ผมกำลังประสบปัญหาใหญ่หลวงในชีวิต...
เรื่องที่ผมกำลังรอคอยมันกำลังจะเกิดกับผม แต่เมื่อเอาเข้าจริงผมกลับไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้น...
เหตุการณ์ที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้มันเริ่มจากวันนั้นแหละ...
...วันที่แสงแดดเจิดจ้า...
“ฮั่นแน่ แอบมาวาดรูปอะไรที่นี่คนเดียวห๊ะ!!”
“ก็หยุดไปตั้งนาน อยากจะรื้อฟื้นบ้าง” ผมยิ้มให้กิที่ลากเก้าอี้มานั่งข้างกัน
“ฮืม... นี่ขนาดไม่ได้วาดตั้งนานนะ การลงสียังเจ๋งเหมือนเดิมเลย” กิยื่นหน้าเข้าไปจ้องภาพของผมจนเกือบชิดกระดาษ ผมแค่ยิ้มเงียบๆให้กับรูปภาพของตัวเอง หลังจากที่ต้องหยุดเรียนไปยาวนานและไม่ได้ใช้มือขวาของตัวเองวาดรูปมาหลายเดือน ช่วงเวลานี้ผมอยากจะกอบโกยความรู้สึกนี้ให้สมกับเวลาที่เสียไป
“แล้วพี่จินเป็นยังไงบ้าง”
“หือ? ก็ดีนะ” เมื่อเช้าก็เป็นคนมาส่งผมแหละครับ
“... ไม่ใช่ กูหมายถึงเรื่องนั้นน่ะ” ผมหันไปมองหน้ากิ มันยิ้มกริ่มๆอะครับ ยิ้มมีเลศนัยอะไรสักอย่าง
“เรื่องอะไร?” ผมขมวดคิ้ว มันทำหน้าแบบนั้นแล้วผมรู้สึกไม่ค่อยปลอดภัยเลยแหะ...
“เอ๊!!!! ก็อุตส่าห์ถอดเฝือกแขนแล้ว เรื่องจ้ำจี้มะเขือเปราะแปะก็น่าจะถึงเวลาแล้วสิ” สิ้นเสียงเพื่อนผม ก็ตามมาด้วยเสียงคนตกเก้าอี้ กระป๋องใส่สีข้างๆก็กระจัดกระจายไปหมด
“!!!”
“อ้าว จะหน้าแดงทำไมวะ เรื่องแค่นี้เอง”
“อะ.. อะ.. ไอ้หน้าด้าน!”
“เอ๊า ด่ากูซะงั้น...”
“ไม่รู้เว้ย ไม่ตอบ เรื่องของกู” ผมรีบคว้ากระเป๋าแล้วก็รีบจ้ำออกมาจากห้องนั้นทันที แต่ยังไม่วายที่ไอ้กิบ้ามันจะตามมารังควานผมต่อตลอดทั้งวัน
“อ้ะ เอาเพลงนี้ไปเปิดฟัง” มันยัดแผ่นซีดีใส่มือผม แม้จะทำหน้ายับและไม่อยากรับมาแค่ไหนก็คงไม่ได้ สุดท้ายผมก็เลยเอาไปเปิดบนรถตอนที่พี่จินมารับ
“เพลงอะไรเหรอครับ” ผมสะดุ้งเมื่อพี่จินถามผม ก็เลยเผลอกดอีเจ็คท์ให้แผ่นออกมาซะงั้น
“อ๋อ ไอ้กิมันให้มาครับ แต่เดี๋ยวก็ถึงบ้านแล้ว ไว้เปิดฟังที่บ้านดีกว่า”
ตลอดช่วงเย็นนั้นผมก็ทนมองหน้าพี่จินไม่ได้ มันเขินบอกไม่ถูก นึกถึงเรื่องที่ไอ้กิมันพูดแล้วผมก็ยิ่งรู้สึกอาย หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว ขณะที่ผมกำลังนั่งจุ้มปุ๊กบนโซฟาพลางมองพี่จินเดินไปเดินมา ผมก็นึกถึงแผ่นซีดีนั่นอีก เลยตัดสินใจเอามาเปิดตอนนี้แหละ ผมสังเกตเห็นพี่จินหันมามองผมแว่บหนึ่ง แล้วก็หันกลับไปทำงานของเขาต่อ
เสียงดนตรีเริ่มต้นฟังเหมือนเสียงเพลงตอนที่เจ้าสาวกำลังเดินเข้าโบสถ์ เพลงนี้เหมือนผมจะเคยฟังที่ไหนนะ
อ๋อ!! เพลง A Thousand Years นี่เอง...
One step closer....
ใกล้เข้าไปอีกก้าว...
