อ้อมกอดเด็กช่าง ตอนที่ ๔๔
“มิวเบื่อตามพี่ฝิ่นแล้วนะพี่ดิว” มิวหน้ามุ่ยเดินเข้ามานั่งในบ้าน
“ทำไม? ไม่อยากได้แล้วเหรอ?” ดิวนั่งลงข้างๆถามด้วยน้ำเสียงยียวน เห็นใครมีชื่อหน่อย ไม่ก็รวยเป็นต้องเข้าไปตีสนิทด้วยทุกคนไม่ใช่เหรอ
“มิวมีแฟนใหม่แล้วเป็นนักศึกษาแพทย์ ดูดีกว่ามาเฟียเด็กช่างตั้งเยอะ”
“อืม...แล้ววันนี้ว่าไง?” เขาไม่สนคำคุยโวของคนที่อยากติดปีกให้ตัวเองตลอดเวลาอย่างมิว แต่ถามถึงเหตุการณ์ที่ให้คนคอยดูแก้วกับไอ้พงษ์แทน ช่วงนี้เป็นระยะที่ไว้ใจมันไม่ได้ ต่อให้มันรับปาก เขาก็ไม่อยู่เฉยๆหรอก
“ไม่เกินพรุ่งนี้พี่ฝิ่นคงได้เดือดอีกรอบ เพราะมีพงษ์อยู่แก้วไม่มีทางค้างด้วยแน่นอน” รุ่นน้องพาณิชย์บอกด้วยความมั่นใจ ซึ่งเขาก็คิดว่าอย่างนั้น...
แต่ถ้าไอ้แก้วยังติดต่อกับไอ้ฝิ่นอยู่ ไม่แน่ไอ้พงษ์อาจจะใจอ่อนเร็วๆนี้ก็ได้
ไอ้เหี้ยพงษ์อยู่เมืองนอกก็ดีอยู่แล้ว มึงจะกลับมาทำไม
“แล้วไอ้แก้วมันจะเอายังไงกันแน่”
“เฮอะ! ทำไมต้องเป็นแก้ว ถ้าพี่ดิวอยากได้ผู้ชาย คนในโรงเรียนก็มีเยอะแยะทำไมไม่เอา มิวไม่เข้าใจจริงๆ พงษ์ก็อีกคน ตอนคบกับมิวอะไรๆก็มีแต่แก้วอยู่ในหัวตลอด แหวะ ยิ่งพี่ฝิ่นยิ่งชัดเจน” เขาถลึงตาใส่ยัยมิว
“เธอไม่มีสิทธิ์ออกความเห็นเรื่องนี้ ทำหน้าที่ของเธออย่างเดียวพอ”
“มิวไม่อยากยุ่งแล้ว ถ้าพี่ฝิ่นจับได้คงเอามิวตาย”
“หรือมึงกล้ากับกู?”
“อึก...พี่ดิว” มิวหน้าถอดสีเมื่อเจอคำพูดเขา ไม่ได้อยากขู่มันหรอก แต่ผู้หญิงคนนี้เขายังใช้งานได้อยู่โดยที่ไม่มีใครระแวงเพราะความเป็นผู้หญิงของมันนี่แหละ
“ถ้ามึงหักหลังกูอีกคน มึงจะโดนหางเลขด้วย จำไว้”
“ไม่เกี่ยว! มิวไม่ได้ทำอะไรเลย แค่พี่ถามว่าบ้านเป้งอยู่ไหนมิวก็แค่บอก แต่พี่กับพงษ์ทำอะไรกันโดยที่มิวไม่รู้ไม่เห็นด้วยเลย” มิวปัดความผิดพัลวัน
เขาไม่สนใจหรอกถ้าคิดจะทำงานเขาล่ม เขาไม่ปล่อยแน่
“อย่างกับมึงไม่ดีใจที่มีผู้ชายฆ่ากันตายเพื่อแย่งมึง” ดิวจับหมับที่ปลายคางมิว เขาบีบเล็กน้อยให้มันได้รู้สึกเจียมตัว
“พี่...มิวเจ็บ”
“หรือมึงจะไม่ทำแล้ว?” เขาให้โอกาสมิว พลางปล่อยมือออกจากปลายคางมันและจ้องหน้ามันไม่วางตา
“อึก ...เอ่อ งะ งั้นมิวจะตามคนพวกนั้นให้พี่ถือซะว่าตอบแทนที่พี่แนะนำพงษ์ให้มิวรู้จัก ถ้าพวกนั้นเลิกติดต่อกันได้ มิวหมดหน้าที่เลยนะ” มิวใช้สองมือบีบนวดใบหน้าตัวเองพลางพูดเร็วและรัวให้เขารับฟัง
“เออ!”
