อ้อมกอดเด็กช่าง ตอนที่ ๓๕
แก้วก้มหน้าก้มตามุ่งมั่นอยู่กับการบวกลบรายรับ-รายจ่ายของอู่ นิ้วมือข้างซ้ายชี้ตัวเลขทีละบรรทัด ส่วนอีกข้างก็วุ่นอยู่กับปุ่มเครื่องคิดเลขสลับกับจับปากกาจดๆตัวเลขไว้กันลืม ...เครียดกว่าซ่อมคอมฯอีกนะเนี่ย
เขาพักสายตาด้วยการมองออกไปหน้าอู่ ช่างแต่ละคนต่างก็วุ่นอยู่กับงานที่ตัวเองรับผิดชอบทั้งนั้น ไม่ว่าจะงานใหญ่หรืองานเล็ก ลงมือซ่อมเองหรือเป็นเพียงผู้ช่วยคอยส่งเครื่องมือ ทุกคนล้วนไม่อิดออด ยังไง งานก็คืองานล่ะนะ เมื่อได้รับมอบหมายให้ทำทุกคนก็ดูเต็มที่กับมัน เพราะการมีหน้าที่นี่แหละคือสิ่งที่น่าภูมิใจ แล้วยิ่งหน้าที่ของเราเสร็จเรียบร้อย ยิ่งน่าภูมิใจเข้าไปใหญ่ ...ไอ้แก้วไม่ไร้ประโยชน์แล้ว
คิดได้อย่างนั้นแก้วจึงก้มหน้ายิ้มร่าใส่ตัวเลขอีกครั้ง แม้การฝึกงานของเขาจะไม่เคยตรงกับสายที่เรียนมา แต่ก็ถือซะว่าได้ประสบการณ์ไปอีกแบบ ไหนจะแยกน็อต ไหนจะทำบัญชี และต่อไปเขาต้องชาร์ตแบ็ตเตอรี่รถสำเร็จให้ได้ แอบจำจากช่างในร้านบ่อยๆรอแค่โอกาสเท่านั่นล่ะ
“อ่ะ”
“หืม?”
“ชามะนาว กินไม่หมด” เขารับแก้วชามะนาวจากมือฝิ่น
...กินไม่หมด?
“แต่ทำไมยังเต็มแก้วอยู่เลยล่ะ”
“กินๆไปเถอะ”
เมื่อเช้าตอนฝิ่นออกไปเรียนเขาก็ซื้อกินไปแล้วนะแก้วนึง พงษ์เคยให้กินหลังจากดื่มเหล้าเข้าไป มันบอกแก้คลื่นไส้ได้ เขาเลยเอามากินเมื่ออาการนั้นกำเริบตลอด ถึงจะคลื่นไส้คนละแบบก็เถอะ
อาการของเขา เขารู้ดีว่ามันคือการทรมานตัวเอง ยิ่งรู้สึกแย่อาการมันก็ยิ่งออก และนอกจากอยากอ๊วกแล้วเขายังปวดหัวตุบๆมาตั้งแต่เมื่อคืนอีกด้วย
อ๊วกหมดท้องเดี๋ยวมันก็หยุดเอง กำเดามันก็ไม่เคยไหลข้ามวัน แต่ปวดหัวนี่ จะหายเมื่อไหร่ก็เดาไม่เคยได้
ยิ่งอ๊วกยิ่งปวดหัว เขาเลยรักษาตัวเองด้วยวิธีง่ายๆไปก่อน
แก้วดูดชามะนาวไปกว่าครึ่ง แล้วเงยหน้ามองฝิ่นที่นั่งหันหลังให้เขาอยู่บนโต๊ะทำงาน
ไอ้พงษ์หายไปก็ดีแล้ว เพราะหนึ่งในหลายคนที่ไม่ต้องการให้เขาติดต่อกับพงษ์ก็คงรวมฝิ่นด้วย เขาถึงขอไม่ให้พี่ไม้พูดเรื่องเมื่อวานให้มันฟังไง
ก็ถ้า...พงษ์มันเลือกที่จะเงียบไปก็ขอให้มันหายไปจากความทรงจำไอ้ฝิ่นเลยยิ่งดี
แก้วยื่นมือไปจับชายเสื้อนักศึกษาของคนตรงหน้าแล้วกระตุก
“กูจะอยู่กับมึงจนกว่ามึงจะไม่ต้องการ” เขาพูดบอกเมื่อฝิ่นหันมาก้มมอง
เขารู้สึกตามที่พูด ถามว่ารับได้เหรอกับสิ่งที่พูด ก็จะตอบว่ารับได้ เพียงแต่ อาจจะใจหวิวๆไปบ้าง
“เหอะ เป็นอะไรมากรึเปล่าวะ เดี๋ยวนี้ชักเพ้อๆนะมึง”
“คนเราจะอยู่ด้วยกันได้ก็ต้องมีความหมายสำหรับกัน ก็ถ้า...สักวัน กูไม่มีความหมายสำหรับมึง...”
