กฏเล้าประกาศ 22/9/2019 จะลบนิยายที่ไม่มาต่อจนจบทิ้งทั้งหมดเล้าเป็ดรณรงค์ ให้ใช้เรียกนักเขียน นักอ่านแทน ไรท์เตอร์ รีดเดอร์ เพื่อให้เป็นเอกลักษณ์ของเว็บเรากันนะคะ
สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ
ตอนที่ 16 นายโลมกับรักจนตรอกแสงแดดฉาบทับทั่วทั้งตัวจนรู้สึกร้อนและอึดอัดเกินกว่าจะข่มตาหลับต่อไปได้ สองตากรอกไปมาสร้างความคุ้นเคยกับฝ้าเพดาน สะบัดหัวไปมาเพื่อไล่ความง่วงงุนที่ยังกดประสาทเอาไว้เหมือนอยากให้ตัวเองนอนต่อ จบจากมองฝ้าเพดานก็ต้องดีดตัวขึ้นเมื่อเห็นสายตาคู่หนึ่งนั่งมองอยู่ก่อนแล้ว“คุณ”“ค่ะคุณเอง พ่อหนุ่มนอนหลับไปนานจัง”“นานเหรอครับ”“หนึ่งวันหนึ่งคืนแล้วข้ามมาจนบ่ายคล้อยแบบนี้พ่อหนุ่มว่านานมั้ยล่ะ”“โอ๊ย ซี๊ดดด”ตกใจกับคำบอกเล่าของหญิงชราจนลืมอาการบาดเจ็บของตัวเองเสียสนิท น่าแปลกที่แขนกับขาไม่ได้รู้สึกเจ็บแปลบหรือเสียวจี๊ดเวลาขยับตัวอีกแล้วนอกจากรู้สึกว่าอวัยวะที่ยังพันธนาการด้วยเฝือกอ่อนเป็นง่อยไร้เรี่ยวแรง ความเจ็บปวดที่เด่นชัดแล่นขึ้นมาจากบั้นท้าย ปวดแสบจนต้องนิ่วหน้าบรรเทาอาการเวลาที่ขยับตัวจนคุณต้องยื่นมือมาช่วยพยุงให้ได้พิงหลังกับหมอน“พ่อหนุ่มไม่สบายมากนะคะ เจ็บตัวยังไม่ทันหายแล้วยังมาไข้ขึ้นอีก แย่เลยนะคะ”เพราะใครล่ะ?เพราะใครกันที่ทิ้งคำพูดปวดใจให้มาหลอกหลอนถึงในฝัน สันดานงูเห่าเป็นคำต่อว่าที่เจ็บปวด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอะไรกันที่นายใหญ่คิดว่าโลมเลี้ยงไม่เชื่อง หนีออกไปทางหลังสวน หรือมากกว่านั้น อะไรกันที่ทำให้นายใหญ่คิดว่าโลมจะแว้งกันทำร้าย ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดใจ ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจแล้วก็ปวดหัวคำถามนี้ผุดขึ้นมาตั้งแต่คนสูงวัยยังพูดไม่จบด้วยซ้ำ เพียงแต่สิ่งที่ผ่านไปแล้วนั้นไม่ใช่เรื่องที่ควรจะหยิบยกขึ้นมาโวยวาย มันอดสูและไร้ประโยชน์ที่จะบรรยายให้คนของฝ่ายตรงข้ามตัวเองฟัง โดยเฉพาะคนที่เลี้ยงดูกันมาด้วยแล้ว ผมเลือกที่จะหุบปากไว้แค่นั้นไม่คิดว่าเรื่องแค่นั้นจะทำให้ผมอ่อนแอจนไข้ขึ้น!!มันอาจเป็นเพราะ ผมบาดเจ็บอยู่ก่อนแล้วร่างกายยังไม่แข็งแรงพอ เครียด คิดเยอะ ออกแรงมาก หลายอย่างมันสะสมจนอ่อนเพลียอยู่แล้ว พอโดนซ้ำเข้าไปด้วยอารมณ์บ้าคลั่งเยี่ยงสัตว์ป่าแบบนั้น มันเลยธรรมดาที่ผมจะเป็นแบบนี้ เพราะจริงๆแล้วไอ้โลมมันก้แค่คนธรรมดาคนหนึ่งแค่นั้นเอง“ผมคงเหนื่อยเกินไปน่ะครับ เดินไกลทั้งๆที่คล้ายๆจะเป็นคนพิการไข้เลยขึ้นเพราะอ่อนเพลียมากกว่าครับ”แกล้งพูดให้ติดตลกแต่คนแก่ไม่ขำด้วย แววตาที่หรุบต่ำลงนั้นทำให้นึกโทษตัวเองที่พูดไม่คิด คุณก็หลบตา ผมเองก็หลบตาที่บังอาจพูดปดต่อหน้าคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมายาวนานเกินสองรอบของอายุตัวเอง“อย่าโกรธนายใหญ่เลยนะคะ”“ผมไม่มีสิทธิ์โกรธหรอกครับ เพราะยังไงเสียเค้าก็คือนาย อีกอย่างคนผิดคือผมทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับนายใหญ่เลย”“คุณรอปลุกพ่อหนุ่มมากินข้าว คุณหมอสั่งยาชุดใหม่ให้แล้วแต่พ่อหนุ่มตื่นซะก่อน คงต้องกลับมากินอาหารอ่อนๆเหมือนเดิมนะคะ”“ครับ ผมเองก็อยากหายเร็วๆเหมือนกัน อยากลุกขึ้นมาทำงานใช้หนี้สักทีจะได้จบๆไป”“เฮ้อ พ่อหนุ่มอย่าพูดอย่างนี้ต่อหน้านายใหญ่นะคะ”“ทำไมล่ะครับ ผมควรจะพูดเรื่องนี้เป็นอย่างแรกที่เห็นหน้าเค้าด้วยซ้ำ ผมเป็นหนี้เค้าก็ต้องใช้หนี้สิครับ ผมยังมีภาระที่ต้องรับผิดชอบอีกเยอะ ไหนจะพ่อแม่แล้วก็เรื่องที่บ้าน อีกอย่างนายของคุณได้เงินเร็วขึ้นน่าจะดีใจนะครับ”“คุณเองก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง แต่คุณอยากให้พ่อหนุ่มใจเย็นๆ นายใหญ่ไม่ได้ใจคอโหดร้ายอย่างที่คุณเข้าใจนะคะ”หึ!! ไอ้บ้าอำนาจนั่นไม่ได้ใจร้ายใจดำหรอก แต่มันคือคนที่ใจคออำมหิตเลยต่างหาก เป็นพวกไม่ชอบใช้ความคิดถนัดใช้แต่กำลัง นี่คงฝากฝังคนแก่มาพูดให้สินะ ตัวเองจะได้ไม่ต้องเสียฟอร์ม คนที่โดนข่มขืนจะอดสูตัวเองมากไปกว่าคนที่ใช้กำลังข่มขืนคนอื่นได้ยังไง คนที่ควรจะละอายใจคือไอ้นายใหญ่รากหญ้าต่างหากไม่ใช่ผม วันหนึ่งเมื่อเวลาผ่านไปผมมั่นใจว่าจะลืมเรื่องนั้นได้ เหมือนครั้งหนึ่งที่เคยโดนแก้วบาดหรือโดนรถชนนั่นแหละ “คุณครับ ความจริงแล้วให้ผมไปรักษาตัวที่บ้านก็ได้นะครับ ไม่เกินสามวันผมก็หาย ไปฝึกงานทำงานได้เหมือนเดิมแล้ว จะได้ไม่เสียเวลาไงครับ”“อยู่ที่นี่แหละค่ะ ช่วงนี้เจ้เชอรี่เค้าไม่ว่าง ทางนู้นกำลังยุ่งๆ”“ยุ่งแสดงว่าแขกเยอะใช่มั้ยครับ มีผมเข้าไปรับแขกอีกแรงน่าจะดีกว่าอยู่เฉยๆที่นี่นะครับ นะ”“คุณออกคำสั่งแทนนายใหญ่ไม่ได้หรอกค่ะ”ถึงจะผิดหวังแต่ก็เข้าใจหญิงสูงวัยคนนี้อยู่หรอก ถ้าหากให้ผมเข้าไปพูดเรื่องนี้กับหมอนั่นเองก็ยอมรับว่าผมไม่อยากเจอหน้ามันตอนนี้ ถึงจะเตือนตัวเองว่าคนหาเรื่องคือผมเอง มันจะลงโทษผมยังไงก็เป็นสิทธิ์ของหมอนั่น แต่พอเอาเข้าจริงๆผมก็เป็นคนหนึ่งที่มีความรู้สึก และยังสะเทือนใจกับเรื่องนั้นอยู่ ไม่โกรธแต่ไม่อยากเจอหน้า ไม่อยากเสวนาแล้วก็ไม่อยากต่อปากต่อคำอะไรกับมันตอนนี้ อยากเก็บตัวเองให้เข้มแข็งกว่านี้ก่อน อย่างน้อยก็รักษาอาการบาดเจ็บซ้ำซากของตัวเองให้หายสักที อ่อนแอไม่สมกับเป็นลูกผู้ชายมานานแล้ว“พ่อหนุ่ม นายจะพูดกับคุณค่ะ”เผลอใจลอยแค่นิดเดียวก็มีโทรศัพท์ยื่นมาให้ตรงหน้า เคราะห์ซ้ำกรรมซัดตรงที่คนที่โทรมาเป็นคนที่ผมไม่อยากเสวนาด้วยนี่สิ ถ้าเลือกได้นะ ถ้าผมมีสิทธิ์ในตัวเองเท่าเทียมกับที่คนอื่นมี ผมคงไม่ต้องฝืนใจกรอกเสียงตามสายไปแบบนี้หรอก“ครับ”“เป็นไงบ้าง”“ก็ยังเป็นเชลยแล้วก็เป็นหนี้คุณเหมือนเดิม”“โลม อย่าตีรวน ชั้นถามว่าเป็นไงบ้าง ปวดหัว ไข้ขึ้นอีก หรือยังเจ็บอยู่มั้ย”“ไม่แล้วครับ ผมหายดีแล้ว วิ่งตอนนี้ก็ยังไหว”“อย่าโกหก ถามอะไรก็ตอบตามความจริง”“ผมตอบไปหมดแล้ว”“อย่าให้ชั้นต้องหมดความอดทนแล้วออกคำสั่งนะโลม ตกลงว่าไง”“ผมไม่มีไข้ ไม่ปวดหัว แต่ยังเจ็บอยู่ ลุกเดินได้แต่ไม่สะดวก พอใจในคำตอบหรือยังครับนายใหญ่”“ถึงจะไม่พอใจในน้ำเสียงแต่คำตอบก็พอฟังได้ กินข้าวกินยาหรือยัง”อารมณ์ไหนของมันวะ ออกคำสั่งสลับกับห่วงใย มันสับขาหลอกจนผมสับสน เพราะมันเป็นซะแบบนี้แหละ เพราะมันไม่ชัดเจนแบบนี้ที่ทำให้ผมเข้าข้างตัวเองไปว่ามันจะมีใจเอ็นดูลูกหนี้ขัดดอกอย่างผมบ้าง“ถามว่ากินข้าวกินยายัง”โว้ยย!! มันควรเป็นผมหรือเปล่าที่ควรจะตวาดมัน ไม่ใช่ผมเหรอที่ควรจะมึนตึงและเมินเฉยใส่มัน กะอีแค่ใช้หนี้ทำไมต้องรู้สึกเหมือนถูกคุกคามจนน่าหวาดกลัวแบบนี้ พี่เกียรตินะพี่เกียรติไม่น่าหาเรื่องใส่ตัวเลย ตัวเองไม่พร้อมจะรับภาระแล้วทำไมต้องเป็นผม ทำไมต้องเป็นเด็กกำพร้าแม่ทิ้งอย่างผม ทำไมแม่พี่เกียรติไม่ปล่อยให้มดกัดตาให้ตายไปซะให้รู้แล้วรู้รอด ทำไมๆ“โลม ว่าไง