บทที่ 11“สุขสันต์วันเกิดนะจ๊ะมาย”
“มีความสุขมากๆนะน้องมายเดียร์ ฮิๆๆ”
“มิคอ่ะ ให้เรียกได้แค่มายเดียร์นะไม่เอาน้องนำหน้า วันนี้วันเกิดมายทั้งกัสและมิคต้องตามใจมายซิ ชิ”
เจ้าของวันเกิดรับของขวัญและคำอวยพรจากเพื่อนสนิททั้ง 2 คน และเริ่มงอนหนุ่มตัวเล็กที่แกล้งเรียกชื่อเพื่อนโดยมีคำนำหน้าที่เจ้าตัวไม่ชอบ
“จ้ามายเดียร์มิคไม่แกล้งแล้วไม่งอนน้า อ่ะเพิ่มคำอวยพรให้อีกข้อ อืม อ่ะรู้ล่ะ ขอให้มายเดียร์มีแฟนเร็วๆนะจ๊ะ”
“แหมมิคอ่ะ งั้นมายขอแกะเลยนะว่าอะไรอยู่ในกล่อง”
ชายหนุ่มตัวเล็กอีกคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆแต่ไม่ได้ออกความเห็นอะไรหลังจากเอ่ยอวยพรแก่เพื่อนสาวไปแล้ว แค่นั่งมองเพื่อนคุยกันเพราะรู้สึกใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไหร่ เพราะอดีตของวันคล้ายวันเกิดเพื่อนสาวตรงหน้านี้มันมีความทรงจำเลวร้ายสำหรับเค้าอยู่ ขณะที่เค้านั่งคิดหมกหมุ่นนั้นเค้าไม่รู้ตัวหรอกว่ามีสายตาอีก 2 คู่มองอย่างเป็นห่วง
“กัส กัส ดูนี่ มายเดียร์นี่กล่องของขวัญใครให้มา ห่อซะสวยเชียว”
เพื่อนหนุ่มตัวเล็กใส่แว่นพยายามดึงเพื่อนออกมาจากความหมกหมุ่นจึงพยายามหาประเด็นใหม่มาคุย เหลือบไปเห็นกล่องของขวัญห่อด้วยกระดาษมันวาวสีเงินแซมดอกไม้เล็กๆสีชมพูที่วางเด่นตรงหัวเตียงจึงเรียกเพื่อนหนุ่มให้รู้สึกตัวและเอ่ยถามเพื่อนสาวทันที กัสจึงรู้สึกตัวกลับมายังบทสนทนาที่เพื่อนคุยกันอยู่ เค้าเห็นกล่องของขวัญที่ว่านี้เพื่อนสาวเค้าคงเพิ่งได้มาเพราะเมื่อตอนตื่นมาเมื่อเช้ายังไม่มี จึงเหลือบมองเพื่อนสาวคนเดียวเห็นเพื่อนของเค้าหน้าแดงอึกอักกว่าจะตอบมา
“เอ่อออ อืม ของเพื่อนข้างบ้านเอามาให้น่ะ”
“ใครแล้วมิคกับกัสรู้จักมั้ย แล้วทำไมมายเดียร์ต้องหน้าแดงด้วย น่าสงสัยจังน้า จริงมั้ยกัส”
เพื่อนหนุ่มของเค้าหันมาขอเสียงสนับสนุนจากเค้าทันที เรื่องนี้มันน่าสงสัยจริงๆมันคงมีอะไรมากกว่านี้แน่กับเจ้าของกล่องของขวัญกล่องนี้ ดูซิหน้าเพื่อนสาวของเค้าแดงกล่ำเชียว “น่าเอ็นดู” มิคคงคิดเหมือนเค้าเลยยิ่งซักเพื่อนสาวต่อว่าใครกันแน่ที่เป็นเจ้าของมัน
“เราไม่เคยมีความลับต่อกันนะมายเดียร์ หรือเราไม่ใช่เพื่อนสนิทกัน”
“มิคจ๊ะมายบอกก็ได้อย่าทำเสียงแบบนี้ซิ อืม ก็ เฮ้อ ปรัชจ๊ะ ปรัชเอามาให้เมื่อเช้า”
“ปรัชเพื่อนนายวินน่ะเหรอ แล้วไปสนิทกันตอนไหนเนี่ยมายเดียร์”
“ไม่มีอะไรซะหน่อย ไม่เอาแล้วมายไปดูสถานที่ข้างล่างก่อน”
“อ้าวหนีเลยดูซิ ต้องรู้ให้ได้ว่ามีอะไรแอบแฝง เดี๋ยวมิคมานะ”
คำตอบของมายทำเอาเค้าอึ้งไปเลยแต่เพื่อนคงไม่ได้สังเกต เพราะตอนนี้มีเรื่องที่สนใจมากกว่าเค้าซะแล้ว พออยู่คนเดียวเค้าก็อดคิดถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นไม่ได้ เป็นเหตุการณ์ที่ทำเอาเค้าเสียศูนย์ไปเลย
.
