อ้อมกอดเด็กช่างตอนที่ ๔๑
“จะได้เวลากลับบ้านแล้วนี่มึงยังแยกอะไหล่ไม่เสร็จอีกเหรอ ไอ้โจ้!” พี่ไม้เดินหัวเสียมาต่อว่าไอ้โจ้ที่ทำหน้าเบื่อโลกใส่กล่องอะไหล่รถยนต์
“โถ่พี่ นี่มันน่าเบื่อจะตาย ตาจะปิดแล้วด้วย”
“ทำๆไปเถอะ เอาในกล่องให้เสร็จนะวันนี้” พี่ยืนเท้าสะเอวสั่ง ในขณะที่เขานั่งชันเข่าดูดบุหรี่อยู่บนม้าหินอ่อนใกล้ๆรุ่นน้อง
“ครับ” มันรับคำพี่ไม้ตาละห้อย “...นี่ถ้าไอ้แก้วอยู่คงดี ผมจะได้ไม่ต้องมาทำหน้าที่นี้ เออ พูดแล้วก็คิดถึงมันเนอะพี่ฝิ่น”
แค่กๆ เหี้ย! ไอ้โจ้หันมาพูดกับเขาแบบไม่ทันได้ตั้งตัว
“คิดถึงเหี้ยมึงสิ!” ฝิ่นสำลักควันบุหรี่ก่อนจะตวาดไอ้รุ่นน้องเวรแล้วหยิบเสื้อช็อปพาดบ่าเดินออกจากตรงนี้
เขากำลังหาทางจะเอาตัวแก้วกลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม แต่จะเอามันมายังไง ไล่มันไปเองแล้วมันก็เสือกไป แถมไปอยู่กับไอ้เหี้ยพงษ์ จะให้เข้าไปขอตัวไอ้แก้วกลับมาอย่างญาติดีนั่นน่ะไม่มีทาง
ให้ไปดักฉุดง่ายกว่าไหม แต่ติดตรงที่...อยากให้มันเดินมาหาเขาเองคงจะสะใจกว่าว่ะ
อืม...ทำยังไงให้ไอ้แก้วเห็นว่าเขาสำคัญกับมันวะ เอาให้ไอ้เหี้ยพงษ์ชักกระตุกเล่นๆเป็นออเดิฟ แถมต้องได้ตัวไอ้แก้วกลับมาด้วย
“เหี้ย ตกใจหมด” ฝิ่นอุทานทั้งปากยังคาบบุหรี่ไว้อยู่แล้วหันกลับไปมองคนที่เดินมาจับไหล่อย่างเงียบๆ
“ขวัญเอ้ยขวัญมา” พี่ไม้ทำหน้าทำตาพูดจายียวนพลางลูบหลังเขา
“พูดถึงขวัญ เดี๋ยวขวัญก็มา” เขาคีบมวนบุหรี่ออกจากปาก จะได้ต่อปากต่อคำกับพี่สะดวกขึ้น จากมือที่ทำเป็นลูบหลังเรียกขวัญจึงเปลี่ยนมาตบกะโหลกเขาแทน
“เงียบเถอะ ยิ่งเหี้ยนกว่าผีอยู่” พี่ไม้พูดทำท่าทำทางขนลุกไปด้วย หึ พี่เอ้ย งานนี้ตัวใครตัวมันเถอะ ช่วยได้อย่างเดียวคือซ้อมมันให้ตายเท่านั้นล่ะถึงจะเลิกยุ่งกับพี่ได้
“ว่าแต่มีอะไรรึเปล่า?” ฝิ่นเปลี่ยนเรื่อง เดินไปหาที่นั่งคุยดีๆหน้าอู่
“มึงยังนับถือกูอยู่ไหม?”
