ตอนที่ 26วินรถตู้จอดนิ่งหน้าบ้านหลังใหญ่รอเพียงผู้โดยสารที่ตอนนี้จับกลุ่มเตรียมขึ้นรถมีชายหนุ่ม 6 คนและหญิงสาว 2 คนยืนอยู่เพื่อร่ำลากับหญิงวัยกลางคนที่ยังสวยพริ้งอยู่
“เที่ยวให้สนุกนะลูกเที่ยวเผื่อแม่ด้วยนะจ๊ะ เนี่ยถ้าแม่ไม่ติดนัดกับคุณฉัตรแก้วนะแม่จะทิ้งพ่อไปเที่ยวกับลูกเลยเชียว”
“ถ้าคุณพ่อรู้ได้งอนแม่แน่ๆนะครับ แม่ครับเดี๋ยวผมเที่ยวเผื่อและจะซื้อของมาฝากนะครับ”
คุณแม่โอบกอดลูบหลังเบาๆและผละไปกอดลูกชายคนใหม่แถมหอมแก้มนุ่มอีกฟอดใหญ่และสั่งความกับกัสเหมือนกับว่าพวกเราจะไปกันเป็นเดือนๆเลย ทำเอาบรรดาเพื่อนที่ยืนอยู่รอบตัวบางคนยิ้มบางคนหัวเราะออกมาแต่ไม่ดังนักเพราะกลัวคุณแม่หันมาเอ็ด จริงๆเพื่อนทุกคนที่สนิทกับเค้าจะคุ้นชินกับภาพคุณแม่ที่แสดงความรักกับลูกกับเพื่อนของลูกแบบนี้อยู่แล้วแต่กับกัสนี่พิเศษหน่อยที่เป็นลูกรักคนพิเศษที่คุณแม่คงทั้งรักทั้งหลงเหมือนลูกชายตัวเอง ใครได้อยู่ใกล้กัสจะรู้ถึงเสน่ห์ที่เจ้าตัวไม่ได้ปรุงแต่งแต่เป็นตัวตนจริงๆที่แสดงออกมาถึงนิสัยที่น่ารักอ่อนโยน และยิ่งกับผู้ใหญ่กัสจะยิ่งวางตัวอ่อนน้อมน่าเอ็นดูสังเกตได้จากทั้งคุณแม่เค้าและคุณแม่หมอมายยังรักเหมือนลูกตัวเองเลยพออยู่ใกล้แล้วแทบไม่ให้ห่างสายตาเลยด้วยซ้ำ
“กัสดูแลตัวเองนะจ๊ะเตรียมร่มเตรียมหมวกไปแล้วใช่มั้ย แม่กลัวลูกไม่สบายช่วงนี้แดดแรงมากผิวหนูยิ่งบอบบางอยู่”
“แม่ครับแม่ไม่ต้องห่วงนะวินดูแลกัสอย่างดีแน่นอนครับ เนี่ยเดี๋ยวเราต้องไปแล้วน้าเพราะเดี๋ยวถึงที่นู่นบ่ายเกินกัสจะหิวนะครับ”
แอบแซวแม่ตัวเองนี่คงไม่บาปมากนักใช่มั้ย แต่ที่ได้กลับมาคืออาการค้อนวงใหญ่จากคุณแม่เค้านั่นเอง จึงส่งยิ้มกว้างไปให้คุณแม่ยังสาวเอาใจซะหน่อย และการร่ำลาก็สิ้นสุดลงพวกเราต่างยกมือไหว้คุณแม่กันอีกครั้งก่อนเดินขึ้นรถตู้ของที่บ้านที่มีคนขับพร้อมซึ่งได้รับอภินันทนาการนี้มาจากคุณพ่อที่กลัวว่าลูกชายและว่าที่ลูกสะใภ้จะลำบากเพราะทีแรกว่าจะขับกันไปเองแล้วเชียว ภายในรถนั้นที่นั่งหลังคนขับมีเค้านั่งชิดกระจกด้านในถัดมาเป็นกัสและมิค แถวถัดไปเป็นมาย มน และฟิน ส่วนแถวสุดท้ายเป็นปรัชและธี พวกเราพร้อมสำหรับการเดินทางแล้วจึงให้พี่ศรคนขับรถเคลื่อนรถสู่จุดหมายปลายทางที่ดอนหอยหลอด ระหว่างทางในรถนั้นคึกครื้นจากเสียงพูดคุยที่สอบถามถึงโปรแกรมจากมิคและฟินที่เป็นคนคิดทริปนี้ขึ้น มิคก็ร่ายรายละเอียดเหมือนเมื่อวานที่เรานั่งรถมาให้เพื่อนๆฟังกันอีกรอบ คนข้างตัวเค้าที่ฟังมิคไปก็อมยิ้มตามไปด้วยแถมแอบส่งสายตาไปสังเกตนายฟินที่นั่งถัดไปข้างหลังมิค นี่ก็คงหวงเพื่อนซินะก็ตั้งแต่เมื่อวานแล้วที่คงจับได้ถึงความผิดปกติของเพื่อนเค้า ไอ้ฟินนี่ก็เปิดเผยมากขอไปรับกัสกับมิคพร้อมเค้าทั้งๆที่ไม่เคยไปเลยแถมตามดูแลมิคตลอดจะไม่ให้กัสผิดสังเกตได้ยังไง โดนกัสมองนิ่งๆแบบเมื่อวานไปเป็นเค้าได้หนาวเยือกไปแล้วแต่ฟินมันก็ใจกล้าแสดงความจริงใจเข้าสู้เลยรอดมาได้ กัสก็ไม่ได้กันท่าฟินจากมิคมากนักหรอกก็แค่ห่วงเพื่อนล่ะมั้ง ส่วนเพื่อนเค้ามันก็ออกนอกหน้ามากแต่ดูท่าจะเป็นงานหนักของมันล่ะเพราะมิคยังไม่ได้รู้ตัวเลยว่าฟินสนใจ เค้าก็ได้แต่เอาใจช่วยจะช่วยออกหน้ามากก็ไม่ได้เดี๋ยวที่รักเขม่นเอาได้ กลับมาสนใจที่รักที่นั่งข้างๆดีกว่าส่งห่อขนมมันฝรั่งทอดรสที่กัสชอบไปให้ กัสหันมารับไปพร้อมรอยยิ้มหวานๆแทนคำขอบคุณ อดไปอยู่คว้ามือนุ่มมาจุ๊บเร็วๆอย่างหมั่นเขี้ยวเค้าว่าไม่มีใครสังเกตแล้วนะแต่ก็ยัง
“แหมๆ ไอ้วินจะหวานก็เกรงใจเพื่อนมั้งเหอะ” ไอ้ธีที่อยู่เบาะหลังสุดดันตาดีแซวขึ้นทำเอากัสเขินหน้าแดงแต่ยังไม่ชักมือกลับ
“มึงอย่ามาเป็นเด็กขี้อิจฉานะ ไม่มีก็หาซะ”
“โฮ่ๆๆๆ / ฮ่าๆๆๆ / ชิ” ตามมาด้วยเสียงแซวเสียงหัวเราะและเสียงหมั่นไส้จากเพื่อนตี๋หลังจากคำพูดของเค้า
หลังจากนั้นหัวข้อสนทนาก็เปลี่ยนไปแต่มือนุ่มที่เค้าจับกุมก็ยังอยู่ในอุ้งมือ เมื่อเห็นว่ากัสไม่ถนัดหยิบขนมทานเค้าก็หยิบและป้อนให้ถึงปาก ทีแรกกัสส่ายหน้าไม่ยอมคงเพราะยังเขินอยู่แต่เค้าก็ไม่ยอมเหมือนกันดื้ออยากป้อนนี่หน่า จึงจ่อขนมที่ปากเจ้าตัวอยู่อย่างนั้นจนกัสยอมรับขนมเข้าปากไปเคี้ยวแก้มแดงปลั่งแถมส่งค้อนมาให้กันอีก
“ฟิน นายไปนั่งข้างหลังไปเดี๋ยวเราจะนั่งแทน ตรงนี้มดมันกัดอ่ะ ฮิๆๆๆ”
โดนเพื่อนสนิทที่นั่งข้างกันแซวและมิคก็ลุกไปนั่งแทนที่ฟินที่ลุกไปนั่งด้านหลังแล้ว
“โอ้ย!! เบาๆครับกัส วินเจ็บ”
โดนกัสหยิกมาที่เอวก็คงเป็นข้อหาหวานกันจนโดนเพื่อนแซวทั้งคันนั่นแหละ จะว่าไปเค้าก็ไม่ได้หวานมากอะไรนี่แค่แสดงสิ่งที่อยากทำให้กันก็เท่านั้น กัสหันหน้าหนีแก้มแดงป่องอย่างคนงอนและหันไปเรียกมิคกลับมานั่งด้วยกันแต่เพื่อนที่ย้ายไปแล้วก็ส่ายหัวจนผมยุ่งกว่าเดิมและส่งยิ้มล้อๆมาให้ว่าอยากนั่งนี่มากกว่าเพราะไม่อยากโดนมดกัดมากกว่านี้ ทีนี้ความซวยมาตกที่เค้าแทนก็กัสเล่นตีลงมาอีกทีที่แขนเค้าดึงมือออกและทานขนมเอง