“เลิกพูดได้แล้ว” ฝิ่นปัดมือเขาออกแล้วกระโดดลงจากโต๊ะเดินลิ่วไปหน้าร้าน
“ไม่พูดก็ได้ ...แต่ไม่ได้แปลว่ากูจะไม่คิดสักหน่อย” เขาพูดคนเดียวพลางฟุบหน้าลงกับท่อนแขนตัวเองอย่างเหนื่อยใจ
ใครสักคนจะเดินจากอีกคนไปมันไม่ใช่เรื่องที่ต้องเข้าใจยากหรอก
ใครจะพูดอะไรก็ได้ แต่ใครจะทำได้อย่างที่พูดนั่นเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์จริงๆ ...ขนาดเคยพูดว่าจะไม่ทิ้งกัน...วันนี้ก็ดันใกล้เคียงซะแล้ว
...ไอ้ตัวเล็กคนนี้ยืนได้ด้วยคิดว่ามีอีกคนอยู่ข้างๆ ถึงตัวเราจะไม่ได้ใกล้กันแต่คำมั่นที่เคยพูดเอาไว้ยังจดจำอยู่ในทุกโสตประสาท
ไม่ได้โกรธถ้าต้องโดนลอยแพ แต่แค่เสียใจ...
เราเคยพูดกันทุกเรื่องไม่ใช่เหรอ ให้มึงเดินมาไล่กูต่อหน้าก็จะไม่คิดมากอย่างนี้เลย ถ้าเป็นอย่างนี้จะบอกให้รอทำไม รอเพื่อรับรู้สิ่งว่างเปล่าที่มึงไม่คิดจะบอกกูอย่างนั้นสิ
ต่อไป...ถ้าหากล้มแล้วจะลุกมาเพื่อใคร
“มึงเคยมีความหมาย แต่บางทีมึงอาจจะไม่มีความหมายแล้วก็ได้” แก้วเงยหน้าย่นคิ้วมองฝิ่นกับท่าทางลนๆน้ำเสียงรีบๆของมันด้วยความข้องใจ
“กู” เขาชี้นิ้วใส่ตัวเอง “ไม่มีความหมาย?” พูดทวนคำ
“เออ!”
“.......................” เขาก้มหน้ากำมือตัวเองแนบตักน้ำตาคลอ
“เป็นอะไร?”
“.........................” เขาส่ายหน้ารัว
รับได้สิต้องรับให้ได้ มันคือความจริง
ปัง!
“อย่าเงียบใส่กู” แก้วสะดุ้งเฮือกเมื่อฝิ่นตบโต๊ะเสียงดัง
“ไม่มีความหมายก็ได้แต่ให้กูอยู่กับมึงไปก่อนได้ไหมล่ะ” เขาพูดสวนทันควัน ไม่ต้องมารักเขาตอบ ไม่ต้องมาทำเป็นหวังดี ไม่ต้องมาผูกพัน ขอเวลาให้เขาเข้มแข็งกว่านี้...แล้วเขาจะไม่เรียกร้องอะไรอีกเลย
“มึงต้องอยู่กับกูแบบที่มึงไม่มีความหมายนี่แหละ ใช่ ถูกต้องที่สุดแล้ว ไม่ต้องมีความหมายอะไรเลย”
แก้วก้มหน้าสะอื้นด้วยความสมเพชตัวเองก่อนจะรีบวิ่งออกประตูหลังร้าน อ่อนแอเกินไปแล้ว...
