ต้องยอมรับความจริงเสียที!!!“มะ...มึง.....” มันมองหน้าผมอย่างตกตะลึง... หึ! คงไม่คิดว่ากูจะรู้สินะ!!!
“ในเมื่อเรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้วไอ้ปาล์ม....มึงกับกูควรจะรับความจริงได้แล้ว....ว่าเรา....ไม่มีทางรักกันได้หรอก....”
“ไม่....ไม่.....มึงฟังกูก่อนนะ....กู...”
“กูไม่อยากฟังอะไรอีกแล้ว สิ่งที่กูเห็น สิ่งที่กูรับรู้มันก็มากจนกูจะรับไม่ไหวแล้ว....” ผมสูดลมหายใจลึกๆแล้วเอ่ยคำพูดที่ต้องการมากที่สุดออกไป....
“หัวใจของกู...กูขอคืนนะปาล์ม...ปล่อยกูไป....ให้ชีวิตกูรู้จักกับความสุขที่แท้จริงเสียที....เรา....จบกันแค่นี้เถอะนะ.....” ผมยืนนิ่ง มองอาการสั่นศรีษะอย่างคนที่ไม่ยอมรับของคนตรงหน้า
“ไม่......ไม่......กูไม่ยอม....กูไม่ยอม.....”
“มึงไม่ยอมแต่กูไม่ไหวแล้วปาล์ม....ไม่ไหวแล้วจริงๆ” ผมพูดพลางหันหลังเดินจากมา....ผมข่มความเสียใจแล้วรีบก้าวเท้าไปที่โรงยิม ผมไม่อยากเจอหน้ามัน....ไม่อยากเจออีกแล้ว.....
หมับ!!“มึงยังคุยกับกูไม่จบนะไนท์!!!” ร่างของผมถูกกระชากจากคนเดิมๆอีกครั้ง
“กูคุยกับมึงชัดเจนดีแล้วไอ้ปาล์ม เราคุยกันจบแล้ว...” ผมบอกเสียงเรียบ
“ไม่...มึงไม่ยอมฟังกู....มึง......”
“เลิกตามกูซักทีจะได้ไหม!! บอกว่ามันจบก็คือจบไงวะ!!!” ผมตวาดใส่มันสุดเสียง เริ่มจะแบกรับความรู้สึกในตอนนี้ไม่ไหวอีกแล้ว...ผมกำลัง...จะร้องไห้อีกแล้ว.....
“มึงจบแต่กูไม่จบ!!” มันว่าแล้วก็กระชากผมเข้าไปใกล้อีก
“กูบอกว่าจบก็จบสิเหี้ยนี่!! ปล่อยกู!!!” ผมด่าแล้วพยายามดิ้น แต่ดูเหมือนมันจะไม่มีผลอะไรเกิดขึ้น ไอ้ปาล์มมันไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่นิดเดียว
“กูไม่ปล่อย! มึงหยุดแล้วฟังกูก่อนสอวะ กูไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะเว้ย!!”
“ไม่!! กูฟังมึงมากี่หนแล้ว กูทนให้มึงหลอกกูมานานมาไปเกินไป นานเกินไปจนถ้าให้มึงกราบตีนขอให้กูเชื่อตอนนี้กูก็ไม่เชื่อมึงอีกแล้ว!!!” ในที่สุดผมก็ดึงตัวเองออกมาได้ครับ พอหลุดมาได้ก็เงื้อมมือขึ้นต่อยผลั่วะไปที่กรามของมันอย่างเต็มแรง คราวนี้มันเสียหลักล้มลงไปจนได้ และก่อนที่ผมจะรู้ตัวก็มีใครสักคนดึงผมเข้ามาในโรงยิมพร้อมปิดประตูหลังอย่างแรง...