คำร้องท่อนนี้ทำให้ผมแอบเหลือบไปมองพี่จิน อยากจะขยับเข้าไปนั่งใกล้ๆจังเลยนะ... โอ๊ย คิดบ้าอะไรเนียะ! ผมขยี้หัวขยี้หัวตัวเองอย่างหงุดหงิด ใช่ว่าผมจะไม่คิดนะ ผมคิดเรื่องนั้นทุกคืนเลยรู้ไหม การต้องใช้ชีวิตกับคนที่ดูดีเหมือนปั้นออกมาจากท้องพ่อท้องแม่เป็นเรื่องยากขนาดไหน แต่ผมก็ทน ทนเพราะกลัว กลัวไปหมด ผมกลัวการที่จะต้องก้าวเข้าไปใกล้มากกว่านี้ กลัวการผูกพัน กลัวที่จะต้องจากลา...
“Darling don’t be afraid...” เสียงร้องทุ้มต่ำตัดกับเสียงร้องคริสติน่า เพอร์รี ผมหันไปมองร่างสูงที่ขยับมานั่งใกล้ผมตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ ใบหน้าของพี่จินเข้ามาใกล้ผมจนรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่น
“I have love you for a thousand years... I love you for a thousand more...”
“เว่อร์ พี่เป็นคนหรือแวมไพร์เนี่ย ถึงได้จะอายุยืนขนาดนั้น” ผมก้มหน้างุด เอามือดันหน้าพี่จินออกห่าง...
“พี่ก็แค่ร้องตามเพลง เอมชอบไม่ใช่เหรอ เห็นฟังบ่อยจัง...” เสียงนุ่มฟังดูอบอุ่นพร้อมกับมือที่ยื่นมาประคองแก้มผม พี่จินลูบไล้แก้มผมอย่างแผ่วเบาบ่งบอกถึงความปรารถนาในใจ...
“ก็ชอบแหละ...”
“พี่ว่าเหมือนเพลงส่งตัวเจ้าสาวเข้าหอเลยนะ หึหึ โอ๊ย!” ผมทุบดังอึกไปที่อกพี่จิน หาว่าใครเป็นเจ้าสาววะ!
“เอมไม่ใช่เจ้าสาวนะ”
“แต่พี่ว่าใช่นะ”
“อ๊ะ จะทำอะไรน่ะ!” ผมพยายามเอามือยันพี่จินออก ก็เล่นโถมลงมาทับผมทั้งตัวเสียอย่างนั้น หนักนะ ทะลึ่งด้วย -//-
“อยากอยู่ใกล้ๆนี่ครับ”
“ใกล้ไปแล้ว!”
“หึหึ แนบชิดแบบนี้สิดี พี่จะได้รวบหัวรวบหางเสียทีเดียว”
“ทำไมพี่จินเป็นคนแบบนี้เนียะ”
“พี่ก็เป็นกับเอมคนเดียวแหละ” พี่จินเขี่ยแก้มผมอีกแล้ว ช่วงนี้ชอบเขี่ยแก้มผมตลอดเลยนะ
“เอมก็ยอมให้พี่จินทำแบบนี้กับเอมได้คนเดียวแหละ...” ผมทำแก้มป่อง
“หึหึ น่าร้าก ขอหอมทีนึงสิครับ” พี่จินใช้ปากจุ๊บเบาๆที่แก้ม ก่อนจะค่อยๆไต่ระดับเป็นเอาจมูกสูดกลิ่น แล้วก็ใช้ทั้งจมูกและริมฝีปากคลอเคลียที่แก้มผม เสียงเพลงเงียบไปแล้ว แต่ในสมองของผมมันมีแต่คำว่า ‘One step closer‘ ดังอยู่ตลอดเลย...
ริมฝีปากของผมกับพี่จินอยู่ห่างกันเพียงแค่นิดเดียว ไม่ใช่ว่าเราไม่เคยจูบกัน แต่ทำไมการจูบตอนนี้มันช่างให้ความรู้สึกตื่นเต้นกว่าที่เคย ริมฝีปากพี่จินยังนุ่มนิ่มและอบอุ่นเหมือนเคย ลมหายใจก็ยังเป็นจังหวะเดิม แต่หัวใจของผมกลับเต้นเร็วยิ่งกว่าที่เคยเป็น ถ้าช่วงเวลาทั้งหมดที่เหลือในชีวิตผมหยุดลงแค่ตรงนี้ก็คงจะดี... ความอ่อนโยนของคนตรงหน้าทำให้ผมยอมทุกอย่าง ทุกอย่างตามแต่ที่พี่จินต้องการ
“จะให้เอมตายเพื่อพี่จินก็ได้...” ผมลูบแก้มพี่จินแผ่วเบา ใบหน้าคมมองผมด้วยแววตาเศร้าแว่บหนึ่ง
“ถ้าเอมตาย... แล้วพี่จะอยู่กับใครครับ พี่จะอยู่เพื่อใคร จะมีใครให้พี่รอ”
“เอมรักพี่จินที่สุดเลยครับ ทั้งชีวิตของเอมมีแค่พี่จิน เหลือแค่พี่จิน... เอมฝากชีวิตของเอมไว้กับพี่จิน...ได้มั้ยครับ?” นัยน์ตาของผมสั่นระริก น้ำตาเหมือนจะเอ่อไหลออกมา หากพี่จินปฏิเสธ หากวันไหนที่ไม่มีพี่จิน ผมก็ไม่รู้เช่นเดียวกันว่าจะอยู่เพื่ออะไร...
