อ้อมกอดเด็กช่าง ตอนที่ ๔๓
“กูต้องเข้าบ้านหน่อยนะ พ่อกับแม่จะไปต่างประเทศอีกยาวเลยโทรตามตัวตั้งแต่ไปส่งมึงเสร็จแหนะ ก็กะว่าเดี๋ยวจะเอารถออกมาไว้ใช้ด้วย”
“อืมๆ” แก้วรับคำพงษ์สั้นๆผ่านสัญญาณโทรศัพท์มือถือแล้วกดวางสายไป ก่อนจะหันมาคลิกเมาส์ส่งงานให้ลูกค้าผ่านทางe-mail
ในเมื่อมาฝึกงานแต่กลับต้องนั่งดูอย่างเดียวหรือไม่ก็เดินไปเดินมาให้พนักงานในโรงแรมหลบสายตาเล่น ไม่รู้จะเกรงใจอะไรทั้งที่เขาว่า ...เขาไม่เคยไปทำตาดุใส่ใครนะ แก้วจึงเอาเวลาที่ว่างๆนี่แหละรับงานของลูกค้าที่เคยติดต่อค้างเอาไว้เมื่อช่วงเรียนอยู่มาทำ จะเป็นประเภทเขียนโปรแกรม ออกแบบเว็บไซด์ประมาณนั้น ถึงจะมีเงินเดือนจากพ่อทุกเดือนแต่แก้วก็ไม่อยากเป็นภาระให้คนในครอบครัวนั้นหรอกนะ เคยปฏิเสธคุณพ่อไปแล้วว่าไม่ต้องการแต่ท่านก็ยืนยันและยังคงโอนเงินเข้าให้อย่างสม่ำเสมอ แต่หลังจากขึ้น ปวช.ปีสองแก้วก็แทบไม่ได้ใช้เงินในส่วนนั้นเลย คงมาจากการใช้เงินด้วยความเกรงใจแม่เลี้ยงมาแต่ไหนแต่ไร บวกกับพงษ์พาใช้ชีวิตอย่างติดดินสุดๆ แต่ก็ไม่เคยลำบากอะไรเลยกลับเป็นการสอนให้ยืนด้วยตัวเองต่างหาก
“ไปกินข้าวกัน” น้ำเสียงไม่เป็นมิตรเปิดประตูห้องของแผนกโปรแกรมเมอร์เข้ามาโดยไร้เสียงเคาะประตู แทนที่คนเปิดเข้ามาจะละอายแต่กลายเป็นพนักงานในแผนกพากันก้มหน้าก้มตาตั้งใจกับงานตรงหน้าแทน
“เพิ่งสิบเอ็ดโมงเองครับ” แก้วตอบพลางแหงนมองนาฬิกาซึ่งแขวนติดกับผนังอยู่เหนือศีรษะตน
“ใครมีปัญหา?”
