โค้งงามๆหนึ่งที เอาตอนสามมาเสิร์ฟแล้วนะคร๊าบบบบบบบบบบบบบ
ขอบคุณนักอ่านทุกคนนะครับที่ชมพี่เมฆว่าโหด ดิบ เถื่อนได้ใจ ฮ่าๆๆๆๆ
นักเขียนออกจะบอกว่าได้อ่านทุกคอมเม้นท์ของนักอ่าน อ่านไปยิ้มกันไม่หุบกันเลยทีเดียว เดี๋ยวไว้ว่างๆจะมาตอบคอมเม้นท์ให้นะครับ
ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ ทุกกำลังใจที่มีให้กันนะครับ
อ่า...เพิ่งนึกขึ้นได้ ตั้งแต่ตอนแรกนักเขียนก็ลืมแนะนำตัวไปซะสนิทชิดเชื้อ
เอาเป็นว่าเรียกนักเขียนว่า ' เซโร่ ' ก็ได้นะครับ
เดี๋ยวถ้าคอมเม้นท์ล้มหลามแล้วล่ะก็ ... จะรีบเอาตอนที่สี่มาลงอย่างว่องไวเลยล่ะครับ*******************************************
ร้ายแลกรัก
Stage 3 ลมพายุ
‘ฝนตกแล้ว ผมอยากออกไปเล่นฝนจังเลยอ่ะ >”<’
‘ถ้ามึงกล้าออกไปเล่นแล้วล่ะก็ … กลับเข้ามาแล้วมึงต้องมาให้กูเอานะ’
ไอ้เมฆมันดูดคอผมดังจ๊วบจ๊าบจนผมเริ่มจะเคลิ้มละ เฮ้ยๆๆๆ ไม่ใช่ๆๆๆ นี่ผมถูกมันข่มขืนอยู่นะเว้ย จะไปเคลิ้มตามมันได้ยังไง
“มึง ปล่อยกู!!!”ผมพยายามขืนแรงมัดที่ข้อมือของผม แต่ไอ้เมฆมันก็ปลดกางเกงผมออกอย่างง่ายดายพร้อมกับลูบน้องชายของผมผ่านกางเกงในสีขาวตัวบาง
“อ๊า !!!”ผมเผลอครางออกมา ไอ้เมฆมันชะงัก มองหน้าผมก่อนที่จะเอาลิ้นเปียกๆของมันเลียไปตามแก้มของผม ไล้ต่ำมายังลำคอ เรื่อยมาจนถึงหน้าอก มันขบเม็ดสีชมพูบนหน้าอกของผมเบาๆทีหนึ่งก่อนที่จะเริ่มดูดดึงอย่างเอาเป็นอย่างตายจนผมต้องบิดตัว มือผมกำแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือ
จากนั้นไม่นานไอ้มฆมันก็ชักน้องชายมันอยู่สองสามทีก่อนที่จะพยายามดันเข้ามาในช่องทางรักของผมที่ยังไม่ได้ผ่านการเตรียมพร้อมมาก่อน น้องชายของมันดุนดันเข้ามาในช่องนั้นของผมโดยไร้ซึ่งสิ่งหล่อลื่นหรือสิ่งป้องกันใดๆ ความเจ็บถาโถมเข้ามาในร่างของผมจนรู้สึกว่าร่างกายเหมือนกำลังโดนฉีกให้ขาดออกเป็นสองส่วน
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกก”
ผมร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด สติของผมเลือนราง ภาพสุดท้ายที่ผมเห็นคือใบหน้าของไอ้เมฆที่ดูนิ่งเฉย … ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ขอโทษทีว่ะ … พอดีกูลืมใส่นิ้วเข้าไปก่อนอะนะ”ภาพทุกอย่างดับวูบไป แต่ความรู้สึกที่คับแน่นในหน้าอกของผมมันยังไม่จางหายไปไหน นี่มึงเห็นกูเป็นตัวอะไรหรอไอ้เมฆ ทำไมมึงทำกับกูแบบนี้ มึงแค้นอะไรกูนักหนาถึงต้องขนาดมาทำแบบนี้กับกู
ทำไมไอ้เมฆมันถึงดูแค้นผมราวกับว่าผมไปทำมันเจ็บแสบจนไม่สามารถให้อภัยได้เลยก็ไม่รู้ …
สิ่งแรกที่ผมนึกถึงตอนผมลืมตาขึ้นมาก็คือ …
…ไอ้เทสกับไอ้เจนมันไปไหนกัน ผมต้องการพวกมันมากที่สุดในเวลานี้ !!!