เอาล่ะซิต้องง้อซะแล้วจึงเอื้อมมือหยิบน้ำเปิดขวดใส่หลอดคอยยื่นบริการกลัวแฟนคอแห้ง และหยิบไอพอดเปิดเพลงเสียบหูฟังให้เจ้าตัวอารมณ์ดีขึ้น กัสก็ยังทำไม่สนใจจนการเดินทางของเราผ่านมาครึ่งทางเสียงในรถเริ่มเงียบลง คนข้างตัวเค้าก็เริ่มเอาหัวมาพิงไหล่นี่คงหลับไปแล้วซินะเค้าก้มหน้ามองคนขี้งอนที่ตอนนี้หลับตาพริ้มคงเพราะตื่นเช้าเพื่อมาพบคุณแม่ก่อนออกเดินทาง แถมเมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็ดึกแล้วเพราะกิจกรรมรักที่เราทำร่วมกัน คิดมาถึงตรงนี้ก็ทำเอาเค้ายิ้มแก้มปริดีใจที่กัสยอมเค้าขนาดนั้นเพราะเดินทางกันมาก็เหนื่อยยังต้องมาตามใจเค้าอีก คิดถึงหน้าตาตอนนั้นของกัสหน้าที่แดงปลั่งปากเผยอบวมเจ่อจากการบดจูบตาปรือปรอยผิวเนื้อที่เรียบลื่นแดงก่ำ ยิ่งเมื่อถึงจุดแห่งความสุขชื่อเค้าออกมาจากปากสีชมพูนั่นทำเอาเค้าแทบคลั่งตาย แต่ตอนนี้เค้าแค่จินตนาการถึงเรื่องเมื่อคืนไอ้ที่สงบอยู่กลับตื่นมาซะงั้น เลิกคิดหันไปสนใจวิวข้างทางแทนขอสงบใจก่อนดูท่าที่ตื่นจะไม่ยอมลงง่ายๆซะแล้ว
....................................................................
อาหารบนโต๊ะที่ส่วนใหญ่เป็นอาหารทะเลวางเรียงอยู่หลายเมนู วิวด้านนอกเป็นชายหาดที่มีน้ำทะเลสีฟ้าลมทะเลพัดมาต่อเนื่องยังบริเวณที่พวกเรานั่งอยู่
“อาหารน่าทานทั้งนั้นเลยมิค นี่เบอร์เกอร์ปลาทูที่มิคบอกใช่มั้ยขอมายถ่ายรูปก่อนนะจะเอาไปอวดคุณแม่”
สาวสวยน่ารัก ‘มาย’ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปอย่างตื่นเต้นทำเอาใครบางคนที่มองอยู่อมยิ้มตาเป็นประกายใต้แว่นใส นี่เพื่อนสนิทเค้า ‘ปรัช’ มันช่างแตกต่างจาก ‘ฟิน’ เพราะคงแอบชอบสาวน้อยมานานไม่ทำอะไรนอกหน้าแต่จริงจังทุกการกระทำและเพิ่งสารภาพกับเพื่อนในกลุ่มเมื่อไม่นานมานี้ว่าผูกพันธ์กับมายมาแต่เด็กเริ่มตีตัวออกห่างช่วงมายเป็นวัยรุ่นเพราะเห็นว่าตัวเองเด็กกว่ามีคนเข้ามาสนใจมายเยอะและว่าตัวเองไม่เหมาะกับมาย ก็แค่มองห่างๆคอยดูแลเท่าที่ทำได้เปิดโอกาสให้มายได้เลือก แต่ถึงตอนนี้มายก็ยังไม่มีใครคนที่ตีตัวออกห่างก็เริ่มกลับมาเพราะคงถึงเวลาที่ว่าตัวปรัชเองตอนนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าใครและพร้อมเป็นตัวเลือกให้กับผู้หญิงที่ตัวเองแอบชอบได้พิจารณา