เขาไม่ได้เล่าทั้งหมดให้พี่แชมป์ฟัง ใครจะอยากให้คนอื่นรู้ว่าจะถูกผู้ชายข่มขืนเพื่อความสะใจเพียงแค่ได้ขึ้นชื่อว่าหักหน้าประธานสายคู่อริได้
พี่แชมป์ดูท่าคิดหนักกับการต่อสู้เพื่อป้องกันตัวของเขา แต่ก็บอกว่า...”จะจัดการให้อย่างไม่ไว้หน้าใคร” แล้วประธานสาย๓Tก็กลับไป
เขาเข้ามานั่งทำแผลในบ้าน เสื้อผ้าก็ค้นจากในตู้มาเปลี่ยน แต่กลับไม่มีใครยอมเปลี่ยนใส่เสื้อผ้าเขาสักคน
ไอ้พงษ์เดินออกไปส่งพี่แชมป์แต่ยังไม่กลับเข้ามา แล้วพี่ไม้ก็หายไปอีกคน
“มันมากกว่าที่บอกไอ้แชมป์ใช่ไหม?!” พี่ภูเสียงแข็งใส่
“ก็...ครับ” เขากลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ก้มหน้า แต่ก็ถูกคนที่กำลังทำแผลที่หน้าผากให้ช้อนคางให้เงยตามเดิม
“กูบอกแล้วว่าอย่าไว้ใจมันก็ไม่เชื่อ แม่ง กูเดาได้ตั้งแต่เห็นสภาพมันแล้ว มึงไม่น่าขวางกูเลยฝิ่น”
“แล้วเมื่อไหร่มึงจะไปที่อื่นสักที” ฝิ่นพูด ไม่ได้มองหน้าใคร ไม่ได้มองหน้าเขาซึ่งนั่งอยู่ตรงหน้ามันด้วย
“เอ่อ พี่ภู ให้ไอ้แก้วพักเถอะนะ เราไปนั่งดูน้ำ เอ่อ จะเห็นอะไรวะ เอ้อ ไปนั่งเล่นข้างนอกดีกว่า ก่อกองไฟ นั่งตบยุงเล่น ไปเถอะพี่”
พี่ภูจิ๊ปากใส่ไอ้แสนแต่ก็เดินออกไปนอกบ้าน
“แป๊บนึงนะพี่” ไอ้โจ้พูด
“ไม่ต้องเดี๋ยวให้หมอเย็บใหม่”
“...ครับ” โจ้ที่เช็ดแผลให้ฝิ่นอยู่ถึงได้เดินตามพี่ภูกับไอ้แสนออกไป
คนทำแผลก็เงียบ คนถูกทำแผลก็เงียบจนเทปปิดแผลแผ่นสุดท้ายถูกแปะไว้ที่หน้าผาก
ได้ยินแต่เสียงถอนหายใจของฝิ่น
ไม่ได้อยากเป็นคนที่ทำร้ายฝิ่นซ้ำแล้วซ้ำเล่าเลย แต่พอตื่นขึ้นมาเจอหน้ามันก็อดดีใจไม่ได้ทั้งที่ไม่รู้ว่ามันมากับพงษ์ได้ยังไง
“กูไม่รู้เหมือนที่ไอ้พงษ์รู้ใจมึง แต่กูอยากรู้” มันพูดห้วน ๆ แต่จับ...แต่ประคองใบหน้าเขาอย่างแผ่วเบาด้วยมือทั้งสองข้างของมัน
...ให้สบตากัน
“พงษ์ไม่ได้รู้ใจกูทุกเรื่องหรอก มันแค่รู้...เพราะกูเคยทำ” เพราะเขาไม่ทำ สิ่งที่ไม่เคย
เรื่องไอ้ฝิ่นเป็นครั้งแรกที่เขานอกกรอบตัวเอง
“แล้วไอ้ดิวมันทำอะไรมึง กูไม่รู้หรอกนะเรื่องที่พวกมึงรู้กันน่ะ”
“...กูคิดว่ามึงน่าจะรู้ หรือจะให้บอก”
“มึงย้อนกู” อึก... “งั้นไม่ต้องก็ได้ กูเชื่อความคิดตัวเอง” ที่มันสำรวจเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าเรียบร้อยแล้ว ตอนถือตะเกียงส่องไฟให้เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำ
“...กู กลัว กูไม่ได้รู้สึกว่าที่ทำกับพี่ดิวเป็นเรื่องปกติเลย กูไม่ได้เคยชินกับความรุนแรงที่เห็นประจำใช่ไหม?” เพราะตอนนั้นเขาไม่ได้คิดอะไรเลย ไม่ได้สงสาร ไม่ได้คิดจะยั้งมือ และเพิ่งรู้สึกว่าตัวเองเลวก็ตอนรู้ว่าพี่ดิวยังไม่ฟื้น