“เฮ้ย ถามอะไรอย่างนั้น” เขาทิ้งก้นบุหรี่พลางใช้ปลายรองเท้าขยี้ให้ไฟดับเพราะดูแล้วพี่กำลังเข้าเรื่องจริงจังแน่
“ตอนแรกกูกะจะเล่นงานมันสักหน่อยถ้าได้เจอตัว แต่กูก็ต้องกลับคำเพราะมึง” พี่ไม้นั่งลงข้างๆ
“เกี่ยวอะไรกับผมวะ”
“หรือมึงทำร้ายมันได้ ...กูถึงได้บอกว่าอย่าไปยุ่งกับไอ้แก้วไง อย่าไปใกล้ชิดกับมัน มึงก็ไม่เคยเชื่อกูเลย” ก็ใครแม่งจะรู้ว่าพออยู่กันไปแล้วความคิดจะเปลี่ยนวะ
“...ถึงเป็นเรื่องที่ผมใจร้อนทำให้ตัดสินใจพลาด แต่ผมก็ไม่เสียดายเวลาว่ะพี่”
“คิดว่าได้มาแล้วคุ้มไหมล่ะ” พี่ไม้ทับถม
แน่นอนพวกเราไม่จำเป็นต้องพูดอะไรให้กันฟังทุกเรื่อง แต่กลับสามารถรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของอีกคน
ขอบคุณว่ะพี่ นอกจากไอ้เป้งก็มีพี่นี่แหละที่มองตาแล้วรู้ใจกัน
“พี่ยอมจบเพราะผม แต่ผมทำใจไม่ได้”
“ฝิ่นมึงอย่ายึดติดเลยว่ะ มึงคิดว่ารักคืออะไร ยิ่งใหญ่ขนาดมึงจะรั้งเขาไว้ด้วยการทรมานใจกันเนี่ยนะ? มึงอย่าลืมมองอีกด้าน ความรักน่ะมันเป็นอะไรที่เปราะบางมาก รักได้ก็เลิกรักได้ตัดง่ายกว่าการผูกพันซะอีก ไม่มีใครสนุกกับการทุกข์ใจได้นานหรอกนะ”
รู้แล้ว
“แต่ใจผม...”
“โอกาส ไม่ได้มีบ่อยๆหรอกนะ ถ้ามันเหลือเฟือขนาดนั้นเขาก็คงไม่เรียกว่าโอกาส ...กูให้พวกมึงแล้วนะไป จัดการกันเอาเอง แค่อย่าเอาคนอื่นมาเป็นประเด็น เชื่อกูบ้าง”
“ขอผมเล่นงานมันก่อนได้ไหม ไม่งั้นผมคงลงแดงตาย เห็นหน้ามันผมก็เห็นความเจ็บปวดของไอ้เป้งซ้อนทับจริงๆว่ะพี่ ผมรับไม่ไหวถ้าจะต้องมาดีกันเพราะความเห็นแก่ตัวของตัวเอง”
“ตกลงคือมึงไม่จบ?” พี่ไม้ลุกยืนค้ำหัวเขา
“แต่คนของผมก็ยังเป็นของผมวันยังค่ำ”
“ทะนงตัวเข้าไปเถอะ”
อย่ากังวลว่าเขาจะเสียไอ้แก้วไปเลย โอกาสของพี่เขาก็อยากรับไว้ แต่เขาก็อยากให้พี่รู้เหมือนกันว่าบางครั้ง ...โอกาสก็ไม่จำเป็น
ของอย่างนี้มันขึ้นอยู่ที่เราเชื่อมั่นในตัวเองมากน้อยแค่ไหนว่ะพี่
เขาจะต้องเล่นงานไอ้พงษ์ และเอาไอ้แก้วกลับมาให้ได้ เขาสามารถทำทั้งสองอย่างไปพร้อมกันได้ พี่คอยดูแล้วกัน
“ผมรับปากไอ้เป้งไว้แล้ว ขอให้พี่เข้าใจผมด้วย” พี่ไม้ลุกขึ้นยืนส่ายหน้าให้แล้วเดินออกไปหาลูกค้าเมื่อพ่อกวักมือเรียกตัว
.
.
.
