43
ไม่มีหัวใจ
...
(โจ -คนงานฟาร์มจระเข้)
คุณนพเดินหน้านิ่วคิ้วขมวดออกมาจากห้องน้ำ ไอ้ผมก็ได้แต่ยิ้มแห้งให้กำลังใจแก พร้อมกับยื่นซองยาที่คุณนายแกซื้อมาไว้ให้ตั้งแต่เมื่อวานแต่ผมลืมเอาให้ ดีนะที่คุณนายไม่รู้ว่าผมลืมเอาให้ ไม่งั้นด่าผมชิบหายวายป่วง คงไม่ต้องอธิบายกันมากว่าด่าแรงขนาดไหน ก็รู้ๆกันอยู่ว่าโหด ในบรรดาครอบครัวนี้พี่น้องสามคน นพ นาย นาฏ คนที่ทำให้คนงานผวาได้มากที่สุดก็เห็นจะเป็นคุณนายเสียงดัง ด่าเจ็บ ทำงานเร็ว มางานอะไรตั้งทำเดี๋ยวนั้นห้ามอู้ แต่ก็แอบใจดี ส่วนคุณนพแกใจดีขำขันตามประสาแต่แกจะหนักทางติด่อลูกค้ามากกว่าคุณนาย(คุณนายแกไม่ค่อบรับแขก) ส่วนคุณนาฏแกไม่ได้คุมคนงานเพราะแกยังเด็ก ว่างๆก็มาเป็นคนงานเองซะมากกว่า สาวแกร่งของจริงล่ะครับ
“ยาอะไรอ่ะ” คุณนพรับซองยาแล้วถามผม คุณนพแกมีปัญหาด้านท้องไส้ถ่ายไม่สะดวกอย่างรุนแรงในช่วงนี้จำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วนก่อนที่จะลุกลามไปเป็นริดสีดวง ไอ้ผมก็เคยเป็นมาแล้วครับ มันบัดซบตรงที่เลือดออกตูดแล้วต้องใส่แพมเพิสนี่แหละ ทรมาทรกรรม เหลือเกินครับ
“ยาถ่ายครับ คุณนายแบบว่าเอาแบบแรงสุดมาให้ รับรอง ไหลสะดวกปรู้ดปร้าดเลยครับ” ผมบรรยายสรรพคุณให้พร้อม คุณนพพยักหน้าพออกพอใจ
“เออดีๆ แล้วนายมันหายไปไหนแต่เช้าวะ เมื่อคืนนี้แอบเห็นแม่งทำกับข้าวด้วย น่ากลัวชิบหาย จะไปฆ่าใครรึเปล่า” คุณนพแกก็พูดเกินไป แต่มันก็จริงครับ อาหารฝีมือคุณนายคือนรกบนจานของแท้ ไม่ลองไม่รู้ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ มันมีอยู่จริงครับ
“คุณนายบอกว่าทำไปให้คนงานต่างด้าวครับ ไม่รู้อะไรเหมือนกัน แต่ดูรีบๆ” รีบจริงครับเมื่อเช้า อารมณ์นิ่งๆ ไม่ด่าใครเลย แล้วก็ไม่คุยกับใครด้วย แต่อย่างว่าครับ ช่วงนี้คุณนายแกแปลกๆ วันก่อนนั้นก็เหมือนจะอารมณ์เสียทั้งวัน แทบโยนผมลงบ่อไอ้เข้ กลัวกันขี้หดตดหาย ทำงานลืมตายกันเลยคนงาน อีกวันก็เหมือนจะอารมณ์ดี แต่พอผ่านวันที่อารมณ์ดีมา คุณนายแกก็เหมือนไม่มีอารมณ์อะไรสักกะอย่าง นิ่ง เงียบ นั่งทำบัญชีอย่างเดียวไม่สนใจใคร ไม่ออกมาด่าคนงานด้วย