ซึ่งมีแววดีกว่าไอ้เพื่อนฟินด้วยซ้ำเพราะดูถ้ามายก็น่าจะมีใจให้เพื่อนของเค้าด้วยเพราะการที่มายไม่มีใครนั่นอาจหมายความว่ามายอาจจะรอปรัชพร้อมอยู่ก็ได้ หลังมหกรรมการถ่ายภาพผ่านไปเพราะการที่มายเริ่มถ่ายทำให้คนอื่นๆต่างควักโทรศัพท์กันให้วุ่นอ้างว่าเพื่ออัพสถานะในสื่ออินเตอร์เน็ท เราต่างเริ่มลงมือทานอาหารตรงหน้ากันเค้าเอื้อมมือตักปลาหมึกผัดไข่เค็มของชอบของกัสมาใส่ที่จาน และหยิบปูนึ่งตัวโตมานั่งแกะเอาเนื้อขาวๆออกมาให้และวางบนจานใบเดิมตักราดน้ำจิ้มพร้อมทาน จึงได้รับยิ้มหวานๆขอบคุณส่งมาให้ เหลือบตาไปที่เพื่อนตี๋ ‘ธี’ ที่จะอ้าปากแซวเค้ารู้ทันไอ้คนขี้เสือกนี่ว่ามันต้องแซวแน่ๆถลึงตาส่งไปให้ก่อนเพราะไม่อยากให้กัสอายก็แค่อยากบริการแฟนตัวเองมันก็เท่านั้น ธีหน้าบึ้งแยกเขี้ยวใส่เมื่อโดนเค้าห้ามทางสายตาแต่ก็ทำให้มันไม่พูดอะไรออกมาได้ แกะปูเสร็จหันมาหยิบกุ้งเผาตัวโตมาแกะต่อแต่มีช้อนยื่นมาขัดจังหวะถึงปาก
“มัวแต่แกะอยู่นั่น วินไม่หิวเหรอ อ่ะ”
กัสอมยิ้มนิดๆส่งมาพร้อมมือที่จับช้อนเตรียมป้อนข้าวจ่อที่ปากเค้า คราวนี้เค้าห้ามเสียงแซวไม่ทันแล้วเพราะมัวแต่อ้าปากรับข้าวคำที่อร่อยที่สุดอยู่
“โอ้ยยย อิจฉาจัง อยากมีคนป้อนมั่ง / ฮิๆๆ / หวานเกิน / กัสป้อนมายมั่งสิ”
เสียงแซวของใครบ้างไม่รู้เพราะตอนนี้ไม่ได้มองๆแต่หน้าคนป้อนที่ขึ้นสีและเสตักข้าวเข้าปากตัวเองบ้าง ส่วนหน้าเค้าตอนนี้ไม่ต้องมีใครบอกก็รู้ว่าหน้าบานขนาดไหน เค้าไม่สนใจเสียงแซวจากเพื่อนๆกลับหันไปยิ้มกว้างส่งให้ทุกคนและกลับมายักคิ้วให้ธีที่นั่งตรงข้ามกันเหมือนเยาะเย้ยไปให้ว่ามันไม่มีใครป้อนแบบนี้ล่ะซิ เสียงหัวเราะและพูดคุยภายในโต๊ะยังดังต่อเนื่องและคงเป็นจุดสนใจภายในร้านเพราะทั้งเสียงที่ดังและคนที่นั่งอยู่เรียกความสนใจจากรอบข้างไม่ยากนัก ส่วนเค้าก็นั่งแกะทั้งปูและกุ้งให้กับกัสส่วนตัวเองที่ตอนนี้มีหน้าที่แค่อ้าปากก็อิ่มได้แล้ว เค้ากินไปก็ยิ้มไปเรียกสายตาล้อเลียนจากเพื่อนๆที่ส่งมาให้ กัสก็คงอายมากแต่ก็ยอมป้อนเค้าต่อคนๆนี้ช่างน่ารักซะจริง แกะจนพอสำหรับเราสองคนแล้วเค้าจึงละมือมาเช็ดทำความสะอาดรอกัสป้อนข้าวต่อแต่กัสส่งค้อนมาให้
“วินมือว่างแล้วก็ทานเองได้แล้ว”
“อ้าว ทำไมล่ะครับเนี่ยจะหมดแล้วกัสป้อนต่อไม่ได้เหรอครับ น้า”
“ไม่ ทานเองเลยนะ”
กัสขู่เบาๆพร้อมชี้นิ้วมาที่หน้าเพื่อปรามเค้าคงเอาแต่ใจมากไปหน่อยและกลัวร่างบางงอนด้วยจึงยอมตักข้าวกินเอง แกล้งงอนยื่นปากส่งให้กัสแบบเล่นๆทำเอากัสหัวเราะออกมาก็แค่นี้เค้าอยากเห็นหน้าที่มีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของกัสเท่านั้น