.
.
ภาพที่เห็นตรงหน้านี้มันไม่จริงใช่มั้ยขอให้เป็นแค่ฝันที ม่านน้ำตาไหลอาบหน้าเค้าภาพเบื้องหน้าพร่าเรือนจนไม่เห็นรายละเอียด วินอยู่กับใคร ทำไมทำกับเค้าแบบนี้ ไหนที่ว่ารักกัน รอเค้าไม่ได้เหรอ เค้าไม่ดีตรงไหน คำถามมากมายวิ่งวนอยู่ในหัวเค้าแต่เค้าไม่ได้พูดออกไป เค้าเจ็บที่ใจและเริ่มชามันไม่มีแรงจะพูดจะถามคนที่เคยบอกรักเค้าที่อยู่ตรงหน้า เค้าได้ยินเสียงผู้หญิงแต่มองหน้าไม่ชัดหรอกว่าเธอจะหน้าตาเป็นยังไง เค้าอยากหายตัวไปจากที่นี่ไม่อยากรับรู้ความจริงนี้ อยู่กับความคิดของตัวเองนานขนาดไหนไม่รู้แต่ตอนนี้ได้ยินเสียงเรียกชื่อเค้าและแรงเขย่าตัวจากผู้ชายที่เคยรักเค้า ใช่คนที่เคยรักเค้าซินะ
“กัส กัสครับ กัสเป็นอะไร มองมาที่วินซิครับ โธ่ อย่าเป็นแบบนี้ วินใจไม่ดีเลย ฟังวินอธิบายก่อนนะ”
เสียงของวินเรียกเค้าอย่างอ่อนโยนแกมเป็นห่วง เค้าจะเป็นอะไรมากขนาดไหนก็ไม่ต้องมาทำหน้าเป็นห่วงขนาดนี้ ทั้งๆที่ทำกับเค้าขนาดนี้แท้ๆ วินออกแรงพยุงเค้าไปที่โซฟาที่อยู่ข้างเตียงและเช็ดน้ำตาให้ วินพูดอะไรอีกมากมายแต่ตอนนี้เค้าไม่อยากฟังจึงปิดการรับรู้ทั้งหมด
“กัสครับวินรักกัสนะ คุยกับวินก่อนนะ”
ตอนนี้เค้ารู้สึกว่าตกอยู่ในอ้อมกอดของร่างหนาตรงหน้า ทุกครั้งที่กอดกับวินเค้าจะรู้สึกอบอุ่นเสมอ แต่ตอนนี้กลับหนาวไปถึงใจ ไม่อยากอยู่แบบนี้ไม่เอาแล้ว เค้าจึงออกแรงผลักร่างหนาออกห่างและหลุดจากอ้อมกอดนั้นเพราะเจ้าของไม่ทันตั้งตัว
“ผมจะกลับ”
“กัส วินไม่ให้กัสไปจนกว่ากัสจะฟังวิน”
ร่างหนาไม่ยอมเอื้อมคว้ามือนุ่มไว้แต่พอได้สบตาว่างเปล่าของเค้านิ่งนานก็ยอมปล่อยแต่โดยดี เพราะรู้ว่าฝืนไปก็เท่านั้นยังไงเค้าก็ไม่ยอมแน่ จึงพยักหน้ายอมรับแต่ยังไม่ปล่อยมือเค้าและต่อรองให้เพื่อนเค้ามารับกลับแทนการกลับเอง ระหว่างรอเพื่อนมารับหลังจากที่เค้าโทรศัพท์ตามเพื่อนหนุ่มอีกคนแล้ว