ไม่มีใครเข้าใจหรอก การได้ขึ้นเป็นประธานรุ่นเพราะชื่อเสียงของไอ้ดีมันไม่ได้ทำให้เขาภูมิใจเลยแม้แต่น้อย เขาพยามสร้างชื่อขึ้นมาใหม่ ทั้งลงมือเล่นงานคู่อริเองทั้งยืมมือคนในสายมาผลักดันตัวเอง พยายามแสดงฝีมือให้คนอื่นๆในสายได้เห็นมากกว่าให้รับรู้กันมาเพียงแค่ว่าเขาใช้เส้นมาเป็นใหญ่ เพราะนั่นไม่มีใครที่นับถือเขาจริงๆสักคน
แต่พอไอ้พงษ์ ทั้งที่มันไม่มีอะไรมาก่อนเลย ชื่อเสียงเหรอ ก็ไม่มี ฝีมือเหรอ ก็ทำตามคำสั่งเขาทั้งนั้น แต่ไอ้แก้วกลับยกย่องเทิดทูนมันทุกวินาที แม้แต่ไอ้พงษ์ทำเรื่องเลวๆก็ยังเชิดชูมันไว้สูงกว่าเขา ทำไม ทำไม! ทั้งที่มันไม่ได้เป็นผู้นำ แต่ทำไมถึงได้มีคนนับถือมันด้วยความจริงใจขนาดนี้ แต่ทีพี่...พี่ที่เป็นใหญ่และใกล้ชิดกันแท้ๆ พี่ที่ให้มึงพึ่งพาได้ แต่มึงแทบไม่รู้จักพี่ด้วยซ้ำถ้าไอ้พงษ์ไม่พามึงเข้ามา
แล้วยิ่งกับไอ้ฝิ่นที่มารู้จักกันทีหลัง มึงกลับเลือกมันมากกว่าพี่ เหอะ กับกูหลบได้เป็นหลบ หนีได้เป็นหนี ทั้งที่เราสามารถไปกันได้ดีกว่าไอ้พวกคู่อริอยู่แล้ว
แค่มึงเปิดโอกาสให้พี่บ้าง...แก้ว แต่ไม่มีเลย
.
.
.
“พงษ์ เป็นอะไรรึเปล่าลูกเข้าห้องน้ำบ่อยจัง”
“ปวดท้องนิดหน่อยครับ” พงษ์เฉไฉตอบแม่และนั่งลงที่โต๊ะอาหารอีกรอบ
ความจริงแล้วเขาพยายามโทรหาไอ้แก้วต่างหาก แต่ก็ติดต่อไม่ได้ ไม่รู้ว่าไม่มีสัญญาณหรือว่าปิดเครื่อง แต่น่าจะไม่มีสัญญาณมากกว่าเป็นไปไม่ได้ที่มันจะปิดเครื่องเพราะยังไงมันกับเขาจะต้องส่งข่าวหากันให้ได้ตลอดเพื่อจะได้รู้ว่าอีกคนอยู่ไหน ปลอดภัยดีรึเปล่า
“ปวดท้องหรือไปแอบโทรศัพท์” คนไม่กินข้าวแต่เสนอหน้านั่งร่วมโต๊ะแทรกขึ้นมา พงษ์ไม่อยากต่อปากต่อคำด้วยจึงหันไปแยกเขี้ยวใส่มันพลางหันไปปั้นหน้ายิ้มใส่พ่อกับแม่แทน
“แล้วแกจะเอายังไงเรื่องเรียนแกน่ะ” พ่อเสียงเข้มถาม
“รออีกสักสามเดือนครับคุณพ่อ” ต้องรอแก้วฝึกงานทั้งที่ไม่ฝึกก็ได้อีกสองเดือนเสร็จ แล้วต้องกลับไปเรียนอีกหนึ่งเดือนถึงจะจบปีสาม
“อายุแกก็ ๒๐แล้ว เรียนมอปลายก็ไม่จบ เรียนอาชีวะที่อยากเข้านักหนาก็ไม่จบ ส่งไปเมืองนอกก็หนีกลับมา แกกำลังทำให้พ่อกับแม่ขายหน้านะเจ้าพงษ์”
“นั่นสิครับ อย่างผมก็เรียนอีกแค่สองปีก็จบปริญาตรีให้คุณพ่อคุณแม่กับคุณลุงคุณป้าชื่นใจแล้ว”
“อย่าสอดได้ไหมวะ”
“พงษ์!” แม่เรียกปราม “ก็ผมไม่อยากเรียนแล้ว” เขาตอบพ่อ เรียนในเรื่องที่รู้อยู่แล้ว ไม่เห็นจำเป็นต้องไปเสียเวลาในห้องเรียนเลย แต่ก็เข้าใจว่าทุกอย่างต้องใช้ใบประกาศ นี่ก็กำลังหาที่เก็บหน่วยกิตอยู่แค่ไม่ได้รายงานใครแค่นั้น
“ก็เป็นซะอย่างนี้ ถ้าคบกันแล้ว...”