“เฮ้อ...” แก้วกดพักงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ก่อนจะลุกหยิบโทรศัพท์มือถือกับกระเป๋าตังค์ยัดใส่กระเป๋ากางเกง
ไม่มีใครในที่นี้มีปัญหาหรอก ...นอกจากพี่
วันนี้พี่ขวัญเปิดประตูเข้า-ออกห้องนี้แทบทุกห้านาทีได้
เขาไม่ได้สนหรอกว่าพี่กำลังเล่นอะไรอยู่ แต่เขาเกรงใจพนักงานอีกสามคนที่เป็นผู้ใหญ่กว่าต่างหาก
แค่ทานข้าวเที่ยงพี่คงไม่มีเวลาเล่นอะไรแผลงๆกับเขาได้หรอกน่า...แก้วคิดก่อนตัดสินใจ แล้วจึงเก็บของเพื่อจะไปกับพี่...และไม่ลืมส่งข้อความบอกพงษ์ไว้ด้วย
“พี่ขวัญเราหาอะไรกินแถวนี้ก็ได้” แก้วบอกเมื่อเห็นว่าพี่ลูกขวัญขับรถออกมาไกลจากโรงแรมมากแล้ว และไม่มีทีท่าว่าพี่จะแวะทานข้าวร้านไหนทั้งแถวโน้นและแถวนี้เลย
“จองร้านไว้แล้ว” พี่ตอบอย่างคนไม่สนใจกัน
เอ่อ...เอาเถอะ จะไปไหนก็ไป เป็นคนชวนเองแท้ๆแค่แสดงออกว่าอยากให้มาด้วยหน่อยก็ไม่ได้
...เสียแรงที่ตามใจ
การตั้งใจจะเมินพี่ขวัญไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะพี่ขวัญไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าเขาจะแกล้งทำเป็นเฉยใส่ยังไง
พี่ขวัญก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม พูดอะไรทำอะไรที่กระทบเขาได้ พี่ก็ยังคงทำ รวมไปถึงการเซ้าซี้ที่พี่ขยันซะเหลือเกินเพื่อให้ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ ...นั่นคือการตามใจจากเขา
“ไอ้พงษ์จะตามมารึเปล่า” พี่ขวัญถามขณะที่กำลังทานข้าวมื้อเที่ยงกัน
“พี่พงษ์อยู่บ้าน” แก้วตอบไม่ตรงคำถาม
“กูรู้แล้ว กูถามว่ามันจะตามมารึเปล่า?”
“ไม่รู้ครับ พี่เขาไม่ได้ตอบมา” ส่งข้อความไปบอกแล้วมันก็เงียบไป สงสัยยังไม่ได้เปิดอ่าน ถ้ารู้ว่ามาทานข้าวใกล้บ้านมัน พงษ์มันคงรีบมาแล้ว
“ไม่บอกตั้งแต่แรกวะ”
“อ้าว...” ก็ไม่ได้ถามนี่หว่า
แก้วชะงักมือที่ตักข้าวค้าง มองหน้าพี่ขวัญแล้วตำหนิในใจ พี่เสมองไปทางอื่นก่อนหันกลับมายักไหล่แล้วพูดจุดประสงค์ของวันนี้ออกมา
“...กูอยากคุยกับมันบ้าง”
“พี่พงษ์เขาไม่คุย”
“มึงก็ไปบอกมันสิ” แหนะ!
“ไม่เอาหรอก ถ้ามีธุระเดี๋ยวเขาก็มาคุยกับพี่เอง การเลี้ยงข้าวผมมันช่วยอะไรไม่ได้หรอก เพราะพี่พงษ์เขาตัดสินใจเองหมด”
พี่ขวัญก็ยังยืนยันว่าเขาเป็นตัวทำลายมิตรภาพของพี่กับพงษ์อยู่ดี ถึงเขาไม่เคยสั่งอะไรพงษ์สักครั้ง ทุกคนก็ยังคงยัดเยียดให้เขาเป็นคนชักจูงพงษ์ได้เพียงคนเดียวเหมือนกันหมด
แก้ววางช้อนวางส้อมพร้อมๆกับคำพูดที่ไม่ได้ช่วยอะไรพี่ขวัญเลย
“กินๆไปเถอะ หมดธุระแล้วมึงจะกินข้าวกับกูไม่ได้เลยรึไง”
“อิ่มแล้ว” จริงๆคือทานไม่ลงแล้วต่างหาก
ความผิดหวังมันเกิดขึ้นได้อย่างไม่มีขอบเขตจริงๆ ถ้าพี่ขวัญไม่อยากให้เขาช่วยหว่านล้อมพงษ์ พี่ก็คงไม่ชวนเขาทานข้าวสินะ
“ป่านนี้คงโดนเฉ่งยับ” พี่ขวัญพูดแขวะเมื่อขับรถกลับมาจอดที่หน้าโรงแรม
“ไม่รู้สิ” แก้วไม่ได้ตั้งใจตอบแต่พูดออกไปให้เหมือนคนไม่ใส่ใจคำพูดพี่ขวัญเท่านั้น เขาคิดว่าพ่อแม่ของพงษ์ต้องไม่พอใจแน่ๆล่ะที่มันขัดใจท่านอีก แถมเลี่ยงจะเจอหน้าได้เป็นสัปดาห์ แต่ยังไงซะ ไอ้พงษ์มันปลาไหลเรียกพ่ออยู่แล้ว คนที่กลุ้มใจคงต้องเป็นพ่อแม่มันมากกว่าที่เฉ่งยังไงก็คงไม่เข้าหูมัน...