“มีเรื่องอะไรกันวะ!” ไอ้ขิมนั่นเองที่ถามผม เมื่อมองไปรอบๆก็เห็นคนอื่นๆในทีมมองผมอยู่เหมือนกัน ผมนั่งลงสงบอารมณ์ความเสียใจของตัวเอง ข่มมันไว้ให้ลึกที่สุด...ผมเงยหน้ามองทุกคน.....แล้วตัดสินใจเล่า...
“มัน.....เป็นแฟนผมมาตั้งแต่ขึ้นม.ปลาย จนกระทั่งเมื่ออาทิตย์ก่อน....” ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดต่อ “จำนัดที่เราแข่งกับวิจิตรได้ไหมพี่ วันนั้นพอแข่งเสร็จเพื่อนผมมันก็ชวนผมไปกินเหล้าผมเลยโทรบอกมันว่าคืนนี้จะนอนห้องเพื่อนเพราะคงจะเลิกดึกเกิน ถ้าพอเอาเข้าจริงๆไม่ถึงห้าทุ่มก็ต้องเลิกวงพี่ ไอ้ป๊อกเพื่อนผมมันทำท่าจะมีเรื่องก็เลยพากันกลับ ผมคงไม่ต้องบอกนะพี่ว่ามันเกิดอะไรขึ้นตอนที่ผมกลับห้องไป....” พูดจบผมก็กำหมัดแน่น ความโกรธแค้นแล่นริ้วเมื่อนึกไปถึงเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้น....
“ใจเย็นเว้ยไอ้ไนท์” พี่วุฒิเดินเข้ามาบีบไหล่ผมเบาๆ ผมหันไปมองหน้าแล้วยิ้มน้อยๆเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร....
“ไม่เป็นไรพี่ ผมตัดสินใจแล้วแหละ คนอย่างมันไม่ใช่คนที่ผมต้องไปนั่งเสียใจอะไรกับมันอีก....” ผมหัวเราะ “พี่วุฒิรู้ป่ะ ห้องที่มันใช้ซุกหัวนอนทุกวันนี้น่ะห้องผม ค่าห้องค่าน้ำค่าไฟผมก็เป็นคนจ่าย มันมีเรื่องกับที่บ้านจนเขาตัดขาดกับมันผมก็เป็นคนพามันไปอยู่ที่นั่น...กินอยู่สบาย....ค่าใช้จ่ายก็ไม่ต้องออก...แต่มัน.....มันกลับพาใครต่อใครขึ้นมาบนห้อง มานอนบนเตียงเดียวกับที่ผมนอน...มันคิดว่าผมโง่หรือไงที่ไม่รู้ว่ามันโกหกตอแหลอะไรผมอยู่ มันคิดว่าผมจะยอมมันตลอดเหรอ”
“พอแล้วไอ้ไนท์ พอแล้ว...” ไอ้ขิมทรุดตัวลงนั่งข้างหน้าแล้วโผเข้ามากอดผมไว้ ผมเพิ่งจะรู้ว่าตัวเองสั่นมาก เมื่อได้อ้อมแขนอุ่นๆของเพื่อนคนนี้มากอดปลอบ
“ทำไมวะขิม...ทำไมมันทำกับกูแบบนี้วะ....” ผมถามมันอย่างไม่เข้าใจ...ไม่เข้าใจจริงๆ....ทำไมมันถึงทำกับผมแบบนี้....
“ใจเย็นๆไนท์ ตัดมันออกไปได้ก็ดีแล้ว อย่าคิดมากเลยนะ”
“ใช่! ตัดมันไปได้ก็ดีแล้วมึง คนแบบนั้นอ่ะ ถ้าสบายใจแล้วก็ไปเตรียมตัวได้แล้วไป จะได้เวลารายงานตัวแล้ว” พี่วุฒิเข้ามาลูบหัวผมอีกครั้ง
“อืม...ขอบคุณมากนะพี่....” ผมเงยหน้าขึ้นมายิ้มบางๆ แล้วลุกขึ้นตามแรงฉุดของหัวหน้าทีม....