“พี่จะดูแลเอมไปจนกว่าชีวิตของพี่จะหาไม่ แต่ว่าพี่เป็นผู้ชายที่ไม่มีอะไรนอกจากหัวใจ เอมจะสัญญาได้มั้ย? ว่าจะอยู่เคียงข้างพี่อย่างนี้ตลอดไปเช่นเดียวกัน” สายตาของพี่จินมองผมแน่วแน่ มือใหญ่เกลี่ยข้างแก้มผมเหมือนกำลังสัมผัสกับสิ่งที่บอบบางที่สุด ผมรู้สึกว่าตัวเองพยักหน้าทั้งน้ำตา ผมกอดคนตรงหน้าแน่นที่สุดเท่าที่จะจำได้ พี่จินจูบผมดูดดื่ม เราจูบกันนานจนผมจำไม่ได้ หลังจากนั้นทุกอย่างก็เป็นไปตามธรรมชาติอย่างที่มันควรจะเป็น...
คงไม่มีอะไรให้ผมต้องกลัวอีกแล้ว...
********************************************************************************************
แสงแดดในยามเช้าพร้อมกับเสียงนกร้องและเสียงใบไม้ไหวลู่ไปตามลม สิ่งมีชีวิตรูปร่างเป็นก้อนฟูสีขาวกำลังสนอกสนใจกับตั๊กแตนที่นอกประตูกระจก อุ้งมือปุกปุยตะปบเข้ากับกระจกอย่างเอาเป็นเอาตาย จนกระทั่งถูกอุ้มขึ้นมาจากพื้น
“วนิลา ซนแต่เช้าเลย”
“เมี้ยว~”
“ฮึฮึ ไปทำอะไรกินกันดีกว่าเนอะ แล้วจะได้ไปปลุกพี่จินด้วยกัน”
“เมี้ยว~”
ผ่านไปสักพักกลิ่นอาหารก็โชยไปทั่วครัว อาหารเช้าแบบอเมริกันง่ายๆประกอบไปด้วยไข่ดาว ไข่คน เบคอนและไส้กรอก พร้อมกับเครื่องปิ้งขนมปังที่กำลังทำงานอย่างขมักเขม้น
“วานิลลา ไปปลุกพี่จินกัน” มือเรียวอุ้มแมวน้อยที่ขนาดกำลังจะไม่น้อยมาแนบอก ก่อนจะจุ๊บเบาๆที่กระหม่อมของเจ้าเหมียวหนึ่งทีด้วยความหมั่นเขี้ยว
พอเข้าไปใกล้ที่นอน สิ่งแรกที่ผมเห็นก็คือแก้มที่โผล่พ้นผ้านวมออกมาเพียงเสี้ยวเดียว มันช่างน่ากระโดดเข้าไปฟัดเสียนี่กระไร
“อืม...” ยิ่งผมเห็นคนใต้ผ้าห่มส่งเสียงอืออาก็ยิ่งชอบใจ ทำไมน่ารักแบบนี้นะพี่จิน >//<
“พี่จิน ตื่นได้แล้วน้า หิวข้าวหรือเปล่า” ผมจับเอาอุ้งมือของวานิลลาเขี่ยที่แก้มพี่จินเบาๆ ลองเจอมือปุกปุยแบบนี้ต้องจั๊กจี๋จนตื่นบ้างแหละ
“เอม ทำไมตื่นไวจังเลยครับ?” ผมถูกมือลึกลับใต้ผ้าห่มดึงผมลงไปนอนด้วย พร้อมกับพูดเสียงงัวเงียจากใต้หมอน
“เอมหิวนี่ พี่จินไม่หิวเหรอครับ เอมทำมื้อเช้าไว้แล้วนะ” ผมลูบมือไปที่แผ่นอกพี่จินเบาๆ ผิวกายเย็นๆทำให้รู้สึกสบายจัง -//-
“พี่ก็หิว แต่หิวเอมนะ” แน่ะ... ผมกะแล้วว่าต้องมาไม้นี้
“ไม่อาว เอมหิวข้าว เอมจะไปกินข้าว พี่จินไม่ต้องมาเสี่ยวเลยนะ” ผมดันตัวเองออกมาจากผ้าห่ม ใจนึงอยากจะลงไปนัวเนียด้วยหรอกนะ แต่กองทัพต้องเดินด้วยท้อง
“ไม่อาวเหมือนกัน ยังไม่ได้จุ๊บอรุณสวัสดิ์เลยนะ” อ่า... เด็กโข่งเริ่มงอแงครับ พอผมก้มลงไปจุ๊บก็ดันลากผมกลับลงไปนอนอีกซะงั้น สุดท้ายผมเลยต้องงัดไม้ตายออกมา
