อ้อมกอดเด็กช่าง ตอนที่ ๒๕
“เบอร์พี่ดิว” แน่นอนอยู่แล้วพี่ดิวบอกเองว่าโทรมาแล้วคนรับสายพูดจากวนตีน
แก้วเลื่อนมือถือดูเบอร์อื่นต่อ
“เบอร์พี่ภู” โทรมาทำไม? เมื่อวานไปเจอก็ไม่เห็นพูดถึงนี่ ...แต่คนๆนี้เคยมีธุระอะไรด้วยเหรอ แก้วคิดเพียงครู่ ...เดี๋ยวค่อยโทรกลับก็ได้ แล้วตอบตัวเอง
“.............” เบอร์ไอ้ฝิ่น แน่ล่ะ ถ้ามันไม่โทรมาฉะกับพี่ขวัญมีเหรอเขาจะได้มือถือคืน
ฝิ่นบอกว่าโทรหาเขาตั้งแต่วันที่อยู่กับพี่ดีแล้ว แต่คนรับสายพูดจากวนตีน ยั่วโมโหมัน มันพูดด้วยไม่รู้เรื่อง
อืม...เขาก็เคยคิดว่าถ้าสองคนนี้มาเจอกันก็คงคุยกันไม่รู้เรื่องอยู่แล้ว มันเลยไม่อยากคุยด้วย แต่อยู่ดีๆมันก็เอารูปพี่ขวัญยืนคุย
โทรศัพท์ซึ่งเขาดูไม่ออกหรอกว่าโทรศัพท์ที่แนบหูพี่มันของเขารึเปล่า แต่ไอ้ฝิ่นบอกว่าใช่ เขาจึงต้องใช่ตามใจมัน
มันเลยท้าให้เขามาเจอกับพี่ขวัญเพื่อเอาโทรศัพท์มือถือคืน และตามมานั่งข้างๆเพื่อยืนยันว่าที่มันพูดน่ะเป็นความจริง
ที่แท้มือถือก็หล่นอยู่ในรถพี่ขวัญนี่เอง
แต่เขาอดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมพี่ขวัญไม่ฝากโทรศัพท์ไว้ให้เขาตั้งแต่เมื่อวานเพราะรู้ทั้งรู้ว่ายังไงเขาก็มาทำงานที่โรงแรมอยู่แล้ว
“พี่ไม่โทรมาเหรอ” แก้วหมายถึงพงษ์แต่ไม่อยากพูดชื่อเพราะไอ้ฝิ่นนั่งวาดรูปฟันเฟืองอยู่ข้างๆ ถึงมันจะดูตั้งอกตั้งใจกับกระดาษที่มันวาด แต่นั่งติดกันขนาดนี้พูดอะไรออกไปมันก็ได้ยินอยู่ดี
“เปล่า” พี่ขวัญยักไหล่ทำเหมือนไม่ใส่ใจก่อนจะหันไปมองทางอื่น แก้วจึงเปลี่ยนจากไล่ดูเบอร์โทรเข้าโทรออกช่วงที่มือถือไม่ได้อยู่กับตัว เลื่อนไปกดเมนูข้อความเพื่อเช็คดูปกติ
‘รอนะ’ ข้อความสั้นๆที่ส่งจากเบอร์โทรต่างประเทศซึ่งถูกเปิดอ่านไปแล้วปรากฏขึ้น
แก้วเงยหน้ามองพี่ขวัญตาขวาง
นาทีนี้เขาไม่สนใจพี่แล้ว และไม่สนใจไอ้คนที่นั่งข้างๆด้วย แก้วกดเบอร์โทรออกไปยังเจ้าของข้อความที่ส่งมาให้ทันที
...
...
มีเสียงรอสาย แต่ไม่มีคนรับ
...
...
แก้วกดซ้ำๆอีกสองสามรอบ แต่ก็ยังไม่มีใครรับสายอยู่ดี
...
...