“.............................” แก้วเงยหน้าขึ้นมองคนที่เอามือวางไว้เหนือศีรษะตน
“มีอะไรภู?” พงษ์ไม่ได้พูดอะไรนอกจากนั่งลงข้างๆแล้วหันไปสนใจไอ้ภูที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“เป็นอะไร?” ไอ้ภูกลับถามไอ้แก้วแทนที่จะตอบเขาก่อน
คนที่นั่งเงียบอยู่ข้างๆส่ายหน้าพลางยกแก้วเบียร์ขึ้นจิบเลี่ยงจะตอบ
ก็เห็นใจอยู่ไม่ใช่ว่าอยากปล่อยให้อมทุกข์อยู่อย่างนี้ แต่ถ้าไม่ออกปากพูดมันก็จะไม่ยอมหันกลับมามองตัวเองสักที
ไม่ต้องไปฟังใครเป่าหูแค่ดูก็รู้แล้วว่าไอ้เหี้ยฝิ่นมันต้องการอะไร ของมันชัดเจนอยู่แล้ว ในเมื่อรู้แล้วก็ตามใจแก้วอีกไม่ได้หรอกนะ เนื้อร้ายเก็บไว้ใช้เยียวยาอะไรได้บ้าง นอกจากยิ่งเก็บ ยิ่งหลอกตัวเองไปวันๆก็จะยิ่งทำร้ายตัวเองมากยิ่งขึ้น ถึงเวลา เมื่อควรตัดก็ต้องตัด จะหาว่าเผด็จการก็เอาเถอะ แต่ถ้าไม่เริ่มวันนี้แล้วเมื่อไหร่มันจะลืมได้ ทนหน่อยนะ...
“ทะเลาะกันมา” พงษ์บอกภูรัก
“เปล่าทะเลาะเถอะ” ไอ้แก้วพูดสวนแต่ตายังจ้องที่แก้วเบียร์บนโต๊ะ ผ่านมาตั้งหลายวันทำไมยังทำใจไม่ได้วะ
“เออๆช่างพวกมึงเถอะ แล้วนี่มึงกลับมาทำไม” ไอ้ภูขี้รำคาญจึงปัดชวนคุยเรื่องอื่น
“ตอนแรกก็เป็นห่วงมัน แต่พอมาแล้วดันเกิดเรื่องเยอะแยะว่ะ”
“อืม...รู้แล้วเหรอ”
“นี่มึงรู้? แต่มึงไม่ห้ามมันเนี่ยนะ!” พงษ์ขึ้นเสียงใส่เพื่อนจนไอ้คนที่นั่งข้างมันหันมาถลึงตาใส่
“เบาๆเหี้ย” แต่ไอ้แสนคนที่ติดสอยห้อยตามลูกพี่มันมาออกปากปรามเขาแทน... เสียงเพลงมันดังนี่หว่า
“กูก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรร้ายแรง ไอ้แก้วก็อยู่ดีกินดี อีกอย่าง พูดอย่างกับน้องมึงห้ามได้”
“เฮ้อ เวรกรรมแล้วมึงก็ว่าแต่กูตามใจมัน มึงเองน่ะโคตรตามใจโคตรสนับสนุนกันทุกเรื่อง แต่กูขอได้ไหมวะ คิดก่อนว่าอะไรปล่อยได้อะไรไม่ควรปล่อย”
“ครับ...เชิญมึงคิดมากไปคนเดียวเถอะ” มันตอบอย่างไม่ใส่ใจไอ้ประโยคยาวเหยียดของเขาเลย “แก้วไปยืดแข้งยืดขากัน” แล้วลุกยืนโน้มตัวข้ามโต๊ะมาดึงแขนไอ้แก้วให้ลุกตาม
ช่างไม่ดูหน้าหงอยๆของไอ้ตัวเล็กเลย ...พงษ์ส่ายหน้ากับพฤติกรรมไอ้ภู เพราะมีตัวอย่างไม่ดีแบบนี้ไงไอ้แก้วถึงได้ดื้อด้านตาม
ไอ้แสนรีบชงเหล้าให้ลูกพี่มันก่อนจะลุกลี้ลุกลนวิ่งตามไอ้สองคนไปที่ฟลอร์ด้านล่าง
ดนตรีจังหวะแดนซ์ชวนโยกทำให้พงษ์โยกหัวตามแถมยักคิ้วกวนเบื้องล่างไอ้คนขี้เก๊กตรงหน้าด้วย
มลภาวะจริงๆ เพื่อนเขาจะคุยกันเสือกมานั่งขัดบรรยากาศ
“สบายใจจริงนะทำให้เพื่อนซวยได้”
“หืม?” แม่งขัดอารมณ์กูจริงๆ
“หรือมึงจะสอนเพื่อนให้โตด้วยวิธีให้เรียนรู้วิบากกรรมเอาเอง”
“มึงมีปัญหาอะไร?” พงษ์วางแก้วเบียร์แล้วยกขาไขว้ห้างเอนหลังพิงพนักโซฟาพลางกอดอกมองหน้าโซ่
“หึ คนที่มีปัญหาน่ะเป็นมึงมากกว่ามั้ง โง่จนไม่รู้จะเปรียบกับอะไรได้ โดนหลอกใช้แล้วยังไม่รู้ตัว” มันเบ้ปาก ส่ายหน้า เห็นแล้วโคตรกวนตีนเถอะไอ้โซ่ “อ่อนด้อยจริงๆ”
“มากไปแล้วนะโซ่!”