เมื่อคืนนี้ผมก็ช่วยคุณนายแกเก็บครัวตอนแกทำอาหารเสร็จ ดูตั้งใจดีนะครับเหมือนจะกินไม่ได้แต่ผมว่าก็น่าจะถูกสุขอนามัยดี เพราะใส่ผ้ากันเปื้อน ถุงมือยาง ผ้าปิดปาก ผ้าคลุมผม ผ้ากันเปื้อนซะเรียบร้อยผิดวิสัยปกติ แต่ถามว่าทำนี่มีสูตรไหม... ไม่มีครับคุณนายแกบอกว่า ใส่ๆแม่งไปเหอะ นี่แหละครับ มันอาจจะสะอาดแต่มันอันตรายตรงนี้
ไอ้ผมล่ะก็นึกห่วงคนงานต่างด้าวที่ว่า ไม่รู้คุณนายแกไปรู้จักมาจากไหน งานการกุศลแบบพวกช่วยเหลือคนยากไร้รึเปล่า ผมล่ะกลัวแกจะทำคนงานตายทั้งไซส์งานนี่ซิสำคัญ…
อ้อ แต่คงไม่หรอกครับ เพราะคุณนายแกหยิบยาแก้ท้องเสียไปด้วย แหมะ เป็นห่วงเป็นใยคนกิน
ก็อย่างงี้ล่ะครับถูกจะดูขัดๆกัน แต่ผมทำงานกับแกมานาน คนปากร้ายใจดีตัวจริงเลย ไม่ใช่ผมที่รู้หรอกนะครับว่าแกเป็นคนแบบนี้ ใครได้มารู้จักกับคุณนายจริงๆก็ชอบที่แกเป็นคนแบบนี้กันทั้งนั้น
เอ้า คุณนพพึ่งกินยาไป วิ่งเข้าห้องน้ำซะแล้ว ของเขาดีจริงๆ สู้ๆนะครับคุณนพ คนงานในบ้านรอคุณนพพาไปเลี้ยงส้มตำอยู่ครับ
...
(นาย)
ไอ้หมิงกินได้สองคำก็วางช้อน รสชาติคงเกินจะทน สีหน้าเย็นชาแบบที่มันไม่ค่อยจะทำให้ผมเห็นบ่อย เวลามันไม่ยิ้มหน้ามันนิ่งน่าถีบได้ใจจริงๆ ผมถอนหายใจเซ็งๆ ล้วงแผงยาในกระเป๋าแล้ววางแปะบนโต๊ะให้มัน ยาสองเม็ดที่ผมฉีดออกมาจากแผงใหญ่ที่บ้าน พกมาเพราะมันจำเป็น
“อะไร จะให้กินอีกหรือไง” มึงอย่ามาทำตัวงอแงใส่กุได้ไหมวะเจ๊ก ไหนๆก็จะไม่ได้เจอหน้ากันแล้ว
“เรื่องของมึง กุเอามาแถมให้ ยาแก้ท้องเสีย เผื่อมึงกินแล้วตาย จะได้ช่วยชีวิตตัวเองทัน ไม่ต้องกระแดะโทรมาตามกุให้กุขับรถข้ามจังหวัดอีก” สองคำก็ทำให้ท้องเสียได้ถ้าผมทำ ไอ้หมิงขมวดคิ้ว มองผมอย่างสงสัย ไม่ใช่แค่มัน ผมก็สงสัยตัวเองเหมือนกัน ช่วงนี้ยิ่งอารมณ์ขึ้นๆลงๆ เหมือนเป็นประสาทอ่อนๆ
“มาไม้ไหนวะนาย”