“พี่จิน! ไปกินข้าวก่อนนะครับ ค่อยมาทำอย่างอื่น”
“ก่อน? อย่างอื่น? เอมหมายถึงอะไรครับ” พี่จินเงยหน้าขึ้นมาเต็มๆ สายตาวิบวับสุดๆไปเลยอ้ะ
“ไม่รู้แหละ อยากรู้ก็ไปกินข้าวก่อน” ผมพูดแค่นั้นก็รีบชิ่งมาก่อนครับ วานิลลาก็หิวจะแย่แล้ว ว่าแต่อูย วิ่งแล้วเจ็บก้นชะมัดเลยไอ้คนบ้า > <
********************************************************************************************
“พี่จิน วันนี้เอมอยากไปซื้อของใช้หน่อยนะครับ” ชายหนุ่มที่กำลังยกกาแฟขึ้นจิบเหลือบตามองเจ้าของเสียงใสใบหน้านวลแวบหนึ่งก่อนจะแอบยิ้ม ก็ช่วงหลังๆมานี้น่ะ ดูเหมือนว่าเอมจะยึดเอาหน้าที่ดูแลบ้านไปเป็นของตัวเองอย่างเต็มรูปแบบ ไหนจะทำความสะอาด เริ่มหัดทำอาหาร และอื่นๆอีกหลายอย่าง
“เอาสิครับ” พูดแค่นั้นเด็กหนุ่มก็ยิ้มร่าเหมือนได้ของเล่นสมใจ กับอีแค่จะไปซื้อของเนี่ยนะ? แต่ก็นั่นละ ความร่าเริงแบบนี้ที่ทำให้เขาตกหลุมรักเหลือเกิน ไหนจะใบหน้ายิ้มแย้ม ไหนจะใบหน้ายามวาบหวาม ไหนจะใบหน้าเวลาที่ออดอ้อนร้องขอ...
‘อะ!! คิดอะไรวะกู!!’ เจ้าตัวรีบเอาหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่านแก้เก้อทันทีที่รู้ตัวว่าคิดลามกไม่ถูกเวล่ำเวลา
“พี่จินๆ น้ำยาปรับผ้านุ่มกลิ่นนี้ซื้อหนึ่งแถมหนึ่งแหละ เอมเอาไปห้าถุงเลยนะ” ยังไม่ทันที่จะเดินไปไหนได้ไกล แค่เพียงเห็นชั้นสินค้าที่จัดรายการปุ๊บ เจ้าตัวเล็กก็รีบวิ่งรี่ไปทันที
“จะเอาไปถมที่เหรอครับ เยอะไปหรือเปล่า”
“หูยยย ลดราคาแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยๆนะครับไม่รู้ว่าจะมีอีกเมื่อไร ซื้อตุนไว้ก็ไม่เห็นเป็นไร” เสียงเจื้อยแจ้วทำเอาร่างสูงกว่าต้องยอมแพ้และปล่อยให้เด็กน้อยเลือกของเอาตามใจชอบ
********************************************************************************************
หลังจากซื้อของใช้ในบ้านครบแล้ว สิ่งต่อไปก็เป็นเสบียงของกิน ผมกำลังทบทวนอยู่ว่าโชยุที่บ้านหมดหรือยัง แต่พอจะหันไปถามพี่จินก็หาเจ้าตัวไม่เจอซะงั้น
ช่างเถอะ ไว้ค่อยโทรตามก็ได้เนอะ
“เอ่อ ขอโทษนะครับ”
“?” เสียงทักจากด้านหลังทำให้ผมต้องหันไปมอง ปรากฎเป็นใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยของผู้ชายตรงหน้า
“ชะเอม... ใช่มั้ยครับ ปีสามศิลป์ฯกรรม” ผมพยักหน้า ผู้ชายคนตรงหน้านี้ดูไม่มีพิษภัย ร่างสูงใบหน้าอ่อนโยนผิวเข้มต่างจากผิวขาวเนียนของพี่จิน โดยรวมแล้วผมถูกชะตาพอสมควร~
“ใช่ครับ คุณคือ?”