“ว่าแต่แกพร้อมจะแข่งแน่นะไนท์ ไม่ใช่เอาแต่ใจลอยนะเว้ย” ไอ้ขิมมันแซวผมครับ ผมเลยหันไปค้อนมันเต็มๆครั้งหนึ่ง...ดูถูกกันนะไอ้นี่...
“ไหวสิไอ้ขิม มือชั้นนี้แล้ว กีฬาไม่เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวเว้ย” ผมกอดอกพูดอย่างมั่นใจ แม้จะไม่มั่นใจนักว่าจะแยกแยะได้อย่างที่ปากพูด...
“จริงเหรอ” พี่วุฒิถามครับ
“จริงสิพี่ งานนี้นะเตรียมเฮได้เลย ถือซะว่าเหล่าคุณหมอถึงคราวเคราะห์ก็แล้วกัน ดันมาเจอตอนผมเครียดๆ จะเล่นให้เต็มแมกซ์เลย ฮ่าๆๆๆ” ผมพูดติดตลก เรียกเสียงหัวเราะให้คนในทีมได้เป็นอย่างดีครับ
แต่ก็เอาเถอะ....ถือว่าบรรดาหมอๆมีเคราะห์ก็แล้วกัน.....
ผมอัดความเครียดลงไปกับวอลเล่ย์อย่างเต็มเปี่ยมครับ แม้จะรู้ว่ามันไม่ถูกนักที่ไปลงกับลูกบอลและผู้เล่นคนอื่น แต่มันก็เป็นหนทางที่ทำให้ผมบรรเทาความเสียใจไปได้เยอะ จบแม็ตช์คณะผมชนะไป 3 เซ็ตรวดครับ ในที่สุดก็ได้ถ้วยชนะเลิศมาครองจนได้....ผมยืนคุยเฮฮากับพี่ๆในทีมอยู่ครูหนึ่งก็แยกตัวออกไปอาบน้ำครับ เล่นซะเต็มคราบ...เหงื่อไหลไคลย้อยไม่น้อยเลยทีเดียว....ผมยืนพิงผนังห้องอาบน้ำนิ่งๆ ปล่อยให้สายน้ำไหลผ่านร่างกายไปเรื่อยๆ...มันเป็นแบบนี้เสมอ....เมื่อผมได้อยู่เงียบๆคนเดียว...ผมก็ยังร้องไห้....ถึงจะบอกว่าตัวเองเข้มแข็งดีแล้ว....แต่ผมรู้ดีว่ามันไม่ใช่....หัวใจของผม....มันยังคงอ่อนแอ.....
ผมปล่อยให้ตัวเองอยู่ในภวังค์นานพอสมควร....กว่าจะเอื้อมมือไปปิดน้ำตัวผมก็เริ่มเปื่อย ผมหยิบผ้าเช็ดตัวมาเช็ดตัวเองให้แห้งแล้วใส่เสื้อผ้า...เปลี่ยนเป็นชุดประจำวันสปอตเดย์.....โชคดีที่เมื่อออกมาจากห้องน้ำผมก็พบว่าไม่มีคนอื่นเลย ก็ดีแล้วล่ะ...ผมยังไม่พร้อมที่จะปั้นหน้ายิ้มหลอกใคร.....ผมเดินอย่างซึมๆไปที่ล็อคเกอร์...ก้มลงค้นกุญแจตู้จากในกางเกงวอร์มแล้วนำมาไข....หยิบโทรศัพท์และกระเป๋าสะพายใบเก่งออกมา....
หมับ!!!“มึงต้องไปกับกู เดี๋ยวนี้!!” ทันทีที่ผมปิดล็อคเกอร์ ผมก็ถูกมือหนาๆจับเข้าที่แขนซ้ายอย่างรวดเร็ว แขนผมถูกบีบไว้แน่นจนเริ่มเจ็บ
“ปล่อย...”
“ไม่! มึงต้องมากับกู!”