อะไรของไอ้พงษ์อีกวะ ข้อความก็แค่สองคำสั้นๆ ไอ้รอน่ะรออยู่แล้ว ไม่เห็นต้องส่งข้อความมาเตือนความจำเลย
แต่ตอนนี้หลังจากที่ติดต่อมันไม่ได้มาสักพักเขาเพียงแค่อยากรู้ว่ามันเป็นยังไง สบายดีไหม และเขาอยากคุยกับมันให้ได้สบายใจเพียงเสี้ยวนึงก็ยังดี
แต่โทรติดต่อก็ลำบากมากขึ้นทุกวัน นี่เขาต้องรอมันโทรมาอย่างเดียวแล้วใช่ไหม
แก้วหน้าหงอยลงทันตาก่อนจะมองหน้าพี่ชายตัวเองอีกครั้งตาละห้อย
แต่พี่ขวัญกลับลุกเดินออกไปซะดื้อๆ
“กวนตีน” ไอ้ฝิ่นเงยหน้าวิจารณ์พี่ขวัญตามหลังก่อนจะพับกระดาษที่มันวาดอย่างลวกๆยัดใส่กระเป๋า
กางเกงและเก็บปากกาไว้ที่กระเป๋าเสื้อฉ็อป แล้วลุกยืน “เสร็จธุระรึยัง”
ฝื่นถามแก้วจึงลุกตามอย่างไร้อารมณ์ ...คือไม่อยากจะคิดอะไรแล้วตอนนี้
แก้วเดินตามหลังฝิ่นออกจากโรงแรมของพ่อ ทั้งคู่เดินข้ามถนนไปรอขึ้นรถประจำทางเพื่อเดินทางไปยังจุดหมายถัดไป
“อะไรของมึงเนี่ย ทำหน้าอย่างกับจะขาดใจตาย” ไอ้ฝิ่นหยิบแว่นตากันแดดมาใส่ แก้วเหล่ตาไปมอง
“เฮ้อ...” แก้วไม่ได้ตอบ เขาขอความสงบเงียบสักพักได้ไหม เขาอยากรู้ทำไมไอ้พงษ์ถึงไม่โทรหาเขาเลย
แถมข้อความสั้นๆของมันอีก มันต้องการจะบอกอะไรที่มากกว่านั้นรึเปล่า หรือแค่ส่งมาเป็นกำลังใจให้เขาเฉยๆ
“ไอ้แก้ว!”
“...เปล่า รีบไปเถอะให้ผู้ใหญ่รอนานไม่ดี” คำตอบคือไม่ได้ เกิดเป็นไอ้แก้วอย่าได้มีแม้แต่เวลาคิดเลย...
ฝิ่นดันหลังแก้วให้ขึ้นรถก่อน แก้วจะเดินไปนั่งแถวเบาะหน้าแต่ไอ้ฝิ่นดึงคอเสื้อเขาแล้วพาเดินไปนั่งเบาะหลังๆ
โดยให้เขานั่งติดหน้าต่าง
คือ รถเมล์สายนี้มันไม่ใช่สายประจำทั้งของเขาทั้งของไอ้ฝิ่นน่ะนะ แก้วอยากทักท้วงแต่คิดว่าไอ้ฝิ่นมันน่าจะรู้ดี
โอเค ไม่สนก็ไม่สน สายป่านนี้หวังว่าคงไม่เจอนักเรียนช่างเจ้าถิ่นแล้วล่ะมั้ง
“มึงโกหกกูรึเปล่าเนี่ย”
“อะไร?” แก้วละสายตาจากการมองออกไปนอกหน้าต่างหันมาทางฝิ่นกลับต้องผงะเมื่อไอ้ฝิ่นมันมองเขาอยู่ก่อนแล้ว ถึงจะผ่านแว่นดำก็เถอะ
แต่...เขาคิดมากไปแล้วนี่นา อะไรๆมันเลยดูจะไม่ปกติไปหมดอะนะ
“ก็หน้าตามึงไม่เห็นเหมือนไอ้นั่นเลย ให้บอกว่าเป็นคู่ขายังจะน่าเชื่อมากกว่าเป็นพี่น้องกัน” แก้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆไม่อยากจะต่อปากต่อคำกับมัน
ดูไอ้ฝิ่นพูดจาแต่ละทีมันน่าให้เขาหลงรักเสียเหลือเกิน
แก้วได้แต่ระงับอารมณ์ตัวเองด้วยการหันหน้าออกไปมองนอกหน้าต่างอีกรอบ
เขาไม่อยากเสียความตั้งใจเพราะปากมันหรอกนะ ถึงจะรู้สึกน้อยใจในสิ่งที่มันคิดอยู่บ้างก็ตาม
“เฮ้ย!” แก้วหันมามองหน้าฝิ่นอีกรอบ ลนลานจับเสื้อฉ็อปฝิ่นถอดออก ไอ้ฝิ่นขัดขืนไม่ยอมให้ถอดง่ายๆ
“ทำอะไรของมึง” สองมือถูกจับให้ค้างอยู่อย่างนั้น แก้วมองมือตัวเองภายใต้การกอบกุมของฝิ่นถึงกับหน้าร้อนวูบ