“พี่ชื่อปาล์ม อยู่ปีสี่ ไอที” ผู้ชายตรงหน้าผมยิ้มกว้าง วะ! ฟันสวยชะมัดเลยครับ
“อ๋อ ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ผมยิ้มกลับให้พี่ปาล์มที่เพิ่งรู้จัก ว่าแต่ว่าจะคุยอะไรต่อละหว่า
“พี่เคยเห็นชะเอมมานานแล้วแหละครับ แต่ไม่กล้าเข้าไปทัก” ผมก็ได้แต่พยักหน้าเออออไปตามเรื่อง ใจนึงก็แอบงงเหมือนกันว่าคนไม่รู้จักกันจะคุยอะไรกันนักหนาหว่า
สัมผัสที่แตะลงบนบ่าเรียกให้ผมหันหลังไปมองก่อนจะยิ้มกว้าง พี่จินที่หายไปพักหนึ่งกลับมาพร้อมกับถั่วแระญี่ปุ่นถุงโตที่ผมชอบแทะประจำระหว่างดูโทรทัศน์
“พี่จินน่ะ ไปไหนก็ไม่ยอมบอก” ผมส่งเสียงแกมประท้วง แต่นั่นกลับทำให้คิ้วขมวดของพี่จินคลี่ออกจากกันได้
“ก็เห็นพอดี เลยกะว่าจะไปหิ้วมาฝากเราสักหน่อย” พี่จินพูดพร้อมโชว์ถุงถั่วแระ แหม มีกับแกล้มแบบนี้สงสัยผมต้องไปหิ้วเป๊ปซี่มาสักสองลิตร
“พี่ชายชะเอมเหรอครับ” อีกคนที่ดูเหมือนว่ากำลังจะถูกลืมไปจากการสนทนาถามแทรกขึ้นมา
“อ๋อ...” ผมหันไปทางพี่ปาล์ม แอบอึ้งนิดหนึ่ง จะตอบว่าอะไรไม่ให้เขาตกใจดีนะ
“คนรักครับ” พี่จินเป็นคนตอบพร้อมกับโอบไหล่ผมและรั้งให้ผมไปยืนใกล้ๆ พี่ปาล์มทำสีหน้านิ่งไม่ออกอาการอะไร บางทียุคนี้แล้ว เรื่องแบบนี้คงไม่ใช่เรื่องแปลกสินะ...
“อ๋อ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ งั้นพี่ขอตัวก่อนนะชะเอม ไว้เจอกันที่มหาลัย” ผมโบกมือบ๊ายบายให้พี่ปาล์ม พอหันมามองคนข้างตัวก็เอิ่ม... ตาขวางเชียะ
“เป็นอะไรครับพี่จิน?”
“อะ.. เปล่าครับ ไม่มีอะไร พี่ว่าเรากลับกันเถอะ” ไม่รู้ทำไมแต่ผมคิดว่าพี่จินท่าทางแปลกๆแฮะ...
เย็นนั้นหลังจากที่ผมเอาไก่ทั้งตัวเข้าเตาอบแล้วก็ลองเดินมาดูมาคนที่กำลังเล่นกับวานิลลาอยู่ในห้องนั่งเล่น ไม่รู้ทำไมเวลาเห็นผู้ชายตัวโตๆเล่นกับสัตว์ตัวเล็กๆแล้วมันรู้สึกว่าน่ารักจัง
“เมี้ยว~” เจ้าเหมียวยกอุ้งเท้าขึ้นมาตะปบกับก้านขนนกในมือพี่จิน พอใกล้จะจับได้เจ้าขนนกก็ลอยหวือห่างไปตลอด จากแค่เล่นๆตอนแรกก็ดูเหมือนว่าเจ้าเหมียวจะเริ่มโมโหเสียแล้ว
“เดี๋ยววานิลลาก็ข่วนเข้าให้หรอกครับ” ผมพูดพลางอมยิ้ม
“เหมือนที่แม่มันชอบข่วนพี่หรือเปล่า หือ?” อ้อมแขนแกร่งตวัดดึงเอาตัวผมเข้าไปได้อย่างง่ายดาย บางทีคงเป็นเพราะผมสมยอมด้วยแหละ >//<
“วันนี้แม่บ้านของพี่ทำกับข้าวเหนื่อยมั้ยครับ” พี่จินเอามือปัดผมออกจากหน้าผากให้ผม มองกี่ครั้งก็ไม่เคยเบื่อจริงๆนะครับคนนี้ หล่อเสมอต้นเสมอปลาย