“อ๊วก แอ่ก แค่กๆ” โก่งคออ๊วกข้างพุ่มไม้อย่างทรมานลำไส้ ตอนไม่เป็นก็ไม่เป็น พอเป็นทีก็กะเอาให้เขาไส้ขาดเลยใช่ไหม
“แม่ ไอ้แก้วมันอ๊วกอย่างกับจะเป็นจะตาย” ฝ่ามือของฝิ่นที่วิ่งตามมาลูบหลังอย่าลนๆ เขาแหงนมองมันนิดนึงก็เห็นว่ากำลังคุยโทรศัพท์อยู่
“..............................”
“เป็นโรคกระเพาะรึเปล่าวะ” มันถาม
“ไม่” เขาตอบ พลางนั่งยองๆเปิดสายยางฉีดน้ำใส่หน้า
“ไม่ได้เป็นแม่ ตัวก็ไม่ร้อน” มันนั่งตาม ใช้หลังมืออังหน้าผากเขาพร้อมกับคุยโทรศัพท์ไปด้วย
“.............................”
“ปวดหัวไหม?”
“อืม” พร้อมพยักหน้า
“ไมเกรนเหรอ?”
“เปล่า”
“ก็ไม่อีกน่ะแม่ บอกพ่อด้วยหนูพามันไปโรงพยาบาลก่อนละกัน” มันวางสายแล้วฉุดมือเขาให้ลุกขึ้นตาม
“ไม่ไปโรงพยาบาลxนะ” เขาเดินตามแต่รั้งข้อมือมันไว้
“ต่อรองทำไม วุ่นวายจริงโว้ย” มันโวยแต่ยังลากเขาเดินต่อ
“หรือจะไม่ไปเลยก็ได้ กลับบ้านนอนพักก็หายแล้ว”
“อย่ามีปัญหาได้ไหม กูตัดสินใจเองได้”
“...............................” แก้วหน้างอตาแดงแต่ก็ไม่กล้าขัดขึ้นมาอีก
เขาเดินตามแรงลากของฝิ่นจากที่จะหายก็ชวนอยากจะปล่อยออกมาอีก ค่อยยังชั่วที่มันยัดเขาใส่รถก่อน แต่ เฮ้ย นั่นรถพี่ขวัญวิ่งเข้าอู่มาพอดี ไอ้ฝิ่นที่ปิดประตูฝั่งเขาหันไปเห็นแล้วมันก็เดินเลยไปหาพี่ขวัญแทนที่จะมาออกสตาร์ทรถตัวเอง
แก้วมองตามฝิ่นทุกฝีก้าว
ทำไมต้องให้ความสนใจพี่ขวัญด้วย
ปึก! เสียงปิดประตูรถ
แก้วมองฝิ่นค้อนขวับพลางคาดเข็ดขัดนิรภัยจะได้ไปกันสักที
“วุ่นวายทั้งพี่ทั้งน้อง” มันเองก็ค่อนขอดเขาเหมือนกัน แต่พอหมุนพวงมาลัยเลี้ยวออกจากอู่ มันก็เอามือซ้ายมากุมมือเขา
“ฝิ่น...”
“อะไร”
“ปวดหัว”
“บ้าเอ้ย” มันสบถแล้วเลี้ยวรถจอดข้างทางก่อนจะโอบตัวเขามาปรับเอนเบาะเพื่อให้เขานอน
ปรับเองเป็น...
.