“กริ๊งๆ” เอ๊ะ!!!...เสียงอะไร ด้วยความสงสัยผมจึงพยายามขยับเปลือกตาที่ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเรื่องยากสำหรับผมไปแล้วในตอนนี้
ผมพยายามออกแรงขืนที่มือ แต่ทันใดนั้นผมก็รู้ว่า … มือของผมถูกอะไรบางอย่างรั้งอยู่ให้กางออกโดยที่ผมไม่สามารถขยับไปไหนได้เลย
หลังจากที่ผมลืมตาแล้ว แสงสีขาวก็จ้าเข้ามากระทบกับดวงตาจนผมรู้สึกแสบและพร่ามัว แต่ไม่ว่าอย่างไรผมก็ฝืนกับความรู้สึกนั่นไว้แล้วจนสามารถมองเห็นสิ่งที่ทำให้มือของผมขยับไปไหนไม่ได้ในที่สุด
โซ่สองเส้นที่แต่ละเส้นรั้งของมือของผมไว้จนตึงแล้วคล้องกับเสาที่หัวเตียง เช่นเดียวกับอีกข้างที่ถูกทำแบบนี้เหมือนกัน หลังจากนั้นผมจึงพบว่าผมมาอยู่ในห้องที่ผมไม่คุ้นเคย
…นี่มันไม่ใช่ห้องของผม!!!
ไอ้เมฆมันเดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพที่นุ่งผ้าเช็ดตัวเพียงผืนเดียวพร้อมกับเปิดตู้เย็นดื่มน้ำอย่างสบายใจ ในขณะที่ผม ที่ผม … ผมต้องมานั่งเป็นบ้าอยู่แบบนี้ แต่มันกลับยิ้มระรื่นราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
มึงทำแบบนั้นได้ยังไง ไอ้ชั่ว!!! ผมออกจะแผดเสียงออกไปดังๆ แต่ส่วนร่างที่เจ็บระบมทำให้หมดแรงที่จะพูดออกไปอย่างนั้น
ผมสัญญากับตัวเองในตอนนี้ว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมจะไม่พยายามคิดถึงความทรงจำในสมัยก่อน เพราะผมเชื่อว่าถึงผมจะนึกให้หัวผมระเบิด มันก็ไม่สามารถที่จะทำให้เรื่องราวเก่าๆกับมาเป็นอย่างเดิมได้หรอก
…รวมทั้งเรื่องที่ผมถูกข่มขืน
ความจริงแม้จะโหดร้ายสักเพียงใด แต่ถ้าเราเข้าใจและยอมรับมันเราก็จะอยู่กับมันได้อย่างไม่มีปัญหา นี่เป็นสิ่งที่ผมพยายามบอกตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาบ้างเลย
“ตื่นแล้วหรอ … ”ไอ้เมฆมันเก๊กหน้าขรึมมองมาทางผม ซึ่งผมก็เบือนหน้าหนี ไม่อยากเห็นหน้ามัน
“….”
“กูถาม ทำไมมึงไม่ตอบฮะ วอนอยากโดนอีกรอบนักใช่ไหม ที่มึงสลบคาน้องกูนี่ ยังไม่เข็ดอีกหรอ”พูดจบไอ้เมฆมันก็สาดน้ำเย็นๆในแก้วใส่ผมจนเปียกไปหมด
“กูไม่มีอะไรจะต้องคุยกับคนเลวๆอย่างมึง แล้วก็ … ปล่อยกูได้แล้ว ไอ้ชั่ว!!!”ผมจ้องหน้ามันราวกับว่าผมกำลังมองสิ่งที่น่าขยะแขยง
“คำก็เลว สองคำก็ชั่ว !!! ไหน … กูจะดูน้ำหน้าอย่างมึงซิ ว่าจะทำปากเก่งไปได้อีกสักกี่น้ำ แต่สงสัย … แค่น้ำแรกมึงก็จอดแล้วว่ะ ฮะๆ”มันยิ้มเยาะพร้อมกับเดินมาทางผม ทำให้ความกล้าที่มีเมื่อครู่เหือดหายไปจนหมด
“อย่ามาแตะต้องกูนะ ใครก็ได้ ช่วย… อุ๊บ!!!”ยังไม่ทันที่ผมจะพูดอะไรไปมากกว่านี้ ไอ้เมฆมันก็เอาผ้ามามัดปากผมจนแน่น จากนั้นมันก็ปลดผ้าเช็ดตัวผืนเดียวของมันออก พร้อมกับส่งสายตายั่วยวนมาทางผม