ที่ถามไปเมื่อไหร่จะตอบ”“กำลังจะกิน”“อย่าคิดทำอะไรให้ตัวเองต้องเจ็บตัวอีกล่ะ”เป็นคำสั่งที่อยากสอดตีนไปยันหน้านายใหญ่ทางโทรศัพท์มาก ใช่ ผมคิดที่จะไปจากที่นี่เพราะการอยู่เฉยๆมันไม่ใช่วิถีชีวิตคนจนอย่างผม แต่ทำไมสัมผัสที่หก เจ็ด แปด ของมันถึงหยั่งรู้แค่ผมจะหนี ทำไมไม่หยั่งรู้ว่าผมกลับใจแล้วบ้าง ทุกคำพูดที่แปลได้ว่าสั่งของมันถึงได้เหมือนกับผมหาเรื่องใส่ตัวให้ถูกมันจับกดเอง เจ็บตัวน่ะแกล้งลืมไปแล้ว แต่เจ็บใจนี่ยังกรุ่นอยู่ในอกไม่หายสักที“นายมีอะไรจะสั่งอีกมั้ย ผมจะกินข้าวกินยา แล้วกินนมนอน”ย้ำคำว่ากินนมให้มันรู้กันไปเลยว่านี่แหละคือตีรวนของแท้ ผมไม่ใช่เด็กประถม ถึงจะเรียกไม่ได้ว่าโตเป็นผู้ใหญ่ แต่อายุ 19 อย่างนายโลมทำมาหากินเลี้ยงตัวเองได้ก็แล้วกัน“นายครับระวัง”เสียงร้องแผดลั่นเข้ามาในโทรศัพท์ก่อนที่สัญญาณจะขาดหายไป ผมพอจะจำได้ว่านั่นคือเสียงผู้คุ้มกันคนสนิทอย่างพง แต่สิ่งที่ไม่รู้คืออีกฝั่งหนึ่งของโทรศัพท์มีอะไรเกิดขึ้น ผมยังกำโทรศัพท์ไว้แน่นจนรู้สึกถึงความลื่นของเหงื่อที่ซึมออกมาจนโทรศัพท์เปียกชุ่ม คำร้องเตือนยังดังก้องในหูทั้งๆที่อีกฝั่งตัดสัญญาณไปนานแล้ว อยู่ๆก็รู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ คำถามที่ไม่รู้จะหาคำตอบจากที่ไหนวนเวียนอยู่ในสติรับรู้ คำเตือนนั้นมีผลอะไรต่อนายใหญ่ที่ถูกเตือน แล้วสิ่งที่ต้องระวังคืออะไร ร้ายแรงแค่ไหน จะน่ากลัวเหมือนรอยถากของลูกตะกั่วอย่างคราวนั้นหรือเปล่า“เกิดอะไรขึ้นคะ พ่อหนุ่ม พ่อหนุ่ม”ไม่ได้ยินเสียงเรียกชัดเจนนัก แต่สติกลับมาเพราะแรงเขย่าที่แขน มันส่งผลต่ออาการปวดแปลบที่ช่วงล่าง ตากระพริบถี่เหมือนถูกกระชากสติกลับมาแล้ว แต่อาจจะไม่สมบูรณืเท่าไหร่ ผมรู้ตัวเลยว่าคนเราตกใจจนช็อคนั้นเป็นอย่างไร “สายตัดไปแล้วครับคุณ แต่”“แต่อะไรคะ”ปัง!!บานประตูเปิดออกจากกันเหมือนคนเปิดลนลานจนมองข้ามมารยาทการเคาะประตู คนงานในครัวที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนถลาเข้ามา แววตาตระหนกจนผมเองอดรู้สึกแตกตื่นตามเธอไปไม่ได้“มีโทรศัพท์ด่วนจากกรุงเทพค่ะคุณ”“เดี๋ยวลงไป”หญิงสูงไวหุนหันพลันแล่นทั้งๆที่โทรศัพท์คุณยังอยู่ในมือผม พริบตาเดียวความโกลาหลก็เกิดขึ้นบนเรือนอีกครั้ง ผมฝืนกัดฟันข่มความเจ็บลุกขึ้นยืนเกาะหัวเตียงเอาไว้ สูดหายใจลึกเติมพลังให้ปอดแล้วเดินออกไปที่เรือนชาน“เตรียมเรือนนายใหญ่สำหรับใช้ผ่าตัดให้พร้อม ไปรื้อถังออกซิเจนในห้องเก็บของขึ้นมารอคุณหมอ ภายในครึ่งชั่วโมงนี้รถนายใหญ่จะมาถึง ห้ามทุกคนแตกตื่นและแพร่งพรายเรื่องนี้ไปข้างนอกเด็ดขาด”เสียงสั่งเฉียบขาดคล่องแคล่วว่องไวต่างลิบลับกับอายุและสังขารที่ดูเหมือนจะร่วงโรยตามวัย สั่งงานลูกน้องทั้งหญิงชายที่เข้าแถวเหมือนรู้อยู่แล้วว่าสิ้นเสียงสั่งหน้าที่ไหนเป็นของใคร ทุกคนแยกย้ายไปทำหน้าที่ตัวเองตั้งแต่คุณทรุดนั่งบนพื้นชานแล้ว แรงหอบเหนื่อยเหมือนต้องการชดเชยที่หยุดมันไว้เพื่อสั่งงานลูกน้องไปเมื่อกี้ ความเจ็บปวดตามร่างกายตัวเองถูกลืมชั่วคราวเมื่อเห็นว่าคุณเริ่มหอบเหนื่อยหนักขึ้น“ค่อยๆหายใจครับคุณ ไม่ต้องรีบ สูดหายใจลึกๆ อย่างนั้นแหละครับ”ผมคว้าอะไรแถวนั้นได้ก็ใช้สิ่งนั้นแทนพัดโบกลมให้คุณได้เปลี่ยนถ่ายอากาศได้ดีขึ้น สาวใช้ยื่นยาหอมที่ยังร้อนระอุควันยังพุ่งขึ้นสู่อากาศยัดใส่มือผม เป่าลมไล่ความร้อนแล้วลองแตะที่ริมฝีปากดูว่าพอใช้ได้แล้วถึงส่งให้คนสูงวัย “ค่อยๆจิบนะครับ”“เฮ่อออออออออออออ”เสียงเรอยาวขับออกมาเพื่อปลดปล่อยความอึดอัดที่กดแน่นอยู่ในท้อง สิ่งที่ใคร่อยากรู้ต้องสะกดใจเพื่อทิ้งเวลาให้คุณได้พักเหนื่อยทั้งๆที่ในอกกำลังเต้นระรัว เพียงแค่ลางสังหรณ์บอกว่าอาจเกิดเรื่องร้ายกับนายใหญ่ก็รู้สึกวูบโหวงในอกและมือก็เย็นเฉียบเหมือนคนตาย เหงื่อเริ่มผุดซึมออกมาจากรูขุมขนแล้วสิ่งที่ตามมาเป็นอย่างสุดท้ายคือความกลัวและตื่นตระหนกครึ่งชั่วโมงของเสียงผู้สูงวัยที่ตะโกนบอกคนงานว่านายใหญ่จะมาถึงกินเวลายาวนานเหมือนก้าวผ่านคืนผ่านวัน คุณนั่งรอที่เรือนชานด้วยท่าทีที่สงบขึ้น ส่วนผมก็นั่งไม่ต่างจากหุ่นขี้ผึ้ง ดีกว่าหน่อยที่ยังกลอกตาไปมาดูความเคลื่อนไหวที่ประตูบ้านได้อยู่ ยังรับรู้ว่ามีคนเดินผ่านหน้าไปมาตลอดเวลาทุกอย่างรวดเร็วแต่ไม่โกลาหลวุ่นวายเหมือนตอนที่รู้ข่าว ผู้ชายหลายคนในชุดแบบเดียวสีเดียวกันค่อยๆทยอยขึ้นมา ในมือมีข้าวของมากมายที่ผมไม่รู้ว่าคืออะไรบ้าง คุณหมอเดินตามขึ้นมาหน้าตึงเครียด ไม่มีแม้แต่จะเหลือบเห็นผมซึ่งแทบกระโดดออกไปขวางทาง มีบุรุษพยาบาลตามขึ้นมาด้วยสองคน ผมเดาเอาจากชุดที่เค้าสวมใส่ ในมือสองคนนั้นถือกล่องอะไรบางอย่างขึ้นมา มันดูหนักมากเพราะมีคนกรูกันไปช่วยถือเมื่อเดินมาถึงชานเรือนแล้วผ่านหน้าผมไปเหมือนตัวเองไร้ตัวตนหรืออยู่กันคนละมิติกับพวกเขา เปลสีขาวหามผ่านหน้าไปพร้อมกระชากใจและความรู้สึกผมออกไปตามคนพวกนั้น ร่างที่นอนบนเปลสีขาวมีรอยเลือดสีแดงเปื้อนเป็นหย่อมๆ มือขาวซีดข้างหนึ่งโผล่ออกมานอกเปลผ้า และมือเย็นเฉียบมือนั้นที่ผมเป็นคนคว้าเอาไว้ตอนที่วิ่งตามมาจนทันและจับไปวางแนบไว้ข้างลำตัว นายใหญ่ปากร้ายวันนี้ไม่มีแม้สติจะหลงเหลืออยู่กับตัว ตาปิดสนิทใบหน้าซีดขาวเหมือนไม่มีเลือดไหลเวียนเลยสักหยด เส้นเลือดที่ถักทออยู่บนใบหน้าเด่นชัดขึ้นมาเป็นสีเขียว ผ้าห่มสีเดียวกันกับเปลที่ห่มร่างแน่นิ่งนี้มาซับสีเลือดบริเวณหน้าอกและเริ่มแผ่กระจายเป็นวงกว้างจนน่ากลัว“อย่าวิ่งตามครับ เกะกะ นายใหญ่เสียเลือดมากแล้ว”เหมือนใครเอาไม้หน้าสามมาตีแสกหน้า คนที่มีอำนาจชี้เป็นชี้ตายคนอื่นวันนี้อาการหนักหนาสาหัสสากรรจ์กว่าวันนั้นมาก ผมยังจำภาพวันนั้นได้แม่น ถ้าไม่เห็นเลือดที่ซึมเปื้อนเสื้อออกมานั้นใครจะไปรู้ว่านายใหญ่ระฟ้าบาดเจ็บ ไอ้บ้านั่นยังทำตัวปกติเหมือนลูกตะกั่วไม่ได้ระคายผิวเสียอย่างนั้นผมต้องคอยหลบคนที่เดินเข้าออกเรือนนายใหญ่จนตาพร่าลาย ไม่มีใครสนใจใครนอกจากหน้าที่ที่ตัวเองต้องทำ หน้าห้องมีคนคุ้มกันประตูสองคน ในห้องนั้นมีพงและลูกน้องคนสนิทอยู่ช่วยคุณหมออีกแรง ส่วนคุณ พอร่างนายใหญ่หายลับเข้าไปในห้องก็มีการ์ดหามร่างที่หมดสติออกมาพยาบาลด้านนอก ตอนนี้คงมีคนประคองไปพักผ่อนแล้วเวลาแบบนี้ควรจะเป็นเวลาที่ผมควรจะดีใจ อิสรภาพอาจจะมาในรูปแบบของหนี้สินที่เคยมีเป็นโมฆะ เพราะนายใหญ่ของที่นี่ถูกยิงในอาณาจักรของตัวเองอีกครั้งในอาการปางตาย คนที่ทำร้ายโลมคนนั้นกำลังรับกรรมที่ทำกับตัวเองไว้เหมือนติดจรวด นอกจากจะไม่รู้สึกดีใจหรือโล่งใจแล้ว ในขณะที่ทุกคนกำลังรอคุณหมอช่วยรักษาอยู่นี้ ผมรู้ดีว่าตัวเองหายใจติดขัดและอึดอัดแค่ไหน มันตื้อไปหมดในทุกประสาทที่ใช้รับรู้ นึกคิดหรือควบคุมร่างกาย ทั้งๆที่พยายามทำร้ายตัวเองไม่ว่าจะหยิกหรือตบหน้าก็ไม่รู้สึกเจ็บตรงไหนมากไปกว่าที่ใจเลยมันเป็นความทรมานที่ต้องมานั่งยอมรับตัวเองว่าห่วงนายใหญ่ใจร้ายนั่นมากขนาดไหน ความโกรธที่เคยถูกมันทำร้ายหายไปหมดแล้ว