“คุณแม่ครับคราวนี้จะไปนานไหม?” เขาเปลี่ยนเรื่องที่พ่อกำลังจะพูดเป็นชวนแม่คุย ด้วยหน้าที่การงานของคุณพ่อที่ต้องบินไปประเทศโน้นทีประเทศนี้ทีทำให้เราไม่ค่อยมีเวลาอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาสักเท่าไหร่ แต่เขาไม่ค่อยอะไรมากหรอกไม่ได้อยากกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับพ่อแม่ทุกวินาทีเหมือนไอ้แก้ว กลับสบายใจที่ได้เป็นอิสระด้วยซ้ำ
“สองสามเดือนค่ะลูก”
“ว๊า ผมคิดถึงคุณแม่แย่เลย”
“คิก คิก ปากหวานนะลูกคนนี้” แม่หัวเราะด้วยความชอบใจ เหอะๆ
“เฮ้อ...” แต่คุณพ่อถอนหายใจซะเสียงดัง และไอ้ขวัญนั่งเบ้ปากอยู่ข้างพ่อ
รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหางว่ะ เรื่องอะไรจะให้พ่อเอาเรื่องไอ้แก้วขึ้นมาคุย
กว่าจะหมดเวลาที่ต้องปั้นหน้าเป็นผู้ดีเวลาอยู่กับพ่อแม่ก็เล่นเอาโคตรเบื่อและโคตรเซ็ง และยิ่งเซ็งมากขึ้นเมื่อมีคนคอยตามติดทุกฝีก้าว
“มึงไม่มีอะไรทำแล้วรึไงตามกูอยู่ได้”
“ใครตามมึงที่ไหนนี่มันโรงแรมพ่อกู”
“.......................” เขาด่ามันในใจยาวยืดเพราะพูดออกไปก็ไม่เข้ากะโหลกมันหรอก
พงษ์กดลิฟท์ไปที่ชั้น ๘ ซึ่งเป็นชั้นที่ตั้งของแผนกโปรแกรมเมอร์ ไอ้ลูกเจ้าของโรงแรมมันก็ยังตามเข้ามา
กับไอ้ขวัญก็คิดซะว่ามันเป็นเศษดินเศษอากาศไปอย่างเดียว ขืนเผลอตัวไปพูดกับมันเข้าก็จะพาแต่สมองตกต่ำเมื่อนั้น
“พงษ์...กูเป็นเพื่อนมึงนะ” เรียกร้องเอาอะไร กูรังเกียจมึงมาตั้งนานแล้วยังไม่สำนึกอีกเหรอ
“....................................”
“พงษ์...”
“เฮ้อ...ลิฟท์ช้าไปไหนวะ” เขาบ่นอยู่คนเดียวพลางยืนพิงกับผนังลิฟท์แต่ไม่ลืมกดโทรศัพท์หาไอ้แก้วเรื่อยๆโดยไม่สนใจไอ้ขวัญที่เสียงเล็กเสียงน้อยอยู่ตรงหน้าก่อนที่มันจะโวยวายขึ้นมาอีก
“กูชักจะหมดความอดทนแล้วนะ”
“.................................”
“ไอ้พงษ์!มึงก็รู้ว่ากูชอบมึงแต่มึงยังทำแบบนี้ใส่กูได้ยังไง!”