“ไม่นี่ ถ้าใครทำร้ายมึงสิ่งที่ควรทำคือมึงต้องทำร้ายมันให้หนักกว่าที่ตัวเองโดน”
“กูควรหนี”
“คิดโง่ ๆ” มันสวนทันควัน “ ใครสั่งใครสอนมึง ทำอย่างที่ทำกับไอ้ดิวน่ะถูกแล้ว ใครทำร้ายมึงมันต้องโดนให้หนักกว่า แต่จะบอกอะไรให้อย่าง นักเลงเขาไม่ทำกันถึงตายหรอก เอาแค่เจ็บและให้อายพอ อ้อ ยกเว้นห้ามทำกับกู”
“กู...” อยากขอโทษแต่ก็กลัวความผิด เขาไม่เก่งกาจที่จะเผชิญหน้าถึงได้เอาแต่หนี
“กู...ขอโทษ”
“ห๊ะ หา? ขอโทษเรื่อง?” เขากับไอ้พงษ์ผิดแท้ ๆ ยังไม่เคยเอ่ยปากขอโทษมันเลย ...แถมหนีความผิดอีกต่างหาก
“ขอโทษที่ไม่จบ ทั้ง ๆ ที่ไม่ควรเริ่มด้วยซ้ำ ถ้าเกิด...กูต้องเสียมึงไปอีกคน พี่ไม้คงสมน้ำหน้ากูตาย หึ”
“หมายความว่า? ...ตอนนี้มึงจบเหรอ?” คิดเข้าข้างตัวเองอีกครั้ง อยากจะดีใจแต่ก็ดีใจได้ไม่เต็มอกจึงต้องออกปากถามมัน
“ยัง...” มันพูดเสียงนิ่ง ละมือออกจากหน้าเขาเอาไปกอดอก พร้อมกับสายตาไม่แยแสที่มันเคยมอง
“.....................” ก็...ก็เท่านี้สินะ สองมือกำแน่นบนตัก เขายังอยู่ ชีวิตยังไม่ได้แลกชีวิต คนไม่เอาไหนที่แม้แต่จะฆ่าตัวตายยังเปลี่ยนใจหาทางเอาชีวิตให้รอดจนได้
แม้แต่จะปกป้องไอ้ฝิ่นมัน เขายังกลับคำเลย
แล้วเขาจะเรียกร้องให้มันยอมเขาได้ยังไง
“กูไม่จบ กูไม่อยากเริ่มต้นใหม่ แต่กูจะสานต่อ ...เรื่องของเรา หึ” อยู่ ๆ มันก็หัวเราะชอบใจ สายตาที่ดูไม่แยแสนั้นกลายเป็นความพึงพอใจและดูสนุกซะมากมาย
“สานต่อ...?”
“กูชอบหน้าตาหงอย ๆ ของมึงว่ะ เหมือนหมา...ตัวน้อย ๆ ที่อยากให้เจ้าของอุ้ม”
“ฝิ่น...” มันต้องการจะบอกอะไรกันแน่
ถ้าจะสานต่อแล้วเขาจะยืนดูเฉย ๆ ได้เหรอ ทำไมถึงต้องมาหนักใจกับเรื่องเดิม ๆ ที่แก้ไม่หายนะ
“กูน่ะ ต้องพยายามตั้งเท่าไหร่กว่าจะยอมรับได้ว่าหักหลังเพื่อน หักหลังตัวเอง ...กูไม่ยอมให้เวลาที่ผ่านมาสูญเปล่าแน่ กูจะไม่ยอมช้ากว่านี้อีกสักวินาที มึงเป็นของกู กลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมนะ ข้อตกลงที่กูเคยให้มึงทำ มึงต้องทำต่อไป ตกลงนะ”
“หึ นี่มึง กูอยากคิดว่ามึงรู้สึกเหมือนกู แต่บางครั้งกูก็รู้สึกว่าไม่ใช่” ไม่ผิดใช่ไหมที่ดีใจและลังเลใจในเวลาเดียวกัน
“รู้สึกยังไง?” มันจ้องตาเขาจน...พูดแทบไม่ออก
แต่เขาอยากพูด
“รู้สึก...รัก”
“มึงคิดว่ากูไม่รู้สึกเหรอ ถ้ามึงคิดว่าไม่เราคงต้องเรียนรู้กันใหม่ตั้งแต่สเต็ปแรก” มันต่อว่าเขา แต่เขาโคตรรู้สึกดี
“ฝิ่น...”