วินไม่ยอมห่างจากเค้าทำให้ตอนนี้เรานั่งบนโซฟาหนังหน้าโทรทัศน์นอกห้องนอนตอนแรกวินพยายามจะจับมือเค้าไปกุมแต่เค้าไม่ยอม เราจึงนั่งกันเงียบๆโดยวินมองหน้าเค้าตลอดเวลาส่วนเค้าที่ไม่อยากมองหน้าก็มองตรงไปที่โทรทัศน์ตรงหน้านิ่งไม่หันไปไหน จนได้ยินเสียงออดดังเค้ารู้ว่าเพื่อนเค้ามาแล้วจึงลุกขึ้นเพื่อกลับทันที แต่ถูกดึงกลับโดยเจ้าของห้อง
“กัสครับวินรักกัสคนเดียวนะ วินจะรอให้กัสใจเย็นก่อนแล้วเราค่อยคุยกันนะครับ”
ตอนแรกเค้าจะดึงมือกลับทันทีแต่แรงสู้ไม่ได้ จึงรอฟังจนจบประโยคและเค้าก็ไม่ตอบอะไรกลับไป ตอนนี้เค้าคิดอะไรไม่ออกรู้แต่ว่าขอออกไปจากที่นี่ก่อน ไม่อยากเห็นหน้าคนตรงหน้าเลย การถูกทรยศหักหลังจากคนที่รักมันเจ็บเจ็บจริงๆ หลังจากนั้นเค้าก็เดินไปเปิดประตู เจอเพื่อนหนุ่มน้อยที่มารับหน้าประตูและทันทีที่เห็นหน้าเค้าเพื่อนตกใจพยายามถามว่าเกิดอะไรขึ้นแต่โดนเค้าฉุดออกมาจากหน้าห้องซะก่อนและเค้าก็ไม่ได้พูดอะไรแม้อยู่ในรถขณะกลับไปด้วยกัน
“สบายใจแล้วกัสค่อยเล่านะ อย่าเงียบแบบนี้รู้ใช่มั้ยว่ามิคเป็นห่วง”
เมื่ออยู่ที่ห้องนอนของเพื่อนแล้ว มิคก็เอ่ยประโยคนี้ขึ้นทำเอาเค้ารู้สึกผิดที่ไม่ยอมเล่าอะไรให้เพื่อนรับรู้ทำให้เพื่อนเป็นห่วงเค้ามากมายขนาดนี้ น้ำตาที่แห้งไปแล้วตั้งแต่ออกมาจากห้องนั้นกลับไหลออกมาทันทีและเค้าก็เข้าโอบกอดเพื่อนสนิทตรงหน้า จริงซิเค้ายังมีเพื่อนอยู่และตั้งใจจะเล่าให้เพื่อนฟังหลังจากที่สามารถจะหยุดน้ำตาแห่งความเสียใจนี้ได้
“มายเดียร์กำลังมานะ เป็นห่วงกัสใหญ่เลย เราเป็นเพื่อนสนิทกันกัสเป็นแบบนี้มิคก็ทุกข์ไปด้วยนะ ฮื่อๆๆๆ”
เค้าเศร้าเสียใจคนเดียวไม่พอยังทำเอาเพื่อนเศร้าตามไปด้วยเหรอเนี่ยเค้านี่แย่จัง
............................................................