“เฮอะ...” พงษ์ส่ายหน้า “กูรู้พอๆกับมึงรู้ว่ากูไม่ชอบมึง กูไม่ได้วิปริตผิดเพศอย่างมึงหนิที่ต้องชอบผู้ชายตอบ” เขาเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าแล้วมองหน้าตั้งใจพูดกับมัน ...อย่างเลี่ยงไม่ได้
ความเป็นเพื่อนที่ผู้ชายมีให้กันกับคนที่คิดเป็นอย่างอื่นมันก็คงไม่ต่างกันนักหรอก แต่ไอ้ขวัญมันเกาะแกะเขาชัดเจนเกินไปทั้งที่คนอย่างมันไม่เคยเห็นหัวเพื่อนคนไหนด้วยซ้ำ แต่นี่เขายิ่งเมินมันยิ่งตาม เขายิ่งเอาตัวออกห่าง มันยิ่งวิ่งเข้าใส่ ตื้อได้ยันโลกแตกเลยมันล่ะ
“พูดอย่างกับไอ้แก้วมีดีกว่ากู มันก็เมียผู้ชายเหมือนกันละวะ”
“ไม่เหมือน!”
“ไม่เหมือน? หึ มันหลงผู้ชายหัวปักหัวปำ มึงยังแกล้งไม่รู้ไม่เห็นอีกเหรอ” พงษ์กำหมัดแน่นเมื่อลูกขวัญพูดแทงใจดำ
“เรื่องของพวกกู มึงไม่ต้องเข้ามายุ่งย่าม!” พร้อมทั้งตวาดมันเสียงดัง
“ก็กูจะยุ่ง กูจะยุ่งๆๆๆๆกับมึงจนกว่ามึงจะคบกับกู”
“หน้าด้าน!”
“อะ ไอ้พงษ์”
“กูพูดความจริงทำเป็นรับไม่ได้ มึงเป็นผู้ชายนะขวัญไม่ใช่ผู้หญิงที่ต้องทำท่าดัดจริตรับไม่ได้กะแค่คำพูดตรงๆจากกู”
ปึ๊ก!
“โอ๊ะ”
“หึ” เอามือตบผนังลิฟท์แล้วก็เจ็บเอง อย่างนี้มันน่าสมน้ำหน้านัก
เขายืนพิงผนังอยู่ฝั่งหนึ่ง ไอ้ขวัญก็อยู่อีกฝั่งมันมองมาอย่างไม่ลดละสายตา
เพราะการที่มึงได้คบกับกูไม่ว่าจะเป็นเพื่อน หรือเป็นคนที่ชอบมันเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้น้องมึงเสียใจและรู้สึกเหมือนไม่มีใครใช่ไหมล่ะ มึงถึงได้เลือกตามตื้อกูมาตลอด
ประตูลิฟท์เปิดที่ชั้น ๘ ไอ้ขวัญรุดเดินไปเปิดประตูห้องที่อยู่เยื้องกับลิฟท์ทันที
“คุณลูกแก้วไปไหน?” มันถามพนักงานก่อนเสร็จสรรพ พงษ์จึงโผล่หน้าเข้าไปในห้องตาม
“ออกไปกับคุณยังไม่เข้ามานี่ครับ” พนักงานคนหนึ่งตอบ
“บ้าเหรอ ผมมาส่งตั้งแต่เที่ยงแล้ว” ไอ้ขวัญเหวี่ยงใส่คนนั้นทันที เขายกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู นี่มันบ่ายสี่โมงเย็นแล้ว
“ไปเถอะ” เขาเรียกมัน
“ไปไหน? กูต้องรู้ให้ได้ว่าไอ้แก้วมันหายไปไหน” ไอ้ขวัญเปิดประตูเข้าไปยืนกลางห้อง พนักงานก็ไม่เป็นอันทำงานกันจนเขาต้องเข้าไปฉุดแขนมันออกมา
“แล้วมึงอยู่นี่จะรู้ไหม มึงเอาน้องไปทิ้งไว้ที่ไหนอีก อย่ามาโกหกกู”
“ไอ้พงษ์...” มันเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงเหมือนไม่เชื่อหูตัวเอง
“มึงเอาน้องไปส่งที่ไหน?” เขาจึงต้องย้ำถามอีกครั้ง
ไอ้แก้วไม่ใช่คนที่จะไปไหนไม่บอก ไม่ใช่คนที่ชอบไปไหนคนเดียว ยิ่งที่ๆไม่เคยไปมันยิ่งไม่ย่างกรายใหญ่ และไอ้ขวัญก็รู้ดีจึงชอบแกล้งทิ้งน้องไว้โน่นไว้นี่ตลอดเพื่อให้มันกลับบ้านเองไม่ถูก เพื่อให้มันเคว้งแล้วตัวเองสะใจ คนอย่างไอ้ขวัญมันทำร้ายไอ้แก้วได้ทุกทางนั่นแหละ
“กูมาส่งมันหน้าโรงแรมก่อนไปหามึงจริงๆ” แต่มันยืนยันคำเดิมเสียงแข็งเหมือนที่บอกก่อนจะมาถึงนี่
“ถ้างั้นแล้วตอนนี้มันอยู่ไหน!” เขาหัวเสียเมื่อโดนมันกวนประสาท
“ไอ้เหี้ยแก้ว!”
