บทพิเศษ
“อยากทำบุญ” อยู่ๆพี่กันต์ก็พูดขึ้นมา ผมหันไปมองแว้บนึงแล้วก็หันหลับมาสนใจการจราจรข้างหน้าต่อ วันนี้เป็นคนขับ ให้พี่กันต์นั่งสบายๆ เห็นใจช่วงนี้ดูโทรม ขับระวังความเร็วไม่เกินกำหนด ถึงเครื่องรถมันจะแรงผมก็ไม่กล้าเสี่ยงเผลอแล้วเดี๋ยวทำรถราคาแพงเป็นรอยไม่มีปัญญาจ่ายเจ้าของ กลัวได้ขายตัวใช้หนี้ให้คนนั่งข้างๆคนขับ
“อารมณ์ไหนอ่ะ เข้าวัดไม่ร้อนเหรอ” ผมถามล้อๆ
“ไม่ร้อนหรอก แต่อยู่ใกล้ธามอ่ะร้อนมาก เร่าร้อน ฮ่าๆ” แม่งฮาเรื่อยเปื่อย หัวเราะเสียงดังลั่นรถ เล่นเองขำเอง ช่วงนี้พี่กันต์งานเยอะ สติเหมือนหายๆในบางที แต่เรื่องจังไร เสื่อมๆนี่มีให้ผมฟังได้ไม่ขาด ไม่เขินแล้วเดี๋ยวนี้ชิน แต่พอผมเล่นกลับ พี่กันต์เขินเองนะบางที เขินแบบ เฮ้ย... น่ารัก
....ผมรู้ว่าบางทีผมก็ปากไม่ตรงกับใจ แต่พี่กันต์คงรู้อยู่แหละว่าผมคิดไง ฉลาดน้อยซะเมื่อไหร่ จับทางได้หมดตลอด
“ร้อนมากก็ไปอยู่ไกลๆเลยป่ะ”
“เอะอะก็ไล่ เอ้อ ใช่ดิ คนไม่ได้เป็นอะไรกัน” แถมนอกจากสติหายยังชอบพูดประชดทีเล่นทีจริงด้วย แต่ในความหมายลึกๆของการทำแบบนี้ มันก็คือวิธีอ้อนรึเปล่าผมก็ไม่แน่ใจ ทำให้ผมรู้สึกจี้ดนิดๆ รู้สึกผิดหน่อยๆ และยอมอ่อนข้อให้แบบไม่ค่อยเข้าใจตัวเอง
“ไปต่อไม่ถูกเลยนะพูดงี้” ผมตอบพี่กันต์ตามจริง ไม่ได้หันไปมองหน้าคนที่นั่งอยู่
“ไปทำบุญกัน รู้สึกเหมือนซวยๆ เซ็งๆ” พี่กันต์ยอมเอาบทสนทนากลับมา คนแบบพี่กันต์ก็ซวยเป็นนะครับ ไม่ใช่ลัคกี้แมนตลอดเวลา แต่ไม่รู้ว่าไอ้คำว่าซวยของพี่กันต์เนี่ยมันแย่ระดับไหน หรือพี่แกคิดไปเองว่าตัวเองซวย หรือว่าซวยจริงเพราะช่วงนี้อยู่กับผมมากเลยซวยหรือเปล่าวะ
“อยู่กับธามมากไปป่ะเลยติดเชื่อดวงซวยๆมา”
“ถ้าใช่นี่ทำไง”
“......” ตอบไม่ถูกซะงั้นผม
“ใช่ซะที่ไหน คิดไปได้ เหอะน่า ทำบุญกัน”
“ทำไง” จะไปวัดเหรอ ใส่บาตรนี่จะตื่นทันไหม พระโปรดถึงหรือเปล่า หรือปล่อยปลาปล่อยนก หรือจะบวชไปเลยดี ให้ธรรมะขัดเกลาความจังไรลงไปบ้าง พี่จะทำอะไรครับพี่
“เมคเลิฟ” เมคเลิฟพ่อง....