เอง เราทานกันจนอิ่มและมิคสั่งเบอร์เกอร์ปลาทูมาครบจำนวนคนเพื่อเป็นของว่างเผื่อมีใครหิวซึ่งเจ้าตัวคงติดใจมากบอกว่าเมดอินไทยแลนด์คนไทยทำแต่รสชาดอินเตอร์เรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากทุกคนส่งให้คนช่างกินได้ยิ้มอายๆ ยิ่งไอ้คนตัวสูงผิวเข้มถึงกลับเอื้อมมือมายีหัวที่ยุ่งอยู่แล้วให้ยุ่งไปอีกเรียกเสียงโวยวายจากมิคออกมาแถมส่งค้อนให้อีกหนึ่งวงและคงถูกใจเพื่อนเค้าที่เอาแต่หัวเราะเสียงดังตามมาอีกด้วย เราจ่ายค่าอาหารและเตรียมออกเดินทางตอนแรกว่าจะเข้าพักที่รีสอร์ทที่จองไว้เลยแต่มิคและมายขอเก็บรูปแถวหาดของดอนหอยหลอดก่อนถึงแม้ชายหาดจะไม่ได้สวยมากนักแต่ลมทะเลเย็นๆและผู้คนที่มีแต่รอยยิ้มที่ได้ออกมาเที่ยวกับครอบครัวในวันหยุดต่างทำให้พวกเราที่เห็นมีรอยยิ้มตามและถ่ายภาพแห่งความทรงจำร่วมกันมากมายกลับมา หลังจากนั้นก็แวะซื้อของแห้งกินเล่นที่ขายแถวนั้นและคนที่ซื้อเยอะที่สุดก็เป็นหนุ่มตัวเล็กใส่แว่นที่มีความสุขกับการช็อปปิ้งในทุกที่ ได้ของกินกันพอหอมปากหอมคอก็นั่งรถย้อนกลับมาที่รีสอร์ทแถวตลาดน้ำ
อัมพวา สถานที่ตั้งของรีสอร์ทนั้นต้องขับรถเข้าไปจากถนนใหญ่จึงพบว่ารีสอร์ทแห่งนี้อยู่ติดริมน้ำมีชานยื่นออกไปด้านนอกริมน้ำ ต้นไม้ใหญ่หลายต้นให้ร่มเหงามีหญ้าเขียวชอุ่ม บ้านพักปลูกซ่อนหลังต้นไม้เรียงห่างกันอีกส่วนเป็นตึกสองชั้นห้องติดกันหลายห้องแต่ส่วนระเบียงถูกกั้นออกจากกันด้วยไม่ไผ่เรียงชิดกันที่สามารถเปิดออกหากันได้ ส่วนที่เราพักเป็นตึกหลังนี้พักชั้นล่างมิคให้เหตุผลว่าจองทั้งชั้นได้ความเป็นส่วนตัวดีเพราะมีสี่ห้องพอดีจำนวนคนสามารถเดินหากันได้ถ้าบ้านเป็นหลังก็พักได้แค่สองคนไม่สะดวกในการติดต่อพูดคุยกัน ตอนแบ่งห้องทำเอาเค้าหงุดหงิดเล็กๆเพราะเค้าไม่ได้นอนห้องเดียวกับกัสเค้าถูกจับแยกกับที่รัก หันไปท้วงกับไอ้ฟินมันก็พูดไม่ได้แต่พยักเพยิดไปทางหนุ่มแว่นตัวเล็กที่เป็นคนจัดห้อง มิคแบ่งห้องให้เค้านอนกับฟิน กัสกับมิค มายกับมน ธีกับปรัช
“ก็ลงตัวแล้วนี่นายวิน ถ้าไม่จับคู่แบบนี้นายจะให้เราไปนอนกับนายฟินน่ะเหรอ”
“ก็ดีนะมิค มิคมานอนกับฟินก็ได้ครับ” ฟินส่งสายตาดีใจไม่ปิดบังออกมา แต่ไม่ได้รับความสนใจจากมิคเลย