ตอนนี้มีแต่ความห่วงใยและหวาดกลัว ถ้าไม่มีบารมีนายใหญ่แล้ว อะไรจะเกิดขึ้นต่อไปจากนี้ แปลกที่พอคิดมาถึงตรงนี้แล้วน้ำตาก็ไหลบ่าออกมา แปลกที่รู้สึกมืดมิดเมื่อมองหาอนาคต ทั้งๆที่ภาพอู่ที่ทำงานควรจะแว่บเข้ามา รวมไปถึงบ้านที่อยู่มาทั้งชีวิต การกลับไปเป็นโลมคนเดิมกลับเป็นภาพที่ผมไม่คุ้นชินและไม่อยู่ในจิตสำนึกเสียแล้ว“คุณโลมครับ”๐ สวัสดีค่ะ มีคนขอมาคนเขียนก็กล้าลงให้ ถ้ามีอะไรผิดพลาดบอกกันด้วยนะคะ ช่วงนี้เบลอๆเพราะพิษน้ำท่วมค่ะ๐ ไม่ได้ลืมสิงหากุมภานะคะ แต่ยังแต่งไม่เสร็จ ทิ้งนานจนลืม แต่ใกล้แล้วค่ะ เสร็จแล้วจะรีบเข็นออกมาให้อ่านกันนะคะ๐ ขอบคุณทุกความห่วงใยที่มีต่อคนเขียนเรื่องน้ำท่วม ข้อมูลนี้อาจจะมีประโยชน์ต่อคนอ่านที่อยู่พื้นที่ใกล้เคียงคนเขียน สำหรับคนที่อยู่เส้นรามคำแหงตอนปลายค่อนไปทางมีนบุรี มีน้ำท่วมผิวจราจรเพราะน้ำทะเลหนุนสูงสุดนะคะ อย่างในซอยบ้านคนเขียน น้ำจากแหล่งธรรมชาติเริ่มเอ่อขึ้นมาท่วมแล้ว และบางช่วงก็แห้งให้เรานิ่งนอนใจ เพิ่งรู้ว่าที่น้ำแห้งนั้น เพราะเค้าสูบน้ำทิ้งค่ะ แต่ต้องสูบตลอดเวลา เพราะสูบทิ้งแต่ระดับน้ำเท่าเดิม (จริงๆเค้าเรียกผันน้ำ) ถ้าหยุดสูบคือน้ำท่วม และตอนนี้ยังพอสูบไหวเค้าก็สูบให้ค่ะ แต่ถ้าเอาไม่ไหวแล้ว คนเขียนก็จะเป็นผู้ประสบภัยเหมือนทุกคน ๐ เหมือนเดิมสำหรับช่วงวิกฤตแบบนี้ มีสติ เตรียมพร้อมและอย่านิ่งนอนใจนะคะ ๐ ขอบคุณคนอ่านทุกคนเหมือนเดิมค่ะ สำหรับคนที่ช่วยดูคำผิดให้ ถึงจะแจ้งว่าอาจจะต้องพักช่วงไปบ้าง ยังไงก็ขอบคุณนะคะถึงไม่สะดวกแต่ยังงห่วงใยกันค่ะ ๐ ช่วงนี้อัพช้า ห่างหาย หรือประกาศอะไรป่วงๆไปบ้าง ขอโทษและขอบคุณที่เข้าใจนะคะ๐ สำหรับหนังสือเด็กป๋า คนเขียนขอเก็บไว้ก่อน เพราะถ้าเสี่ยงส่งเกิดสูญหายขึ้นมา เสียดายมากกว่านี้นะคะ คนเขียนเก็บไว้ในที่ปลอดภัยแล้ว ขอให้สบายใจกันนะคะ ต้องขอโทษที่ดึงออกมาแจกจ่ายแบบปลีกย่อยไม่ได้ กลัวว่าจะเกิดความสับสนและผิดพลาด และเกรงใจคนที่เข้ามาจัดการเรื่องระบบไปรษณีย์ให้สะดวกมากขึ้นด้วยค่ะ (ดึงออกมาชุดเดียว คนรับส่งไปรษณีย์ต้องจัดเรียงข้อมูลใหม่หมดเลยค่ะ เลยแอบเกรงใจ)๐ เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ TRomance๐ TRomance's Fanpage CLICK