Part 1“พี่จิน! อย่ามาทำนิสัยเอาแต่ใจกับเอมนะ!”
“อ๋อ นี่สรุปว่าพี่กลายเป็นคนเอาแต่ใจไปแล้วใช่มั้ย!”
เสียงทุ่มเถียงที่ดังเล็ดลอดออกมาจากวิลล่าหมายเลข A17 ของรีสอร์ทแบบบูติคริมทะเลอาจทำให้คนที่เดินผ่านไปมาต้องเหลียวมองด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่เพราะว่าที่นี่คือรีสอร์ทที่มีความเป็นส่วนตัวสูง และแต่ละวิลล่าก็อยู่ห่างกันครึ่งกม.น่าจะได้ จึงไม่ค่อยมีใครผ่านไปผ่านมาเท่าไรนักหรอก
ตัดฉากกลับมาที่ภายในห้องนอนของวิลล่าหลังนี้ดีกว่า... บรรยากาศร้อนระอุ คนสองคนเถียงกันหน้าดำหน้าแดง หารู้ไม่ว่าทั้งคู่ทะเลาะกันในเรื่องเดียวกันก็จริง แต่ประเด็นที่ทำให้ทั้งสองฝ่ายโมโหเป็นฟืนเป็นไฟนั้นมันคนละเรื่องกันโดยสิ้นเชิง...
“พี่ว่าอะไรไม่ได้เลยใช่มั้ย งั้นพี่ก็จะไม่ว่าไม่บอกอะไรอีก อยากจะแต่งตัวยังไงก็แต่งไป อยากจะไปไหนกับใครก็ไปเลย!” หากฟังรวมๆแล้วก็ไม่น่าที่จะโกรธเท่าไหร่ แต่ไอ้ไคลแม็กซ์ที่ประโยคสุดท้ายมันกลับทำให้อีกคนเลือดขึ้นหน้าทันที มือเล็กที่กำหมัดแน่นจนขาวซีดถอดเสื้อตัวเองอย่างรวดเร็วจนแทบจะฉีกทิ้ง พอถอดเสร็จก็ปาเสื้อโปโลสีขาวใส่หน้าร่างสูงดังป้าบ
“เออดี งั้นถ้าเอมไม่อยากจะใส่เสื้อเอมก็จะไม่ใส่ และถ้าเอมอยากจะไหนคนเดียว เอมก็จะไปเอง!!” เสียงใสตวาดแว้ดเป็นครั้งสุดท้ายแล้วก็หุนหันพลันแล่นออกไปจากห้องโดยไม่ปล่อยให้จินเจอร์ได้ตั้งตัว
“เอม! ไอ้แสบ กลับมาเลยนะ” จินเจอร์รีบวิ่งตามออกมาแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เพราะเจ้าจิ๋วหายตัวไปไวเหมือนอันตรธานจากตรงนั้นในชั่วพริบตา
“ฮึ่ย!” ร่างสูงทุบกำปั้นเข้ากับผนังข้างตัวเต็มแรง ทั้งโมโหทั้งห่วงคละเคล้ากัน จนสุดท้ายก็ตัดสินใจเดินกลับเข้าห้องแล้วปิดประตูดังโครมใหญ่เหมือนกับจะไม่สนใจเจ้าตัวเล็กอีกเลย
เพราะอะไรคนสองคนที่ขึ้นชื่อว่ารักกันมากจนคนใกล้ตัวและผู้พบเห็นต่างพากันอิจฉาถึงทะเลาะกันรุนแรงแบบนี้? คำถามนี้จะได้รับคำตอบเมื่อมองย้อนกลับไปหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้...