“วันนี้คุณพ่อมีประชุมทั้งบ่ายมึงคงไม่มีโอกาสประจบท่านละ งั้นกูไม่เข้าดีกว่า มึงลงไปเถอะ” พี่ขวัญหันข้างมาแขวะอีกรอบก่อนไล่เขาลงจากรถ
เหอะ คิดมาได้ว่าจะประจบคุณพ่อ เจอหน้ากันนับเป็นนาทีได้เลย
แก้วเปิดประตูรถออกไป แล้วปิดประตูกลับเสียงดัง ปึ๊ก!!
...พี่เห็นเขามีตัวตนก็ต่อเมื่อกลัวว่าเขาจะเข้าใกล้คุณพ่อ พี่เห็นเขามีตัวตนก็ต่อเมื่อต้องการใช้งานเขา เหมือนกับ...
“อื่อ!” แก้วร้องด้วยความตกใจแต่ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมาเมื่อปากของเขาถูกมือของใครบางคนที่กำลังฉุดลากเขาจากด้านหลังปิดเอาไว้แน่น มืออีกข้างของมันก็โอบรวบแขนเขาไว้ไม่ให้ต่อต้านได้ง่ายๆ
นี่มันหน้าโรงแรม ทำไมถึงมีคนกล้าทำอะไรอุกอาจขนาดนี้ ถึงคนเดินผ่านไปผ่านมายังน้อยอยู่แต่ใช่ว่าไม่มีใครเดินไปเดินมาเลย แล้วรปภ.ของโรงแรมก็ยังยืนดูอยู่ห่างๆทั้งที่เขากำลังโดนทำร้ายเนี่ยนะ!
“โอ๊ะ!” แก้วร้องอุทานเมื่อร่างถูกผลักเข้าไปในรถยนต์คันหนึ่งซึ่งจอดที่เดียวกับรถพี่ขวัญเมื่อกี้แล้วรีบหันไปดูหน้าไอ้คนที่ลากเขามากลางวันแสกๆอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย
“โจ้!” และเขาต้องอุทานเสียงดังขึ้นอีกเมื่อเห็นหน้ามัน หากแต่พอหันไปทางเบาะหน้ากลับพูดอะไรไม่ออกเมื่อใครที่กำลังนึกถึงมันนั่งอยู่เบาะข้างคนขับ
“แหะๆ” ไอ้โจ้เกาหัวแกรกๆยิ้มแหย แก้วต้องส่ายหน้าตามมันที่กำลังเดินอ้อมมาเปิดประตูฝั่งคนขับเข้ามานั่ง
“เล่นอะไร ใจหายหมด” ต่อว่าโจ้เบาๆแต่สายตามองไปที่คนนั่งหันหลังให้
“เอ้า ถ้าไม่เล่นอย่างนี้จะได้เจอมึงเหรอ ใช่ไหมพี่ฝิ่น?” ไอ้โจ้พยักเพยิดหน้าไปทางฝิ่นซึ่งคำตอบก็หนีไม่พ้นฝ่ามือที่ฟาดลงหัวไอ้คนถาม
“อันตรายไปหน่อยรึเปล่า เกิด รปภ.วิ่งเข้ามาจะทำไง”
เขายังนึกแปลกใจไม่หาย ทำไมถึงไม่มีใครช่วยทั้งที่เห็นกันเต็มตาอย่างกับว่าเขาโดนลักพาตัวแหนะ
“อ๋อ เคลียร์กับ รปภ.แล้ว เขาคุ้นหน้าพวกกูดี ก็พอดีว่าพี่กูเดินไปหามึงดีๆไม่ได้ก็เลยต้องเล่นอะไรนิดหน่อย ฮะๆ”
“หมดธุระมึงแล้วโจ้” ไอ้ฝิ่นปรามรุ่นน้องมัน
“โธ่พี่”
“ทำเกินหน้าที่อีกแล้วนะมึง เตรียมโดนซ่อมไว้เถอะ” ฝิ่นกัดฟันพูดบอกโจ้ แต่เขาได้ยิน ก่อนที่โจ้จะเปิดประตูแล้วลงจากรถไปพร้อมๆกับฝิ่นเปิดประตูออกไปแล้วไปทำหน้าที่คนขับแทน
“มานั่งข้างหน้า” ตามนั้น