“ไม้สุดท้ายของกุแล้ว” ผมตอบมันเรียบๆ แล้วพูดต่อ “กุไปส่งมึงขึ้นเครื่องไม่ได้ แล้วมึงก็คงไม่อยากให้กุไปอยู่แล้ว กุเลยมาลามึงสักหน่อย ไอ้มักกะโรนีที่กุทำมาก็ทิ้งๆไปเหอะ กุแค่อยากทำให้มึงกินเฉยๆตามคำร่ำลือว่าฝีมือกุมันห่วยของจริง แล้วเผื่อมึงท้องเสียก่อนไป สะใจกุดี” ผมจบประโยคอธิบายเหตุผลที่ผมมาวันนี้ ที่จริงอยากจะมาทำอะไอย่างอื่นแต่ผมว่าแค่นี้ก็พอแล้วแหละ จบไม่สวยยังดีกว่าค้างคา
“ถามจริงๆว่ามีหัวใจหรือเปล่า” คำถามมึงน้ำเน่ามากเจ๊ก ใครสอนมึงพูด ถามแทงใจกุดีนะ... แต่ก็ไม่น่าถามมึงน่าจะรู้ดีกว่าใครว่ากุมีหรือไม่มีหัวใจ มองนาฬิกาที่ติดอยู่ที่ผนัง ใกล้เวลาที่ผมต้องไปรับไอ้นาฏแล้ว แต่สายตายังเหลือบไปเห็นฝาตู้เย็นที่ว่างเปล่า... ปกติมันเคยมีอะไรบางอย่างติดอยู่ตรงนั้น แต่ตอนนี้มันไม่มี เอาไปทิ้งก็ดีแล้ว
“จะมีไม่มีมันก็ไม่เกี่ยวอะไร เดี๋ยวกุไปและ นาฏรออยู่” ผมลุกขึ้นยืน หมิงก้มหน้านิ่ง บรรยากาศมันน่าอึดอัดต่างกับตอนแรกที่ผมคิดว่าทำให้มันสนุกสำหรับผม... แต่มันก็ทำไม่ได้ ทั้งตอนนี้นอกจากจะทำให้ไอ้หมิงลำบาก ผมเองยังรู้สึกทำอะไรไม่ถูกเข้าไปอีก นิสัยผมกับเรื่องรักๆแบบนี้มันไม่เข้ากันเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“จะเจอกันครั้งสุดท้ายแล้วใช่ไหม” ไอ้ต่างด้าว มึงคงมีปัญหาด้านความเข้าใจ...
“มึงนี่เข้าใจยากนะ ครั้งสุดท้ายแล้ว หมดเวรหมดกรรมแล้ว ถ้าท้องเสียก็อย่าลืมกินยานะมึง” ผมเดินอ้อมโต๊ะไปยืนตรงหน้าไอ้หมิงที่หันตัวมามองผม หน้ามันซีดมากจริงๆ คงไม่ใช่เพราะกุใช่ไหม แย่วะ ถ้าบรรดาญาติมึงมาเห็นมึงคงตกใจ เจอหน้ากันครั้งสุดท้าย มึงก็ดันทำตัวซะทุเรศเลย มึงจะสังเกตไหมว่ากุอุตส่าห์แต่งตัวสุภาพๆมาหา จะได้เห็นกุในสภาพดีๆบ้าง
“หมิงรักนายนะ” แล้วมันก็พูดออกมาอีกครั้ง... เออ
“มึงต้องเจอคนที่ดีกว่ากุ” ผมพูดเบาๆแล้วก้มตัวลงไปกอดไอ้หมิง เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ผมจะทำแบบนี้ กอดแบบเพื่อนที่ดีๆควรทำ ไอ้หมิงนั่งนิ่งผมรู้สึกถึงเสียงหัวใจของมันที่เต้นแรง... ผมยกมือขึ้นตบหลังมันเบาๆ ก่อนจะผละออกมา หันหลัง...