เพี๊ยะ!!
“มึง...” มันเอามือกุมแก้มตัวเองหลังโดนฝ่ามือจากเขา นี่แค่เบาะๆกับคนอย่างมัน
“อย่าโทษน้อง! น้องไม่เคยทำอะไรมึงเลย เพราะถ้ามึงไม่ทำน้องกูก็จะไม่โทษมึงเหมือนกัน”
“หึ” มันแสยะยิ้มกัดฟันจะเดินหนี แต่เขาคว้าแขนมันเข้าไปในลิฟท์ซะก่อน
“คราวนี้มึงต้องตามหามัน”
“ไม่!”
“มึงขัดกูไม่ได้หรอกขวัญ”
“ก็กูมาส่งมันถึงนี่แล้วมึงจะให้กูไปหาที่ไหน รู้ใจกันดีไม่ใช่เหรอ งั้นเชิญมึงไปตามคนเดียวเถอะ” มันกระแทกเสียงใส่ตอบกลับมาหน้าตาเฉย
“งั้นกลับไปดูที่บ้าน” เขาคิดว่ามันอาจจะไม่สบายแล้วแบตโทรศัพท์คงหมดโดยไม่รู้ตัว
พงษ์ให้ขวัญทิ้งรถไว้ที่โรงแรมแล้วลากมันมาด้วย คงต้องสอนเรื่องความรับผิดชอบให้มันอีกคน น้องยอมไม่ใช่ว่าจะทำอะไรก็ได้ จะปล่อยปะละเลยยังไงก็ทำไป ไอ้แก้วเป็นคนที่ควรใส่ใจมากกว่าเรื่องใดๆทั้งหมด เป็นคนที่...ยังไงก็ให้อยู่คนเดียวไม่ได้ ถึงไม่มีเขาอยู่ข้างๆ แต่รอบข้างมันต้องมีคนอยู่ด้วยเสมอ
เพราะการที่มันอยู่คนเดียว ความคิดของมันจะดิ่งลึกลงไปเกินกว่าที่เขาหรือใครจะเข้าถึงได้เมื่อพบเจอมันอีกครั้ง
เขาถึงได้คิดและตัดสินใจแทนมันในหลายๆเรื่องยังไงล่ะ พยายามให้มันคิดเองน้อยที่สุด
“ผิดคาดแฮะ” ไอ้ขวัญแขวะเมื่อมาถึงบ้านและยังไม่เห็นแม้แต่เงาของไอ้แก้ว
เขาไม่คิดว่าแก้วจะ...
พงษ์ปิดประตูห้องของแก้วแล้วรีบวิ่งลงบันไดเพื่อกลับไปที่รถ
ห้ามแล้วนี่ มันไม่ทำแน่เพราะมันรู้ว่าเขาไม่เห็นด้วย เขาออกรถโดยลืมไอ้คนที่วิ่งมาทุบรถตามหลังเสียสนิท
“จะตามมาทำไม?”