ฝิ่นขับรถออกจากหน้าโรงแรมในขณะที่ทิ้งโจ้ยืนอยู่ริมฟุตบาท เขามองผ่านกระจกข้างก็เห็นถึงรอยยิ้มอย่างกับคนทำอะไรได้น่าภูมิใจนักหนาของเจ้าตัวที่มองตามหลัง ...ขอบใจนะโจ้
เหลือกันอยู่สองคนท่ามกลางเสียงแอร์ของเครื่องยนต์ที่ดังบ้างเบาบ้างบางจังหวะ
จริงๆถ้าเปิดวิทยุให้มีเสียงเพลงหรือเสียงคนพูดบ้างบรรยากาศมันคงดีขึ้นกว่านี้
แต่คงเป็นเรื่องแย่สำหรับฝิ่น เพราะต่อให้คนข้างๆรู้สึกกดดันขนาดไหนมันก็ยังชอบที่จะอยู่กับบรรยากาศเช่นนั้นมากกว่า เพราะเสียงบันเทิงต่างๆของคนอื่นมันคือเสียงรบกวนของมัน
และต่อให้บรรยากาศเงียบงันชวนกดดันให้อึดอัดแค่ไหนก็ไม่เป็นไร ถ้าคนข้างๆเขาคือมันคนนี้
แก้วลอบมองใบหน้าที่มุ่งมั่นอยู่แต่กับถนน จนเริ่มท้อ...
เรื่องระหว่างเขากับฝิ่นเป็นเรื่องที่เชื่ออะไรใครไม่ได้เลยสักคน และสักอย่าง มันทำเรื่องราวให้เขาผูกพันแต่กลับเป็นเรื่องเล่นๆของมัน จนเขาอยากจะตัดพ้อทุกครั้งที่เห็นใบหน้าซึ่งปั้นไว้อย่างคนมีจุดประสงค์และไร้ความผิดให้ตำหนิได้เสมอ...
แต่ก็พูดไม่ออก เพราะสำคัญที่เขาก็เต็มใจตั้งแต่เริ่มเอง
แก้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋ากางเกงหมายจะส่งข้อความไปหาพงษ์จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง แต่ก็เปลี่ยนใจกดปิดเครื่องแทนทั้งที่ฝิ่นไม่มีทีท่าว่าสนใจด้วยซ้ำ
นอกจากเดินมาเปิดประตูรถให้เขาเมื่อมันนำรถเข้าจอดที่โรงรถเรียบร้อยแล้ว
“แม่ยังไม่ไปนี่หว่า” เหมือนมันพูดกับตัวเองแต่ก็คว้าข้อมือเขาไปจับแล้วพาเดินเข้าบ้านหลังที่เขาอาศัยอยู่มาเป็นเดือน “แม่ แม่ อยู่ไหน?” มันพาเขาเดินไปเข้าไปในบ้านแล้วตะโกนเรียกแม่ จนแม่มันเดินออกมาจากห้องครัว
“อะไร? อ้าว! ลูกแก้ว” แม่ฝิ่นเสียงดุก่อนจะเห็นว่าเขาอยู่ด้วย
แก้วจะยกมือไหว้แต่ก็เก้ๆกังๆเพราะมือไม่สะดวกจนกระทั่งไอ้คนที่จับไว้มันปล่อยแล้วมองหน้าเชิงบอกว่ามึงจะทำอะไรก็ทำ
“คิดถึงจังเลยลูก” แม่ฝิ่นยิ้มให้พร้อมกับเข้ามากอดและมืออุ่นๆลูบศีรษะอย่างเอ็นดู
“คิดถึง?” แก้วรู้สึกตันๆในอกและกอดเอวแม่ฝิ่นแน่น
“จ๊ะ บ้านนี้คิดถึงหนูกันทุกคน...ใช่ไหม? ฝิ่น”
“จ๊ะแม่” ไอ้ฝิ่นตอบรับแล้วอยู่ๆมันก็เข้ามากอดและหอมแก้มแม่มัน...รวมถึงโอบเขาไว้ในอ้อมกอดเดียวกัน
ครอบครัว... มันคือความรู้สึกอบอุ่นอย่างนี้ใช่ไหม?