อากาศยามเช้าตรู่ในวันพักผ่อนนี้ช่างสดชื่นและสดใสมากเกินกว่าที่จะเอาแต่นอนซุกอยู่บนเตียง แต่เมื่อหันไปมองคนข้างๆที่ยังหลับอุตุไม่ยอมตื่นก็ต้องถอนใจ เพราะไม่อยากจะปลุกคนที่นอนหลับสบาย สุดท้ายแล้วเจ้าตัวเล็กจึงคว้าเสื้อคอกลมผ้าป่านสีขาวบางมาใส่กับกางเกงขาสั้นอย่างลวกๆแล้วก็ย่องออกจากห้องไปตามลำพัง
ชายหาดสีขาวและน้ำทะเลใสแจ๋วกำลังกวักมือเรียกให้ชะเอมลงไปแหวกว่ายแต่หัววัน ร่างเล็กเลือกหาที่นั่งโล่งๆริมหาดแล้วจ้องมองพระอาทิตย์โผล่ขึ้นมาจากขอบฟ้า ปากเล็กอ้าน้อยๆเพราะทึ่งกับความงามของธรรมชาติที่หาชมได้ยากในเมืองใหญ่ เพราะเมื่อคืนมาถึงก็สองทุ่มไปแล้ว ทานมื้อเย็นเสร็จก็หลับเป็นตาย เช้านี้เด็กน้อยจึงรีบตื่นเพื่อมาดูสายลมและแสงแดด
“มาคนเดียวเหรอครับ?” น้ำเสียงนุ่มนวลเรียกให้ชะเอมต้องหันกลับไปมอง ใบหน้าที่พอเห็นก็มั่นใจว่าไม่ใช่คนรู้จักแน่ๆทำให้ชะเอมแค่ยิ้มกลับไปเฉยๆ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้ต้องไม่มาด้วยเจตนาบริสุทธิ์
“ขอนั่งด้วยได้มั้ย?” แน่ะ เขาไม่สนใจยังจะตื๊อได้อีก ชะเอมลุกยืนแล้วปัดก้น ก่อนจะบอกให้อีกฝ่ายนั่งได้ตามสบาย
“อ้าว ไม่นั่งด้วยกันเหรอครับ” เฮ้ย ชายหนุ่มนิรนามคว้าข้อมือชะเอมไว้ทันควันก่อนที่เจ้าจิ๋วจะเดินหนีไป ชะเอมจิกสายตาไปที่ข้อมือตัวเอง แต่ดูเหมือนว่าคนตรงหน้าทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“ถ้าไม่รู้จักกันอย่ามาทำสนิทสนมดีกว่านะครับ ผมไม่ชอบพวกตีซี้”
“และผมก็ไม่ชอบให้ใครมาโดนตัวแฟนผมเหมือนกัน” เสียงทุ้มที่ชะเอมคุ้นเคยดังขึ้นพร้อมกับมือใหญ่ที่คว้าแขนชะเอมกลับทันที ชะเอมหันไปยิ้มให้พี่จินที่ดูท่าว่าคงจะเพิ่งตื่นหมาดๆ หน้าตายังดูมึนเหมือนคนที่พร้อมจะหาเรื่องชาวบ้านได้ทุกเมื่อ
“อ้าว แหม ผมก็แค่อยากจะทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่แค่นั้นแหละ ถ้าไม่อยากรู้จักกันก็ไม่เป็นไร ฮ่าๆ” พอเห็นพี่จินร่างยักษ์ก็ทำเนียนหัวเราะเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วรีบเดินไปที่อื่นทันที ชะเอมจึงทำท่าแลบลิ้นไล่หลังแล้วทำหน้าเยาะเย้ยเหมือนเป็นผู้ชนะ
“แล้วนี่ทำไมลุกเดินมาคนเดียวละ หืม?” พี่จินถามเสียงนิ่ง ทำเอาลูกลิงที่ทำหน้าทะเล้นเมื่อกี้ต้องหันมาซุกอกพี่จินและทำเสียงออดอ้อนทันที
“ก็เอมเห็นพี่จินหลับสบาย เลยไม่อยากปลุกนี่ครับ”
“งี่เง่า วันหลังถ้าไปไหนมาไหนคนเดียวโดยไม่บอกพี่นะ จะตีให้ก้นลาย” ดูท่าว่าการออดอ้อนของชะเอมจะได้ผล เพราะมีเพียงการคาดโทษจากพี่จินเท่านั้น ไม่ใช่การถูกดุเหมือนที่มักจะโดนประจำเวลาทำผิด
“นึกถึงไอ้เวรนั่นแล้วยังโมโห รู้งี้น่าจะกระทืบให้จมทราย” พี่จินบ่นพึมพำขณะจูงมือชะเอมให้เข้ามาในบริเวณที่จัดอาหารเช้า
“ไม่เอานะพี่จิน ไปกินข้าวกันเถอะ เอมหิวจัง” ชะเอมดึงพี่จินให้ไปที่ไลน์ของทอด แต่ด้วยเพราะว่าพี่จินเอาแต่เดินเรียบเรื่อยไม่ทันใจ เจ้าตัวเล็กจึงปล่อยมือพี่จินแล้ววิ่งนำไปก่อน
เท่านั้นแหละ เมื่อร่างเล็กนำหน้าพี่จินไป อะไรๆก็ปรากฎสู่สายตาพี่จินมากขึ้น ทั้งเสื้อสีขาวตัวบางแสนบาง แต่นั่นยังไม่น่าโกรธเท่ากางเกงขาสั้นตัวที่เคยสั่งไว้ว่าห้ามใส่ออกมาเดินข้างนอกโดยเด็ดขาด!!