“นอกจากอาเจียน ปวดหัวแล้ว ยังมีอาการอะไรอีกรึเปล่าครับ” คุณหมอถาม
“เลือดกำเดาไหล” แต่เขาไม่ได้ตอบ ไอ้คนที่พามาชักสีหน้าตอบหมอแทน
“แน่ใจว่าไม่มีโรคประจำตัวนะครับ”
“มีรึเปล่า” ฝิ่นย้ำคำถามของหมอด้วยน้ำเสียงคาดคั้น
“ไม่มีครับ เคยมีหมอไปตรวจที่บ้านเมื่อประมาณสาม-สี่ปีที่แล้ว คือ...เขาบอกว่ามาจากตัวเอง”
“อืม...หมอก็คิดว่าอย่างนั้นครับ คนไข้รู้ตัวใช่ไหมว่าควรจะทำยังไง หมอให้ยาไปก็ใช้ไม่ได้ผลหรอก ถ้าตัวคนไข้ยังทำร้ายตัวเองอยู่อย่างนี้ เมื่อรู้ว่าเครียดก็อย่าไปคิดมาก ใจเราเป็นทุกข์ร่างกายเราก็ทุกข์ตาม วันนี้หมอให้ยาแก้เครียดไปทานนะ แต่เจ้าตัวก็ต้องรักษาตัวเองด้วยล่ะ อายุแค่นี้เองมีอะไรให้เครียดเนี่ยเรา”
“ครับ” เขารู้มากกว่าที่หมอแนะนำอีก แต่บางทีก็อดไม่ได้นี่หว่า
“เดี๋ยวนะ ไม่เข้าใจ” คนที่พามานั่งฟังอย่างตั้งใจ แต่ก็คงไม่เข้าใจนัก
“คืออย่างนี้ครับ อาการของเพื่อนน้องเรียกว่าสมองสั่งให้ร่างกายทำตาม สมองควบคุมกดดันตัวเองจนเกิดอาการข้างเคียงดังกล่าว อาการที่เพื่อนน้องเป็นนี่ถือว่าเบาแล้วนะครับ บางรายถึงขั้นลงมือทำร้ายตัวเองจนเลือดตกยางออกโดยที่มีสติและไม่มีประวัติใช้ยาเสพติด คนไข้ต้องปล่อยวางให้มากๆอย่าคิดเล็กคิดน้อย เพราะยิ่งกดดันตัวเองมากเท่าไหร่สุขภาพร่างกายเราก็จะแย่ตามไปด้วย หรือถ้ามีปัญหาจริงๆลองปรึกษาจิตแพทย์ดูก็ดีนะครับ การพบจิตแพทย์ไม่ได้หมายความว่าเราเป็นบ้า แต่จะให้คำปรึกษาได้ตรงจุดมากกว่า อันนี้หมอแนะนำเฉยๆแล้วแต่คนไข้จะตัดสินใจครับ”
.
“พี่ฝิ่น แก้ว” นั่นไง จนได้สิ รู้ว่ามิวฝึกงานที่นี่ไงถึงไม่อยากมา ไม่อยากเจอ แต่ดันเจอจนได้ โลกแคบจริงๆ
“หวัดดีมิว” เขาเอ่ยทัก
“อืม หวัดดี พี่ฝิ่นมาทำอะไรที่นี่คะ” หวัดดีเขาแต่ตากลับมองไอ้ฝิ่น
“พี่ฝิ่น พี่ฝิ่น”
“ยุ่ง!” ฝิ่นว่ามิวแล้วเดินลิ่วไปเลย
มันเงียบไปตั้งแต่ตอนคุยกับหมอ ออกจากห้องตรวจแล้วมันก็ยังเหมือนคิดอะไรคนเดียวอยู่ อย่าว่าแต่มิวเลย เขาพูดกับมันเรื่อยๆมันยังทำอย่างกับไม่ได้ยิน
“ไปนะมิว” เขาบอกเธอ
“เดี๋ยวสิแก้ว” เขารีบเดินหนีให้พ้นไม่อยากจะคุยกับมิวนาน ถึงฝิ่นจะไม่เคยพูดถึงมิวอีกแต่เขาก็ไม่ได้ยินดีที่จะเห็นสองคนนี้พูดคุยกันหรอกนะ
แก้วตามฝิ่นเข้าไปนั่งในรถข้างคนขับ มันสตาร์ทรถเปิดแอร์เรียบร้อยแต่ยังนั่งนิ่ง นอกจากเสียงแอร์แล้วเขาไม่ได้ยินเสียงอื่นอีกเลย
“เป็นอะไรรึเปล่า” แก้วจึงออกปากถามมันเอง
“กูต้องทำยังไง?”