...อย่า ตื่นเต้นได้แต่ต้องไม่ใช่ตอนนี้
“ถอดออกก่อนเร็วๆ” แก้วสะบัดหัวเรียกสติพูดบอกในขณะสายตายังมองสลับไปที่ประตูรถเมล์ มือยังวุ่นกับจะถอดฉ็อปฝิ่นให้ได้ จนไอ้ฝิ่นมันถอดออกให้เอง
แก้วรีบพับแล้วพันๆฉ็อปมาถือเอาไว้ข้างตัวฝั่งด้านในก่อนจะฉกแว่นตาสีดำที่มันใส่แล้ว...ก็เท่นะแต่ตอนนี้คงจะดูกวนตีนมากกว่า แก้วเอามาเก็บในมือข้างเดียวกัน
ไอ้ฝิ่นไม่ต้องเสียเวลาถามเขาอีกให้มากความเมื่อรถเมล์จอดป้ายข้างหน้าสนิทแล้วนักเรียนในชุดฉ็อปเจ้าถิ่นขึ้นรถมาห้าคน
แก้วนั่งก้มหน้ามือซ้ายกำเสื้อฉ็อปมือขวากำแน่นเกร็งไว้บนหน้าขา ในขณะที่ฝิ่นกดโทรศัพท์มือถือเล่นอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว
แล้วไอ้พวกต่างสถาบันมันก็เดินมานั่งเบาะตัวยาวหลังสุด เขาไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่าที่รู้สึกถึงสายตาคนกลุ่มนี้มองเขากับไอ้ฝิ่นอยู่ตลอด
...แน่ละถึงจะแต่งตัวเหมือนกันแต่มันต้องมองออกอยู่แล้วว่าเรียนคนละที่ ไอ้พงษ์เคยบอกว่ากลิ่นสถาบันมันต่างกัน แต่จะรู้รึเปล่าว่าสถาบันไหนนั้นเขาไม่แน่ใจ
...กลุ่มคนข้างหลังนั่งเงียบจนแก้วใจคอไม่ดี ไปนั่งแถวหน้าก็ปลอดภัยแล้ว แต่ถ้าลุกออกตอนนี้ก็จะกลายเป็นพิรุธเห็นๆ
ทำไงดีๆ เขาไม่ชอบเผชิญหน้ากับเด็กช่างต่างสถาบันเลย มันรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องอยู่ตลอดเวลา
“ .......................” แก้วมองมือตัวเองที่ถูกมือซ้ายของคนที่นั่งข้างๆกุมไว้หลวมๆพอหันไปมองเจ้าตัวกลับ
ยังกดมือถือเล่นอยู่ด้วยมือข้างเดียว
ถ้าจะเข้าใจไปเองว่ามันกำลังปลอบเขาได้ไหมนะ ...แต่มันไม่เห็นจะสนใจเขาเลยด้วยซ้ำนี่
“ลงกัน” แก้วพูดเบาๆมองหน้าด้านข้างฝิ่น ไอ้ฝิ่นกระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะยกมือออกจากมือเขาแล้วลุกยืน
เฮ้ย ถ้ารู้ว่าพูดง่ายขนาดนี้เขาบอกมันลงตั้งนานแล้ว
แก้วรู้สึกถึงทางโล่งโปร่ง การที่กลุ่มคนซึ่งนั่งข้างหลังเงียบๆอยู่ใช่ว่าจะเป็นสัญญาณดีซะที่ไหน ที่นี่ไม่ใช่ถิ่นเรา คือหมายถึงต่อให้เป็นถิ่นเขา เขาก็ไม่สู้อยู่แล้ว อีกอย่างไม่ใช่ถิ่นไอ้ฝิ่นด้วย แถมมากันแค่สองคนขืนโดนเล่นงานมีแต่เละกับเละเป็นแน่
“เดี๋ยว” กลุ่มนักเรียนต่างสถาบันลุกเดินมาขวางทางออก ซึ่งก็คือตรงหน้าไอ้ฝิ่น แก้วที่เพิ่งยืนตามรีบเอาฉ็อปไปแอบไว้ข้างหลัง แต่ฝิ่นกลับเก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋ากางเกงอย่างใจเย็น
“มีอะไร?” มันถามคนพวกนั้นแบบนิ่มๆ
“๕Xใช่รึเปล่า”
“แล้วยังไง?” ไอ้ฝิ่นไม่ตอบเปล่าๆแต่ผลักอกไอ้คนที่ถามจนมันถอยไปล้มใส่เบาะนั่งตัวตรงกันข้าม
เอาแล้วไง จนได้สิน่า...