“เอม หยุด!” เสียงเย็นๆอารมณ์ดีแปรเปลี่ยนเป็นเสียงเกรี้ยวกราดตวาดลั่น แขกคนอื่นหันมามองกันด้วยความสงสัย แม้แต่ชะเอมที่กำลังอารมณ์ดีก็หันมามองพี่จินด้วยสายตาไม่เข้าใจ
“อะไรครับพี่จิน?”
ร่างสูงเดินตรงดิ่งไปหาชะเอมแล้วพูดด้วยเสียงต่ำโกรธจัด มือใหญ่บีบข้อมือชะเอม แม้แรงที่บีบจะไม่มากแต่ก็ทำให้ตกใจได้ไม่น้อย จากคนที่อามรมณ์ดีๆในตอนแรกกลายมาเป็นแบบนี้ได้อย่างไร
“แต่งตัวอะไรน่ะ” พี่จินถาม ทำให้ชะเอมต้องก้มมองเสื้อผ้าตัวเองแล้วก็ถึงบางอ้อ
“เอ่อ... คือ... เอมรีบออกมาน่ะครับ คว้าอะไรได้ก็เลยใส่มาเลย” ชะเอมพยายามพูดอย่างนุ่มนวลที่สุด เพราะตัวเองก็ผิดจริงๆที่แต่งตัวไม่เรียบร้อย และที่สำคัญ พี่จินเป็นคนหวงของที่สุด ยิ่งเป็นชะเอม... เขายิ่งหวง ข้อนี้ชะเอมรู้ดี เพราะพี่จินไม่เคยปล่อยให้ชะเอมแต่งตัวไม่เรียบร้อยเลย ถ้าครั้งไหนที่ชะเอมเผลอใส่เสื้อเชิ้ตปลดกระดุมนิดหน่อย หรือใส่กางเกงขาสั้นเกินกำหนด พี่จินเป็นต้องทำตาเขียวปั๊ดประจำ
“รีบ? รีบงั้นเหรอ รีบก็เลยเป็นข้ออ้างให้แต่งตัวไม่เรียบร้อย?” พี่จินยังคงเดินหน้าโมโหเต็มอัตราสูบไม่แคร์สายตาคนรอบข้าง พนักงานในรีสอร์ทก็อึกอักไม่กล้าเข้ามาห้าม เพราะกลัวโดนลูกหลงจากพี่จิน สุดท้ายเอมจึงต้องเป็นฝ่ายโน้มน้าวให้กลับไปคุยกันที่วิลล่า
“พี่จินครับ ไปคุยกันที่ห้องเถอะ ที่นี่คนเยอะ อายเขานะ...”
“เหอะ อาย? อยู่กับพี่แล้วอายคนอื่นใช่มั้ย” โว้ย ชะเอมอยากจะร้องไห้ดังๆ ทำไมเวลาพี่จินโมโหถึงชอบทำตัวส้นตีนแบบนี้ตลอดเลยนะ พูดอะไรก็ผิดไปหมด ความอดทนก็จะหมดตามไปด้วยแล้วนะ!
ไม่ว่าอย่างไรชะเอมก็คิดเพียงแต่ว่ากลับไปที่ห้องก่อนแล้วจะบู๊ให้เต็มที่ จะให้ทะเลาะกันโชว์คนอื่นได้ยังไง ไอ้พี่จินทุเรศ ทำนิสัยเอาแต่ใจที่สุดในโลก!
ปัง!
เสียงปิดประตูดังสนั่นทำให้เอมตวัดสายไปตามองพี่จินตาขวาง ไม่ต่างกับคนปิดประตูที่มองชะเอมตาขวางไม่แพ้กัน
“พี่เป็นอะไรของพี่ ทำไมไม่รู้จักพูดดีๆ ทำไมต้องทำเสียงดังต่อหน้าคนเยอะแยะแบบนั้นด้วย!” ถึงตอนนี้ชะเอมไม่ทนอีกแล้ว ความอดทนของชะเอมนับได้หนึ่งถึงสิบ เมื่อชะเอมนับถึงสิบแล้วพี่จินยังไม่เย็นลง ชะเอมก็จะวีนแตกบ้างละ
“แล้วทำไม เอมอายคนอื่นเขามากรึไง อยู่กับพี่แล้วอายมากนักใช่มั้ย?”