“ปล่อยกู!!!!” ผมตวาดใส่มันพลางดึงแขนตัวเองออกมา แต่มันก็ไม่ได้สนใจ ลากผมออกมาจากห้องล็อคเกอร์ทันที
“ไอ้สัด! ปล่อยสิโว้ยยยย” ผมร้องดิ้น มันลากผมออกมาจากโรงยิมท่ามกลางสายตาตกตะลึงของคนในห้อง โดยที่ไม่สนใจทั้งสายตาของคนที่มองมาและเสียงร้องโวยวายของผมเลยแม้แต่นิดเดียว....
.................................
“จะพูดอะไรก็พูดมันตรงนี้แหละ!! กูจะไม่ไปไหนกับมึงทั้งนั้น!!!” ผมตะคอกบอกไอ้คนที่ลากผมมา มันลากผมมาจากโรงยิมจนมาถึงแถวๆลานเกียร์ของคณะวิศวะ แม่ง....มาซะไกลลิบเลย.....
“ทำไม!!!” มันตะคอกถาม หึ!
“เหตุผลง่ายๆ... กู-ไม่-อยาก-ไป ชัดพอไหม!!”
“............”
“...................” ผมยืนกอดอกจ้องหน้ามันนิ่งๆโดยไม่ได้พูดอะไร มันก็จ้องผมตาถลนด้วยความโกรธจัด แต่ขอโทษเถอะ...มันทำอะไรผมไม่ได้อีกต่อไปแล้ว!!!
“ฮึ่ย! โธ่โว้ย!!! มึงจะเอายังไง!!” เหอะ! ในที่สุดก็ทนไม่ไหว...
“หึ! คำถามนั้นมันควรจะเป็นของกูนะไอ้ปาล์ม” ผมบอกมันนิ่งๆ
“มึง.....มึง!!” มันชี้หน้าผม
“อะไร...กูทำไม...”
“ได้!! มึงจะเล่นกับกูแบบนี้ใช่ไหม!!”
“หึ! กูไม่ได้เล่น...มึงกับกู...ไปกันไม่ได้หรอกไอ้ปาล์ม”
“ทำไม! ทำไมมันจะเป็นไปไม่ได้!!”
“เพราะมึงกำลังจะแต่งงานไง!!!” ผมตวาดมันทั้งน้ำตา ทั้งๆที่ตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่ร้องไห้อีกแต่ผมก็ยังร้อง เพราะความจริงแล้วเรื่องของผมกับมัน...เป็นไปไม่ได้มาตั้งแต่ต้น...ไม่มีวันจะเป็นไปได้เลย....
....................................................
“เพราะมึงกำลังจะแต่งงานไง!!”
“มะ......มึง.........รู้.........” หน้ามันดูจะช็อคมากเลยครับ....หึ! ตอนที่ผมรู้ผมช็อคกว่ามันเยอะ!!
“ฮึก....กูบอกแล้ว...ว่ากูไม่ได้โง่.....ฮือ.......กูไม่ได้โง่ไอ้ปาล์ม...” ผมปัดมือที่เอื้อมมาหาผมออก....ก้มหน้าร้องไห้ ผมรู้....เพราะแม่ของมันบอกกับผมเอง.......
และนี่ก็อีกเรื่อง...ที่มันหลอกผม...
มันไม่ได้ถูกไล่ออกจากบ้าน....
ผมรู้.....เพราะแม่ของมัน....เพราะผมได้คุยกับท่าน....
เพราะผมรู้ดี...ผมถึงอยากจะใช้เวลาที่เหลืออยู่ปีเศษๆให้มันดีที่สุด...ผมรู้ว่าเมื่อมันเรียนจบ...มันก็ต้องมีทางที่ต้องเดินต่อไป...ผมหวังว่าเมื่อเวลานั้นมาถึง...ผมจะมีความทรงจำที่สวยงาม....แต่ว่า....ผลของการที่ผมยอมโง่เง่าทำเป็นไม่รู้เรื่อง...สิ่งที่ผมพยายามจะทำ.....ผลของมัน....ย้อนกลับมาทำร้ายผม....
มึงเห็นกูเป็นตัวอะไรกัน......