“ไม่เหนื่อยหรอก เอมอยากทำนี่” นอกจากไก่อบยังมีลาซานญ่าผักโขมแล้วก็พาสต้าด้วยนะครับ ไม่รู้ว่ารสชาติจะพอกินได้มั้ย
“เอมทำอะไรก็อร่อยหมดแหละครับ”
“เอมทำไม่อร่อยพี่จินก็บอกว่าอร่อยแหละ” ผมทำหน้างอ
“ฮ่าๆ ไม่หรอก ถ้าไม่อร่อยจริงๆพี่ก็จะพูดตามตรง เอมจะได้พัฒนาฝีมือ”
“ให้จริงเหอะครับ” ผมจุ๊บปากพี่จินเบาๆด้วยความหมั่นเขี้ยว แต่ดูเหมือนว่าจะกลายเป็นการจุดประกายให้คนตรงหน้าซะอย่างงั้น
“อื้อ!” แรงบีบจากมือพี่จินที่ไหล่ของผมแน่นขึ้น พร้อมกับจูบที่เนิ่นนานเกินพอ พี่จินไล้เล็มและล่วงล้ำเข้ามาทีละน้อย มือใหญ่ที่ประคองเอวผมก็เลื่อนต่ำลงไปจนถึงสะโพกแล้วก็บีบขยำอย่างย่ามใจ
“ไม่อะ.. ไม่เอานะ...” ดูท่าคำประท้วงของผมจะไม่ได้ผลกับคนตรงหน้าสักเท่าไร เพราะนอกจากมือที่บีบก้นแล้ว ยังจะกดเอวผมให้แนบชิดกับตัวเขามากขึ้นไปอีก
ลมหายใจของผมกับพี่จินรินรดกันจนแยกไม่ออกว่าเป็นคาร์บอนไดออกไซด์จากใครกันแน่ มือพี่จินที่บีบก้นผมอยู่ก็เริ่มเพิ่มแรงขึ้นเหมือนไม่แคร์ว่าเมื่อคืนผมจะระบมแค่ไหน ทั้งบีบทั้งคลำทั้งขยำจนเหมือนว่าตัวผมจะแหลกคามือพี่จินอยู่แล้ว
“อย่าสิครับ... กินข้าวก่อน...” ผมประท้วงเสียงอ่อย
“อือ... เอมน่ะ ใจร้ายกับพี่จัง กว่าจะได้ใกล้ชิดกับเอมแบบเนี้ยพี่ก็รอมาตั้งนาน แล้วนี่ยังให้พี่กินแบบประหยัดอีก พี่ยังไม่อิ่มเลยรู้มั้ย ถ้าเป็นคนอื่นน่ะ เขาทำกันสามวันสามคืนแล้ว” พี่จินพูดเสียงกระเง้ากระงอดไม่ชวนให้ผมสงสารแล้วยังชักพาความโมโหอีกต่างหาก
“หื่น คนบ้า อัดอั้นนักก็ไปช่วยตัวเองเลยไป๊!”
“เอ๊า อะไรกัน ทำไมใจร้ายแบบนี้ละครับ”
“พี่จินลองรับดูมั้ยละ จะได้รู้ว่ามันโคตรจะเจ็บ แล้วยิ่งขนาดอย่างของพี่นะ เอมไม่ฉีกก็บุญแล้ว”
“แหม มันก็พูดยากนะเอม หึหึ” ฮึ้ย ผมด่าอยู่ปาวๆ ยังมาทำหน้ายิ้มกรุ้มกริ่มพอใจในความใหญ่อลังการของตัวเองอีกเรอะ อ๊ากกก!! ไอ้คนลามกเอ๊ยยยย
“พี่ทำเอมเจ็บขนาดนั้นเลยเหรอ เอมไม่ได้รู้สึกดีร่วมไปกับพี่บ้างเลยเหรอครับ” จู่ๆพี่จินก็เปลี่ยนโหมดทันควัน ท่าทางกวนประสาทเปลี่ยนมาเป็นออดอ้อนตาใสอย่างคนที่รู้สึกผิดเต็มประดา ง่า...ไปไม่เป็นเลยผม...
“...มะ..ไม่หรอกครับ แรกๆมันก็เจ็บแหละ แต่เอมก็ชอบ...” อึ๋ยพูดอะไรไปเนี่ยผม ยิ่งพอเห็นหน้าพี่จินตอนนี้ก็อยากจะกลืนคำพูดนั้นลงท้องเสียให้หมด!