“ไง ครั้งนี้คงไม่สลบไปอีกนะ เพราะอุปกรณ์กูมีพร้อมว่ะ”ไอ้เมฆมันหยิบเจลมาทาที่มือมันจนชุ่มหลังจากนั้นมันก็สอดนิ้วกลางเข้ามาในปากทางของผม
“ฮึก … ”ผมพยายามอดกลั้นกับอาการเจ็บจี๊ดๆที่ทำให้ผมเกือบลืมหายใจไปพร้อมกับมองหน้ามันอย่างเอาเป็นเอาตาย จะร้องออกมาก็ไม่ได้ในเมื่อมันเอาผ้ามัดปากผมซะแน่นอยู่แบบนี้
มันไม่รีรอ สอดนิ้วที่สองและสามตามมา จนผมต้องบิดตัวไปมาบนเตียงแต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากนัก เพราะแขนทั้งสองข้างของผมถูกตรึงติดอยู่กับเสาเตียงไว้อยู่ ไม่รอช้ามันก็ค่อยๆดันน้องชายของผมเข้ามา
“อย่างเกร็ง อย่างเกร็งสิ กูบอกมึงแล้วไงว่าอย่างเกร็ง ผลัวะ!!!”ไอ้เมฆมันตบเข้าที่ใบหน้าของผมเต็มแรงจนหน้าของผมหันไปตามแรงตบของมัน เจ็บที่หน้า … หรือเจ็บที่หัวใจมากกว่าในตอนนี้ผมไม่อาจรู้ได้ เพราะมันก็เจ็บเท่าๆกันนั่นแหละ
หลังจากที่มันดันน้องชายของมันเข้ามาจนสุด มันก็ค่อยๆขยับเอวเข้าออกเป็นช้าๆ น้ำตาของผมไหลอาบใบหน้าเมื่อผมทนอาการเจ็บที่ถาโถมเข้ามาอย่างต่อเนื่องไม่ไหว เพราะนี่ก็เป็นครั้งที่สองแล้วที่ผมถูกมันข่มขืน
ทำไม … ผมถึงไม่หมดสติไปแบบครั้งนั้น ได้โปรดเถอะ!!ในเมื่อยังไงผมก็หนีเรื่องพรรค์นี้ไม่พ้นแล้ว ก็ขอให้ผมไม่ต้องมาทนรับความเจ็บปวดพวกนี้ด้วยได้ไหม
จากช้าเปลี่ยนเป็นจาบจ้วงและรุนแรง ไอ้เมฆมันขยับเอวของมันเข้าออกจนผมได้ยินเสียงเนื้อกระทบกันอย่างชัดเจน
“อะ…อ๊า”ไอ้เมฆมันครางออกมาเสียงดังพร้อมกับจับขาผมอ้าออกให้กว้างขึ้นกว่าเดิม
เวลาผ่านไปเนิ่นนานจนผมเริ่มชินชากับความรู้สึกเจ็บ หน้าท้องที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของไอ้เมฆมันก็เกร็งพร้อมกับเสียงครางยาวของมัน น้ำอุ่นๆฉีดเข้ามาในร่างของผมจนล้นทะลักไหลออกมา
“คราวนี้…กูเป็นผัวมึงแล้วนะ จำใส่หัวเอาไว้ด้วย”ไอ้เมฆมันยิ้มอย่างมีความสุข ก่อนที่จะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ทิ้งให้ผมอยู่กับตัวเองและสภาพที่น่าอนาถเช่นนี้ต่อไป จนสติของผมดับวูบอีกครั้ง …
ผมลืมตาขึ้นมาพร้อมกับพบว่าโซ่ที่ข้อมือสองข้างของผมหายไปแล้ว ตอนนี้ผมเป็นอิสระ ผมสามารถไปไหนก็ได้ที่ผมอยากไป ผมหันซ้ายแลขวาเพื่อมองหาว่าไอ้เมฆอยู่แถวนี้รึเปล่า หลังจากพบว่ามันไม่อยู่แล้ว ใจผมเริ่มต้นตึกตัก ผมจึงรีบหยิบเสื้อผ้าที่ของมันที่อยู่ในตู้เสื้อผ้ามาใส่ แม้ว่ามันดูใหญ่ไปหน่อยสำหรับก็ตาม แต่ทันทีที่ผมจะเปิดประตูออกไปข้างนอกนั้น
“ซ่า ซ่า ซ่า ครืน!!!”