“พอๆอย่าเนียนเจ้าฝิ่น”
“หึ”
“เดี๋ยวแม่ต้องเข้างานช่วงบ่ายแล้วนะ” แม่ฝิ่นไล่ลูกชายตัวเองแก้วจึงผละออกมาด้วยน้ำตาคลอหน่วย ไม่รู้สิไม่ใช่ว่าอยากร้องไห้ แต่มันตันๆบอกไม่ถูก “แก้วจะค้างไหมลูก พ่อก็ถามถึงทุกวัน”
“เอ่อ...” แก้วมองไปทางฝิ่น แต่มันกลับผิวปากหันไปทางอื่น
“จ๊ะๆลำบากใจก็ไม่เป็นไร”
“ไม่ใช่นะครับ” เขาไม่อยากให้แม่มันคิดอย่างนั้น เพราะเขาไม่ได้ลำบากใจที่จะกลับมาบ้านนี้เลย
“แม่เข้าใจ...พี่ชายเราคงยังทำใจไม่ได้ ตามสบายนะลูกนะแม่ไปทำงานแล้ว”
“...? ครับ” แก้วรับคำอย่าง งงๆแล้วมองตามหลังแม่ฝิ่นที่เดินออกไป จนไอ้ฝิ่นมันใช้นิ้วโป้งเกลี่ยน้ำใสๆที่คลอเบ้าตาให้ถึงได้หันกลับมาที่มันอีกครั้ง
ห้องเล็กๆใต้ดินแต่กลับมีเครื่องอำนวยความสะดวกทุกอย่างกลายเป็นภาพที่เขาโหยหามาตลอดสัปดาห์
ก็คงเป็นแค่ห้องๆหนึ่งธรรมดาที่คนส่วนน้อยอยากจะอยู่ ถ้าไม่ใช่ว่าเจ้าของห้องเป็นใคร
“ถ้ากูไม่พามึงมา มึงยังจะมาไหม?”