“นะ....ไนท์....ฟังพี่ก่อน....ได้ไหม...” ผมส่ายหน้า ขยับตัวหนีคนที่คิดจะเข้ามากอด “ไนท์...ไนท์ครับ....ฟังกันก่อนสิ.......”
“ไม่...ฮึก....ตอนแรก.....กูตั้งใจ....ฮือ....กู......อึก....เวลาที่เหลือกูอยากใช้มันให้คุ้มค่า.....แต่มึง......ฮือ....แต่มึงทำมันพัง มึงเป็นคนทำมันพัง!!!” ผมถูกมันรวบเขาไปกอด มือหนาๆที่ผมเคยคิดว่าอบอุ่นเสมอลูบหัวผมเบาๆ แต่ว่าตอนนี้....มันไม่มีความหมายอะไรอีกแล้ว....
“ปล่อยกูไป....กูขอร้องล่ะ....ปล่อยกูไป......กูรับเรื่องโกหกของมึงไม่ได้อีกแล้ว....”
“ไม่.....ไม่ให้ไปนะ.....พี่ไม่ให้ไนท์ไปนะ...”
ผลั่ก!!!“กูจะไป! แล้วมึงก็ห้ามกูไม่ได้!! กูถามจริงๆนะไอ้ปาล์ม! มึงเห็นกูเป็นตัวอะไร ตัวตลกหรือ! หรือมึงยังแค้นที่กูชนมึงตอนนั้นไม่หาย มึงถึงได้ทำแบบนี้! หรือมึงแค่ห่วงของ ห๊ะ!! กูเป็นอะไรสำหรับมึง!” ผมออกแรงผลักจนหลุดออกมาจากมันได้
“เคยไหมไอ้ปาล์ม...มึงเคยรักกูสักนิดบ้างไหม ตลอดเวลาที่ผ่านมา....มีเรื่องไหมบ้างที่มันเป็นเรื่องจริง....กูเจ็บนะปาล์ม และกูก็จะไม่ทนอีก...ในเมื่อมึงไม่รัก...กูก็จะไป...มึงห้ามกูไม่ได้อีก...เวลาของมึงมันหมดไปแล้ว! หมดไปตั้งแต่ที่มึงทรยศกูนั่นแหละ!”
“ไนท์..........” ผมมองมัน.....มองให้เต็มตาเป็นครั้งสุดท้าย...
“กูจะพูดครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย เรื่องของเรามันจบไปแล้ว เพราะคนอย่างกูน่ะมันเจ็บแล้วจำ... มึงไม่มีสิทธิ์มาบังคับหรือเสียดายกูอีก สิทธิ์ในตัวของกู...มันก็ยังเป็นของกู...ไม่ใช่ของมึง ต่อจากนี้ไป...มึงกับกูเป็นแค่อดีต อดีตที่ย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ ส่วนอนาคต...กูจะขอกำหนดอนาคตของกูเอง! และก็จำไว้....เพราะมึง....เพราะมึง!! มึงทำให้กูกลายเป็นคนที่เกลียดความรัก! มึงทำให้กูไม่อยากเจอมันอีก!! จำใส่หัวมึงไว้!!!” ผมหันหลังและเดินจากมา...ไม่สนใจคนข้างหลังที่ทรุดลงไปนั่งกับพื้น..
จากนี้ไป...ผมจะไม่มีมันอีก.....++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
To be Con Part III.
ชอบจังได้แต่งพระเอกเลวๆ เก็บกด 55+
ไอ้ตัวเห้นี่ชื่อปาล์มนะคะ ขอบคุณ Pigstar มากนะคะที่ท้วง พอดีเรื่องหลักมีคนที่ชื่ออาร์มนะค่ะ แต่งตอนดึกๆด้วย มึนตึ๊บ 
ขออภัยในความสับเพร่ามานะที่นี้
แต่ว่า...อยากถามค่ะ...อยากให้มันจบยังไงเอ่ย.....^_^