“เอมพูดออกมาแบบนี้ จะให้พี่ลืมคงยากแล้วแหละครับ ห้ามกลับคำด้วยนะ...” เสียงทุ้มดังเพียงกระซิบ ดวงตาคมเป็นประกายเมื่อสะท้อนกับแสงไฟภายในห้อง สองแขนแกร่งโอบร่างเล็กเข้ามาใกล้ ใบหน้าคมขยับชิดเสียจนปลายจมูกนั้นแทบจะสัมผัสกับผิวแก้มแดงระเรื่อเพราะความอาย ยังไม่ทันที่ผมจะได้ปฏิเสธอะไร ก็ถูกจับลงนอนกับโซฟาตัวโตเสียแล้ว
รสชาติหวานละมุนจากปลายลิ้นของคนข้างบนยังติดซึ้งตรึงใจเสมอ แต่ก่อนเป็นจูบที่อ่อนหวานแค่ไหน ตอนนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น
ปลายนิ้วของพี่จินสอดเข้าท้ายทอยของผมเพื่อออกแรงดันเล็กๆ เชิงบังคับน้อยให้ผมยอมรับจูบนั้นอย่างนุ่มนวล ความนุ่มนวลที่ทำให้ผมเผลอหลุดเสียงครางในลำคอเบาๆ เมื่อลืมตามองใบหน้าของชายหนุ่มที่คร่อมอยู่ด้านบนแล้วก็ต้องหลบตา
คนบ้า จ้องตาวิบวับเชียวนะ...
ผมสะดุ้งโหยงเมื่อฟันคมกัดลงตรงไหปลาร้า แรงกัดมากพอที่จะฝากรอยรักเอาไว้เหมือนที่ทำเมื่อคืน ผมยังจำได้เลยว่าตอนส่องกระจกเมื่อเช้า ร่างกายของผมมีแต่รอยกัดของพี่จินเต็มไปหมด
จากไหปลาร้าไล่มาจนถึงยอดอกที่แข็งตึงรอโดยอัติโนมัติ ปลายลิ้นของพี่จินลากผ่านยอดอกไปจนถึงหน้าท้อง และลงต่ำไปจนท้องน้อย โดยที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัว มือใหญ่นั่นก็ดึงกางเกงผมออกรวดเดียว อะไรๆที่มันเติบโตเพราะแรงกระตุ้นก็เลยดีดผึงขึ้นมาอวดโฉมอย่างไม่อายสายตา
“อ๊ะ!” ผมยื่นมือไปปิดบังจุดสงวนอย่างไว แต่ก็คงไวสู้คนที่คว้ามือผมเอาไว้ไม่ได้ พี่จินรวบมือทั้งสองข้างของผมไว้เหนือหัว ก่อนจะก้มลงเอาลิ้นแตะสัมผัสกับตรงปลายและครอบปากลงไปทันที นิ้วของพี่จินขยับเข้าใกล้เบื้องหลังก่อนค่อยๆฉวยโอกาสที่ผมกำลังสับสนกับสัมผัสเร่าร้อนนั้นรุกรานเข้ามาในร่างกายผมอย่างเอาแต่ใจ...
" อื้อ! เจ็บ" ผมกระตุกสะโพกหนีกับปลายนิ้วทันที พี่จินจึงใช้ลิ้นเลียนิ้วของตัวเองจนชุ่มโชกก่อนจะสอดเข้ามาใหม่และเร่งจังหวะจนผมยิ่งเตลิดไปไกลกว่าเดิม
เกือบที่ผมกำลังจะปลดปล่อยตัวเองออกมา พี่จินก็ละออกห่าง ผมผงกหัวขึ้นมามองอย่างสงสัย และก็ต้องเข้าใจเมื่อเห็นร่างสูงที่มีสีหน้าไม่ต่างกันกำลังขะมักเขม้นถอดกางเกงของตัวเอง ไอ้เจ้าสิ่งมโหฬารที่ผมเห็นเมื่อคืนนั้นมันยังคงอลังการไม่เปลี่ยน ร่างกายที่มีเหมือนผมทุกอย่างแต่กลับให้ความรู้สึกแตกต่างไม่น่าเชื่อ...