ผู้โดยสารคนอื่นๆเริ่มส่งเสียงดังและลุกออกจากเบาะนั่งของตัวเอง เฮโลพากันไปกดกริ่งเพื่อจะลงจากรถและมองเหตุการณ์อย่างหวาดระแวง
ฝิ่นกระชากมือแก้วดึงตัวให้ออกมายืนอยู่ข้างหลังมัน แล้วผลักให้เขาไปอยู่รวมกับผู้โดยสารคนอื่นๆที่จะลงจากรถ แต่ตัวมันกำลังเริ่มแลกหมัดกับห้าคนนั่นอยู่
รถเมล์จอด ผู้โดยสารต่างพากันรีบลงจากรถเพราะกลัวโดนลูกหลงซึ่งเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นได้ประจำ
แก้วเองก็เคยวิ่งก่อนคนแรกมาแต่ไหนแต่ไร แต่ตอนนี้กลับลังเลเมื่อเห็นไอ้ฝิ่นกำลังจะเสียเปรียบ
“เฮ้ยพวกมึงหยุดเลยๆ พ่อแม่ส่งให้เรียนหนังสือเสือกมาทำตัวเป็นอันธพาล” คนขับรถเมล์เดินมาพูดห้ามแกมด่าแต่ก็ไม่กล้าเข้าแยก
เอาวะต่อให้ฝิ่นมันบ้าแค่ไหนเขาก็ไม่อยากเห็นมันตายไปต่อหน้าต่อตาหรอก
สองมือแก้วกำหมัดแน่นก่อนจะทิ้งเสื้อฉ็อปพร้อมแว่นกันแดดลงเบาะนั่งหมายจะเดินเข้าไปสู้กับไอ้พวกหมาหมู่ทั้งห้าแต่โดนไอ้ฝิ่นทั้งเตะทั้งต่อยอย่างสบายมือ
หนึ่งในห้าจ้ำเดินมาทางเขาทั้งยกกำปั้นเหวี่ยงหมัดเข้ามากลางใบหน้า
...แก้วเอาแขนที่ยกบังหน้าตัวเองลงถึงเข้าใจว่าทำไมยังไม่เจ็บเมื่อมองหาไอ้พวกหมาหมู่ทั้งห้าไม่เจอเพราะโดนพวก๕Xรุมซ้อมล้อมเตะกองอยู่ที่พื้นหมดแล้ว
พวกมันห้า พวกของไอ้ฝิ่นเป็นสิบ ...พวกมากได้เปรียบจริงๆ
“เหี้ย กว่าจะมากันได้ไม่ปล่อยให้กูโดนซ้อมตายก่อนล่ะ” ไอ้ฝิ่นโวยก่อนจะเดินลงจากรถไปก่อน แต่จะให้
ดีกว่านี้ไอ้ฝิ่นมันไม่น่าไปผลักเขาก่อนเลยนะ ถ้าลองพูดกันดีๆบางทีอาจไม่มีเรื่องก็ได้...มั้ง
แต่แก้วก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกที่พวกของฝิ่นมาทันเวลา ก่อนจะหยิบฉ็อปพร้อมแว่นกันแดดแล้วเดินตาม
มันลงไป แล้วพวกบนรถที่เหลือจึงทะยอยลงมายืนตรงป้ายรถเมล์ที่ประธานสาย๕xหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ
“ขอโทษพี่ ก็วันนี้พี่บอกไม่ต้องตามไง”
“แต่กูเรียกมึงด่วน มึงเข้าใจคำว่าด่วนไหม ห๊า!” ไอ้ฝิ่นหันหน้ามาตะคอกคนในสายด้วยท่าทีหัวเสียก่อนจะหันกลับไปมองถนน
“เอาน่ามึงก็ไม่เป็นอะไรนี่หว่า ปากแตกนิดๆหน่อยๆขำๆ” ถ้าจำไม่ผิดคือคนที่โทรศัพท์ตามไอ้ฝิ่นในวันที่เขาอยู่ม่านรูดนี่
“ขำเหี้ยมึงสิ!” ปากมันต่อว่าทั้งยังคาบบุหรี่อยู่ มือก็เอื้อมมาหยิบเสื้อฉ็อปกับแว่นออกจากมือแก้วไปสวมใส่ ก่อนจะโบกมือเรียกรถแท็กซี่
“แยกย้ายใครมัน” ฝิ่นบอกพรรคพวกตน ส่งบุหรี่ให้เพื่อนมันแล้วกระชากแขนเขาขึ้นรถแท็กซี่ตาม
มันใจร้อนเขารู้ แต่ที่เขาเห็นมันกดมือถือเล่นบางทีคงกำลังตามพวกมันอยู่เพราะยังไงก็ต้องโดนแน่ๆ แต่เอาโดนแล้วตัวเองปลอดภัยคงดีที่สุด