“เหี้ย อย่าเรียกกูแบบนี้ มันทำให้กู...อยากปิดปากมึงซะตอนนี้” มันพูดด้วยน้ำเสียงเรียบพลางใช้นิ้วโป้งแตะเล่นที่ริมฝีปากเขา สายตาแข็งแกร่งมั่นคงมองมายังเขา นั่นทำให้เขาตัดมันไม่ขาด
หรือเป็นเพราะ...ใจเขายึดติดกับมันอยู่ตลอดมา
...ความรู้สึกดี ๆ ที่ได้อยู่ใกล้ใครสักคน ใครที่เราอยู่ในสายตาเขาคนนั้นตลอดเวลา จะสุข จะเศร้า จะเลว จะร้ายยังไง แต่เมื่อใจฝักใฝ่ให้ไปแล้ว ใจ...ก็ยังอยู่กับคนนั้นตลอดไป
เขาจับมือที่เล่นกับริมฝีปากเขาอยู่มากอบกุมไว้บนตัก ก้มหน้าพูดบอก
“ฝิ่น...กูรักมึงมากนะ “ จะสุข จะเศร้าใจก็คิดถึงแต่มึง “ฮึก กู...ไม่คิดว่าตัวเองจะรักมึงมากขนาดนี้ พี่ดิวทำกู กูยังไม่เจ็บปวดเท่าเขาจะทำร้ายมึง กูรักมึงนะ กูรักมึง”
“กูรู้” อย่าฝันว่าจะได้ยินมันบอกรักตอบ แต่ไม่เป็นไร เขาควรจะชิน “แต่ไอ้ดิวทำอะไรกู”
“อึก...เอ่อ” หลุดปากจนได้ แต่เรื่องนี้เกี่ยวกับมันหนิ “เล่นฝาก...มั้ง” เขาไม่แน่ใจเพราะการเล่นฝากมันน่าจะใช้กับคนที่สนิทกับไอ้ฝิ่นมากกว่า อย่างพี่ไม้ อย่างไอ้โจ้ คนสาย๕x แต่ที่พี่ดิวทำไม่ได้ต่างกันเลย
“อืม เอาไว้ให้มันรอดคราวนี้ก่อนละกัน” ดูเหมือนมันไม่ค่อยสนใจพี่ดิวเท่าไหร่ “ส่วนมึง...อย่าได้คิดจะไปจากกูอีก เพราะกูไม่ยอม กูจะตามมึงไปทุกที่ หนียังไงก็ไม่พ้นกูหรอก จำไว้”
“...ถ้ามึงกับพงษ์ไม่เอาเรื่องกันอีกกูก็ไม่ไปไหนหรอก” เขาพึมพำเบา ๆ พลางมองพงษ์ที่เพิ่งเดินเข้ามา
มันยืนนิ่งไม่พูดไม่จา
“แฮ่ม!” เสียงกระแอมไอจากพี่ไม้ที่ยืนอยู่ตรงประตูบ้านทำให้พงษ์มีอาการหงุดหงิดไม่น้อย
“กู...กูขอเวลา” พงษ์พูดขึ้นมาโต้ง ๆ แล้วหันหลังกลับ เขากับไอ้ฝิ่นยังไม่ทันรับรู้อะไรเลย
“ถ้าพูดได้แค่นี้ก็อย่ามาถามความเห็นกู” พี่ไม้พูด
“กูไม่มีปัญหา แต่กูขอเวลา จบนะ” พงษ์ยังคงหันหลังให้ เมื่อพูดจบแล้วมันก็เดินชนไหล่พี่ไม้ออกไปข้างนอกอีกครั้ง
....................................
สลับไปสลับมาหลายตลบ คนอ่านไม่มึนเนาะ (...มันไม่ถามว่ามึนไหมด้วยนะฮ่า ๆ ๆ )
เพราะเดี๋ยวมีสลับอีกตลบ ก็กระจ่างแล้วค่ะ
ยังคงประมาณไว้ตอนที่ ๖๐ จบเช่นเดิมจ๊ะที่รัก ไม่รวมตอนพิเศษนะ
รักคนอ่านเหมือนกันค่ะ >< คนอ่านทำให้เขียนมาได้ถึงขนาดนี้ไม่รักก็ไม่รู้จะยังไงแล้ว
//โอย น้ำมูกไหลไม่หยุดเลย ฝันดีราตรีสวัสดิ์นะคะ
ขอบคุณทุกคนอ่าน ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ค่ะ ^^ กอด ๆ จุ๊บเจ้า...
โอ๊ยยย ลืม ๆ ๆ เดี๋ยวจะมาอธิบายคำว่า"เล่นฝาก" สำหรับคนที่ไม่เคยได้ยินนะคะ แต่รอพงษ์ก่อนนะ
หลงใหลในม่านหมอกเพจ