“ขออนุญาตนะครับ...” เสียงนุ่มร้องขอฟังดูหวานซึ้งที่สุดที่ผมเคยได้ยิน ผมรู้ดีที่สุดว่ามันหยุดไม่ได้แล้ว จังหวะนี้ต่อให้ใครกำลังจะตายก็ช่างมันเหอะ
“...ครับ... " พูดไปแล้วก็แทบจะกัดลิ้นตาย ขัดขืนเขาแทบตาย พอโดนเล้าโลมเข้าหน่อยก็อ่อนเป็นขี้ผึ้งลนไฟ... คิดโน่นคิดนี่เพลินๆไปแป๊บหนึ่งก็ต้องผวาเฮือกเมื่อร่างสูงขยับร่างเข้าหาแทบจะในทันที
“อ๊ะ! พี่จิน อื้อ...” แม้ว่านี่จะเป็นครั้งที่สอง... เอ่อ สามละมั้ง เอ... หรือว่าสี่ โอ๊ย ช่างมันเหอะ ทำไมผมยังเจ็บเหมมือนเดิมเลยนะ แน่ๆเลย เพราะว่าขนาดของพี่จินไม่บาลานซ์กับผมแน่ๆเลย ฮึ้ยยยยย!!
“อืม... เอม... ดวงใจของพี่..” พี่จินเอ่อเสียงพร่ำเรียกชื่อผมพร้อมกับริมฝีปากร้อนก้มลงแทะเล็มผิวกาย สะโพกแกร่งขยับกายเข้าหาและยึดตัวผมไว้แน่น คนๆนี้รู้ดีที่สุดว่าผมแพ้อะไร ถ้อยคำอ่อนหวานเหล่านั้นทำให้ผมใจอ่อนเสมอ...
ร่างกายของพี่จินสอดเข้ามาจนสุดและแช่คาไว้ไม่ขยับ ถ้าตอนนี้จะดึงพี่จินออกไปคงต้องใช้ช้างทั้งโขลง มือใหญ่กอบกุมน้องหนูของผมและค่อยๆรูดขึ้นลงให้สัมพันธ์กับการขยับของร่างกาย ผมรู้ว่าพี่จินคงทนไม่ไหวที่จะอยู่เฉยๆ เพราะผมเองก็เช่นกัน ความเจ็บปวดที่ผมเลือกที่จะสัมผัสมันอยู่ตรงหน้านี้เอง เสียงพร่ำอ่อนโยนของพี่จินดังผ่านหูแต่ผมไม่สามารถจับใจความใดได้ แรงกระแทกเข้ามาในกายกับความร้อนที่เบื้องหน้าทำเอาหูตาลายไปหมดจนผมเผลอจิกเล็บลงกับไหล่กว้างตามแรงอารมณ์ที่อีกฝ่ายกระตุ้นเร้า
พี่จินขยับกายเข้าหาอย่างรุนแรงเช่นเดียวกับปลายนิ้วที่ปรนเปรอความสุขสมให้ ทุกสัมผัสที่ส่งผ่านไปด้วยความรักที่เร่าร้อน ร่างกายของผมถูกโอบเข้าแนบชิดกับพี่จิน ริมฝีปากครางเครือเป็นชื่อพี่จินครั้งแล้วครั้งเล่า เช่นเดียวกับพี่จินที่แทะเล็มร่างกายของผมเหมือนหิวกระหาย รอยรักเป็นจ้ำที่ฝากไว้นับไม่ถ้วนบนผิวกาย และแรงกระแทกซ้ำๆจนความเจ็บเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความสุขจนแทบจะสำลัก ผมขยับสะโพกเข้าหาพี่จินโดยอัติโนมัติ เสียงร้องน่าอายดังขึ้นเพราะความเร่าร้อนที่พี่จินปรนเปรอ จนกระทั่งความร้อนวาบจากร่างกายผมพุ่งเปรอะเปื้อนเต็มไปหมด ด้านหลังของผมกระตุกตุบๆรัดแน่นจนพี่จินขยับกระแทกกระทั้นจากร่างของผมอย่างมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ความรู้สึกที่ยากจะห้ามใจกำลังใกล้เข้ามา ร่างแกร่งขยับเข้าหาอย่างถี่กระชั้นก่อนขยับกายออกห่างและปลดปล่อยลงที่เดียวกับที่ผมทำเลอะไว้ก่อนหน้า...
“อึก... เอม...” พี่จินทาบทับร่างลงมาบนตัวผม เรี่ยวแรงอ่อนเปลี้ยเหมือนไปวิ่งมาราธอนมาห้ากิโล ก่อนจะพูดเสียงกระซิบข้างหูผม
“พี่ไม่อยากเสร็จข้างใน เพราะเดี๋ยวจะกินข้าวแล้ว กลัวเอมไม่สบายตัว...”
จะพูดเพื่อ???
***************************************************************
เอ่อ อย่าให้พูดเลยนะคะ ว่าหายไปนานแค่ไหน -//-
เรื่องมันเยอะค่ะ แบบว่าแฟลชไดรฟ์เค้าหายแหละ T T
แต่ยังไงก็จะแต่งต่อไปเรื่อยๆ หวังว่ายังมีคนอ่านนะ 555+
ขอโทษที่หายไปเนิ่นนานด้วยนะคะ