“เรื่องอะไร?”
“ที่มึงเป็นอย่างนี้เพราะกูรึเปล่า” เขามองหน้าฝิ่นอย่างลังเลที่จะตอบ ถึงต้นสายปลายเหตุจริงๆ
“ไม่ใช่ว่ากูสั่งให้ตัวเองไม่สบายได้หรอก แต่กูควบคุมตัวเองไม่ได้ต่างหาก แค่คำพูด การกระทำของคนที่กูให้ความสำคัญมันแสดงออกมาเหมือนไม่มีที่ให้กูอยู่ อาการอย่างนี้มันก็จะเป็นเอง หึ ฮะๆ แต่ชินซะละ”
“ยังมีหน้าหัวเราะอีก ชีวิตมึงแม่งบัดซบไม่เลิก”
“กูไม่ตายง่ายๆหรอก”
“ใครเขาให้มึงตายกันห๊ะ” ฝิ่นต่อว่าเสียงเข้ม
“อืม ฝิ่น...”
“มึงเรียกกูแบบนี้อีกแล้ว ฮึ่ย” มันว่าอย่างหัวเสียพลางขับรถออกจากโรงพยาบาล
“การได้รักใครสักคนมันก็ดีนะ แต่คงดีกว่าถ้าได้ถูกคนที่เรารัก รักตอบ”
“..........................” มันเงียบเขาเลยคิดว่าฝิ่นมันคงไม่เข้าใจ
“กูไม่ได้ต้องการอะไร แค่พูดให้ฟัง”
“กูไม่ได้ไม่รักมึงซะหน่อย”
“ห๊ะ?”
“ให้มึงซื่อบื้อต่อไปละกัน”
..............................
อ่านแล้วเป็นไรไม่รู้...ชอบฝิ่น
ชอบมากก ดูแบบเถื่อนๆแต่ก็รักจิง อะไรประมาณนั้นอะ
คนเขียนเป็นไงบ้างง ช่วงนี้มาอัพบ่อย...ดีใจๆ
เจอกันเมื่อไรอ่าาา
...คนเขียนก็งานเยอะค่ะ แต่ก็อู้เป็นประจำอยู่แล้ว แต่งานท่าจะรุมอีกแล้วเพราะว่าเจ้านายขยายธุรกิจเพิ่ม แถมแม่บ้านยังลาออกอีก บอกเลยว่าได้ แอร่ก แน่ ตอนกลางคืนก็นอนดมยาดมไปด้วย พิมพ์นิยายไปด้วยปกติจ้า ถ้าไม่เถลไถลไปจิ้นเด็กตามยูทูป ก็คงจะดีจะได้มาไวกว่านี้ ฮ่าๆๆๆ อ้อนจังเนอะ แต่ว้าเลือดกำเดานี่มันสั่งได้ด้วยเหรอ
...เราว่าคงสั่งไม่ได้หรอกค่ะ อาการบางส่วนมาจากประสบการณ์ตรงของคนเขียนค่ะ อย่างตอนล่าสุดที่พูดถึงอาการของแก้วก็อ้างอิงจากคนเขียนไปคนเดียวเพราะไม่รู้เหมือนกันว่ามีใครอาการทำนองนี้ไหม
กะว่าน่าจะไม่เกินตอนที่ ๖๐ หรือถ้าเกินก็คงไม่ไกลกว่านี้มาก จะปิดม่าน ฝิ่นกับแก้วแล้วค่ะ
พงษ์ซื้อตั๋วเครื่องบินอยู่ ยิ่งคนอ่านไม่อยากให้มันมา มันก็จะยิ่งมา ฮ่าๆๆๆ
ขอบคุณทุกคนอ่านขอบคุณทุกคอมเม้นท์นะคะ รักจัง >< กอดๆจุ๊บ