“อ้าว ไอ้นี่”
“เฮ้อ” พงษ์ถอนหายใจแล้วพยายามจะไม่ร้อนรน
...บอกให้มันตามมาเองนี่หว่ากู
บ้านไอ้ฝิ่นคือที่ๆเขานึกถึง ข้อห้ามที่ทำยากเขารู้ดี แต่ในเมื่อเขามีเหตุผลให้ไอ้แก้วแล้ว มันก็ควรจะเข้าใจ
“มึงลงไปกดกริ่งสิ”
“เรื่อง?” พงษ์หันขวับมองหน้าขวัญ
“ไม่เคยทำตัวมีประโยชน์จริงๆ” เขาว่ามันแล้วเปิดประตูรถพลางปิดกระแทกเสียงดังใส่มันด้วย
กดกริ่งรออยู่หน้าบ้านไม่นาน ไอ้ฝิ่นก็เดินออกมาด้วยสภาพหัวเหอยุ่งเหยิงอย่างกับคนเพิ่งตื่นนอน ใส่แค่กางเกงยีนส์เก่าๆขาดๆและมีเสื้อยืดพาดบ่ามาด้วย
เขามองมันอย่างเหยียดๆ
“หืม? มาถึงบ้านอีกแล้ว” มันทักทาย กวนส้นตีน
“ไอ้แก้วอยู่ข้างในใช่ไหม?” เขาถาม น้ำเสียงเรียบ แต่ใจนี่ถีบประตูบ้านเข้าไปแล้ว
“ไม่อยู่” ไอ้เหี้ยฝิ่นตอบเสียงห้วนหน้าตาไร้อารมณ์
“กูไม่เชื่อ!”
“เรื่องของมึงแล้วอย่าคิดว่ากูจะให้เข้ามาเป็นเสนียดบ้านอีกรอบ”
“ไอ้เหี้ย!” พงษ์ด่ากราดมือจับประตูเหล็กเขย่าด้วยอารมณ์โมโห
“กูไม่มีอารมณ์มาเหยียบหน้ามึงตอนนี้ อีกสามวันมึงไปเคลียร์กับกูที่ผับหลังมหาลัยTค่อยเจอกัน” มันพูดเสียงเข้มแล้วเดินหันหลังกลับเข้าบ้าน ทำอย่างกับเขาไม่อยู่ในสายตามันอย่างนั้น
นึกว่ากูกลัวรึไง? โถ่!
“เหี้ย มึงแน่ก็มาตอนนี้เลยสิ!” พงษ์ตะโกนตามหลังและเสียงแตรรถดังขึ้นขัดจังอารมณ์
ปิ๊น ปิ๊น ปิ๊นนนน
“เฮ้ย มึงจะบีบเรียกแม่มึงรึไง”
“มึงด่าแม่กูอีกแล้วนะพงษ์”
“ก็เออสิ!” พงษ์เปิดประตูรถเข้ามานั่งพร้อมเอาเรื่องกับไอ้คนข้างๆ
“กลับบ้านได้แล้ว มันรออยู่บ้านนั่นแหละ”
“อะไรนะ?” เขาหันไปหาไอ้ขวัญเพื่อความแน่ใจอีกที
“ไอ้แก้วโทรมาบอกว่าอยู่บ้าน” มันตอบ ดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาด
“แต่เมื่อกี้...” แล้วมันไปไหนมาถ้าไม่ได้มาที่นี่ อีกอย่าง “เดี๋ยวก่อน... โทรมา?”
“มันโทรเข้าเครื่องมึงเมื่อกี้ เห็นมึงกำลังบ้ากูเลยไม่อยากรบกวน” ไอ้ขวัญตอบหน้าตาเฉย “เอ้า ออกรถสิครับ”
“มึงยุ่งกับมือถือคนอื่นได้หน้าตาเฉยอีกแล้วนะ”
“คนอื่นที่ไหน” พร้อมยักคิ้วใส่
เวรกรรม... ไอ้แก้วนะไอ้แก้ว ไปไหนมาไหนไม่บอกกันก่อน
และยังทำให้มีตัวเวรตามติดกูทั้งวันอีกด้วย
..................................
งานนางเพียบ แต่นางยังอัพได้อีก ฮ่าๆๆๆ เชิ๊บ เชิ๊บ นานๆสมองจะแล่นที
แต่เอ่อ ไม่ได้ตั้งใจขัดจังหวะนะคะ แต่ยังไม่ถึงเวลาของสองคนนี้จริงๆY^Y
ขอบคุณทุกคนอ่าน ขอบคุณทุกคอมเม้นท์เจ้าาา ^^ กอดๆจุ๊บ
เพจข้าเจ้า
ตอนนี้มีสามชีวิตที่โดนบังคับให้กด อนาถจิต ไม่มีใครคุยด้วย