เขากลับดันสะกิดชวนมันลุกซะก่อนเลยทำให้มีเรื่องกันไวขึ้น แล้วคงตามสันดานไอ้ฝิ่นด้วยล่ะ ถึงว่ามันลุกให้เขาง่ายจัง
แก้วเอื้อมมือไปเกลี่ยเลือดออกจากแผลมุมปากฝิ่นเบาๆ ไอ้ฝิ่นหันมามองเขาชะงักนิดนึง ...มันคงจะเจ็บ
แก้วจึงตั้งใจเกลี่ยให้เบามือกว่าเดิม
“พอ” ฝิ่นจับมือเขาออกเหมือนไม่อยากให้ยุ่งกับหน้ามัน แก้วเม้มปากนิดนึงเพราะรู้สึกแย่ ถ้าเขามาคน
เดียวปกติแล้วจะนั่งรถแถวเบาะหน้าๆตลอด แต่นี่ไอ้ฝิ่นมาด้วย มาเพื่อเอาโทรศัพท์เขาคืนจากพี่ ทั้งที่แถว
นี้มันต่างถิ่นแท้ๆ เลยมีเรื่องจนได้ เขานี่เป็นตัวซวยรึเปล่าวะ แก้วอดจะต่อว่าตัวเองไม่ได้
จากที่หงอยเพราะติดต่อพงษ์ไม่ได้ แก้วจึงหงอยเพราะคิดว่าตัวเองเป็นตัวปัญหาอีกรอบ
“มึงจะไปอู่ก็ไปเลยนะ แต่กูจะเข้าบ้าน ให้พ่อเห็นกูสภาพนี้ไม่ได้หรอก”
วันนี้เขานัด ไม่สิ พ่อฝิ่นนัดให้เขาไปฝึกงานที่อู่ซ่อมรถวันแรกหลังจากที่พ่อมันถามว่าเขาฝึกงานที่ไหน
แล้วแก้วตอบไปตามจริงคือฝึกที่โรงแรมพ่อตัวเอง
แต่พ่อฝิ่นเห็นว่าเข้าไปเป็นเด็กเส้นขนาดนั้นคงจะไม่ได้เรียนรู้งานอะไร ซึ่งก็ถูกตามนั้น พ่อของมันจึงจะให้
เขาไปฝึกงานที่อู่ซ่อมรถแทน ...ซึ่งงานนั้นมันคนละสายวิชาที่เขาเรียนมาเลย
เขาลังเล ยังไม่ได้ตกปากรับคำด้วยซ้ำแต่พ่อมันบอกว่า “เอาตามนี้นะ” เขาจึงไม่กล้าขัด
แต่เขาก็ไม่มีผลเสียในการย้ายที่ฝึกงานอยู่แล้วนี่ คงมีอะไรให้ทำมากกว่าไปนั่งดูพนักงานทำงานอย่างเปล่าประโยชน์อะนะ
แล้วอีกอย่างตั้งแต่เข้าโรงแรมเจอหน้าพ่อนับชั่วโมงได้เลย ...ก็ดีจะได้ไม่ต้องหวังลมๆแล้งๆ จะอยู่ใกล้หรืออยู่ไกลกัน ความรู้สึกของเขากับพ่อก็เท่าเดิมนั่นแหละ อาจจะถูกใจพี่ขวัญด้วยซ้ำ
ไอ้ฝิ่นบอกเสร็จมันก็เปิดประตูรถลงไปเลย เขาอยากจะอยู่ดูมันแต่ด้วยความที่รับปากผู้ใหญ่เอาไว้แล้วจึงต้องไปหาพ่อมันก่อน
“เดี๋ยวกูรีบกลับนะ” แก้วกลัวว่าฝิ่นจะคิดว่าเขาไม่สนใจมัน จึงตะโกนบอกก่อนจะปิดประตูรถเข้ามา
มันซึ่งหันหลังเปิดรั้วอยู่สะบัดมือคล้ายกับไล่เขายังไงอย่างนั้น เฮ้อ...พอเขาให้ความสนใจมันกลับตอบรับอย่างนี้นี่นะ
แต่เอาเถอะ ...ถ้าจะรักมันเรื่องแค่นี้ไม่เห็นต้องใส่ใจเลย ทำในสิ่งที่คิดว่าตัวเองควรจะทำกับคนที่รักก็พอแล้วล่ะ
รถเคลื่อนแล้ว แก้วแอบหันไปมองหลังฝิ่นอีกครั้ง ทั้งที่มันก็ไม่ได้เป็นอะไรมากและมันก็เข้าบ้านแล้วด้วย ...ทำไมยังอดเป็นห่วงไม่ได้นะ
มึงรู้ตัวรึเปล่าฝิ่นว่าทำกูสับสน...สับสนว่ารักหลอกๆกับรักจริงๆตอนนี้ความรู้สึกกูที่มีให้มึงมันคืออย่างไหนกันแน่
.............................