“เอมจะไม่อายเลยนะถ้าพี่จินไม่เสียงดังแบบนั้น ถ้าเราจะทะเลาะกันทำไมไม่ทะเลาะกันแค่สองคน จะต้องป่าวประกาศให้ชาวบ้านเขารู้ทำไม!”
“นั่นมันไม่ใช่ประเด็นเลยนะเอม ตัวเองทำผิดอะไรไว้อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง!” นั่นไง พี่จินของเขา หาเหตุผลอะไรไม่ได้ตอนโมโหหรอก ขี้เหวี่ยงขี้วีนไม่แพ้ผู้หญิงเลยเชียว
“จะบอกว่าเอมผิดที่แต่งตัวไม่ดี เลยทำให้พี่จินต้องเสียงดังใช่มั้ย สรุปแล้วเอมผิดใช่มั้ย!!!” ชะเอมแทบจะกรี๊ด สรุปแล้วเขาเป็นคนผิดงั้นเหรอ?
“เอมไม่ผิดหรอก พี่ผิดเอง” พี่จินพูดเสียงแข็งแล้วหันหน้าหนี สำหรับชะเอมแล้วท่าทางแบบนั้นคือ ‘ทนมองไม่ได้’ การแต่งตัวของเขามันน่าเกลียดขนาดนั้น เลยต้องโมโหเสียงดังให้อายคนอื่นงั้นเหรอ เฮอะ! เหตุผลแบบนี้ชะเอมไม่มีทางรับได้เด็ดขาด ไม่ว่าจะมองยังไง สำหรับเขาแล้วพี่จินก็ผิดที่เสียงดัง ผิดที่โมโหไม่ฟังอะไร ก็ได้ ถ้าอยากจะชนะเขามากนักเขาก็จะยอม
“...เอมขอโทษนะครับพี่จิน ต่อไปนี้เอมจะไม่แต่งตัวแบบนี้อีกแล้ว” สุดท้ายก็ยอม เขายอมเพราะอะไร? เพราะว่ารักถึงได้ยอมไม่ใช่หรอกหรือ...
“ไม่เป็นไรหรอกเอม พี่ไม่ห้ามแล้วแหละ เอมอยากแต่งแบบไหนก็แต่งไปเถอะ มันเป็นตัวของเอมนี่” พี่จินหันมาพูดแล้วก็ยิ้ม ยิ้มเหยียดๆ แบบที่ทำให้ความโมโหของชะเอมพุ่งปรี๊ดจนเกินร้อย จะโมโหจะอะไรยังไงก็ยังพอทนได้ แต่ไอ้การประชดเนี่ยละที่ชะเอมเกลียดจนอยากจะข่วนหน้าพี่จินให้ยับ!
“พี่จิน! อย่ามาทำนิสัยเอาแต่ใจกับเอมนะ!”
*อันนี้ครึ่งแรกนะฮาว์ฟ เดี๋ยวอีกครึ่งจะตามมาพรุ่งนี้**เพิ่งจะได้เข้าเวบ และได้ตามอ่านหลายๆคห. ก็เลยมาเฉลยด้วยตอนพิเศษและกันว่าใครคู่ใคร 555+ ไม่ดราม่าแน่ค่ะ
แต่คงไม่ถูกใจใครหลายๆคน อิอิ***ต้องขอโทษด้วยที่หายไปนานมากกกกกกกค่ะ เพราะว่าช่วงนี้บีเป็นผู้ประสบภัย (ฟังดูดีมะ) และต้องย้ายไปอยู่ที่อื่นชั่วคราว
ประเด็นคือว่าแฟลชไดรฟ์อยู่ที่อพาร์ตเมนท์ที่โดนน้ำท่วมค่ะ ฮาหงายเงิบเลย ตอนนี้เลยเอาตอนพิเศษที่เพิ่งเขียนสดๆมาแก้ขัดก่อน
หากใครอ่านตอนพิเศษแล้วไม่ได้ดั่งใจก็ต้องทนอ่านนะคะ เพราะว่าบีชอบพี่จินมากกกก ไม่เปลี่ยนพระเอกแน่นอน โฮะๆๆ****สุดท้ายนี้ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่ะ