“หึ อืม...ได้ยินเขาพูดกันว่าจบกับอาชีวะxแล้วเหรอ ยินดีด้วยนะที่ทำสำเร็จจนได้ แต่งูเห่าอย่างไอ้ดิว พอใจด้วยรึเปล่าล่ะ”
“มึงจะพูดอะไรพูดมาเลยดีกว่า อ้อมแอ้มหาป๊ามึงเหรอ” ไม่ได้ไว้ใจเชื่อใจใครมากกว่าตัวเองทั้งนั้น แม่งพูดอย่างกับรู้ดี สายเยอะนักนี่ มีอะไรก็พูดออกมาตรงๆเลยดีกว่า
“มึงไม่มีมีดสั้นนี่ แล้วเอามีดที่ไหนไปแทงคนตาย?”
อึก!!
ไอ้โซ่เปลี่ยนจากสีหน้ากวนตีนเข้าสู่โหมดจริงจัง มันหันไปมองพวกที่อยู่ด้านล่างก่อนจะหันกลับมามองพงษ์ ออกแนวเคร่งเครียดอีกต่างหาก
แต่กูเครียดกว่าไหม?...
“ของมันหายากซะเมื่อไหร่ล่ะ” พงษ์ตอบ ขยับตัวนั่งตรงก้มหน้ามองแก้วเบียร์ที่คว้ามาถือไว้เมื่อครู่
“แค่ชื่อเสียง ไม่พอที่จะดูแลใครได้หรอก กว่าคนที่เหลือแค่ชื่อจะเป็นที่น่าเกรงขามใช่ว่าจะมีวีรกรรมฆ่าอริตายทุกคน ... ฝีมือ มันแรงกว่าแค่เสียงร่ำลือ ไม่รู้ว่าสายมึงสอนกันมายังไงถึงได้ล้มเหลวกันขนาดนี้ได้”
พงษ์ยกมือปาดเหงื่อทั้งที่ตรงนี้ไม่มีไอร้อนแทรกผ่านสักนิด
“อยู่กันคนละสายก็อย่ายุ่งเรื่องของอีกสายสิวะ”
“ก็พวกมึงชอบทำอะไรให้กูเห็นประจำ อย่างนี้เรียกว่ากูเสือกหรือพวกมึงนำเสนอวะ?”