“งั้นธามส่งอาบอบนวดข้างหน้าเลยนะ”
“ไม่ใช่ๆ พี่แค่อ่านป้ายชื่อร้านเฉยๆ” บอกแล้วว่าสติขาดๆหายๆ แต้หันไปก็เจอร้านชื่อนี้จริงๆ
“นึกว่าสัปดนเข้าเส้นไปแล้ว” ผมหันมาหัวเราะเสียงต่ำใส่พี่กันต์ รถติดไฟแดง มีนับถอยหลังให้ด้วย ห่าเอ้ย 5นาที นานขนาดนี้ถ้ามีคนท้องแก่ก็ลูกไหลออกอ่ะผมว่า
“ตอนนี้มีทำบุญที่ไหนได้บ้าง อะไรที่ดูสงบๆหน่อย” ตอนนี้ที่พี่กันต์ว่าคือ 2ทุ่มครับ พระก็ต้องจำวัด ต้องนอน ไม่ใช่เซเว่นนะครับ นึกจะเข้าตอนไหนก็เข้า
“ตอนนี้จะมีได้ไงเล่ารอพรุ่งนี้ดิ ใส่บาตร”
“หน้าบ้านพี่ไม่มีพระต้องไปใส่ที่หน้าซอย พี่ตื่นไปวัดไม่ทันด้วย ตอนนี้ไม่มีเหรอ อะไรที่มันดูได้บุญธามคิดหน่อยๆ” วอแวมากนะวันนี้พี่กันต์ จะให้ได้เลยใช่ไหมบุญ
“ช่วยค่าเทอมนักศึกษาไหมล่ะ นั่นไง นั่งรออยู่หน้าร้าน” แถวนี้ร้านอาบ อบแล้วนวดมันเยอะจริงๆครับให้ตายเถอะ
“ถามจริงถ้าพี่ไปเที่ยวที่แบบนี้แล้วนอนกับคนอื่นธามจะโกรธพี่ไหมอ่ะ” ถามควายๆ
“ถ้าธามทำแบบนั้นบ้างพี่กันต์จะโกรธไหมล่ะ” เออ ถามมาได้ ไม่แค่โกรธด้วย เลิกคุยแม่ง หน้าก็ไม่อยากจะมอง
“ก็โกรธดิ พี่รักธามนะไม่โกรธได้ไง” คำตอบเรียบๆเหมือนเป็นประโยคธรรมดาเสมอเวลาที่พูดเรื่องแบบนี้ออกจากปากพี่กันต์ น่าแปลกนะเวลาที่เล่นมุขสัปดน แกล้งหยอด แกล้งจีบดูแพรวพราว แต่เวลาพูดว่ารัก กลับเสียงเฉย ธรรมดา หน้านิ่ง แต่มันน่าเชื่อนะ ดูจริงจังและจริงใจ
“เออนี่ไง” ....ธามก็รักพี่กันต์ ไม่โกรธได้ไง
“นี่ไงคือ” เอาอีกล่ะ
“เดี๋ยวพาไปหยอดตู้บริจาค” ผมคิดออกแล้ว ได้เปลี่ยนเรื่องด้วย ไม่พูดๆ ผมไม่ชอบไขในที่แจ้ง อาย เขิน ผมก็ยังอยากจะรักษาสภาพผู้ชายในความรู้สึกตัวเองไว้ให้นานตราบนานเท่านานนะครับ เรื่องแบบนี้ดูการกระทำเหอะ อย่าให้พูดต่อหน้ากันบ่อยๆเลยนะพี่กันต์นะ
“เปลี่ยนเรื่องอ่ะ หลงพี่แล้วก็พูดมาเหอะ พี่ไม่ว่าหรอก” พี่กันต์ยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมจับหน้าผมที่หันหนีให้หันมามอง จากนั้นก็ขยิบตาใส่ ผมก็ได้แต่ยิ้มไปเรื่อยแหละครับ พยายามหุบอยู่ แต่หุบไม่ทัน ยิ้มไปแล้ว
“พาไปหยอดเงินบริจาค จะได้ทำบุญ ไม่ทำแล้วใช่ป่ะ” พูดไปทั่วล่ะผม เสียงเฉยๆแต่ปากจะฉีกถึงรูหูแล้ว ยิ้มหาอะไรนักหนา ปลื้มนักล่ะตอนนี้ โดนผู้ชายจีบ ธามเอ้ย มึง... หนักแล้ว
“ทำดิ อยากทำกับธามด้วย ชาติหน้าจะได้ไม่ต้องร้องเพลงนี้ๆ นึกเนื้อร้องแปป” ผ่านไปสามวินาที พี่กันต์ก็ร้องเพลงให้ผมฟัง
ชาติก่อนเราเพียงคู่เคียงเก็บดอกไม้ร่วมต้น แต่ว่าเราสองคนไม่สนใจใส่บาตรร่วมขัน ชาตินี้เราสอง เราสองจึงต้องโศกศัลย์ รักกันชอบกันไม่ได้กันบุญเรานั้นไม่มี….
ฮาไปไหนพี่กันต์...
ร้องเพลงจบ ผมก็ฮาไปชุดใหญ่ ขำชิบหาย ขำจนท้องแข็งไม่ได้เพราะห่าอะไรเลยจริงๆ พี่กันต์ร้องเพลงไม่แย่นะครับ แต่ไม่ร้องจะดีกว่า ปกติร้องแต่เพลงอินเตอร์ วันนี้พี่แกล่อซะชาย เมืองสิงห์ พยายามทำเสียงใหญ่ๆด้วย ยิ่งขำเข้าไปใหญ่แต่พี่กันต์ไม่สนใจครับ เรื่องด้านเรื่องทนนี่ยกให้ไป
สรุปก็คือ ผมพาไปหยอดตู้บริจาคในวัด เจอพระกำลังจะกลับกุฏิพี่กันต์ก็เลยขอเข้าไปกราบพระหยอดตู้บริจาค ก็ตามสไตล์ป๋าๆครับ หย่อนแบงค์เทาๆ ผมมันคนงบน้อย แบงค์ยี่สิบพอ ตอนทำบุญกราบพระก็ดูเป็นคนดี ไม่มีรัศมีจังไรแล้วก็น่าเชื่อถือดีครับ
.....................................................................................3-10-2012
เรารู้ว่ามันสั้น มันไม่ปะติดปะต่อ และมันมาแบบมึนๆ แต่เราอยากเอามาให้ก่อน เป็นคำขอโทษที่ให้รอกันเป็นชาติ(ถ้ายังมีคนรอ) ขอบคุณมากๆนะที่มาถาม มาทัก มาทวงกัน เกือบได้ปิดเทอมแล้วอีกนิดเดียว ฮิฮิ
รักนะจุบุ