ถ้ามาแล้วไม่รู้สึกผิดต่อพงษ์เขาก็อยากมาที่สุด แต่พงษ์ไม่ต้องการให้เขายุ่งเกี่ยวกับฝิ่นอีก เขาจะตอบคำถามฝิ่นได้ยังไงในเมื่อ...คำตอบกับสิ่งที่ทำ มันไปคนละทาง
แก้วเดินตามเจ้าของห้องเข้าไปแล้วโอบกอดเอวมันไว้จากด้านหลังแทนคำตอบ เมื่อปะทะเข้ากับแผ่นหลังเพียงวินาทีเจ้าตัวมันก็หันกลับมาจ้องตาเขาในทันใด
ไม่มีทางที่จะอยู่กับคนที่รักได้พร้อมกันทั้งสองคน ในเมื่อคนทั้งคู่เดินอยู่บนเส้นทางที่มันขนาน
รักที่ไม่ลงตัว รักที่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางโดยมองแต่ความรู้สึกของตน ทั้งที่จริงแล้วมันอาจจะใช่หรือไม่ใช่อย่างที่คิดเลย
อย่าว่าแต่คนรอบข้างต้องการให้แก้วทำตามใจพวกเขาเลย ตัวแก้วเองก็คิดและทำทุกอย่างเพื่อความต้องการของตัวเองไม่ต่างกัน
แต่อย่างน้อยกูก็ดีใจที่เคยได้สัมผัสความรู้สึกเหล่านั้น...กับมึง
“กูจะไม่บังคับให้มึงเลือกกูอีก ...เพราะยังไงมึงก็ต้องเลือกกูอยู่ดี” ถ้อยคำเข้าข้างตัวเองที่มันคิดไม่ผิดหรอก แต่เขาก็ยังเป็นสิ่งทิ่มแทงเรื่องราวในอดีตไม่ใช่เหรอ ถ้าเขาไม่ผูก เรื่องราวก็คงต้องจบ เงื่อนปมมันเหลือที่เขาเพียงคนเดียว ก็ควรจะคลายที่ตรงนี้...แม้ว่าไม่อยากจะปล่อยไปเลยก็ตาม
รัก...สุดท้ายจากกู
มือเรียวถือดีคว้าดึงปกเสื้อช็อปคนตรงหน้าให้โน้มเข้าหาตัวก่อนจะแนบริมฝีปากตัวเองเข้าประกบชิดกับคนตรงหน้า
“แก้ว”
“หืม?” แก้วหลับตาฮึมฮัมเมื่อฝิ่นพยายามหลบสัมผัส
“มึงไม่มีลีลาเอาซะเลย” มันต่อว่าทำเอาเขาต้องลืมตามามองมันอย่างไม่ชอบใจ “กูไม่ได้พามึงมาเอากูก็แค่...” ฝิ่นรวบเอวพาเขาเดินไปหยุดข้างเตียง “ช่างเถอะ”
ก่อนจะกดไหล่เขาให้นั่งลงที่ขอบเตียงแล้วมันก้มมาจูบปากเขาเอง
เขาเลือกฝิ่น แต่ก็เลือกพงษ์เหมือนกัน
เป็นไปไม่ได้ใช่ไหมล่ะความคิดเขา...แต่คนที่จับต้องได้ทุกอย่าง กับคนที่ฝันเอาว่าจับต้องได้
จึงต้องเหลือทางเลือกไว้เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น
“ทุกพฤติกรรมมึง จับได้โคตรง่ายเลย” ฝิ่นก้มจูบที่ซอกคอขณะที่เขานอนเปลือยกายมีเพียงผ้าห่มที่คลุมตัวและฝิ่นที่นอนซ้อนอยู่ด้านหลัง มันกระซิบเบาๆให้เขารู้ตัวก่อนจะกอดเขาไว้และหลับไปพร้อมๆกัน
................................................
ไม่เน้นNC (เพราะเขียนไม่เป็น กร๊ากกก) เดากันเอาว่ารักสุดท้ายของแก้วที่ให้ฝิ่นแปลว่าอะไร ฮ่า //โดนคนอ่านโบก
งานเยอะมาก นี่ก็เพิ่งได้เขียนก็วันหยุดนี่เอง ไหนจะบัญชีไหนจะภาษี ที่ต้องเสร็จก่อนเมษาอีก โฮกกก
ปล.เรามีFanpageแล้วนะ search ชื่อ หลงใหลในม่านหมอก ได้เลย เอาไว้เวิ่นเว้อโดยเฉพาะเพราะก
ลัวตัวเองคุยเยอะจะทำให้นิยายกลายพันธ์ซะเองเกรงใจเล้าด้วย
ลืมเรื่องเซอร์วิส พงษ์ แก้ว ...-*-แต่พงษ์ไม่ได้คิดรักแก้วมากกว่าคนที่อยากเลี้ยงดูนะ ซีซั่นคงเซอร์วิสไม่ได้(เร็วๆนี้)อะค่ะ แต่...แอร๊ จุดไว้ทำไม? 
ขอบคุณทุกคนอ่านขอบคุณทุกคอมเม้นท์นะคะ^^กอดๆจุ๊บ