“มึงเห็น?!” ถามทั้งที่แน่ใจแล้วว่าชัวร์ อย่างไอ้โซ่มันไม่พูดอะไรตามน้ำแน่
“ทางที่ดีคืออย่าไปยุ่งกับเรื่องนี้อีก จนตรอกก็ให้พูดความจริง ไม่อย่างนั้นมึงจะเป็นคนที่โดนเล่นงานเอง... ที่กูเตือนเพราะพวกมึงเป็นเพื่อนภูรัก ถ้าเป็นคนอื่นกูจะไม่พูดให้เมื่อยปากเลย”
“พะ พอเถอะ” พงษ์เอ่ยห้าม ให้มันหยุดทุกคำพูดไว้แค่นี้
“อีกอย่าง ...ตอนนี้ไอ้แก้วเป็นคนของไอ้ฝิ่น มึงน่าจะพอรู้ประวัติมันมาบ้างและการที่มึงไปแยกมันออกจากกัน เตรียมตัวเตรียมใจไว้รอได้เลย กับไอ้ฝิ่นมึงอย่าไปคิดจะต่อกรเชียว ทางเลือกเดียวมึงทำได้แค่ยอมเท่านั้น ช่วยไม่ได้จริงๆว่ะมึงทำให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้เอง”
นี่สินะคำพูดของคนประสบการณ์สูงกว่า
“มีใครรู้เรื่องนี้อีกรึเปล่า?” มันส่ายหน้า
“ไอ้ภู?” ไอ้โซ่ก็ยังส่ายหน้าอีก
“ภูรักแค่วานกูมาเตือนมึงเพราะมันสงสารไอ้แก้ว”
“อืม...” พงษ์พยักหน้าเข้าใจ ถึงไม่ได้สนิทกับไอ้ภูมากมายแต่ก็รู้ว่ามันหวังดีกับไอ้แก้วไม่ต่างกัน
ไม่ให้ยุ่งกับไอ้ฝิ่นอีกน่ะได้อยู่แล้วเพื่อจะได้ไม่ต้องสานต่อเรื่องราวกันอีก ในเมื่อมีคนรู้เห็นเพิ่มขึ้น เขาก็ชักไม่มั่นใจว่าความลับมันยังจะเป็นความลับได้อีกนานแค่ไหน ถ้าถอยแล้วมันยังจะเป็นไปตามเรื่องราวของอดีตต่อไป จะเอาอย่างนั้นเลยก็ได้วะ
แต่ไอ้แก้ว...
จะให้ไอ้แก้วกลับไปเผชิญหน้ากับไอ้เหี้ยนั่นได้ยังไง
...คนของมัน... คำนี้เอาอะไรมาวัด ไอ้แก้วน่ะมันคนของกูมาตั้งนานกูยังไม่เคยเรียกร้องหรือผูกมัดอะไรมันเลย
...คนของมัน...ที่มันหลอกใช้ ใครจะไปยอมคืนให้วะ
“ไหนๆมึงก็เก็บมาได้ขนาดนี้ ก็อย่ายุ่งเรื่องนี้ต่อไปแล้วกัน” เขาขอไอ้โซ่
“ไม่รับปาก ดูความพอใจของเมียก่อน”
“เฮอะ” พงษ์แค่นเสียงในลำคออย่างหมดคำจะเอ่ย
ถอยได้ แต่มีตัวดึงดูดไอ้ฝิ่นให้มาเอาเรื่องอยู่ดีนี่หว่า
อีกอย่าง ถ้ากูถอย ไอ้พี่ดิว มึงจะถอยพร้อมกูไหมวะ?
................
ไม่ค้าง //สะกดจิตคนอ่าน 
LEksUp ไม่ดีแน่นอน เชื่อเราๆ 
ที่จะไปเสม็ดเดินทางปลอดภัยนะคะ
ขอบคุณที่เป็นห่วงสุขภาพกันนะคะ อย่างวันนี้ก็พอดีเสร็จไวคืนนี้จะได้นอนเร็วหน่อย (โดนมิ้วๆไล่Y^Yฮีไม่ยอมให้คุยด้วย...เมาท์ตลอด ฮ่าๆๆ)
ปล.ที่เรียกย่อๆกันพี่ซี เจ้ซี เนี่ย ย่อมาจากซีเรียสไม่ใช่ซีซั่นใช่เปล่าY^Y
ขอบคุณทุกคนอ่าน ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ค่ะ ^^กอดๆจุ๊บ
แฮ่ ขอบคุณคุณ malula จ้า คิดถึงต่อกลอนเต้ยโศกอยู่ แว๊กกกก ลืมถามอากู๋ ผิดไปแล้วค๊าบบ