มีเหตุผลบางอย่างทำให้ผมไม่อยากมองหน้ามันตอนนี้
“กุขอโทษนะมึง” ผมพูดสิ่งที่ควรพูดเป็นประโยคสุดท้าย วางกุญแจห้องของมันคืนเอาไว้บนโต๊ะ เดินออกจากห้อง หมิงไม่พูดอะไรสักคำ แต่ก็ดีแล้ว เพราะยิ่งพูดจะยิ่งทำให้อะไรๆแย่ลง
ผมลงไปที่ลานจอดรถของคอนโด สวนกับน้องธามที่พึ่งกลับมา ตั้งแต่โกนเครามานี่ดูสะอาดขึ้นเยอะ พอจะเข้าใจว่าทำไมกันต์ถึงชอบ ธามเป็นคนเปิดเผย ตรงไปตรงมา แล้วที่สำคัญคือกล้า กล้าทำในหลายอย่างที่คนอย่างผมไม่กล้าทำ น้องธามเดินตรงมาหาผมก่อนเหมือนเคย หน้าตาดูตื่นตกใจ คงเริ่มระแวงเพราะเห็นผมเดินลงมาจากคอนโด
“ไปหาพี่หมิงมาเหรอ ไม่ยอมบอกตั้งแต่แรก เป็นไงบ้างพี่” จะบอกดีไหมว่าให้มันกินอะไรบางอย่างที่อาจจะทำให้ท้องเสียไม่ดีต่อกระเพาะอาหาร แล้วก็หนีลงมา
“ก็ไปลามันนิดหน่อย เดี๋ยวจะไปละฝากดูมันด้วยแล้วกัน เหมือนจะไม่ค่อยสบาย” ผมบอกกับน้องเอาไว้ ธามขมวดคิ้ว มองหน้าผมแบบไม่อยากจะเชื่อ วันนี้มีแต่คนสงสัยในการกระทำของผมกันนะ มีปัญหาอะไรกันมากป่าววะ
“พี่หมิงไม่พูดอะไรเหรอ”
“ปล่อยมันพูดมานานแล้ว ตอนนี้หมดเรื่องจะพูดเงียบๆ โง่ๆอยู่ในห้องมันนั่นแหละ” ผมแสยะยิ้มตบท้ายประโยค เรียกสีหน้าผวาๆจากหมอธามได้พอสมควร ขวัญอ่ออนนะหมอธาม
“เอ่อ...” หมอพูดอะไรไม่ถูก
“พี่ไปละ เดือนหน้าเดี๋ยวจะเรียกไปที่ฟาร์มนะ บอกไว้ก่อน” ผมยิ้มให้หมอธามที่พยักหน้ารับคำหงึกหงัก แล้วเดินไปที่รถกระบะคันประจำที่ผมขับไปไหนมาไหน ที่จอดตรงนี้มันเคยเป็นที่จอดรถของไอ้หมิง ที่ตอนนี้รถมันคงเอาไปขายเรียบร้อยแล้ว ผมถอนหายใจเบาๆ คงไม่ได้มาที่นี่อีก เพราะมันไม่มีเหตุจำเป็น ไม่มีธุระอะไร ไม่ต้องมีใครมากวนใจโทรตามเสียงเหมือนคนใกล้ตายให้ต้องมาดูแล พาไปหาหมอ
ผมขับรถมาเรื่อยๆ รถทั้งคันมีแต่ความเงียบ ผมไม่เปิดเพลง เป็นปกติอยู่แล้วที่เวลาผมขับรถผมจะขับไปแบบเงียบๆ เว้นแต่ว่าจะมากับคนอื่น ขึ้นมอเตอร์เวย์ ถนนโล่ง เร่งความเร็วแซงรถคันอื่นไปเรื่อยๆ ไม่มีอารมณ์อะไรทั้งนั้น ที่ไปหาไอ้หมิงมาเหมือนมันเอาทุกอย่างออกไปหมด ทุกอย่าง ทุกเรื่องที่เคยคิด เคยรู้สึก แต่ตอนนี้ก็จบมันลงไปหมดแล้ว ผมไม่รู้ว่ามันจะถูกจะผิดยังไงแต่ผมว่าสิ่งที่ผมทำลงไปมันถูกแล้ว ไม่ใช่การรั้งมันเอาไว้เหมือนตอนแรกที่ผมคิดจะทำ ผมคิดจะบอกให้มันอยู่ต่อ แล้วผมจะยกโทษให้ ทุกอย่างเริ่มใหม่... เหมือนจะดี ผมเตรียมที่จะไปพูด แบบที่ไม่เคยพูดกับมัน ผมจะไปพูดสิ่งที่มันต้องการให้ผมทำแต่รู้อะไรไหม หมิงมันเป็นคนที่ดื้อด้านแบบน่าฆ่า ฝังใจกับอะไรที่ไม่น่าจะต้องจำ
ที่สำคัญที่สุดคือรับผิดชอบความผิดของตัวเองมากเกินความจำเป็น...