“ไม่เอาหรอกเรายังไม่สนิทกันขนาดนั้นนะ กัสไม่ว่าอะไรใช่มั้ย” มิคปฏิเสธฟินแล้วหันมาขอความเห็นจากกัสแทน
“ไม่ว่าหรอกกัสนอนกับมิคนั่นแหละ”
“ฮ่าๆๆ อดไอ้วินอด ฮ่าๆๆๆ / ฮึๆๆๆ”
เสียงหัวเราะเยาะที่ได้ยินจากเพื่อนตัวเองยิ่งทำเอาอยากโวยวายแต่พอหันมาเห็นหน้าที่รักก็ได้แต่ทำหน้าหงอยๆส่งไปให้เผื่อว่ากัสจะเปลี่ยนใจและได้รับรอยยิ้มอ่อนส่งกลับมาทำเอานึกดีใจขึ้นมาแต่แล้วก็
“วันนี้กัสขอนอนห้องเดียวกับมิคนะครับ ยังไงห้องเราก็ติดกันเดินไปมาถึงกันอยู่แล้ว นะ”
จะทำยังไงได้ในเมื่อกัสพูดแบบนี้แถมยังมีมิครอฟังคำตอบอยู่อีกด้วยเค้าจึงพยักหน้าตกลงกัสส่งยิ้มกว้างตาหยีมาให้เมื่อได้คำตอบที่ต้องการ มิคหันไปรับกุญแจจากพนักงานที่ส่งมาให้และแจกจ่ายให้กับเพื่อนๆ ส่วนเค้าคว้ามือบางมากุมและเดินตามเพื่อนๆไปทิ้งระยะห่างออกมาพามาหลบมุมใต้ต้นไม้ ก้มหน้าส่งสายตาละห้อยไปให้กัสใช้มือทั้งสองข้างกุมมือบางยกขึ้นแนบอก
“กัสไม่เปลี่ยนใจแน่เหรอครับ กัสไม่สงสารวินเลยเหรอครับ หืม”
กัสส่ายหน้าอมยิ้มน้อยๆแทนการพูดออกมาให้ เค้ายกมือที่แนบอกมาจูบนิ่งๆและเริ่มทำใจว่ายังไงคืนนี้ได้นอนมองหน้าไอ้เพื่อนสนิทหลับไปแน่ๆ ผิวแก้มได้รับสัมผัสที่ทำเอาหัวใจพองโตมองไปที่ต้นเหตุที่ตอนนี้หน้าแดงยิ้มอายๆแต่ใจกล้าสบตาเค้าอยู่
“เป็นรางวัลสำหรับเด็กดีที่ยอมเชื่อฟังน้า”
ประโยคที่ได้ยินทำเอาหมั่นเขี้ยวอยากกดจูบไปที่ปากช่างพูดนี้จริงๆโน้มหน้าลงไปหาแต่ยังไม่ได้ทำอย่างที่คิดก็มีเสียงมาขัดซะก่อน
“กัส กัส อยู่ไหน ก็เดินตามกันมาแท้ๆนี่หน่า กัส ฮู้ๆๆๆ”
พ่อตัวแสบเพื่อนสนิทกัสนี่เองที่มาขัดจังหวะต่อจากนี้เค้าต้องยุฟินให้รีบรุกหนักๆได้แล้วจะได้ไม่มีเวลาตามเพื่อนสนิทแบบนี้อีก เฮ้อ! แผนซ้อมฮันนีมูนของเค้าล่มไม่เป็นท่าเลย
...................................................................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ ^^
ตอนนี้หวานกันเบาๆทั้งคู่หลักอย่างกัสวิน(ที่โดนหนูมิคขวางคอแร้งนายวินไว้555)
คู่ใหม่ มิคฟิน และ มายปรัช
ตอนนี้ได้เหยียบอัมพวาแล้วแต่แวะดอนหอยฯซะก่อน 555 ตอนหน้าไม่พลาดแน่ค่ะต้อง
ขอโทษด้วยน้าที่ยังไม่ได้เที่ยวซะที เค้าขอรับผิดแต่ผู้เดียว(ก็แน่ซิแกมันคนแต่งนี่)
ปล.+1ให้ทุกคนที่เม้นแล้วนะคะ ขอคนอ่านเม้นให้กันก็พอแค่นี้ก็มีแรงแต่งต่อแล้ว ^^
ติดตามตอนต่อไปได้ในวันพุธค่ะ
ทุกท่านที่ติดตามจ้า ดีใจค่ะที่มีคนตามอ่าน ขอ
รวบทุกคนเลย ^^