“นายวินทำแบบนี้ได้ยังไงเนี่ยมันหน้าจับมาซ้อมจริงๆ โอ้ยยยยย อยากฆ่าคนจัง”
“มิคจ๊ะใจเย็นซิ กัสหน้าไม่ดีเลยเห็นมั้ย”
“กัส มิคขอโทษ”
“ฮึๆๆ มิคจะขอโทษทำไมกัสยังอยากทำแบบที่มิคว่าเลย”
“เฮ้อ เห็นแบบนี้ก็ค่อยสบายใจหน่อยที่เริ่มหัวเราะได้ แต่มิคก็ไม่อยากเชื่อนะที่วินทำแบบนี้ เพราะนายนั่นดูรักกัสมาก”
“เวลาผ่านไปใจเปลี่ยนคนก็เปลี่ยน”
“มายว่าเรื่องนี้เราอย่าเพิ่งเชื่อในสิ่งที่เห็นเลยจ๊ะ เพราะมายฟังแล้วแปลกๆ มายเชื่อว่าวินรักกัสและตอนที่ไปฝึกงานก็ติดต่อกันตลอดแม้ไม่เจอใช่มั้ย และไม่มีทีท่าจะนอกใจด้วยเมื่อคืนก็บอกนี่ว่าจะไปผับกับเพื่อนๆ ถ้าคิดจะนอกใจจริงคงไม่บอกจริงมั้ย”
“มายเดียร์อย่าลืมซิวินไม่รู้นะว่ากัสจะเปลี่ยนเวลากลับมาเช้านี้ อาจจะแอบพายัยผู้หญิงนั่นมานอนด้วยซึ่งกัสจะไม่รู้แน่ๆ ถ้าไม่ได้กลับมาก่อนและไปเจอ”
บทสนทนาที่หารือถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซึ่งทั้งมิคและมายก็มีเหตุผลมาถกกัน เค้าไม่ได้ออกความเห็นอะไรได้แต่ฟังเพราะมันตื่อไปหมด “ฝุ่นเข้าตา” เป็นยังไงเค้าเพิ่งรู้ต้องให้คนอื่นมาช่วยเขี่ยออกนั่นเอง ระหว่างที่เพื่อนๆเค้าจะถกกันอยู่สายตาเค้าชำเลืองเห็นไฟโทรศัพท์ว่ามีสายเข้าเค้าปิดเสียงไว้เพราะวินโทรมาตลอดแต่เค้าไม่อยากคุยด้วย แต่พอดูเป็นเบอร์ที่ไม่คุ้นเคยจึงเกิดการสงสัย
“ใครโทรมานายวินเหรอยังกล้าโทรมาอีก”
เพื่อนหนุ่มคนสนิทเอ่ยถามพร้อมประชดคนที่เป็นประเด็นตอนนี้ เค้าจึงส่ายหน้าตอบว่าไม่ใช่เพื่อนๆจึงให้กดรับ
“กัสๆ ใครโทรมาแล้วทำไมนิ่งไปแบบนี้ นายวินเหรอมันโทรมาทำไม กัสตอบมิคซิ”
“กัสจ๊ะเป็นอะไร”
“ผู้หญิงที่นอนกับวินโทรมา.....”
ตอนนี้ความรู้สึกของเค้ามันสับสน ใคร่รู้ และอึ้ง ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ต้องการอะไร รู้เบอร์เค้าจากไหน แล้วนัดเค้าไปเจอทำไม เค้ายังไม่ได้รับปากจะเจอแต่ฝ่ายนั้นรวบรัดนัดเวลาสถานที่และตัดสายไป
..................................................................
แก้วกาแฟเบื้องหน้ามีหยดน้ำเกาะพราวจากความเย็นของน้ำแข็งในแก้วที่ตอนนี้ละลายเกือบหมดแล้ว เจ้าของแก้วเป็นหนุ่มร่างเล็กผิวขาวนั่งก้มหน้าอยู่คนเดียว เก้าอี้ตรงข้ามไม่มีคู่สนทนานั่งอยู่มีแต่แก้วลักษณะเดียวกันวางอยู่ เค้านั่งตรงนี้หลังจากผู้หญิงคนนั้นจากไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ สิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นมาพูดกับเค้าก็คือเรื่องของวิน ชายหนุ่มที่คิดว่ารักเค้าแต่จริงๆแล้วสิ่งที่ทำมาทั้งหมดมันหลอกลวง ความจริงที่ผู้หญิงคนนั้นเล่าคือได้คบเป็นแฟนวินก่อนที่วินจะมาจีบเค้า เธอไม่รู้ว่าวินแอบมาจีบเค้าและมาโกหกว่าไม่มีแฟน ส่วนเธอใช้ชีวิตกับวินเหมือนคู่รักมาตลอด