ผมกับมันควรจะเป็นแค่เรื่องสมัยเรียนรักแบบเด็กๆ แล้วก็เลิกๆจบๆกันไป ลืมกันไป สนใจกันด้วยอารมณ์ที่ฉาบฉวย มันแสนธรรมดา มันไม่ยิ่งใหญ่ ไม่โรแมนติก ไม่น่าสนใจ ที่รู้จักกันเพราะเห็นหน้าตาถูกใจด้วยซ้ำ เห็นไหมว่ามันไม่มีอะไรที่น่าจะยืนยาวตั้งแต่ต้น แต่มันผิดตรงที่มันเกิดเรื่องนั้นที่มันโกหกผมขึ้นมา แล้วหมิงมันดันเป็นคนดีเกินไปที่คิดว่าเป็นความผิดของมันที่ต้องรับผิดชอบ ที่มันทำให้ผมเสียใจ อีกอย่างที่ผิดคือคนที่มันโกหกเป็นผม เพราะผมเป็นคนไม่เคยยกโทษให้ใครง่ายๆ ทุกอย่างมันเลยยืดเยื้อไม่สิ้นสุด
เจ็บกันถ้วนหน้าอย่างที่เห็น ถ้าสักคนไป อะไรๆจะดีขึ้น
นั่นเป็นเหตุผลที่ผมไม่รั้งมันเอาไว้ กลับสิงคโปร์ดีกับมัน มันจะมีงานที่ดี ได้อยู่กับครอบครัว มันอยู่นี่มันต้องดูแลชีวิตมันเองทุกอย่าง งานหนัก แล้วทำไมผมต้องเห็นแก่ตัวรั้งมันเอาไว้เพราะแค่ว่าผมอยากจะเริ่มใหม่กับมันซึ่งมันไม่ได้ดีกับทั้งตัวผมตัวมันเลยสักคน ที่เป็นแบบนี้ ผู้ชายกับผู้ชาย ถ้ายิ่งถลำลึก มันจะยิ่งลำบาก ปลายทางมันอยู่ที่ตรงไหนก็ไม่รู้... ความรักมันไม่ใช่เรื่องแน่นอน
ผมไม่ใช่คนใจร้ายขนาดที่จะทำร้ายมันได้ถึงขนาดนั้นหรอก... ถึงจะดูเป็นแบบนั้น
ต่อจากนี้ผมยอมรับว่าผมอาจจะเหงา อาจจะไม่มีคนคอยเถียง ไม่มีคนเอาใจ อยู่คนเดียวจริงๆตามที่ผมทำเหมือนว่าต้องการแบบนั้นมาตลอด อีกหน่อยผมก็ดีขึ้น ผมไม่ใช่คนที่แสดงความรู้สึก ผมเหมือนไม่รู้สึกอะไร ผมหลอกคนอื่นเก่ง แต่ที่เก่งที่สุดคือหลอกตัวเอง หลอกว่าผมเป็นคนใจร้าย หลอกว่าตัวเองไม่มีหัวใจ หลอกว่าไม่มีความรู้สึก หลอกตัวเองว่าเข้มแข็งพอ หลอกว่าผมไม่ต้องการความรักจากใคร หลอกว่าไม่ห่วง หลอกว่าไม่สนใจ หลายคนเชื่อ รวมทั้งไอ้หมิงก็คงเชื่อแล้วจริงๆว่าผมไม่มีหัวใจ
ไม่เคยต้องเจ็บจากใครเท่าเจ็บจากมันจริงๆ ตอนนั้นก็เพราะคำโกหกของมัน ตอนนี้ก็ยังมาต้องเรื่องของมันเองอีกที่ต้องไป ผมเชื่อว่าคนที่ไม่ควรจะคู่กัน ต่อให้ทำยังไง มันก็ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ผมไม่ชอบฝืนอะไรผิดกับไอ้หมิงที่มีเหี้ยอะไรแม่งก็จะแหกกฎมันทุกอย่าง ต่างจากผมสุดขั้ว ผมไม่รู้ว่าหมิงจะคู่กับใคร แต่ผมรู้อยู่อย่างหนึ่งคือ
คนที่ไม่ควรได้คู่กับใครอีกคือผม
...