แก้วจ๋า ตอนหน้าเดี๋ยวรู้แล้วนะลูก คนอ่านก็นะ เค้าไม่เคยเขียนNCนี่นา 
พี่ไม้ พี่โซ่ ไม่ใช่พระเอกนะคะ โอย คนเขียนเพลียเหลือเกินทำไมเรทติ้งพระเอกไม่กระเตื้องเลย ฮ่าๆ ...หลังปีใหม่คงได้เจอพี่ไม้แล้วนะคะเดี๋ยวแก้วจะพาไปชม หรือจะให้พี่ไม้มาชมแก้วดี ... ฮะ ฮะ กระตุ้นคุณเฉาก๊วยซะหน่อย แต่อย่าลืมที่เราเคยบอกลับๆนะ เอิ๊กกก
หลังปีใหม่ปริศนาของพี่ไม้จะไขแล้วจ้า (สำหรับคำถามที่ซีซั่นเลี่ยงตอบคราวก่อนโน้นน) เอาไว้Talk ท้ายตอนอีกทีจะบอกว่าไขส่วนไหนนะคะ (ตอนนี้ก็วางแพลนไว้ล่วงหน้าเท่านั้น เหมือนเดิม)
พี่ภู + พี่โซ่ จะเอาตอนพิเศษมาลงให้ค่ะ (ยังไม่ได้เขียน เขียนไปหนึ่งหน้าแล้วหาย) รวมทั้งคนที่คิดถึงเจ้าแสนด้วย เย้ เย้ ดีใจมีคนชอบ เพราะซีซั่นก็ชอบแสนมากเหมือนกัน ^^ รอนิดนึง สัปดาห์หน้าคงได้อ่านกัน กะว่าคงเป็นตอนพิเศษช่วงปีใหม่เนอะ อยากให้มีอะไรหวานๆบ้างซึ่งถ้ารอไอ้คู่เอกในเรื่อง ต่อมความหวานคงเสื่อมกันซะก่อน ฮา แต่คงไม่ได้เดินเรื่องแต่แรกเริ่มนะคะเพราะพล็อตหาย ...หาย...ไปแล้ววว คนเขียนใจสลายY^Yต่อให้จำได้ลางๆก็ต้องใช้เวลา ...ไปดีนะจินตนาการของข้าเจ้า 
StillLoveThem หน้าหนูก็บวมบ้าง เหมือนผู้เหมือนคนบ้างค่ะพี่ ฮ่า ไอ้อ้วนผอมน่ะไม่ใช่ปัญหาเลยค่ะ เพราะหนูคงไม้อ้วนไปกว่านี้แล้ว หนักสุดแค่ ๔๖ เองนะ แต่ปัญหาหนูจะเป็นเรื่องเหนื่อยหอบพวกนี้มากกว่า หนูโรคเยอะ ชินแล้วค่ะ แต่จะให้ดีก็ไม่อยากเป็นเลย รำคาญตัวเอง
ขอบคุณทุกกำลังใจนะคะ เป็นหวัดหายแล้ว วันอาทิตย์นอนเต็มที่เลย หายห่วงๆ
ปล.คุณโจ๊กกุ้งงงงง มาซบคนเขียนนี่งานคนเขียนหายนะ มาปลอบเค้าก็พอ ไปซบอิพี่ไม้ทำไม เฮ้อ เนียนจริงอะไรจริง
ขอบคุณทุกคนอ่าน ขอบคุณทุกคอมเม้นท์นะคะ^^ กอดๆจุ๊บ