เค้าที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยกลับโง่ที่ถูกนายวินนั่นหลอกทำดีด้วยทำให้คิดว่ารัก และเธอเล่าว่าวินเป็นแบบนี้แหละมีหลายรายแล้วที่เธอต้องมาจัดการให้คู่ขาของวินรับรู้ความจริง แต่เค้าพิเศษหน่อยที่เธอเพิ่งมารู้หลังจากแอบคบกันลับหลังเธอนานถึงเกือบ 6 เดือน ตอนแรกที่เธอเล่ามาทั้งหมดนี้เค้ายังไม่เชื่อหรอกเพราะพูดใครก็พูดได้ เธอจึงหยิบหลักฐาน คือ รูปถ่ายระหว่างเธอกับวินในอิริยาบทต่างๆสถานที่ต่างกันไป รูปส่วนใหญ่ทั้งคู่ไม่ได้มองกล้องแต่ก็รู้ว่าสนิทกันและใกล้ชิดกันมากแม้บางรูปจะมีเพื่อนในกลุ่มวินอยู่ด้วยก็ตาม หลังจากเห็นภาพเค้าใจเสียไปเกือบครึ่งแต่ก็ยังไม่เชื่อเต็มร้อย เพื่อนๆเค้าเตือนมาว่าอย่าเชื่อเธอคนนี้ง่ายๆอาจมาแอบอ้างได้ ดังนั้นเค้าจึงยังไม่ยอมเชื่อเธอคนนั้นก็ยื่นโทรศัพท์ที่มีรูปคู่ของเธอกับวินมาให้พร้อมให้กดไปที่กล่องข้อความ เค้าได้อ่านข้อความที่เป็นเบอร์ของวินมีแต่ข้อความเป็นห่วงเป็นใย แม้ไม่เห็นคำรักหวานๆแบบที่วินส่งมาให้เค้าแต่นี่ก็ไม่ได้ต่างกันนักในเมื่อข้อความเล่านี้เค้าใช้กับคนที่คิดพิเศษด้วยเท่านั้น ตอนนี้ใจเค้าเต้นแรงจนแทบทะลุออกมานอกอกกับหลักฐานที่เห็น เค้าโกรธที่ถูกหลอกจากคนที่คิดว่ารักเค้า และเหมือนเธอคนนั้นยังไม่พอใจที่เห็นเค้าเป็นแบบนี้ส่งหลักฐานชิ้นสำคัญมาให้เค้าดูมันเหมือนดาบสุดท้ายที่ฟันลงมาให้สายสัมพันธ์ระหว่างเค้ากับวินให้ขาดสะบั้นลง มันคือต่างหูแบบห่วงที่มีแค่ครึ่งเดียวไม่ได้วนครบรอบมีที่เสียบสำหรับใส่รูหูที่เจาะไว้ติดกับฐานด้านหลังมีเพชรเม็ดเล็กที่ฝั่งอยู่และบนแผ่นทองคำขาวด้านล่างมีตัว “W” นูนออกมามันมาจากชื่อวินนั่นแหละ ซึ่งต่างหูข้างนี้เหมือนกับข้างที่เค้าใส่อยู่ตอนนี้นเลย หมายความว่าวินทำต่างหูที่เหมือนกันนี้ให้ทั้งเธอคนนั้นและเค้าพร้อมกันซินะ หลังจากนั้นเธอได้พูดอะไรมาอีกรึเปล่าหรือทำอะไรต่อเค้าก็ไม่รับรู้แล้ว ได้สติอีกทีก็ไม่เห็นเธอแล้วแต่เค้ายังนั่งอยู่นี่อยู่ที่เดิมตรงนี้ แต่ใจเค้าไม่เหลืออะไรอีกแล้ว วินทำกับเค้าแบบนี้ได้ยังไงทั้งๆที่เราไม่ได้รู้จักกันมาก่อน หรือเห็นเค้าเป็นของแปลกมีแฟนเป็นผู้หญิงอยู่แล้วมันคงตื่นเต้นไม่พอซินะเลยมาหาประสบการณ์การคบกับผู้ชาย บังเอิญผู้ชายที่วินเลือกลองเป็นเค้าคนนี้
“พอกันทีกับความรักที่หลอกลวง”
เค้าวางเงินที่โต๊ะสำหรับค่ากาแฟและเดินจากไปพร้อมตัดสินใจว่าจะไม่ขอพบเจอกับผู้ชายคนนั้นอีก................................................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ ^^
*
ส่วนอดีตสีน้ำเงินคะตอนนี้น่าสงสารหมอกัสอ่ะ โดนยัยนังมารร้ายเล่นงานซะ
มาซวยที่นายวิน
ทุกท่านที่ติดตามอ่านค่ะ
และ
ทุกคนที่เม้นน้า
เรื่องนี้เราจะกินมาม่ากันจนอิ่มหลังจากนั้นเปลี่ยนมากินของหวานกันค่ะ
อีกไม่กี่ตอนได้เลี่ยนแน่ๆ