(หมิง)
นายกลับไปชั่วโมงกว่าแล้ว ผมก็ยังนั่งเฉยๆนั่งอยู่บนโซฟา รายการเพลงที่เปิดเอาไว้ไม่ได้เข้าหูสักนิด ยาแก้ท้องเสียวางไว้บนโต๊ะ ผมไม่เป็นอะไรสักอย่าง ไม่ได้ท้องเสีย ไม่รู้สึกปวดท้อง ไม่แม้แต่จะปวดฉี่ด้วยซ้ำ ผมรู้สึกอยู่อย่างเดียวตอนนี้คือกอดของนาย มันเป็นครั้งแรก และครั้งเดียว นายไม่เคยทำแบบนี้ ตอนที่แขนของนายคลายออกจากตัวผม ผมรู้สึกเหมือนทุกสิ่งกำลังจะทลายลงมาทับผมอีกครั้ง
หยดน้ำอุ่นๆที่ซึมลงมาโดนหัวไหล่ผมชั่วครู่เดียวก่อนที่นายปล่อยผม... มันใช่น้ำตาของนายรึเปล่าหรือผมคิดไปเองอีกแล้ว
นายใจดีเกินไปเสมอ เกินกว่าที่ผมจะตัดใจแล้วมองไปทางอื่นทั้งๆที่ถูกปฏิเสธตลอดเวลา ถูกไล่ ถูกด่า แต่ถ้ามองให้ลึก สุดท้ายพอผมไม่สบาย ใกล้ตาย นายก็ขับรถข้ามจังหวัดมาถึงห้องผมแล้วด่าผมเสียๆหายๆทั้งๆที่กรอกยาเข้าปากผม อยู่เป็นเพื่อน ถึงจะทำท่ารำคาญขนาดไหนแต่สุดท้ายก็รับโทรศัพท์ทุกครั้ง เป็นคนที่จริงใจที่สุดเท่าที่เคยรู้จักมา ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอจนตอนนี้ก็ยังเหมือนเดิม…
ผมไม่รู้เลยว่าวันนี้นายทำมักกะโรนีที่รสชาติห่วยแตกที่สุดเท่าที่ผมเคยกินมาให้ผมกินทำไม ผมรู้ว่านายทำอาหารไม่เป็น ถึงขั้นติดลบ นายก็รู้ตัวเองดีและไม่เคยทำให้ผมเห็นสักครั้ง แต่ครั้งนี้ทำไมถึงทำมาให้กิน
ทำไม...
แล้วที่บอกว่าผมต้องได้เจอคนที่ดีกว่านี้ จะบอกทำไม ในเมื่อในสายตาผมนายก็รู้ทั้งรู้ว่านายคือคนเดียวที่ดีที่สุดของผมแล้ว
ทำไม... ทำไมต้องทำแบบนี้ ทำไมต้องทำเหมือนไม่มีหัวใจทั้งๆที่มันมีอยู่ ทำไม...
...แค่พูดมาคำเดียวว่าให้อยู่ต่อ บอกมาแค่รักคำเดียว ผมจะยกเลิกทุกอย่างแล้วอยู่ที่นี่ไม่ไปไหน แต่นายกลับบอกผมว่ายกโทษแล้วปล่อยผมไป ผมควรจะทำยังไง...
ทำไม... แล้วทำไมต้องเป็นเพราะผมทุกครั้งที่ทำให้นายเสียน้ำตา
...