เสียงฝนตกตามมาด้วยเสียงฟ้าร้อง ละอองฝนปะทะเข้ากับใบหน้าของผม … แต่ผมไม่มีเวลาแล้ว ไอ้เมฆมันอาจจะอยู่แถวนี้ และอีกไม่นาน … มันต้องจับผมกลับไปแน่ๆ แล้วจากนั้นมันก็จะโมโหและข่มขืนผม ผมกัดฟันฝืนความเจ็บปวดท่อนล่างที่ประดังเข้ามาทุกๆครั้งที่ผมขยับตัว
ผมไม่รีรอสาวเท้าออกไปกลางสายฝนวิ่งตัดผ่านเส้นทางที่ผมไม่คุ้นเคย โทรศัพท์มือถือที่เคยอยู่ในกระเป๋ากางเกงของผมคงถูกไอ้เมฆเก็บไว้ที่ไหนสักแห่ง ผมไม่สนใจเรื่องเหล่านั้นอีกต่อไปแล้ว เรื่องที่ผมควรจะสนใจในตอนนี้ก็คือ … ต้องออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
ผมวิ่งผ่านถนนแคบๆที่ค่อนข้างจะคดเคี้ยวและเต็มไปด้วยต้นไม้ที่ขึ้นเต็มสองข้างทาง ตกลงไอ้เมฆมันมาผมมาอยู่ที่ไหนกันแน่ ???
เท้าของผมถูกก้อนกรวดริมทางบาดจนเลือดไหลและเป็นแผลอยู่หลายจุดจนผมหมดแรงที่จะวิ่งต่อไป ผมจึงมองหาสถานที่ที่ปลอดภัยและพอจะซุกหัวนอนได้
…อย่างน้อยก็สำหรับคืนนี้
ทันใดนั้นสายตาของผมก็เหลือบไปนั้นต้นไม้ต้นใหญ่ที่รากแผ่ปกคลุมสถานที่บริเวณนั้นจนคล้ายๆกับถ้ำเล็กๆ ผมรีบวิ่งเข้าไปอย่างไม่รีรอ …
เคยมีคนกล่าวเอาไว้ว่าหากคิดจะหนี ก็จงอย่าได้ลังเลหรือถอยหลัง ให้ก้าวเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆอย่าหยุดแม้ว่าจะเจอกับอะไรก็ตาม ซึ่งในตอนนี้ผมก็เข้าใจถึงคำกล่าวนั้นทันทีอย่างไม่ต้องหาคำใดๆมาอธิบายเพิ่มเติม
มือไม้ของผมสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ ใบหน้าของผมราวกับถูกค้อนปอนด์มาทุบ เมื่อร่างที่สะท้อนกับแสงยามฟ้าผ่านั้น ปรากฏขึ้นมาท่ามกลางความมืดอย่างชัดเจน
....ไอ้เมฆ
ร่างของผมหยุดนิ่งอย่างไร้สาเหตุ ดวงตาคมกริบของมันจับจ้องมาที่ผม ก่อนที่ผมจะรู้สึกตัว มันก็เข้ามากระชากผมให้เดินไปตามมัน โดยที่ผมไม่ได้พูดหรือต่อต้านมันเลย
“ใครสั่งให้มึงออกมา!!!”เดินมาได้ไม่เท่าไหร่ ไอ้เมฆมันก็จับหัวไหล่ของผมเอาไว้ทั้งสองข้าง พร้อมกับตะคอกถามผมอย่างเอาเป็นเอาตาย
“กูจะออกมาเอง ไม่มีใครสั่ง”ผมตะโกนแข่งกับเสียงฟ้าร้องและเสียงเม็ดฝนที่ดังเปาะแปะยามตกกระทบกับพื้นดิน
“แล้วถ้ามึงเป็นอะไรไป …”
“นั่นมันก็เรื่องของกู มึงไม่ต้องมายุ่ง...”ผมสวนกลับไปด้วยความโมโห โมโหในความผิดพลาดของตนเองที่ไม่เอะใจว่ายังหนีมาไม่ไกลพอ
“แล้วมึงจะได้รู้กัน ว่าสิ่งที่มึงกำลังทำ มันเรื่องของใครกันแน่???”ไอ้เมฆมันยิ้มอย่างดุร้าย จากนั้นผมจึงรู้สึกว่าผมโดนอะไรแข็งๆฟาดเข้าที่ต้นคอเพียงครั้งเดียว สติของผมก็ดับลงในทันที
.
.
.
‘พี่เมฆ ถ้าเป็นเมื่อก่อน เวลาผมร้องไห้หรือกำลังกลัว พี่จะเข้ามากอดผมพร้อมกับปลอบโยนผมใช่ไหมครับ ใช่หรือเปล่าครับ …’