(นาย)
ผมจอดรถแวะที่ปั๊มน้ำมัน เดินเข้าห้องน้ำ ซื้อน้ำกิน แล้วเดินกลับขึ้นรถ... ผมขับรถมาจอดที่หลังปั๊ม เพราะผมรู้ว่ามันกำลังจะมา...น้ำตา น้ำตาหยดแรกไหลตั้งแต่ผมยังไม่จอดรถสนิทดี แล้วไหลลงมาเรื่อยๆไม่หยุด ผมรู้ว่าผมร้องไห้ทำไม เรื่องควายๆที่ใครก็รู้
ปัก! ผมทุบพวงมาลัยรถแรงๆ ความเจ็บที่แล่นไปทั้งแขนแทบจะไม่รู้สึกเพราะตอนนี้ที่ผมรู้สึกคือมันปวดตรงกลางหน้าอก อธิบายไม่ถูกว่าทำไมแต่มันเจ็บมากกว่าที่แขนรู้สึก น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหล่ผ่านแก้ม ภาพข้างหน้าพร่ามัวมองไม่รู้เรื่อง ผมช่วยทำให้ตัวเองดีขึ้นได้มากที่สุดก็แค่นั่งกอดเข่า แล้วซุกหน้าลง น้ำตายังไม่หยุดไหล ผมคุมมันไม่ได้
ผมผิดที่ผมโกรธมันเมื่อสามปีก่อน
ผมผิดที่หลังจากนั้นผมทำเหมือนไม่ใส่ใจมันเลย
ผมผิดที่ผมไม่เคยให้โอกาสมันอีกครั้งตั้งแต่แรก
ผมผิดที่คิดไปว่ามันจะเป็นแบบนี้ไปได้อีกนานโดยที่ไม่เคยคิดว่าสักวันมันจะต้องเป็นวันที่ใครคนใดคนนึงหมดความอดทน
ผมผิดมากที่ไม่ยอมพูดอะไรสักอย่างที่มันอยากฟังและจนสุดท้ายผมก็ยังทำทุกสิ่งให้ตรงข้ามกับที่มันต้องการทั้งที่ผ่านมามันทำทุกอย่างให้ผมมาตลอด
เหมือนที่ผ่านมามีแต่ผมคนเดียวที่ทำผิดพลาด... ถึงจะไม่มีใครรู้ แต่ผมนี่แหละรู้และกำลังได้รับการลงโทษอย่างสาสมกับการที่ปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างทิ้งไป แต่พอจะคว้ามันคืนมาก็ไม่ทันแล้ว
ขอบคุณจริงๆที่พี่นพเอารถไปติดฟิล์มดำ มันคงเป็นภาพที่ไม่น่าดูที่ผู้ชายคนนึงนั่งกอดเข่าแล้วร้องไห้ราวกับเก็บน้ำตานั้นมาทั้งชีวิตเพื่อที่ให้มันมาไหลในวันนี้ วันที่แดดแรง ฟ้าสดใส... วันที่เป็นวันที่ดีของใครหลายคน ยกเว้นผม
...18-4-2012
:z2:เชิ้บๆ เป็นไงนักอ่านที่รัก วันนี้มาอัพไวนะจุ๊ สติยังมีด้วย 5555 ว่าจะตอบโพส ไม่รู้จะน็อคก่อนไหม
ด่าพี่นายกันยับเลยอ่ะบทที่แล้ว โหๆ สงครามยังไม่จบอย่าพึ่งนับศพทหาร ใครว่านายไม่มีหัวใจ ไงล่ะ เฮอะๆ ดราม่าไปเลยทั้งบท จัดปายยยยยยยย สรุปว่าพี่นายไม่ได้วางยาอะไรสักกะอย่าง ...ส่วนหมิง......... เออะ รออ่านกันต่อไป ยาวปาย ยาวปายยยยย เขียนดราม่านี่สนุกนะ รู้สึกมีอารมณ์ร่วมมาก พี่กันต์ได้รับการกล่าวถึง1ประโยค ธามก็ออกมาแว้บๆ 555555555
ขอบคุณที่ติดตามอ่านฮ่ะ รักนะชุ้บๆ

ปล.มาอ่านคอมเม้นแล้วต้องชี้แจงเหมือนหลายคนจะไม่ค่อยเข้าใจว่า บทนี้นายไม่ได้รั้งหมิงแต่ประการใด นายให้หมิงไป เพราะอยู่ๆไปก็ไม่มีความแน่นอน และให้หมิงได้กลับไปอยู่กับครอบครัวที่สิงคโปร์ และมีร้านของตัวเองงานที่ดีกว่าที่นี่
เหอะๆ ขอโทษด้วยค่ะที่อ่านแล้วอ่านไม่รู้เรื่อง T T